Test Drive : ทดลองขับฟอร์ด เรนเจอร์Ford Ranger Wildtrak 3.2 ที่สุดของกระบะในชั่วโมงนี้


เมื่อพูดถึงรถยนต์ในบ้านเราแล้ว แทบปฏิเสธไม่ได้ว่าบ้านเมืองประเทศไทยเรานั้นค่อนข้างจะคุ้นชินกับรถยนต์กระบะพอสมควร ด้วยคนไทยนิยมรถยนต์ประเภทนี้มายาวนาน และมันก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตใครหลายคน ทั้งใช้ทำงาน และใช้ชีวิตอยู่กับมัน จนค่ายรถยนต์ต่างก็ทราบดีว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการใช้รถยนต์กระบะมากเป็นอันดับ 2 เป็นรองก็แค่สหรัฐอเมริกาก็เท่านั้น
                ด้วยความที่เรานิยมรถกระบะมาก ทำให้ในช่วงปีที่ผ่านมารถกระบะมากหน้าหลายตาต่างเดินหน้าเข้ามาในการปรับโฉมใหม่ และหนึ่งในนั้นที่เราพูดถึงกันอย่างมากก็เป็นค่ายรถยนต์อเมริกา Ford  ที่ส่ง  All New! Ford Ranger ใหม่มาเป็นตัวชูโรงในปีที่แล้ว จนแทบจะเรียกว่าเป็นรถยนต์อีกรุ่นที่พลิกให้ค่ายรถยนต์เจ้านี้มาติดตลาดรถยนต์อย่างรวดเร็วแถมรับคำชมในเรื่องการออกแบบด้วย
                Ford Ranger  ใหม่นั้น เป็นรถยนต์กระบะที่ได้รับการออกแบบด้วยความใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนสามารถพูดได้เต็มปากว่า นี่คือรถยนต์ที่ให้ความลงตัวมากในทุกสิ่งและเป็นทุกอย่าง แต่ในขณะที่เราหลายคนทราบดีว่าเวอร์ชั่นธรรมดา มันมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.2 ลิตร แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่รอสมรรถนะของรถยนต์คันนี้ในเวอร์ชั่น 3.2 ลิตร ที่น่าจะเรียกได้อีกแหละว่า นี่คือที่สุดของกระบะ...ตัวจริง


Ford Ranger Wildtrak 3.2

ภายนอกถึก บึกบึน ...อเมริกันแท้แน่นอน
                ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ Ford Ranger  ใหม่ Ford มุ่งเน้นอย่างมากต่อความใส่ใจถึงการพัฒนารถกระบะรุ่นใหม่ที่มองการไกลถึงอนาคต โดยประเมินในเรื่องของราคาค่าพลังงานไปจนกระทั่งในส่วนของลักษณะวิถีชีวิตที่จะลงตัวกับผู้บริโภคได้อย่างไรบ้าง และด้วยภายใต้แนวคิดใหม่ของบริษัท ทำให้รถกระบะ  Ford Ranger  ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นที่ ออสเตรเลีย ภายใต้ ชื่อเล่นที่มีรหัสเรียกว่า  "T6"
                โครงการ  Ford T6  นั้นถือเป็นโครงการที่ใหญ่ไม่ใช่น้อย เนื่องด้วยโครงการพัฒนาใหม่นี้ฉีกทุกกฎของความเป็นกระบะแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้าของ  ford ranger  ก็จะพบว่า มีการเปลี่ยนในเรื่องของขนาดตัวถัง ตั้งแต่ความกว้าง 1,849 ม.ม. ความยาวรวม 5,359 ม.ม. และมาพร้อมฐานล้อ 3,226 ม.ม. เรียกว่า ทุกมิติของ Ford Ranger  ใหม่ นั้นมีมากกว่าที่เคยในรุ่นก่อนหน้านี้
 Ford Ranger Wildtrak 3.2
