ประสบการณ์"ชีวิตหนึ่งกับการเป็นเด็กปั๊ม”

หากคุณเคยไปเติมน้ำมันตามปั๊มต่างๆ แน่นอนค่ะว่าคุณจะต้องเคยเห็นเด็กปั๊มทีมีหน้าที่คือ เติมน้ำมัน เก็บเงิน ๆ อยู่อย่างนั้นทั้งวัน ดูเหมือนบางครั้งก็จะสบายแต่ขอบอกค่ะ...ว่าเป็นอาชีพที่ลำบากมาก

      เราเองก็เคยเป็นเด็กปั๊มค่ะ เราเป็นคนฐานะไม่ดี บ้านเราก็ฐานะไม่ดี เราจึงทำงานส่งตัวเองเรียนมาตลอด ทำงานตั้งแต่รับจ้างทำงานโรงงาน กวาดถนนกับแม่ จนเราเรียนมหาวิทยาลัยเราจำเป็นต้องใช้เงินมาก + สงสารแม่ค่ะ เราจึงหางานพิเศษทำหลังเลิกเรียนและก็ได้งานนี้คือเป็นเด็กปั๊ม ตั้งแต่นั้นมาเราก็เลิกขอเงินแม่ค่ะ และนำเงินที่ได้จากการเป็นเด็กปั๊มมาใช้จ่ายในด้านการเรียนจนเราเรียนจบปริญญาตรี 

       และเมื่อเราเรียนจบมาเราก็ได้มาทำงานที่ปั๊มนี้เต็มตัวค่ะ เพราะเรายังหางานอื่นไม่ได้ และเราก็ทำงานนี้จนอยู่ตัวแล้ว อีกทั้งถึงเป็นงานที่หนัก เหนื่อย แต่เงินก็ค่อนข้างดี แต่ในสายอาชีพนี้ก็ทีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีปะปนกันไป เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตก็เคยเจอ

      เรื่องที่ดีคือเรามีรายได้ ถึงเป็นรายได้ที่ไม่มาก แต่ก็แลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของเรา ที่ต้องอาศัยทั้งความอดทน อดกลั้น ขยัน มีวินัย

      หน้าที่หลักๆของเราคือเราจะประจำตามแท่นจ่ายน้ำมันของเรา เมื่อมีรถขับเข้ามาให้เป่านกหวีดรับรถ เติมน้ำมัน เก็บเงิน ..ทำอย่างนี้อยู่ทั้งวัน พอตกเย็นก็คิดเงิน บางวันเงินครบ...บางวันเงินขาด นั่งร้องไห้ก็มี ขาดทีเงินเดือนทั้งอาทิตย์เลยก็มีหรือบางครั้งอาจจะเงินเดือนทั้งเดือน แน่นอน...เราต้องรับผิดชอบจ่ายกันไป

     เวลาเข้ากะของเราที่พบเจอบ่อยที่สุดคือ เข้า 6 โมงเช้า  ออก 6 โมงเย็น (12 ชั่วโมง) มีทั้งกะดึกกะกลางวัน ถ้าวันไหนเพื่อนที่ต่อกะจากเราไม่มาทำงาน เราก็จะส่งกะไม่ได้ และเราก็ต้องอดกลับบ้าน ต้องควบกะต่อไปอีก 12 ชั่วโมง....อดหลับอดนอน บางครั้งก็ชอบเพราะได้เงินเพิ่ม แต่บางครั้งสังขารก็ไม่ไหวจริงๆ ขาแทบจะก้าวเดินไม่ไหว บางครั้งเหนื่อยแทบขาดใจ วิ่งเติมคนเดียว 8 แท่นจ่ายทั้งปั๊มยังเคย คงนึกภาพออก รถจ่อรอทุกแท่น เราก็วิ่งเอาหัวจ่ายไปเสียบๆ คันไหนเต็มแล้วก็วิ่งไปเก็บเงิน ถ้าเต็มถังก็ช้าหน่อยเพราะต้องมาไล่จุดทศนิยมอีก บางคันก็ใช้เช็ดกระจก เช็คลมยาง ซึ่งเป็นหน้าที่ในงานบริการของเรา เราเต็มใจทำนะคะ แต่บางครั้งไม่ไหวจริงๆ เราเหนื่อยมากเพราะลูกค้าบางท่านก็อาจจะรีบ ไม่เข้าใจว่าเราอยู่คนเดียว บ้างก็มีบีบแตร บ้างก็ตะโกนเรียก โอย...สารพัด ทุกอย่างที่เราพูดมา...คือมุมที่เราเหนื่อย แต่เราก็ภูมิใจในอาชีพ “เด็กปั๊ม” ของเรา


มื่อเราได้มาสัมผัสอาชีพเด็กปั๊ม เราถึงได้รับรู้ว่า เป็นอาชีพที่เหนื่อยและโดนดูถูกบ่อยครั้ง ทั้งคำพูด การกระทำ และสายตา

       บางคนลงจากรถมาก็แทบจะจิกหัวใช้เรา พูดจาด้วยคำพูดที่ไม่สมกับการแต่งกายที่ดูดี สะอาดสะอ้าน ดั่งประหนึ่งว่าเราคือคนใช้ บางคนรักรถมากจนแทบจะเดินเฉียดไม่ได้ ต้องคอยระวังมากค่ะ เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งทำน้ำมันหยดใส่รถเก๋งคันหรูไป 1 หยด เจ้าของรถก็โวยวายจนเป็นเรื่องราวใหญ่โตจะเอาเรื่องถึงผู้จัดการให้ได้ เราก็ได้แต่ยืนฟังค่ะ พูดอะไรมากๆไม่ได้เพราะสถานะะเราคือลูกจ้าง ลูกค้าเปรียบเสมือนนายจ้าง เราก็ได้แต่ขอโทษ แอบนึกน้อยใจในโชคชะตา

     ลูกค้าบางคนก็แสนดีจริงๆค่ะ นอกจากจะไม่ดูถูกเราแล้ว ยังใจดีพูดจาเป็นกันเองกับเรา บางคนเติมบ่อยทุกวันจนจำหน้าจำชื่อกันได้ ซื้อขนมมาฝากเราบ่อยๆ แต่ไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไรจากการเติมน้ำมันนะคะ แหะๆ ราคาก็ยังคงเท่าเดิม ที่มีเพิ่มก็คือมิตรภาพที่ดีต่อกัน ทำให้โลกของเด็กปั๊มของเราสดใสขึ้นมามากเลยค่ะ



เรื่องฮาๆแปลกๆกับลูกค้าเจอแทบทุกวัน เคยถูกทาบทามให้ไปทำงานสบายด้วยค่ะ เรื่องคือมีเสี่ยแก่ๆคนหนึ่งมาเติมน้ำมัน แล้วก็มาชวนคุยนั่นนี่ ถามบ้านอยู่ไหน เงินเดือนเท่าไหร่ สนใจไปทำงานกับเฮียไหม เงินดี งานสบาย ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวเฮียให้เดือนละ 20,000 งานอะไรไม่ต้องการจะถามต่อค่ะ เพราะทราบคำตอบดี พูดจาแบบนี้ไม่ให้เกียรติค่ะ เราเลยตอบกลับไป หนูมีความสุขดีแล้วที่ทำงานตรงนี้ ถึงเงินไม่เยอะแต่ก็เป็นงานสุจริต ขอบคุณมากนะคะที่มาชวนแต่หนูอยู่แบบนี้ดีกว่าค่ะ เจอสารพัดแบบ แซว พูดคุยเฮฮา ขำๆ บางครั้งก็ได้รับฟังเรื่องราวจากหลายๆท่าน มีความสุขที่ได้ทำงานตรงนี้เพราะได้เห็นหลายๆมุมมองของชีวิต บางท่านคงจะคิดว่า โห.. แค่เด็กปั๊ม มันจะอะไรขนาดนั้น แต่กับเรา มันสำคัญมากค่ะ มันคือประสบการณ์ชีวิตที่หาซื้อไม่ได้จริงๆ



