วิธียื่นคืนภาษีรถคันแรก ให้เร็วทันใจ ไม่เสียเวลา
กำลังเป็นที่สนใจในตอนนี้ สำหรับการยื่นเรื่องขอรับคืนภาษีในนโยบายรถคันแรกที่รัฐบาลออกมาตั้งแต่ปี 2554 โดยกลุ่มผู้ที่ซื้อรถคันแรกมี 2 กลุ่มหลัก คือ 1. กลุ่มคนรายได้ปานกลางขึ้นไปแต่ต้องการซื้อรถใหม่ให้กับลูกหลานหรือคนในครอบครัว ซึ่งกลุ่มนี้ เจ้าของรถจะเป็นนักศึกษากว่า ร้อยละ 10 และกลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มคนรายได้น้อย รายได้ไม่เพียงพอในการผ่อนรถราคาสูง ซึ่งปัจจุบันก็มีผุ้ที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้แล้วกว่า 400,000 คน
สำหรับนโยบายรถคันแรกนี้ ได้เริ่มขึ้นมาตั้งแต่ 16 กันยายน 2554 และล่าสุดได้ถูกขยายเวลาออกไปจนสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2556 ซึ่งนับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก็มีผู้ที่เข้ามายื่นเรื่องขอคืนภาษีรถคันแรกเป็นจำนวนมาก บางคนต้องเสียเวลานานกว่าจะทำเรื่องธุระนี้ได้เสร็จสิ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งที่ทำให้ผู้ที่เดินทางมายื่นเอกสารหลายต่อหลายคนต้องเสียเวลาไปยิ่งกว่าการรอคิวนั้นก็คือ การยื่นเอกสารไม่ครบถ้วน
ดังนั้น สำหรับใครที่วางแผนจะไปยื่นขอคืนภาษีรถคันแรก จึงควรที่จะศึกษาข้อมูลก่อนที่จะเดินทางไปยื่นเอกสารจริง และตรวจทานให้ดีเสียก่อนว่าเอกสารเหล่านั้นครบถ้วน โดยสิ่งแรกที่ต้องทำก่อนการเตรียมเอกสารก็คือ ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารถของคุณอยู่ในเงื่อนไขรถคันแรกครบทุกข้อหรือไม่ ดังนี้
1. เป็นรถยนต์คันแรกที่ซื้อตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555
2. เป็นรถยนต์ราคาขายปลีกไม่เกิน 1,000,000 บาท/คัน
3. เป็นรถยนต์นั่งขนาดความจุกระบอกสูบไม่เกิน 1,500 ลูกบาศก์ เซนติเมตร / รถยนต์กระบะ (Pick up)/รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (Double Cab)
4. เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)
5. คืนเงินเท่ากับภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท/คัน
6. ผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
7. ผู้ซื้อต้องครอบครองรถยนต์ไม่น้อยกว่า 5 ปี
8. การคืนเงินจะคืนให้เมื่อครอบครองรถยนต์ 1 ปีไปแล้ว (จ่ายคืนให้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป)
9. สามารถซื้อรถแบบเงินผ่อนผ่านไฟแนนซ์ หรือเงินสดก็ได้
10. รถมือสองไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ เนื่องจากรถมือสองไม่มีภาษีสรรพสามิตในการซื้อ-ขาย
เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจว่ารถของคุณอยู่ในเงื่อนไขที่สามารถรับคืนภาษีรถคันแรกได้ ขั้นตอนต่อไปก็คือ การเตรียมเอกสารให้พร้อมและครบถ้วน โดยเอกสารที่ต้องใช้ยื่นเพื่อทำเรื่องขอรับคืนภาษีรถคันแรก ประกอบไปด้วย
1. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ผู้มีสัญชาติไทย)
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ (ถ้ามี)
4. สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ขอใช้สิทธิ์ฯ (แต่เพียงผู้เดียวและต้องเป็นธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศเท่านั้น)