                ความใหญ่ของรถไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้มันดูแตกต่าง แต่มันยังรวมถึงในเรื่องของการออกแบบ ที่ครั้งนี้เอาเส้นสายจากรุ่นพี่ที่ได้รับความชื่นชอบจากทั่วโลก  ford F-150  มาขัดเกลาแล้วแปลงใส่รถกระบะ  Ford Ranger  ทำให้ มันได้เส้นสายแบบอเมริกันแท้ๆติดตัวมาเป็นดีเอ็นเอ ของกระบะพันธุ์แกร่งจาก Ford แล้วก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รถรุ่นนี้ไม่มีวางจำหน่ายในอเมริกา
                จากกระจังหน้าแบบ โครเมี่ยม 3 แถบ เส้นสายที่ส่งถึงความบึกบึนตั้งแต่โป่งล้อ ที่ให้ความลงตัวอย่างมา และส่งต่อรายละเอียดสู่ด้านข้างแบบคงความแกร่งรอบคัน ไปจนถึงด้านท้าย ที่มัน ดูเป็นรถที่ไม่ใช่เพียงแค่และดูใหญ่แต่ให้อารมณ์ทันสมัยไปพร้อมกันด้วย และสามารถไปได้ทุกที่ ทั้งในเมืองหรือจะเป็นในชนบทห่างไกล ถือเป็นเสน่ห์ที่เย้ายวน
                องค์ประเดียวกันนี้ เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยตั้งแต่เปิดตัว จวบจนทดสอบ รถยนต์  Ford Ranger 2.2  เมื่อปีกลาย และครั้งนี้ที่มาพบกับเวอร์ชั่น 3.2 ลิตร ที่เฝ้ารอมานานปานว่า เป็นสุดยอดรถยนต์ในตำนาน" เจ้ากระบะยักษ์" ซึ่งเป็นฉายาใที่แอบตั้งให้นั้น ก็มาพร้อมรายละเอียดที่เสริมความหล่อเบ็ดเสร็จจากโรงงานกับชื่อ  ""Wildtrak"
 Ford Ranger Wildtrak 3.2
                การตบแต่งเพิ่มเติมของ  Wildtrak  นั้น โดยรวมเป็นการเน้นแต่งแต้มความหล่อของรถให้มีความแตกต่างจากรุ่นทั่วไป และองค์ประกอบนี้ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เรารู้สึกว่า  Ford Range 3.2 Wildtrak  มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น เรียกว่าเป็นสปอร์ตแบบเต็มขั้นที่คลุกเคล้ามาอย่างลงตัว กระจังหน้าที่เป็นโครเมียมถูกขลับด้วยสี Dark Grey  เพิ่มความดุดันตั้งแต่แรกเห็น กระจกมองข้างสีเดียวที่มีไฟส่องพื้นในยามค่ำคืน ตามติด บันไดข้าง  สปอร์ตบาร์ สี Dark Grey  ราวหลังคา ที่พร้อมสรรพ ไปจนถึง ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้วจัดมาให้เต็มมาให้กับยางขนาด 265/65/R18 จนเรียกว่าลงตัว แม้แต่กูรูเรื่องรถอย่างเรายังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี เว้นแต่คนที่อาจจะอยากได้มันไปลุยเป็นจริงเป็นจัง อันนี้ก็ว่ากันไปตามสูตร

ห้องโดยสารทันสมัย เท่ห์แตกต่างไม่เหมือนใคร
                ในห้องโดยสารเมื่อเปิดประตูมา Ford Ranger wildtrak  3.2 มาพร้อมกับอารมณ์สปอร์ตที่แตกต่างอย่างชัดเจน มันดุดีลงตัวมากยิ่งขึ้น ด้วย รายละเอียดที่ให้ความลงตัวเริ่มจากสีภายในโทนดำดูแลง่ายและสปอร์ตด้วยการตบแต่งสลับส้ม ให้รายละเอียดลึกลงไปจนถึงกระทั่งด้ายที่ใช้เย็บเบาะผสมลงตัวกับหนังและผ้าแบบเบาะรถซิ่งช่วยให้กระชับในยามเข้าโค้ง ซึ่งด้านคนขับเป็นเบาะนั่งแบบปรับไฟฟ้า

Ford Ranger Wildtrak 3.2
                เบาะนั่งที่ดูดียังลงตัวกับการจัดวางในห้องโดยสาร ตั้งแต่ตรงหน้าคนขับที่มาพร้อมมาตรวัดสปอร์ตสีขาว พวงมาลัยมัลติฟังชั่น จุไว้ด้วยปุ่มควบคุมเครื่องพร้อมระบ บ voice Control  ทางด้านซ้าย ส่วนด้านขวาเป็นระบบ Cruise Control  ช่วยในการขับขี่