“นอนกลางดิน กินกลางปั๊ม “เป็นเรื่องธรรมดาของเด็กปั๊มที่นี่ เวลากินข้าวก็คือเวลาทำงาน พูดง่ายๆเลยก็คือ วิ่งเติมน้ำมันไป กินข้าวไป อร่อยบ้าง ติดคอบ้าง แต่แปลกนะคะกินแบบนี้อร่อยกว่าไปนั่งกินตามร้านหรูๆซะอีก นี่ใช่ไหมคะที่เขาเรียกว่ารสชาดของชีวิต...
   เราได้อยู่กะดึกบ่อยครั้ง นี่เป็นสิ่งที่เราต้องระวังมากที่สุด เพราะตกดึกคือยามที่เงียบสงัดจริงๆ อันตรายรอบด้าน บางครั้งก็มีวัยรุ่นมาจับกลุ่มแข่งรถ เล่นยา ส่งยา เราก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่อยากไปยุ่งค่ะ เราเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว เกรงว่าจะเป็นอันตราย ขออยู่ห่างๆดีกว่า แต่ก็มีบางครั้งที่แอบกระซิบสายตรวจค่ะ จะได้มากวดขันบ้าง เราก็ทำงานไปหวั่นใจไป ไม่กล้าหลับ กล้างีบเลยสักวัน กลัวโดนปล้น กลัวโดนฆ่า กลัวๆๆสารพัด เราเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ เล็กจริงๆ สูงแค่ 144 เอง แหะๆ

**จะขอเล่าไปเรื่อยๆนะคะ อย่าพึ่งเบื่อซะก่อน**



มีอยู่ครั้งหนึ่งสายตรวจมากวดจับเด็กแว็นหน้าปั๊ม เด็กแว๊นก็วิ่งหนีกันจ้าละหวั่น มีพวกหัวหมอค่ะ ฟอร์มมาทำทีซื้อของเป็นลูกค้าในมาร์ท อิอิ พวกนี้ก็รอดไปบ้าง บางพวกทำทีมาเติมน้ำมัน แต่สภาพรถนี่ยังกับหลุดมาจากสนามแข่งยังไงอย่างนั้น 555+ แล้วส่วนใหญ่พวกนี้แหละค่ะที่มาเติมน้ำมันครั้งละ 20 บาท เราก็ใจดีเติมให้ค่ะ แค่สงสัยว่ามันไปแว๊นกันได้กี่ทีกัน 20 บาทยังไม่ทันกระดิกหัวจ่ายเลยน้ำมันก็หยุดไหลแล้ว เออเนอะ อยากซิ่งแต่ไม่ลงทุน ^^ นี่คือเรื่องเมื่อ 3 ปีที่แล้วนะคะถ้าเป็นตอนนี้ 50 บาทก็แทบกระดิกไปไหนไม่ได้แล้ว



บางครั้งเหงาๆก็มานั่งเล่นเกมส์กัน นั่งทายทะเบียนรถกันบ้าง จะขึ้นต้นด้วยตัวอะไร ลงท้ายเลขอะไร ใครตอบผิดก็ต้องเดินไปเติมน้ำมันให้เรา 555+ ก๋วยเตี๋ยวรถเจ้าประจำคืออาหารอันโอชะที่สุด ชามละ 20 บาทอิ่มไปทั้งวัน อร่อยมากๆเลยค่ะ บางครั้งยังแอบสงสัย พ่อค้าแอบใส่กัญชาหรือเปล่าหนอ...วันไหนพ่อค้าไม่มาเราถึงกับโทรตาม ทิปจากลูกค้าคือค่าอาหารที่มีค่า ถึงเป็นเงินแค่ 5 บาท 10 บาท แต่ก็ทำให้เราอิ่มไปได้ทั้งวัน วันไหนได้ทิปเยอะ วันนั้นคือสวรรค์ของเรา ... ทุกวันนี้ยังขอบคุณลูกค้าที่ให้ทิปเราอยู่เลย เศษเหรียญเพียงเล็กน้อยของคุณนั่นแหละที่ทำให้เราอิ่มท้อง อิ่มใจ มาจนถึงทุกวันนี้..



ที่ใจดีที่สุดก็เห็นจะเป็นพวกแม่ค้า พ่อค้า ผัก ผลไม้ต่างๆ ที่มักมีน้ำใจและแบ่งปันให้เราเสมอ ซึ้งมากจริงๆค่ะ บางคนเอานั่นเอานี่มาฝากโดยไม่ได้หวังอะไรเลย ต่างกับคนบางคนที่แต่งตัวดีๆ ดูเป็นผู้ดีแต่แทบจะไม่มีน้ำใจ ทำร้ายกันได้ด้วยคำพูด แอบร้องไห้หลายครั้งเลยค่ะ เพราะเราได้แต่โดนเขาว่า แต่ทำอะไรเขาไม่ได้ แต่ก็อดทนค่ะ คิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านพ้นไป เดี๋ยวก็พรุ่งนี้ค่ะ...



ตอนนั้นโลกของเราคือที่ปั๊มค่ะ พอทำงานเสร็จก็กลับบ้านมานอน พอนอนตื่นขึ้นมาก็ไปทำงานต่อ ส่วนใหญ่เสาร์-อาทิตย์จะเป็นวันที่ไม่เคยได้หยุดเลย ได้หยุดวันธรรมดา ยิ่งมีงานเทศกาล วันหยุดราชการ วันสำคัญอะไรยิ่งไม่ต้องหยุดเลยเพราะรถจะเยอะมาก และเหนื่อยมากกว่าวันปกติเป็น 10 เท่า

   จากที่ตัวเราขาวก็กลายเป็นดำเกรียมแดด ร้อนมากๆค่ะ ยิ่งใส่หมวก ใส่ปลอกแขน ยิ่งร้อนอบอ้าว เราก็เปิดหมดไม่ใส่ค่ะ ปล่อยไปเลย ดำก็ดำ ไม่ได้ห่วงสวยอะไร มือซึ่งปกติก็ไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนมือสาวๆคนอื่นๆเค้าอยู่แล้ว ก็กลายเป็นด้านหนาเพราะโดนน้ำมันกัด มือจับสายจ่ายน้ำมันทุกวัน สัมผัสน้ำมันทุกวัน สูดดมไอน้ำมันทุกวัน ในใจก็คิดเราจะกลายเป็นโรคอะไรไหมเนี่ย ตอนนั้นคิดแค่ว่า เอาวะ คนอื่นเขาทำได้เราก็ต้องทำได้...  สู้โว้ยย



พูดถึงเรื่องทิป ทิปที่เราได้มากที่สุดก็คือ 50 บาทค่ะ สุดยอดทิปของเราแล้ว คือมีป้าคนหนึ่งใช้ให้เราเช็ดกระจกค่ะ เราก็ทำของเราตามปกติ แต่ตอนที่เขายื่นทิปมาให้เรานี่สิคะ เรามือไม้สั่น รับแทบไม่ถูก ขอบคุณนับครั้งไม่ถ้วน 555+ ก็จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ไงคะ ปกติเคยรับแต่เงิน 5 บาท 10 บาท วันนั้นเดินยิ้มไปทั้งวัน เติมน้ำมันไปยิ้มไป คนอื่นคงคิดว่าบ้า ลูกค้าคนอื่นไม่มีใครกล้าคุยด้วยเลย คงคิดว่าอินี้คงบ้าเดินยิ้มคนเดียว อิอิ



มีเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเรามาเจอเราเติมน้ำมันที่ปั๊ม ตอนแรกเขางงค่ะ เพราะเราเป็นเด็กเรียนมาก เราเป็นเด็กเกียรตินิยม แต่ต้องมาวิ่งเติมน้ำมัน มันน่าตลกไหมคะ เขาถามเราว่าเหนื่อยไหม เราบอกว่าไม่เหนื่อย สนุกดี ไดเอทไปในตัวด้วย อ๋อ ลืมบอกไป เพื่อนเราขับรถเก๋งมา ถามว่าเราอายเพื่อนเราไหม เราตอบได้เลยค่ะ ว่าเราไม่เคยอาย เราดีใจที่เรามีงานทำ เราดีใจที่เราไม่ทำให้แม่ลำบาก เราดีใจที่เรามีเงินเรียนจนจบ เราดีใจจริงๆนะที่ได้หน้าที่ของเราได้ดีที่สุด



มาพูดถึงเรื่องเสียตังบ้างดีก่า อิอิ
    เคยโดนครั้งหนึ่ง คนขับรถเก๋งมาเติมน้ำมัน เป็นผู้่ชาย 2 คน มาประมาณ 5 ทุ่มเห็นจะได้ เติมน้ำมันเต็มถัง จังหวะที่พอน้ำมันเต็มถังแล้วเราเดินไปเก็บสายจ่าย ปิดฝาถังเสร็จ เขาก็ขับรถหนีออกไปเลย เรางี้ยืนงง ทำอะไรก็ไม่ถูก รถก็ไม่มีตาม ถ้ามีก็ไปไม่ได้อีก ทิ้งปั๊มไปไม่ได้ หรือถ้าตามไปแล้วมันทำร้ายเราหละจะทำไง ยืนไว้อาลัยในความซวยของตัวเอง สรุปต้องรับผิดชอบไป 1000 บาท พี่รถเก๋งคันนั้นเขาจะรู้ไหมว่าต้องทำให้เด็กคนหนึ่งทำงานที่แสนเหนื่อยนี้ฟรีไปกี่วัน บางคนบอกให้กรอกล้องวงจรปิดดู ดูได้ค่ะ เห็นทะเบียน ไปแจ้งความก็ได้แต่ลงบันทึกประจำวัน ทำอะไรไม่ได้ เออ ดีเนอะ เราคิดในใจ อย่างนี้วันนึงโดน 7 คัน ก็เงินเดือนทั้งเดือนแล้วมั้งเนี่ย คนสมัยนี้ไว้ใจยากจริงๆ แต่งตัวดีมีกะตังแต่มาโกงเด็กปั๊มซะงั้นแหละ คิดๆแล้วก็ตลกดี