                ตรงกลางคอนโซลหน้ามาพร้อมระบบแอร์อัตโนมัติ และ เครื่องเสียงที่คุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดีเสียงแน่น อาจจะขาดแหลมไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็ให้รายละเอียดที่ลงตัวมาก ส่วนช่วงหลัง มีระบบควบคุมการขับขี่อีก 2 อย่างคือ ระบบช่วยลงทางชัน และ ระบบเฟืองท้ายไฟฟ้า ที่สามารถตัดและต่อการทำงาน ช่วยในการฝ่าฟันทุกอุปสรรคบนเส้นทางโหด
                ด้านหลังของห้องโดยสาร ผู้โดยสารสามารถนั่งได้อย่างสบายแม้จะเป็นคนตัวใหญ่แต่ก็สามารถที่จะนั่งได้สูงสุดถึง 3 นั่งในตอนหลัง และถึงคนขับจะดันเบาะสุดราง มันก็ไม่ได้ทำให้พื้นที่แคบลงมากอย่างที่คิดเรียกว่าเดินทางไกลสบายมากอย่างไม่ต้องสงสัย
สมรรถนะเริ่มต้นพร้อมลุยในป่าคอนกรีต 
                แชะ..แชะ.. บรื้นในที่สุด เราก็เริ่มต้นกับเจ้า  ford Ranger 3.2  ลิตร ที่แมทช์นี้เราวางแผนล่วงหน้าไว้ยาวนาน กับการทดสอบอารมณ์เต็มอิ่มกับยอดกระบะคันนี้ แต่เริ่มต้นครั้งนี้เราก็ต้องไปบุกตะลุยชีวิตคนเมืองกันก่อนเพื่อดูสภาพจากการใช้งานจริง
Ford Ranger Wildtrak 3.2
                การขับขี่ Ford Ranger  Wildtrak 3.2 ดูๆ มันอาจจะไม่คือกัน ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับง่าด้วยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กับบล็อก 5 สูบแถวเรียง ขนาด 3.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้าที่ 3000 รอบต่อนาที และผลิตแรงบิดปั่นให้กระจุยมากถึง 470 นิวตันเมตรที่ 1750- 2500 รอบต่อนาที ซึ่งถ้ามองแล้วทั้งหมดนี้เป็นแรงม้าที่อยู่ในรอบเครื่องยนต์ที่ได้ใช้จริงอย่างแน่นอน และเช่นกันในเมืองเช่นนี้มันย่อมซดกระจุย ด้วยตัวเลขน้ำมันที่ ป้วนเปี้ยนแถวๆ 8 กิโลเมตร/ลิตร ถือว่ารับได้ในระดับหนึ่งสำหรับเครื่องยนต์บล็อกใหญ่พอควร
                เรือนร่างที่ใหญ่ก็เป็นอีกอุปสรรคการขับขี่ อาจจะด้วย ในส่วนของความยักษ์ทำให้ต้องมานั่งระแวดระวังรถมอเตอร์ไซค์ และบางครั้งไซส์บิ๊กของมันก็เล่นเสียคับเลนบนถนน เรียกว่าไปไหนอาจจะลำบากบ้างแต่ ทัศวิสัยในการขับขี่ ต้องยอมรับว่าชัดเจน พอสมควรและสามารถมองได้อย่างกว้างขวางด้วย
Ford Ranger Wildtrak 3.2
                กลับมาที่เครื่องยนต์การขับในเมืองด้วยกำลังเครื่องสูงๆนั้นมีข้อดีเพราะในรุ่น 3.2 นั้น และดูจะมีความคล่องตัวมากกว่าในรุ่นเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร พอตัว มันสามารถทะยานไปอย่างรวดเร็วในช่วงสั้นๆ ทำให้ทันอกทันใจคนชอบมุด แต่ก็อย่างว่าเรือนร่างขนาดใหญ่มันนั้นก็เป็นอุปสรรคในการแหวกว่ายในธาราจราจรเมืองกรุง แต่กดเป็นมาเรียกได้ทันใจ นั่นคือสิ่งที่เราประทับใจในรถยนต์คันนี้

ได้ว่าเที่ยวเตร่...ทริปนี้แอ๋วอุบลฯ
                แม้จะพอเข้าเค้าอยู่บ้างสำหรับการขับขี่ในเมือง แต่ Ford Ranger  Wildtrak 3.2 นั่นปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ที่จริงแล้วมันเกิดมาเพื่อสนองตอบต่อการขับขี่บนเส้นทางอย่างทางหลวงมากกว่า เหมาะสำหรับการขับรถยนต์เดินทางบนเส้นทางยาวๆระหว่างเมือง
                การเดินทางครั้งนี้เราเลือกปลายทางอุบลราชธานีเอาไว้ ด้วยเหตุที่ว่าจังหวัดนี้มีเส้นทางที่หลากหลายในการขับขี่ที่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องความแตกต่างในการขับขี่ได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น โดยจากกรุงเทพนั้นเราเดินทางด้วยคน  4 คนพร้อมสัมภาระในการขับขี่ ไปตามเส้นทางมุ่งสู่โคราชก่อนตัดออกไปยังสุรินทร์เพื่อมุ่งหน้าสู่ปลายทางของเรา
Ford Ranger Wildtrak 3.2
                ในการขับขี่ช่วงแรกตั้งแต่จากกรุงเทพมหานครมาถึงนครราชสีมา Ford Ranger  Wildtrak 3.2 ให้อารมณ์การขับขี่ที่สร้างความสนุกสนานในการเดินทางทำให้เราไม่เบื่อได้อย่างไม่รู้จบด้วย การขับขี่ที่ง่ายพอสมควร ตัวรถสามารถตอบสนองได้อย่างกระฉับกระเฉงจากเครื่องยนต์ขนาด 3.2 ลิตร  ที่ยังเดินทางยาวๆอย่างสบายใจกับอัตราทดเกียร์มากถึง 6 จังหวะ  เริ่มจาก 4.171,2.342,1.521,1.000,0.867 และท้ายสุด0.691 ทั้งหมดขับลงเฟืองท้ายที่มาพร้อมอัตราทด 3.730  ให้ความลงตัวในการเร่งพอสมควร แม้ยามที่ใช้ความเร็วสูงก็ตาม
                ระหว่างทางเราลองจับอัตราการทำงานของรอบเครื่องยนต์ดูเราพบว่าที่ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. Ford Ranger  Wildtrak 3.2  ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง 1750 รอบต่อนาทีเท่านั้น ถือว่าค่อนข้างต่ำมากพอสมควรเมื่อเทียบกับกกระบะอื่นๆด้วยกัน และเมื่อดันความเร็วขึ้นไปยัง 120 ก.ม./ช.ม. มันก็ใช้รอบเครื่องยนต์เพียง  2100 รอบต่อนาทีเท่านั้นเอง
                การทำงานที่ของเครื่องยนต์แม้จะใช้ความเร็วสูง ส่งผลดีหลายๆ อย่างต่อเรี่องการขับขี่ ตั้งแค่เสียงเครื่องยนต์ที่เบากว่าเดิม ซึ่งส่งผลให้ห้องโดยสารมีความเงียบมากยิ่งขึ้น และด้วยความเป็นเครื่องยนต์ 5 สูบของมัน ก็ทำให้ความไพเราะของเสียงเครื่องยนต์ดีขึ้นด้วยไม่ดูเป็นรถกระบะตลาดบ้านๆทั่วไป ซึ่งสร้างความแตกต่างได้พอสมควรในการขับขี่ แต่ก็จะมีข้อเสียงบ้าง  ซึ่งเรื่องหนึ่งก็คือความไม่สมดุลในการทำงาน ของเครื่องยนต์จากความเป็นเครื่องยนต์ 5 สูบ ทำให้หลายครั้งที่เดินทางนานๆ แล้วต้องมาจอดติดไฟแดงก็จะพบว่า เราจะรู้สึกแรงสันสะเทือนที่ไม่ปกติ ลักษณะคล้ายเครื่องยนต์เดินไม่เรียบบ้างเป็นบางครั้ง
Ford Ranger Wildtrak 3.2