หัวจ่ายเจ้าปัญหาก็เสียบ่อยค่ะ ตัดน้ำมันบ้าง ไม่ตัดบ้าง เวลาที่มันไม่ตัดน้ำมันก็พุ่งกระจายเป็นสายไปหมด เปื้อนรถลูกค้า น้ำมันก็หก รถก็เปื้อน แถมยังต้องมาโดนลูกค้าด่า น้ำมันที่หกออกมาเขาก็ไม่จ่ายค่ะ มันล้นออกมาแบบนี้เด็กปั๊มก็ต้องจ่าย หน้าซีดหน้าเซียวกันเป็นแถบๆไป เหอะๆ เสียเงิน เสียความรู้สึก และเสียใจค่ะที่ไม่ใช่ความผิดของเราแต่เรากลับต้องมาเสียเงินทองแบบนี้ แต่ก็ทำเรื่อยมานะคะ สนุกดีค่ะ วันๆนึงต้องคอยลุ้นว่า วันนี้จะเจออะไรอีกหว่า วันนี้จะโดนอะไรไหม ตังจะหายไหม จะได้ทิปเท่าไหร่ สารพัดจะลุ้น.....



บางครั้งน้ำมันก็ขึ้นช้า เติมไปแต่เกน้ำมันไม่ขึ้นก็มี ขับไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ย้อนกลับมาที่ปั๊มอีกบอกว่าเราไม่ได้เติมน้ำมันให้ เราก็ทั้งยืนยัน ทั้งเปิดกล้องให้ดูว่าเราเติมให้แล้ว เขาก็ไม่เชื่อ ยืนด่าว่าเราโกงเป็นชุด เราจึงต้องตัดน้ำมันทั้งปั๊มคิดเงินให้เขาดูว่าเงินไม่ได้เกินนะ เพราะถ้าเราไม่ได้เติมให้เงินต้องเกิน เท่านั้นแหละเขาถึงยอม เราคิด เฮ้อ เติมไป 200 ขับไปไหนต่อไหนแล้วพึ่งมาบอกเกไม่ขึ้น เราว่ามันคงจะขึ้นจนลงมาอีกรอบแล้วหละ ได้แค่คิดแหละ ทำได้แค่ยอมรับเพราะนี่คืืองานบริการ งานที่ต้องยอมลูกค้าร่ำไป สรุป โดนด่าฟรีไม่มีการขอโทษสักคำ
ฝากถึงผู้เติมน้ำมันทุกท่าน บางครั้งน้ำมันมันขึ้นช้านะคะ ใจเย็นๆค่ะ อย่าพึ่งไปวีนไปเหวี่ยง ลองขับไปสักพักน้ำมันจะค่อยๆขึ้นมาเอง แต่ถ้าไม่ขึ้นก็ขอดูกล้องได้ค่ะเพราะบางครั้งเด็กปั๊มทำแสบก็มีออกบ่อยไป แต่ไม่ใช่เรานะ อิอิ



ตอนนั้นโลกของเราคือที่ปั๊ม ทุกคนที่ปั๊มกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา และเราเองก็อาจกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของใครไปโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว วงจรชีวิตของบางคนก็วนๆซ้ำๆ เช้ามาเติมน้ำมัน ทำงาน เย็นก็กลับบ้าน บางคนก็มานั่งกินมาม่าข้างปั๊มทุกเช้า เราเห็นแบบนี้จนชิน วันไหนเขาไม่มาก็คิด เอ..วันนี้เขาไปไหนนะ เออ แหนะ มีไปคิดถึงเขาด้วย 555+ ก็มันชินอะค่ะ เราจำขนาดที่ว่าใครเติมน้ำมันเท่าไำหร่ เพราะมาทีไรก็เติมเท่าเดิม สั่งเป็นก๋วยเตี๋ยวเลย วันนี้เอาเหมือนเดิมนะน้อง อิอิ ได๋ค่า ....จัดห้ายยยยย



ตอนนั้นมีตำรวจนายหนึ่งมาแจกหนมจีบเรา บอกชอบเรา ซื้อหนมมาฝากทุกครั้งที่มาเติมน้ำมัน ซื้อมาครั้งหนึ่งเยอะมากกก เราแบ่งกินได้ทั้งปั๊ม แต่เราก็ไม่เคยสน ไม่ใช่เล่นตัวนะคะ ตอนนั้นในใจเราคิดว่าใครจะมาสนใจเด็กปั๊มกะโปโลแบบเรา ยิ่งคนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีเราว่ามาหลอกเราซะมากกว่า แต่ด้วยความเกรงใจและคิดว่ามีคนรักดีกว่ามีคนเกลียดเราจึงรับของทุกครั้งแต่ก็ยกมือไหว้ขอบคุณทุกครั้งนะคะ เราเป็นคนมือไม้อ่อน ยิ่งทำงานบริการยิ่งต้องมือไม้อ่อนปวกเปียกเลยค่ะ

 ปรากฏว่ามีอยู่วันหนึ่งเขามากับเมียเขาค่ะ 555+ บังเอิญเราก็เดินไปเติมน้ำมันให้พอดีด้วย เขาทำเป็นไม่รู้จักเราเลย เราก็รู้งานค่ะ ไม่ทักไม่คุยด้วยเลย ดูท่าเมียเขาจะขี้หึงมาก เราคิดแล้วเชียวว่าเขาต้องมีเมียที่บ้านแล้ว คิดจะมาหลอกเราชัดๆ เชื่อเลยค่ะที่เขางว่าตำรวจเจ้าชู้ จากนั้นเขาเองที่เป็นคนห่างเราไป คือ ไม่กล้าคุย กล้าเจอหน้าเรา เราว่าเขาคงกระดากใจหนะค่ะ แต่เราอยากบอกเขาจังว่าเราไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้โกรธ ขอบคุณที่สงสารเด็กปั๊มคนนึง อยากให้คุณซื่อสัตย์กับภรรยาที่บ้านของคุณให้มากๆเท่านั้นค่ัะ



เวลาที่เราเติมน้ำมัน กรณีที่เติมระบุจำนวนเงินเราจะไม่เครียดมากเพราะสามารถล็อกจำนวนเงินที่เติมได้ แต่ถ้าเติมเต็มถังนี่สิ เราเกร็งมากๆเพราะ
1. เรากลัวน้ำมันไม่ตัดแล้วน้ำมันหกใส่รถลูกค้า เพราะเราเคยโดนด่ามาแล้ว อิอิ

2. เรากลัวการไล่ทศนิยมมากเพราะบางสายจ่ายไล่ยากสุดๆเพราะหัวจ่ายแข็ง ถ้าไล่ไม่ดีจนหน่วยเงินมันเกินไป เราต้องเป็นคนออกเองนะ ถ้ารวมๆแล้วหลายๆคันก็เป็นหลายบาท พอคิดเงินตอนเย็นเงินขาดควักตังจ่าย เสียทิปโดยใช่เหตุ

3. กลัวโดนลูกค้ายิง เพราะช่วงนั้นมีข่าวเด็กปั๊มทะเลาะกับลูกค้าเพราะเรื่องจุดทศนิยมที่เกินไป ทุกครั้งเวลาที่เราไล่จุดเกิน เราจะออกเอง ไม่ถียง ไม่บ่น ยอมจ่ายเงินเองดีกว่ามีปัญหา ถ้าลูกค้าใจดีเห็นส่วนใหญ่ก็จะควักเศษเหรียญให้ แค่นั้นเราก็ยิ้มระ ^^