                หลังจากพ้นในช่วงแรกของการเดินทางมา จากเส้นทางนครราชสีมามุ่งหน้าสู่บุรีรัมย์นั้น ถนน 8 เลน ถูกปาดออกเหลือข้างละ 2 เลน แต่เส้นทางช่วงที่สองนี้ก็โล่งเพราะมีคนใช้เส้นทางที่ค่อนข้างน้อยพอสมควรในการขับขี่ และจังหวะนี้เราก็ขอลองการทดสอบอัตราเร่ง 80-120 และเราได้ตัวเลขออกมาแบบจัดเต็มๆ ที่ 10 วินาทีแบบเป๊ะๆ!!  อย่างอัศจรรย์การทำสถิติ ซึ่งในช่วงระหว่างที่ได้ลองอัตราเร่งช่วงรอบกลาง ก็เข้าใจว่าทำไมถึงมีการปรับอัตราทดที่แทบจะให้ใช้รอบเครื่องยนต์ตลอดเวลา ด้วยส่วนหนึ่งก็เพราะแรงบิดของเจ้า Ford Ranger  Wildtrak 3.2 มีกำลังแรงบิดสูงสุดอยู่ใช้กลางต่ำคือ 1750-2500 รอบต่อนาที และมันเป็นช่วงที่ตอบสนองดีที่สุดในการขับขี่
                หนทางยังว่าเราเลยจัดต่อเนื่องกับการทดสอบความเร็วสูงสุด ที่เมื่อกดปุ๊ปแรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตรก็ออกมาโชว์พลังในทันที และมันดันเราอย่างรวดเร็วไปยังความเร็ว 160 ก.ม./ช.ม. แต่ว่า พอเริ่มย่างสูง 170 ก.ม./ช.ม. มันก็เริ่มออกออาการตัน ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีการเซทระบบไว้ไม่ใช้ใช้รอบเครื่องสูงในการขับขี่รวมถึงการสั่งจ่ายน้ำมัน และในที่สุด แม้นี่จะเป็นเครื่องยนต์ 5 สูบ ขนาด 3.2 ลิตร แต่มันก็ทำไม่ได้สมศักดิ์ศรีที่เราอุตส่าห์มองว่ามันคือยอดกระบะ เพราะความเร็วปลายนี้เราปิดจ๊อบที่ 178 ก.ม./ช.ม. เท่านั้น
พิสูจน์อีกครั้งบนถนน เลนสวนสมรรถนะที่เปี่ยมล้น กับช่วงล่างแสนสบาย 
                ความเร็วปลายที่น้อยเกินไปหนื่อยเมื่อพูดว่า Ford Ranger  Wildtrak 3.2 เป็นเครื่องยนต์แบบ 5 สูบ นั้น ก็ทำให้เรารู้สึกแปลกๆเหมือนกัน แต่ด้วยส่วนนึ่งแจจะเป็นปัจจัยของผู้โดยสารและสัมภาระ แต่ยังไง มองแล้วก็คิดว่ามันน่าจะไปได้อีกด้วยหลักข้อเท็จจริงของเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรเครื่องที่มีความจุดมากกว่า ทว่าสิ่งที่เราทดสอบก็ยังคือความจริงแม้จะทดสอบในรอบที่ 2 และ รอบที่สามอย่างต่อเรื่อง ตัวเลขที่ได้ก็ไม่เคยเกิน 180 ก.ม./ช.ม.เลยสักครั้ง ทำให้เราอนุมานว่าน่าจะมีการสั่งระบบบางอย่างไว้เพื่อควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์เหมาะสม ไม่มากไปจนเป็นอันตราย โดยเฉพาะกับรถยนต์ทีมีความใหญ่และสูงโย่งเช่นนี้
Ford Ranger Wildtrak 3.2
                ใครที่เคยมาอุบลราชธานี โดยขับรถยนต์มานั้น คงพอจะทราบกันบ้างว่า การเดินทางไปยังจังหวัดใหญ่ชายแดนนั้น ตั้งแต่ช่วงบุรีรัมย์เป็นต้นมาเราจะต้องขับขี่บนถนนสองเลนสวนอีกตลอดระยะทางที่เหลือและนั่นก็ทำให้เราได้ทดสอบความสามมารถอีกครั้งในเรื่องของอัตราเร่ง