เรื่องน้ำแจกนี่ก็เป็นปัญหาเลย ความจริงพวกเด็กปั๊มนี่ใจดีนะคะ แต่เพราะกฏที่เข้มมากของปั๊ม บางครั้งก็เลยต้องกลายเป็นคนใจดำไปเลยอะ อย่างเงื่อนไขเติมน้ำมัน 700 รับน้ำ 1 ขวด บางครั้ง 600 ขึ้นไปเราก็ให้แล้ว หรือบางครั้งมีลูกค้าที่เติมบ่อยๆเราจำหน้าได้ แต่เติมวันละ 500 เราก็จะให้น้ำวันเว้นวัน เราก็เข้าใจนะ จะให้เป๊ะๆก็คงไม่ได้ หรือลูกค้าบางท่านอยากได้น้ำเติมเต็มถัง แต่มันก็ไม่ถึง เราจะดูเจตนารมณ์ก่อน ถ้าลูกค้าที่ตั้งใจเติมเพื่อให้ได้จริงๆแต่ขาดนิดหน่อยเติมเข้าไปไม่ได้แล้วเพราะมันเต็มถัง เราก็ให้อีกแหละ ช่วงแรกๆทำได้ แต่หลังๆมาไม่รู้ทำไม ออกกฏกันเข้มจัง ตกเย็นมาเอายอดมาเช็คน้ำเลยว่ายอดนี้ต้องได้น้ำกี่ขวด เราว่ามันเกินไปนะ เราคิดว่าถ้าไม่จนเกินไปลูกค้าก็น่าจะได้รับนะ และก็มีหลายๆท่านที่ตั้งใจเติมน้ำมันเพื่อให้ได้น้ำ แต่ๆๆๆ.......วันนั้นน้ำดันหมด.....เป็นเรื่องสิ ลูกค้าบางท่านก็ไม่ยอมมีการให้เซ็นต์ติดน้ำด้วย เออ..เอาสิ บางท่านพอมีเติมงวดหลังก็มาทวงงวดก่อน จะบอกว่าเราจำไม่ได้จริงๆค่ะวันนึงเติมเป็นร้อยๆคัน ดังนั้นจึงตัดปัญหานี้ไปเพราะเคยเกิดเหตุน้ำหมด แล้วลูกค้าทำค้างน้ำไว้ พอน้ำมาก็เอาไปให้ลูกค้าท่านที่เคยค้างๆไว้จนคนใหม่ไม่ได้ ทีนี้ทุกครั้งที่น้ำหมดต้องแจ้งก่อนเลยว่าน้ำแจกหมดนะคะ บางท่านก็ไม่เติมนะ ขับออกไปเลย บางทีเราก็แอบขำงงๆนะว่าไม่กลัวน้ำมันหมดหรอ มัวแต่รอน้ำแจกเลยไม่เติม สรุปอันไหนสำคัญกว่าเนี้ย.......^^



หน้าหนาวอยู่กะดึกนี่ทรมานมากกกก...เอาผ้าห่มไปคลุมได้เลย มีอยู่ช่วงปีหนึ่งเป็นปีที่หนาวจัดมาก หนาวสุดๆยิ่งตกดึกนี่หนาวเข้ากระดูก แทบไม่มีคนอยากเข้ากะดึก จังหวะเราต้องอยู่กะพอดีก็จัดแจงหลบตรงซอกตู้นั่นแหละเอาผ้าห่มคลุมๆ ไว้ ตกดึกน้ำค้างลง โอ้ยยยทรมาน หนาวจนมือปวดแทบไม่อยากกระดิกจับหัวจ่าย ส่วนหน้าร้อนก็หน้าไหม้ไปเป็นแถบๆเลิกกลัวดำกลัวแดดไปเลย ยิ่งหน้าฝนนี่แล้วใหญ่ วิ่งตากฝนเติมน้ำมันสนุกไปเลย หลายรสชาดจริงๆๆ อิอิ....

       มีหน้าเทศกาลหนึ่งที่เราชอบนะแต่ไม่อยากเลนคือเทศกาลสงกรานต์ ลูกค้าขับเข้ามาก็เข้าใจนะว่าอารมณ์ตอนนั้นคืออยากสาดอะ ก็สาดน้ำมาให้เราเต็มๆ เราก็ไม่ได้ว่านะ แต่แหม...ต้องเดินไปเปียกไปทั้งวัน เปียกจนแห้งอะ หวัดรับทานกันเป็นแถวๆ



เห็นแม่บ้านตามปั๊มนี้อย่าดูถูกเชียวนะคะ เพราะนอกจากแกจะเก่งเรื่องทำความสะอาดแล้ว แกยังเติมน้ำมันเก่งด้วยค่ะ อย่างปั๊มที่เราทำงานก็มีแม่บ้านอยู่ท่านหนึ่ง วันไหนที่ยุ่งๆเรียกแกมาเติมน้ำมันได้เลย มันก็น่าตลกดีนะคะ ลูกค้าบางครั้งก็ยังงงๆว่า อ้าว...ป้าเมื่อวานเห็นเป็นแม่บ้าน วันนี้มาเติมน้ำมันอีกแล้ว วิ่งไปวิ่งมาระหว่างห้องน้ำกับแท่นจ่าย ทำงานคุ้มค่าแรงจริงๆ แต่เห็นเก่งๆอย่างนั้น ป้าแกก็บ่นเหนื่อยค่ะ เราก็เข้าใจค่ะ ก็ได้แกนี่แหละช่วยในบางครั้งที่ยุ่งมากๆและคนน้อย เบาแรงไปเยอะเลยค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังทำงานที่นั่นแหละ แกบอกออกไปแล้วหางานอื่นทำยาก แกอายุ 53 แล้วค่ะ นับถือป้าแกจริงๆ...



วันเงินออกนี่จะเป็นวันแห่งเป็ปซี่ค่ะ 555+ เพราะมีเงินเลยซื้อเป็ปซี่กินได้ วันธรรมดานี่จะกินแต่น้ำเปล่า น้ำที่เอามาแจกก็กินไม่ได้นะคะจะบอกให้ ต้องควักเงินซื้อเอง ถ้าผู้จัดการเห็นว่าแอบเอาน้ำแจกมากินจะโดนบ่น บางครั้งก็คิด แหม....ขอหน่อยก็ไม่ได้ บางครั้งรถเข้านั่งกินข้าวเต็มปากอยู่ ก็ต้องวิ่งไปรับรถ เกรงใจลูกค้าเหมือนกันบางครั้งก็ได้แต่พยักหน้า กลัวลูกค้าเป็นลมค่ะ ยิ่งวันไหนโซ้ยส้มตำรสเด็ด ยิ่งเกรงใจ๊...เกรงใจ แทบไม่อยากปริปากคุยด้วย แต่มันคืองานบริการค่ะ เลยต้องยืนทิ้งระยะห่างพอควร เอาให้กลิ่นลอยไปไม่ถึง อิอิ ลูกค้าบางท่านมีแซว แหม ... กินข้าวน่าอร่อยจัง เราจะเอ่ยปากชวนกินก็เกรงใจค่ะ ให้ลูกค้ากลับไปกินที่บ้านดีกว่า จะบอกว่าอร่อยสำหรับเรา แต่อาจไม่อร่อยสำหรับคนอื่นๆ มันจุก ติดคอ บางครั้งกำลังอร่อยๆอยู่ก็ต้องเลิกกิน พอมากินอีกครั้งก็ไม่อยากกินแล้วค่ะ ยิ่งถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวร้อนๆนะ รีบซดปากพองเลยก็มี......

** เล่าช้าหน่อยนะคะ พอดีทำงานไปด้วย อิอิ เดี๋ยวเจ้านายเห็น ได้กลับไปทำปั๊มใหม่แน่ๆ **



ลูกค้าเติมน้ำมันมีหลากหลายมากๆค่ะ มอไซค์เติม 20 เราว่าแปลกแล้วนะ เราคิดว่าวิ่งไม่กี่ทีก็หมดถังแล้ว แต่เคยเจอรถยนต์เติม 50 บาท กร๊าก..สงสัยคงฉุกเฉินจริงๆอะ ลูกค้าก็อายเด็กปั๊มซะด้วยนะ ไม่กล้าสั่งเสียงดัง

เรา : สวัสดีค่ะ เติมน้ำมันเท่าไหร่คะ ?

ลูกค้า : 50.....(เสียงเบามากกก)

เรา : เท่าไหร่นะคะ (ย้ำเพราะกลัวเติมผิด)

ลูกค้า : 50.....(พร้อมยิ้มแบบอายๆ)

    เราก็เติมให้ค่า 50 บาทก็เงิน เพียงแค่สงสัยจะวิ่งไปได้กี่โลหนอ อิอิ ไม่ผิดหรอกนะคะที่จะเติมเท่าไหร่ไม่ต้องอายเราก็ได้ค่า
    หรือลูกค้าบางท่านมาพร้อมกับความว่างเปล่า บางคนลืมกระเป๋าเงิน (เติมไปแล้ว) จะทำไงอะ เสี่ยงบุญกันไป เอาบัตรประชาชนไว้เป็นประกันก่อนพร้อมเบอร์โทร หรือบางครั้งก็มาพร้อมทรัพย์สินเอามาจำนำ เคยเจอครั้งหนึ่ง ถอดแหวนทองที่มือให้ไว้เลย วงใหญ่มว๊ากก บอกลืมกระเป๋าเงิน เดี๋ยวเย็นๆมาถ่าย เติมไป 1400 บาท (เต็มถัง) ตอนนั้นคิดในใจ ...ของจริงเปล่าเนี่ย ดูไม่เป็น ลูกค้าก็ไม่คุ้นหน้า แต่ไม่มีทางเลือกก็เลยต้องรับ ตกเย็นนั่งลุ้นเลย มายังเนี่ยๆ....เกร็งไปหมดเพราะถ้าไม่มาต้องออกเงินเอง ซวยอีก ปรากฏว่ามา..ตอนนั้นนึกในใจรู้งร้ไม่มาก็ดี จะได้ยึดแหวนไว้ 555+ ล้อเล่นนะคะ



แต่ปั๊มที่เราทำงานมาไม่เคยมีประสบการณ์รถระเบิดเหมือนปั๊มอื่นๆเขานะคะ  ก็ถือว่าโชคดีไป ที่เคยครั้งหนึ่ง เรางี้แทบล้มลงไปกลิ้งหัวเราะค่ะ รถตุ๊กๆวิ่งผ่านหน้าปั๊มเราค่ะแล้วก็เกิดเสียงดังขึ้นกลางถนน ภาพที่เราเห็นคือ ล้อหลังหลุดออกมาวิ่งแซงล้อหน้าค่ะ งงมาก ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มาเห็น ดีนะคะที่คนขับรถยังควบคุมรถให้ไปจอดข้างๆทางได้ ดูไม่ดีเลยค่ะที่ไปขำเขาแบบนั้น แต่ถ้าใครเจอภาพแบบนั้นก็คงต้องขำค่ะ บุญจริงๆ เรานึกถึงคำพูดที่ว่า ล้อหลังแซงล้อหน้า มันเป็นแบบนี้นี่เอง 555+



เติมน้ำมันผิดประเภทนี่เราไม่เคยโดนค่ะ แต่เพื่อนร่วมงานเราโดนบ่อย คาดว่าคงเบลอๆ เป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ ถึงต้องกับต้องล้างถังกันเลยทีเดียว อย่าพลาดเชียวค่ะ เพราะถ้าพลาดนั่นหมายความว่า ต้องเสียทั้งค่าล้างถัง ทั้งค่าน้ำมันที่เติมไป และแน่นอนค่ะ ลูกค้าบ่นแน่ๆ เพราะเสียเวลาเขาด้วยและอาจทำให้รถเขาเสียได้......จึงจำเป็นต้องถามทุกครั้งค่ะ ถามย้ำถามซ้ำ ลูกค้าก็อย่าพึ่งเบื่อนะคะ บางคันเป็นรถกระบะแต่เติมแก๊สโซฮอล์ บางคันเป็นเก๋งแต่เติม B5 ก็มี (เดี๋ยวนี้มีแต่ดีเซลแล้วค่ะ)
เด็กปั๊มงงกันเป็นแถบๆ ต้องทวนแล้วทวนอีก เพื่อความมั่นใจในทรัพย์สินและทิป ^^ กันการผิดพลาดที่อาจจะตามมา



อยากจะเตือนเรื่องการลืมของที่ปั๊มค่ะ เราเคยเห็นลืมกันบ่อยมาก ยิ่งกับกระเป๋าถือ นี่ลืมกันบ่อยจริงๆค่ะ เวลาที่เราเจอ เราจะเก็บเอาไว้ค่ะ และจดบันทึกไว้ว่าเจอวันไหน เวลาไหนเพื่อยืนยันการเป็นเจ้าของ จะเก็บไว้ที่ผู้จัดการปั๊มค่ะ เวลามีคนมาติดต่อก็จะได้ตรวจสอบได้ง่าย หรือถ้าเป็นโทรศัพท์ก็ขอเช็คเบอร์มือถือค่ะ เราเคยเก็บกระเป๋าสะพายในห้องน้ำได้ครั้งนึงค่ะ ไม่มีของมีค่าอะไร เราก็เก็บไว้รอคนมารับ ต่ก็ไม่มีใครมารับไปเลย คนที่ลืมไว้คงคิดว่าหายไปแล้ว ดังนั้นทุกท่านจำไว้นะคะ ถ้าลืมของไว้ที่ปั๊มลองกลับมาถามอีกครั้งหนึ่งเผื่อทางปั๊มอาจจะเก็บไว้ให้นะคะ ถ้าเจอพลเมืองดีเขาก็จะมาส่งให้กับทางปั๊ม แต่ถ้าเจอพลเมืองไม่ดีอันนี้เราเองก็อยากจะบอกค่ะว่าให้ทำใจค่ะ เพราะคนที่ใช้ห้องน้ำที่ปั๊มมีมากมายจริงๆ ดังนั้นขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินของท่านให้ดีก่อนออกจากปั๊มด้วยนะคะ



เรื่องของหายที่ยิ่งใหญ่มากที่เราเคยพบเจอคือเรื่องที่คุณลุงท่านหนึ่งลืมกระเป๋าเงินไว้ที่ปั๊ม เรื่องมันมีอยู่ว่า...
    ในกลางดึกของคืนหนึ่ง เราได้อยู่กะ ได้มีลุงคนหนึ่งวิ่งเลิกลั่กมา ถามหนูเจอกระเป๋าตังลุงไหม เราก็งงสิคะ บอกตรงๆตอนนั้นคิดว่าคนบ้า สติไม่ดี เตรียมตัวเต็มที่ (มันดึกแล้วค่ะ มีคนปรี่มาแบบนี้กลัว) สักพักค่อยๆถามลุง จึงได้ความว่า แกมาเข้าห้องน้ำไปเมื่อ 10 นาทีที่แล้วและได้นั่งคุยกับเพื่อน คุยเพลินค่ะเลยลืมกระเป๋าเงินไว้ที่โต๊ะม้าหิน ลักษณะเป็นย่ามเลยกลับมาหาแต่หาไม่เจอแล้ว แกเครียดมาก เราถามไปถามมา เลยถามไปว่า “ลุงมีเงินในกระเป๋าเท่าไหร่คะ”

ลุงตอบ ลักษณะลุงตอนนั้นเหงื่อแตกพลั่ก หน้าซีด ปากสั่น

“ ประมาณ 300,000 อะหนู”

หา.....โอ้.......แม่.........จ้าว......สะ....สะ......สาม.....แสน

เด็กปั๊มอยากกรี๊ดดดดด



ตอนนั้นคิดในใจ เฮ้ย...ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะ ตอนนั้นเราเครียดยิ่งกว่าลุงอีก เพราะเรากลัวลุงแกคิดว่า เด็กปั๊มเอาไป คืนนั้นมีเรา เพื่อนเรา และเด็กมาร์ท อยู่กันในปั๊มแค่ 3 คน เราจึงเดินไปช่วยลุงแกหา มันก็ไม่เจอ นึกได้ เออ.....กล้องวงจรปิด รอดแล้วววว.....



ไปเปิดกล้องวงจรปิดดู ชัดเลยยย มีคนที่มาเข้าห้องน้ำหลังลุง มากันคันรถกระบะ มีหนึ่งในนั้นหยิบไป เราคิดว่า ป่านนี้มันคนไปนั่งแบ่งกันในรถแล้วหละ เฮ้อ ... สงสารลุงแท้ แต่ก็ดีใจที่ตนเองหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาใดๆต่างๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องใหญ่อย่างที่เราคิด ลุงไปแจ้งความมีการมากรอกล้องดู ซูมดูทะเบียนซึ่งมองไม่เห็น จังหวะนั้นเราคิดได้พอดี มีคนเดินมาซื้อของในมาร์ทด้วยนี่นา เลยไปกรอกล้องในมาร์ทดู จึงเห็นหน้าชัดๆของผู้หญิงที่มาในรถคันนั้นด้วย นี่แหละคือหลักฐานที่สำคัญ
ลุงแกรอตำรวจดำเนินการซึ่งไม่มีความคืบหน้าใดๆเลย พอดีลูกลุงแกมีเส้นมีสาย เลยเอาภาพจากกล้องนั้นไปออกรายการสถานีประชาชน ซึ่งรอบแรกไม่มีคนออกมามอบของคืน ลุงแกก็เลยล้มป่วยลง........ น่าสงสารอะ T^T



ลืมบอกไปค่ะว่า 300,000 ที่ลุงแกพูดถึงนั้นประกอบไปด้วยเงิน 150,000 และทองพร้อมพระเครื่องอีกจำนวนหนึ่ง สาเหตุที่ลุงแกพกออกมาด้วยเพราะเงินจำนวนนี้เป็นสมบัติที่แกเก็บเอาไว้มาตลอดชีวิตของแกเลย แกกลัวว่าเมื่อแกออกมาข้างนอกแล้วโจรจะมางัดบ้านแก แกเลยพกออกมาด้วย เลยมาหายที่ปั๊มนี้แหละค่ะ.....