                ในการขับขี่ถนน 2 เลน สวนนั้น ปัจจัยที่สำคัญก็ดูท่าจะไม่พ้น ที่เครื่องยนต์ที่มีการทำงานดีให้อัตราเร่งสูงจะมีส่วนสำคัญอย่างมาก เช่นเดียวกับระบบช่วงล่างที่ต้องวางใจได้ ซึ่งความจริงตลอดการเดินทาง สิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างใน Ford Ranger  Wildtrak 3.2 คือระบบกันสะเทือนของมัน ที่แม้ทั้งหมดจะยังอยู่บนพื้นฐานของ ช่วงล่างด้านหน้าแบบปีกนกอิสระ 2 ชั้น และด้านหลังใช้แบบแหนบแผ่นซ้อน ตามกฎของช่วงล่างรถยนต์กระบะทั่วๆไป แต่ มันก็สามารถซับแรงกระแทกได้ดีกว่า แถมยังไม่ได้ให้ความรู้สึกที่หยาบกระด้าง แต่มันกลับหนึบแน่น ให้ความรู้สึกที่เป็นเก๋งที่มากกว่ากระบะ แถมมิหนำซ้ำเมื่อเทียบกับรถยนต์นั่งบางรุ่นในระดับรถหรูมันยังสามารถปีนเกลียวขึ้นไปเทียบชั้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ และแม้จะนิ่มจนคนข้างหลังกล้าพูดว่าไม่มีปัญหาในเรื่องการสะเทือนจนคย่อนอาหารออกมา แต่เรื่องการทรงตัวก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร เพราะไม่ว่าจะโค้งแคบหรือยาว ก็ยังให้ความมั่นใจอย่างมาก ด้วยส่วนหนึ่งจากการทำงานของระบบควบคุมการทรงตัว แต่เมื่อมองว่ารถกระบะ 4X4 ที่มีความสูงขนาดนี้ สามารถตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้ดีมากขนาดนี้ มันก็เป็นอะไรที่มากกว่า ที่คิด
                เมื่อช่วงล่างที่ดีผสานกับการทำงานของเครื่องยนต์ที่หนักหน่วงตลอดเวลา Ford Ranger  Wildtrak 3.2 ก็กลายเป็นจรวดทรงเรียบดีๆที่เหมือนสัตว์ร้ายบนถนน และเมื่อประกอบกับหน้าตาที่โหดของมัน อารมณ์ที่เร่งอย่างดุดัน ก็ไม่น่าแปลกที่เราจะพบว่ารถหลายคันขออาสาหลบทางให้เจ้ากระบะยักษ์คันนี้ ได้ผ่านไป เรียกว่าเหมือนใบเบิกทางดีๆ ที่ไต้องพึ่งแตร แต่ใช้บุคลิกของรถยนต์ให้เป็นประโยชน์
Ford Ranger Wildtrak 3.2
                ยิ่งเมื่อพูดถึงการเร่งแซงทำได้แทบทุกจังหวะ ก็ยิ่งเพิ่มความประทับใจในการขับขี่ Ford Ranger  Wildtrak 3.2 แต่แล้วเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดก็เริ่มทำให้เราเข้าใจว่าเกียร์ที่เยอะก็ไม่ได้มีดีเสมอไปเพราะ ในบางจังหวะที่เราแซงมาเจอรถคันหน้าที่ช้ากว่านั้น ระบบเกียร์จะมีการปรับตัวช้าบ้างเป็นบางจังหวะ แต่มันก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการเข้าสู่โหมดสปอร์ตในการขับขี่  สามารถชักขึ้น-ลงตามสะดวก แต่ก็ต้องเรียนรู้ที่จะจับจังหวะบ้างในการขับขี่ และเมื่อคุ้นชิน การควบคุมเจ้า 3.2 ก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะมันจะสามารถเร่งได้อย่างทันใจตามความต้องการ จนใครที่ขับตามต้องไม่เชื่อว่ากระบะที่มีพิกัดระดับ 2 ตันสามารถเร่งแซงได้ไม่ต่างจากรถสปอร์ตชั้นนำทั่วๆไป
เที่ยวเมืองอุบลกับสมรรถนะลุย
                เรามาถึงอุบลอย่างปลอดภัยด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ต้องเรียกว่า เร้าใจตลอดเส้นทางการเดินทางและ ในการมาเยือนอุบลครั้งนี้ สถานที่อย่างสามพันโบกก็ทำให้เรามีความรู้สึกที่ต้องเดินทางไปให้ถึงให้ได้กับสุดขอบของเมืองท่าทางอีสานที่สำคัญ
                การขับรถไปสามพันโบก ตลอดเส้นทางนั้นก็ยังคงความเป็นถนน 2 เลนสวนเช่นเคยและเช่นเดียวกับการเดินทางก่อนหน้านี้  มันให้อารมณ์การขับขี่ที่ลงตัวสบายและมั่นใจได้ ซึ่งต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งมาจากแรงบิดที่ดีในช่วงรอบเครื่องยนต์ที่เราได้ใช้งานจริง ทำให้มันลงตัว