          ระหว่างที่รอให้คนเอามาคืน แก็มาที่ปั๊มทุกวันค่ะทั้งๆที่แกป่วย มานั่งตรงโต๊ะม้าหินที่แกลืมกระเป๋าเอาไว้นั่นแหละค่ะ หน้าตาเศร้าหมอง ซีดเซียว น่าสงสารที่สุด แกคงตรอมใจมาก พูดแต่ว่าไม่น่าลืมเลย แปปเดียวเอง.....แกเดินถามเด็กปั๊มทุกวันว่ามีคนมาติดต่อที่ปั๊มเรื่องกระเป๋าของแกบ้างไหม เราก็ได้แต่บอกลุงแกว่า ถ้ามีหนูจะรีบโทรบอกลุงเลย แกได้ทิ้งเบอร์โทรไว้เพื่อให้เราติดต่อไป แล้วก็แกก็มานั่งที่ปั๊มแบบนี้ประมาณ 1 อาทิตย์ แกก็หายไป ถึงได้รู้ว่าแกป่วยหนัก....มาไม่ไหวแล้ว



ลุงแกหายไป 2 อาทิตย์ ตอนนั้นเราสงสารลุงที่สุด ถ้าเป็นเราคงตรอมใจแน่ๆ เก็บมาทั้งชีวิต แค่พริบตาเดียว หายวับไปกับตา......

     วันนั้นจังหวะเราได้เปิดดูรายการสถานีวิทยุประชาชนพอดี ทางรายการได้นำเรื่องของลุงไปออกเทปอีกครั้งและแจ้งว่าตอนนี้ลุงได้ล้มป่วยลง ขอให้คนที่เจอกระเป๋านำกระเป๋ามาคืนลุงเถอะ สงสารลุงแก .... เฮ้อ เราคิด ทำมไมเอามาคืน ไม่สงสารลุงเลยหรอ ถ้าเป็นเงินของตัวเองบ้างจะเป็นไงหนอ...
   
     ขอให้ลุงได้เงินคืนเร็ววันด้วยเถอะ ถึงแม้ความหวังจะริบหรี่เพราะเรื่องมันผ่านมาเป็นเดือนๆแล้ว เราคิดนะตอนนั้น..ถ้าจะเอามาคืนคงเอามาตั้งนานแล้ว คงไม่รอให้ถึงวันนี้ ตอนนั้นทำใจแทนลุง....



แล้ววันหนึ่งลุงแกก็มาที่ปั๊มค่ะ แกบอกว่าแกได้เงินคืนแล้ว ถึงแม้จะได้ไม่ครบเพราะทองคำนั้นคนที่เจอเอาไปขาย (แปรสภาพเป็นเงินแล้วเอาเงินไปแบ่งกัน ดีจริงๆ ไวมากกกก...) แต่ลุงแกก็บอกว่าเท่านี้แกก็ดีใจแล้ว ทองนั้นขอให้เป็นสินน้ำใจของคนที่เจอไป สีหน้าลุงตอนนั้นดูมีความสุขที่สุดเลยค่ะ เราก็มีความสุขไปด้วย
         เรานึกในใจถ้าไม่เอามาออกรายการ ถ้าไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิด ถ้าไม่ไปแจ้งตำรวจ คุณจะเอามาคืนลุงไหม...ออกรายการถึง 2 ครั้ง หรือสำนึกที่ลุงป่วยเลยเอามาคืน  แล้วดูลุงแกมีน้ำใจขนาดไหน...สำนึกกันบ้างไหมหนอคนเรา บางคนบอกว่าเขาคงไม่รู้ว่าเป็นของใคร ก็ใช่นะคะเราไม่รู้ว่าเป็นของใคร แต่เราสามารถเอาไปแจ้งที่สถานีตำรวจก็ได้นี่คะ เพื่อที่เจ้าของเขามาตามหาและไปแจ้งความจะได้เจอ ไม่ใช่เอาไปแปรสภาพ เอาไปแบ่งกันแบบนี้
       ลุงแกเดินขอบคุณทุกคนในปั๊มรวมถึงเราด้วย เราดีใจที่สุดอะตอนนั้น พูดอะไรไม่ออกได้แต่บอกไปว่า หนูดีใจกับลุงจริงๆค่ะที่ได้เงินคืน ต่อไปนี้หายเครียดได้แล้วนะคะ ^^



ไปเรื่องลุงนานเลย วกกลับมาเรื่องเราต่อดีกว่า.......

ตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นี่ เราถึงได้เห็นว่าที่นี่เปลี่ยนพนักงานบ่อยมากๆค่ะ ปัญหาเพราะเรื่องเงินขาดเป็นหลักเลย

เรามาพูดถึงเรื่องเงินขาดบ้างดีกว่า

ที่เราเคยพบเจอและประสบมาด้วยตนเอง สาเหตุที่เงินขาดมาจาก.....

1. ทอนเงินผิด ส่วนใหญ่ก็ทอนเงินเกิน อันนี้ลูกค้ารู้เปล่าก็ไม่รู้เพราะบางครั้งในสถานการณ์เร่งรีบต่างคนต่างรีบก็รับๆไปไม่ได้มอง

2. ควักเงินหล่น เราเจอบ่อย ควักหล่นจากเป้สะพายเอวก็มี กระเป๋าเสื้อก็มี เคยมีเด็กปั๊มทำตก 1,000 ต้องตัดตู้หาเจ้าของที่แท้จริงกันเลยทีเดียว

3. โดนเพื่อนร่วมงานโกง ส่วนใหญ่จะเป็นอันนี้นะ เรายังเคยโดน เวลาที่เราเข้าห้องน้ำแล้วฝากเพื่อนดูตู้จ่าย เพื่อนเราเติมให้ แต่ไม่ให้เงิน โดยที่มิเตอร์มันวิ่งไปแล้ว พอมีคันต่อมามาเติมต่อเราจะไม่รู้ได้เลยว่าก่อนหน้านั้นมีรถมาเติมไปแล้ว เติมเท่าไหร่ จึงทำให้เป็นสาเหตุและที่มาของเงินขาดนั่นเอง เล่นกันทีไม่ใช่น้อยๆ 500 บ้าง 1000 บ้าง ในกรณีนี้สิ่งที่ทำได้คือทำใจ ถ้าคิดว่าไว้ใจใครได้ ฝากคนนั้น เพราะเป็นไปไม่ได้หรอกที่เราจะไม่เข้าห้องน้ำเลยในแต่ละวัน.....
4. เศษสตางค์จากการเติม อันนี้เล็กน้อยมาก วันนึงมากสุดก็ไม่เกิน 10 บาทหรอก อาจไม่ใช่ปัญหาที่สำคัญ



เมื่อต้องควักเงินออกค่าที่เงินหายเอง จึงไม่มีเด็กปั๊มคนไหนทำได้นานเพราะได้ไม่คุ้มเสีย เงินเดือนน้อยนิดโดนหักนั่นหักนี่ เดือนๆนึงแทบไม่เหลือ แถม ถ้าเงินหายวันไหนต้องควักจ่ายวันนั้นเลย ระบบที่ปั๊มนี้มันแย่จริงๆค่ะ เพราะเวลาที่เงินขาด เงินหาย เด็กปั๊มต้องรับผิดชอบจ่ายเอง ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม แต่เวลาที่มีเงินเกิน (มีนะคะ เกินมากเกินน้อย) แบบหาสาเหตุไม่ได้ อยู่ๆก็เกินมา ผู้จัดการกลับเก็บเอาไว้และบอกว่า จะเอามาหาสาเหตุของการเกิน แหนะ...ทีขาดทำไมไม่มีการหาสาเหตุ ใครจะบ้าทำตังตัวเองขาดหรือขโมยเงินตัวเองเพราะยังไงก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี จริงไหมคะ... เราคิดว่าถ้ามันหาสาเหตุไม่ได้จริงๆ เก็บเอาไว้มาช่วยคนที่เงินขาดไม่ดีกว่าหรอ ทุกครั้งที่เกินผู้จัดการก็เก็บและพูดแบบนั้นทุกครั้ง เราถามบ่อยนะ หาสาเหตุเจอยัง เขาก็บอกยังๆ สุดท้ายก็เงียบเข้ากลีบเมฆ.......



ถึงไหนแล้วน้า......

        อ๋อ ... พอเกิดปัญหาเรื่องเงินขาดเข้ามาก็ลาออกกันเป็นแถวๆ เปลี่ยนหน้าคนนั้นคนนี้ เรียกชื่อผิดชื่อถูก มีแต่เรานี่แหละที่อึดที่ทน วิ่งเข้าห้องน้ำเหมือนสั่งน้ำมูก พรืดเดียวก็เสร็จ วิ่งไปวิ่งมา 555+ เหมือนวิ่งแข่งมาราธอนยังไงยังงั้นเลยค่ะ ไม่กล้าไว้ใจใคร เพราะเคยมีลูกน้องที่ไว้ใจเกือยทำเราแสบค่ะ เรื่องคือ เราเข้าไปในมาร์ท ฝากตู้ไว้กับเด็กปั๊มรุ่นน้องคนหนึ่ง เรียกเราว่าเจ๊ เราไว้ใจมันมากๆค่ะเพราะเราเป็นคนชวนมันมาทำงาน พอเราเข้าไปในมาร์ทเอาเงินไปหยอดตู้เซฟ ปรากฏว่ามีรถเข้ามาเติมน้ำมันค่ะ ทังหมด 2 คันในช่วงเวลาประมาณไม่ถึง 10 นาที ทั้งหมดอยู่ในสายตาเราตลอดผ่านภาพจากกล้องวงจรปิดค่ะ เรามองดูตลอด พอเราออกไปเดินดูหน้าตู้ คันหลังเติม 700 บาท คันแรกเราไม่รู้หรอกค่ะ เราก็เดินออกมา มันก็ยื่นเงินให้เรา...แต่ยื่นมาแค่ 700 บาท

     ตอนนั้นในใจเรานึกเสียใจมากๆค่ะ ลูกน้องที่เราไว้ใจคิดคดทรยศอมเงินเรา เรายังไม่พูดอะไรนะคะ เดินไปถามเพื่อนในมาร์ทว่าคันแรกเติมเท่าไหร่ พอดีเพื่อนเห็นบอกเติม 700 เหมือนกัน เราก็เดินออกมา ตอนนั้นเสียศรัทธาถึงคำว่าลูกพี่ลูกน้องจริงๆ

เราจึงเอ่ยปากถาม....

เรา  :  ให้เจ๊มา 700 แล้วอีกคันหนึ่งหละ

มัน : คันไหนหละเจ๊ มีคันเดียว 700 นี่แหละ

เรา  : หรอ ถ้างั้นตอนเช้าถ้าตังเจ๊ขาด 700 รู้กันนะ ว่าไงจะให้หรือไม่ให้ (เริ่มโมโห)

มัน : อ้าว หรอ มีอีกคันด้วยหรอ อะๆๆเอาไปๆเจ๊

แล้วมันก็เฉไฉแบบหน้าเจื่อนๆคิดว่าเรารู้ได้ไง ....ตั้งแต่นั้นมา คำว่า “ไว้ใจ”

ไม่เคยมีในหัวเราอีกเลย



***ไม่แน่นะคะ ผู้อ่านหลายๆท่านอาจเคยไปใช้บริการที่ปั๊มเราก็ได้ค่ะ และเราอาจเคยเติมน้ำมันให้ด้วยก็ได้ ใครจะไปรู้เนอะ***
กะดึกเป็นกะที่ห้ามพกเงินเยอะ เพราะเสี่ยงต่อการโดนปล้น ที่ปั๊มจะออกกฏคือห้ามพกเงินเกิน 5,000 บาท ถ้าเกินจากนั้นแล้วโดนปล้น ประกันจะไม่รับผิดชอบ เราคิดว่าเป็นกฏที่งี่เง่ามากๆค่ะ เพราะการทำงานแบบนี้นอกจากจะเหนื่อยแล้วยังเสี่ยงต่อชีวิตอีก แถมไม่มีหลักประกันอะไรเลย พอครบ 5000 บาทเราจะเอาเงินไปหยอดเซฟ แต่ในกรณีที่รถเยอะ อยู่คนเดียว บางครั้งไม่มีเวลาไปหยอดค่ะ ต้องพกเงินเอาไว้ที่ตัว คิดในใจวันไหนโดนปล้น จะทำไงดี ตกดึกเลยนั่งแอบอยู่ข้างซอกตู้ประจำ รถมาทีโผล่ออกไปทีเหมือนผีปั๊มยังไงยังงั้น



 มีอยู่ครั้งหนึ่งเราได้อยู่กะดึก เราเก็บเงินไว้ที่ตัวประมาณ 50,000 วันนั้นรถเยอะมากกก เพราะเป็นวันที่น้ำมันลง เราเก็บเงินไว้ที่ตัวด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ ทำตัวเป็นปกติ ไม่กระโตกกระตาก จู่ๆเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งถลามาที่เรา เฮ้ย..เอาแล้วไงตรู

    ตอนนั้นคิดในใจ โดนแน่ๆ อยากแกล้งสลบอยู่ตรงนั้น...ประโยคแรกที่ได้ยินจากปากผู้ชายผู้เหี้ยมเกรียมคนนั้นคือ......

“น้องๆ ห้องน้ำไปทางไหน !!!! พี่ท้องเสีย”

    หนูอยากจะบอกว่า ถ้าพี่บอกช้าอีกนิด หนูนั่นแหละที่จะ....แตกอยู่ตรงนี้ 555+



อยู่กะดึก แน่หละ มันต้องมาพร้อมกับเรื่องเล่าของปั๊ม ที่แน่ๆไม่พ้นเรื่อง “ผี”
เราอยู่กะดึกบ่อยมากกก....บ่อยจนเป็นแพนด้า

ไม่เคยมีใครเล่าให้เราฟังเรื่องประวัติ “ผีๆ” ของปั๊มนี้

มีแต่เรานี่แหละที่ไปถามเขาก่อน สาเหตุเพราะอะไรหนะเหรอ...

เวลาที่เราเข้าห้องน้ำกลางดึก เรามักจะได้ยินเสียงมีคนเข้าข้างๆห้องที่เราเข้าเสมอและประตูก็ดูเหมือนจะปิด แต่เมื่อออกมานั่งรอดูว่าจะมีคนออกหรือไม่ .... ไม่เคยมีใครออกมาจากในนั้น เหตุมักเกิดตอนตี 3 ประจำ พอเข้าไปดูอีกที ไม่มีใครแล้ว เดินออกมาแบบงงๆประจำเลยเรา

มีอยู่วันหนึ่งเหตุเกิดขึ้นอีก ครั้งนี้พอเราออกจากห้องน้ำมา เรากลั้นใจอยู่สักครู่  เราถาม...ใครอะ ปูหรอ..(ปูคือเพื่อนในมาร์ท นึกว่ามันมาเข้าห้องน้ำ)  ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบกลับ เราเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องข้างๆที่ดูเหมือนจะปิดสนิท เอาวะ !!! เป็นไงเป็นกัน ถีบไปเต็มแรง !!!!!

----มีเพียงห้องว่างเปล่า เราวิ่งอ้าวแบบไม่คิด และได้ชวนเพื่อนไปเข้าด้วยในรอบต่อไป......

เช้ามา...ถามป้าแม่บ้าน ว่าปั๊มนี้เคยมีอะไรไหม...

ป้าแกตอบ อ๋อ ....ก็เคยมีตอนสร้างปั๊มใหม่ๆคนงานก่อสร้างผูกคอตายบนขื่อในห้องน้ำ มีคนเจอบ่อยนะ อ้าว หนูไม่รู้หรอ ขนาดป้าไปเข้ายังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเลย รีบๆเข้า รีบๆออก ป้ากลัว .....

หนูอยู่มานานแล้วป้า บอกหนูสักคำก็ได้ ทีเรื่องอื่นหละเล่าจริง หวยงวดนี้ออกอะไร....ใครเป็นไง ผัวใครเมียใคร ป้าเล่าหมด ทำไมเรื่องนี้ไม่บอกหนู เนี่ยป้า !!!!!

พออีกวันเราก็มาไหว้ศาลพระภูมิที่ปั๊ม บอกอย่ามาทักหนูบ่อย หนูไม่อยากได้หวย แต่ขอให้คุ้มครองหนูจากอันตรายรอบด้านก็พอค่ะ หลังๆมาพอเราเข้าห้องน้ำเราก็จะแอบแผ่เมตตาในใจเสมอ แหะๆๆๆ



เรื่องทฤษฏีของน้ำมันแต่ละประเภทนี่ต้องเป๊ะนะคะ วันไหนลูกค้าเกิดอยากถามขึ้นมา ต้องตอบให้ได้นะเออ คำถามที่เจอบ่อยคือ

แก๊สโซฮอล์ 91 กับ 95 ต่างกันตรงไหน ?