Ford Ranger Wildtrak 3.2
                เราใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึงปลายทาง ซึ่งช่วงที่เรามาในปลายเดือนตุลาคมนั้นเป็นช่วงที่โบกพึ่งโผล่พ้นนำมาพอดี และรถยนต์ก็สามารถลงไปจอดแต่ต้องลงไปแบบว่าลุยๆกันเล็กๆน้อย เราเลยลองใช้เกียร์ขับเคลื่อน 4 ลงลงไปลุยปีนป่ายสักหน่อยพอเป็นพิธี
                การใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ใน Ford Ranger  Wildtrak 3.2 ใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก  ด้วยการออกแบบระบบที่ยังมาพร้อมฟังชั่นกรขับขี่แบบเดิม คือ 4 L 4H  และ 2H  ตามแต่การใช้งานที่เหมาะสม และครั้งนี้เราใส่ 4 L เพื่อลองขับขี่ ซึ่ง มันก็ให้อารมณ์การขับขี่ที่ลงตัว เครื่องยนต์ 3.2 ลิตรที่ทรงพลังสามารถพาเราฝ่าฟันอุปสรรคลงไปได้ หรือแต่ระบบช่วยเหลือต่างๆ อย่างระบบช่วยลงทางลาดชันเองก็ตาม แต่จากที่มาลุยสั้นๆ เราก็ค้นพบว่า  แม้จะมีสมรรถนะดีแต่เรือนร่างที่ใหญ่อาจจะมากไปหน่อย อาจจะเป็นปัญหาบ้างในการลุยจริง
                ยิ่งเมื่อพูดว่าขับทางออฟโรดต้องรู้รอบทิศนั่นก็คือความสำคัญ เพราะการวางล้อเพื่อผ่านอุปสรรคก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากบ้างพอสมควร ในการขับขี่หากต้องการนำเจ้ายักษ์คันนี้ไปลุย แต่ทุกอย่างจะมีทางออกเมื่อคุณคุ้นชินกับรถมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ประหยัดหายห่วง ...
                จริงๆก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าประหยัดได้หรือเปล่าเพราะตั้งแต่เราเลือกรถยนต์คันนี้มาเราก็ไม่ได้คิดที่จะใส่ใจว่ามันเป็นรถยนต์ที่จะเซฟน้ำมันกันสุดๆอะไรแบบนั้น เพราะเรามองว่า นี่คือกระบะที่สามารถตอบสนองอะไรมากกว่าที่เราเคยคิดในรถกระบะคันหนึ่งจะสามารถทำได้
Ford Ranger Wildtrak 3.2
                เครื่องยนต์ 3.2 ลิตร 5 สูบแถวเรียงอาจจะไม่ใช่ทางเลือกของคนทั่วไปแต่เมื่อถามว่ามันซดน้ำมันแบบไม่ยั้งใช่หรือไม่คำตอบคือไม่ใช่และเราได้ทดสอบอัตราประหยัดไปพร้อมกันด้วยระหว่างทาง และท้ายสุดก่อนหมดถัง เราได้ตัวเลขประหยัดที่ 9.7 ก.ม./ลิตร ในการเดินทางนอกเมือง ด้วยระยะทาง 608 ก.ม. ก่อนที่จะเติมกลับถังไป 62.7 ลิตร ถือว่าเป็นอัตราประหยัดที่น่าประทับใจไม่น้อย ยิ่งเมื่อนับว่าตลอดการเดินทางก็ใช้ความเร็วพอสมควรในการขับขี่ ตั้งแต่ 120-140 ก.ม./ช.ม. ตามแต่สภาพเส้นทาง
            Ford Ranger Wildtrak 3.2  อาจจะไม่ใช่รถยนต์ที่หลายคนถวิลหามากนัก แต่มันก็เป็นการสื่อถึงความก้าวหน้าของกระบะ ที่ทั้งเปี่ยมด้วยการออกแบบดีไซน์ สมรรถนะในการขับขี่ ไปจนถึงความพร้อมการใช้งานแบบไม่ต้องการอะไรเพิ่มเติม ถ้าถามว่าราคา 1.099 ล้านบาท มันคุ้มค่าที่จับจองไหมเป็นเจ้าของข้อนี้ก็ต้องยอมรับว่า นี่คือกระบะที่ดีที่สุดในชั่วโมงนี้ ถ้ากำลังมองหาปิคอัพที่ตอบโจทย์เรื่องไลฟ์สไตล์