ทำไม E20 ถูกกว่าแก๊สโซฮอล์ ?

น้ำมันประเภทนั้น ประเภทนี้ สีอะไร ยังไง ผลิตจากอะไร และอีกมากมาย บลาๆๆๆ.......

ซึ่งเราต้องตอบให้ได้ค่ะ มีอยู่ครั้งหนึ่งมีการเปลี่ยนสีน้ำมันก็เกิดการโต้เถียงกับลูกค้า เพราะลูกค้าเห็นสีแล้วคิดว่าเติมให้ผิด (ลูกค้าบางคนจำสีน้ำมันแทนจำชื่อซะงั้น)  เอาหละ ต้องมานั่งอธิบายกันไป...

เรียกน้ำมันประเภทเดียวกันก็เรียกคนละอย่าง
โซล่า บี5 บีไฟท์ ....แหนะ มีเรียกไทยคำอังกฤษคำ

แต่ก็สนุกดีนะคะ มีอย่ครั้งหนึ่งลูกค้าสั่ง บี5 เต็มถัง

เราทวน....Bไฟท์เต็มถังนะคะ

ลูกค้า...พี่ไม่เอาบีไฟท์พี่เอาบี5

กร๊ากกกกกกก..........



ปั๊มที่เราทำงานเคยโดนโจรปล้น 2 ครั้งค่ะ ครั้งแรกปล้นมาร์ท  ครั้งที่ 2 ขโมยกล่องเงินบริจาคเด็กพิการที่วางอยู่หน้าตู้แคชเชียร์

**ปล้นมาร์ท.....

คืนนั้นเรานั่งกันข้างมาร์ท มีผู้ชายคนหนึ่งขับมอเตอร์ไซค์ใส่หมวกกันน็อคเดินเข้าไปในมาร์ท สักพักผู้ชายคนนั้นก็เดินออกมาสตาร์ทรถแบบเนียนๆ แต่เพื่อนเราเด็กมาร์ทวิ่งออกมา ร้อง โจรปล้นๆ พูดแบบไม่ค่อยได้ยิน พวกเราก็ถามอีก อะไรนะๆ มันก็บอกโจรปล้นนนน เท่านั้นแหละเราลุกไปวิ่งไล่จับมอไซค์คันนั้นแต่ช้าไปแล้ว ไม่ทัน มันเร่งรถออกไปแล้ว...
เพื่อนเราบอกว่า โจรคนนั้นพูดว่าถ้าร้องมันจะเอามีดแทง เพื่อนเราเลยไม่กล้าร้อง รอจนเห็นว่าปลอดภัยเลยวิ่งออกมาหาคนช่วย
มันได้เงินไปทั้งหมด 4000 บาท ดีนะไม่เกิน 5000 งั้นงานนี้ได้ออกตังเองอีก เฮ้อ....แล้วก็ไปแจ้งความจับได้เพราะมันไม่เข็ดไปทำแบบนี้กับปั๊มอื่นที่ใกล้ๆอีก สม.... และดีที่มันไม่ทำอะไรเพื่อนของเรา


**ขโมยกล่องบริจาคเด็กพิการ....

เคสนี้มาแบบเนียนๆเลย มากัน 2 คน คนหนึ่งมาทำทีซื้อของเรียกให้เพื่อนเราไปหยิบของ พอสบโอกาสเพื่อนเราเผลอ อีกคนหนึ่งก็เอาตู้บริจาคที่อยู่ตรงหน้าแคชเชียร์ใส่ในเสื้อ ตรงพุง ทำเนียนๆเดินออกมา กว่าจะคิดได้ก็ไปกรอกล้องดูถึงเห็นพฤติกรรมแบบนี้ บอกได้คำเดียว...เลวมากๆ  ขอให้มันพิการบ้างเถ๊อะ..เพี้ยง !!!!



จนเราได้เลื่อนขั้นเป็นตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ ตำแหน่งดี แต่งานกับเงินนี้สิคะเท่าเดิม ทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยน ไม่ได้สบายขึ้น ตรงกันข้าม มันมาพร้อมกับงานที่มากและความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น

 ผู้จัดการจะเป็นคนสั่งการให้เราทำนั่นทำนี่ โดยเฉพาะเวลาที่ดุเตือนลูกน้อง ผู้จัดการจะไม่ทำเลย เนื่องด้วยเราคิดว่าแกคงกลัวลูกน้องเกลียด แต่เรานี่สิ ถ้าไม่ไปเตือนก็โดนผู้จัดการด่า พอไปเตือนก็โดนเพื่อนๆเด็กปั๊มเกลียดอีก หาว่าเราบ้าอำนาจ พอได้เลื่อนขั้นก็วางตัว แต่มันไม่ใช่ค่ะ ไม่มีใครรู้ถึงความรู้สึกของเราเลยสักนิด เราทำงานด้วยความขมขื่นมาตลอด

 มีอยู่วันหนึ่งมีพี่เด็กปั๊มมารับกะสายไปครึ่งชั่วโมง เป็นช่วงต่อจากกะดึกซึ่งคนอยู่กะก็อยากจะกลับไปนอนเพราะเพลียมากแล้ว เราจึงเอ่ยปากบอกพี่คนที่มาสายไปคำหนึ่ง
เรา ... "พี่คะ วันหลังอย่ามาสายนะคะ เพื่อนรอส่งกะอยู๋"
เท่านั้นแหละค่ะ เป็นเรื่องทันที พี่คนนั้นอายุมากกว่าเราประมาณ 7 ปี ยืนด่าเรา
พี่คนนั้น..."ทำไมหรอ มาสายแล้วทำไม เดี๋ยวก็ไม่มาซะเลย เดี๋ยวกลับบ้านไม่ทงไม่ทำมันแล้ว"

เราน้อยใจค่ะ กลับบ้านมาร้องไห้ คิดว่าเราทำไม่ไหวแล้ว ไม่ใช่เพราะงานนะคะ แต่เพราะเพื่อนร่วมงาน หน้าที่ที่เราจำเป็นต้องทำ แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ เราก็เลยทนไม่ไหวค่ะ เราได้ไปบอกผู้จัดการเขาก็เฉยๆค่ะ ไม่มีการพูดอะไรเลย ไม่มีให้กำลังใจ ไม่มีว่ากล่าวอะไรใดๆ เราจึงตัดสินใจลาออกค่ะ และนี่ก็จบเรื่องราวชีวิตเด็กปั๊มของเรา...



แต่ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ เราก็มีความสุขค่ะ มันคือประสบการณ์ชีวิตที่ดีของเราเลย เราได้รู้จักคำว่าลำบาก รู้จักความหมายของชีวิต รู้จักคุณค่าของเงิน ทุกวันนี้เวลาที่เราเจอเด็กปั๊มเราก็จะนึดถึงตัวเองเสมอ เวลาขี่มอไซค์ไปเติมน้ำมันก็จะถามเด็กปั๊มเสมอ วันนี้เหนื่อยไหมคะ รถเยอะไหม กินข้าวหรือยัง เราไม่ได้มีเงินมากมาย แต่เราก็มีน้ำใจพอที่จะแบ่งปันเล็กๆน้อยๆ บางครั้งก็ซื้อน้ำมาให้ เรารู้ค่ะว่าน้ำขวดนั้นมันจะเย็นชื่นใจสำหรับผู้รับมาก เพราะเราเองก็เคยอยู่ตรงจุดนั้น

 ฝากถึงทุกคนที่ไปเติมน้ำมันที่ปั๊มให้เห็นใจเขาสักนิดนะคะ ดูสักหน่อยว่าเขางานเยอะไหม ก่อนที่จะใช้ให้เขาทำอะไรดูสักนิดก่อนเถอะค่ะว่าเขาพอมีเวลาทำให้เราไหม เรื่องบางเรื่องเราทำเองก็ได้ค่ะ ถึงแม้จะเป็นหน้าที่ของเด็กปั๊มก็ตามที่ต้องบริการเรา แต่ก็สงสารเขาบ้างสักนิดนะคะ  อย่างเติมลมยางก็มีตู้ให้เติมอัตโนมัติได้ ใช้คำพูดที่ดีกับเขาหน่อย ยิ้มให้สักนิดก็ดี แล้วเด็กปั๊มคนนั้นจะมีกำลังใจทำงานอีกมากเลยหละค่ะ



Credit : คุณแม่น้องอันปัน@Pantip.com,Youtube.com
เรียบเรียง : www.Ruengdd.com