ผลการทดสอบ Ford Ranger Wildtrak 3.2
Ford Ranger Wild trak 3.2  ราคาจำหน่าย 1,099,000 บาท

เครื่องยนต์และการทำงานของเครื่องยนต์
เครื่องยนต์แบบ 5 สูบแถวเรียง ขนาด 3200 ซีซี
ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า ที่ 3000 รอบต่อนาที
แรงบิดสุงสุด 470 นิวตันเมตร  1750 -2500 รอบต่อนาที
การทำงานของเครื่อง
ที่ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 1750 รอบต่อนาที
ที่ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 1900 รอบต่อนาที
ที่ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 2100  รอบต่อนาที
ที่ความเร็ว 130 ก.ม./ช.ม. เครื่องยนต์ทำงาน 2250 รอบต่อนาที
สถิติความเร็วสูงสุด 178 ก.ม. /ช.ม. / ทดสอบจาก  V-Box  177.35 ก.ม./ช.ม.
อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. 11.9 วินาที  /  ทดสอบจาก  V-Box 12.23 วินาที
อัตราเร่ง 80- 120  ก.ม./ช.ม. 10 วินาที
ทดสอบจาก  V-Box  เวลา 0-400 เมตร ได้ 18.44 วินาที
อัตราประหยัดจากการทดสอบ  9.7 กิโลเมตร / ลิตร
 
ตารางคะแนนผลการทดสอบ Ford Ranger Wildtrak 3.2
คะแนนที่สามารถทำได้  94 คะแนน
หัวข้อ
คะแนน (หมวดละ  20 คะแนน)
คำแนะนำและติชม
การออกแบบภายนอก
20
ความแข็งแกร่งบึกบึนเป็นการตอบโจทย์ที่ชัดเจนมากถึงเรื่องการออกแบบของรถกระบะคันนี้ที่มีดีมากมาย ทุกอย่างถูกรังสรรค์มาอย่างลงตัวและการให้ ดีไซน์อเมริกันแท้ คือสิ่งที่เราหลายคนคาดหวังและก็ได้เห็นมันจริงๆ เมื่อประกอบกับชุดแต่งจากโรงงานที่เสร็จสรรพในรถคันนี้มันคือความลงตัวอย่างหาที่สุดไม่ได้
การออกแบบภายในห้องโดยสาร
19
ห้องโดยสารที่ตบแต่งมาพิเศษเป็นอย่างดีในรุ่น Wildtrak เป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่รักความสปอร์ต แต่เมื่อมันเปี่ยมไปด้วยความสปอร์ตก็ย่อมจะขาดความหรูหรา ซึ่งความจริงแล้ว มันเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับรถยนต์ที่มีราคาระดับล้านอัพในบ้านเรา
เครื่องยนต์
18
เครื่อง 3.2 ลิตร 5 สูบแถวเรียงให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า เป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายเช่นกันในด้านการวิศวกรร ซึ่งมันมีข้อดีเรื่องกำลัง แต่ก็เช่นกันคุณต้องแลกด้วยน้ำมันเพื่อที่ จะนำเอาสมรรถนะออกมา แต่จะกลัวอะไรถ้าซื้อรถระดับนี้หรือว่าไม่จริง

Credit : http://auto.sanook.com
รื่อง ภาพ และ ขับทดสอบ โดย ณัฐยศ ชูบรรจง
ขอบคุณ น้ำมันเครื่องยนต์  PTT  ร่วมสนับสนุนการเดินทาง
ขอบคุณรถทดสอบ  Ford Ranger 3.2 Wildtrak จาก ฟอร์ด ประเทศไทย
ขอบคุณ นิตยสาร Driven  ในการช่วยเหลือการทดสอบ Ford Ranger  กับ กล่อง  V -Box  
ชมคลิปทดสอบ  Ford Ranger Wildtrak 3.2