บัญชีที่ใช้ได้ ได้แก่ บัญชีออมทรัพย์ , บัญชีสะสมทรัพย์ , บัญชีเผื่อเรียก และบัญชีกระแสรายวัน
บัญชีที่ใช้ไม่ได้ ได้แก่ บัญชีเงินฝากประจำ , บัญชีออมทรัพย์พิเศษ , บัญชีสะสมทรัพย์พิเศษ , บัญชีเผื่อเรียกพิเศษ และบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ จำกัด
5. ใบจองรถยนต์ (ชื่อผู้ซื้อที่ระบุไว้ในใบจองรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2555 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2555 จะต้องเป็นบุคคลเดียวกันกับผู้ซื้อรถยนต์ที่ยื่นขอใช้สิทธิ์ฯ)
หลังจากตรวจทานเอกสารจนครบทั้ง 7 ข้อด้านบนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ การยื่นเอกสารเพื่อทำเรื่องขอคืนภาษี ซึ่งสำหรับการยื่นเอกสารภาษีรถคันแรกนั้น ปัจจุบัน กรมสรรพสามิตได้อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน โดยเปิดให้ยื่นได้ 2 ช่องทาง คือ
1. นำเอกสารไปยื่นที่ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ / พื้นที่สาขา หรือ ยื่นที่ อาคารหอประชุม / อาคารสโมสร กรมสรรพสามิต โดยตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคมนี้เป็นต้นไป สามารถยื่นแบบฟอร์มได้ ในเวลา 17.00-20.00 น. วันจันทร์ – ศุกร์ พร้อมกันนี้ในช่วงวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ วันเสาร์ – อาทิตย์ – จันทร์ ที่ 29-31 ธันวาคม 2555 ทางกรมสรรพสามิตจะเปิดให้ผู้ซื้อรถสามารถเข้าไปยื่นเอกสารได้ตามปกติ
2. ยื่นเอกสารผ่าน https://firstcar.excise.go.th โดยผู้ที่ต้องการยื่นเอกสารผ่านช่องทางนี้จำเป็นที่จะต้องทำการลงทะเบียนกับเว็บไซต์เสียก่อน ซึ่งสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก "คู่มือการยื่นขอใช้สิทธิ์ฯ ผ่านอินเทอร์เน็ต โครงการรถยนต์ใหม่คันแรกตามนโยบายรัฐบาล"
นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจยังสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มที่เกี่ยวข้องยื่นภาษีรถคันแรก ได้ดังนี้
เพียงแค่ตรวจสอบว่ารถของคุณเข้าเงื่อนไขหรือไม่ เตรียมเอกสารที่ต้องใช้ให้เรียบร้อย และครบถ้วน และยื่นเอกสารผ่านช่องทางที่กรมสรรพสามิตอำนวยความสะดวกไว้ให้ ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ก็จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาและลดปัญหายุ่งยากในการไปยื่นเรื่องได้แล้ว และที่เหลือก็รอรับเงินภาษีของคุณคืนได้เลย แต่ขอย้ำสักนิดว่าสำหรับผู้เข้าร่วมนโยบายรถคันแรกนี้ จะต้องเป็นเจ้าของรถคันที่เข้าโครงการนี้ตลอดระยะเวลา 5 ปีนับตั้งแต่ตอนที่ซื้อมา ไม่เช่นนั้นถือว่าผิดเงื่อนไข ซึ่งจะทำให้เสียสิทธิ์นั้นและต้องนำเงินที่ได้รับไปมาส่งคืน ณ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ ภายใน 15 วันทำการ
และสำหรับใครที่มีข้อสงสัย สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่https://firstcar.excise.go.th/ หรือ ติดต่อสอบถามได้ทางสายด่วน 1713 หรือสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่/สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่สาขาทั่วประเทศ
สำหรับที่อยู่ – เบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานกรมสรรพสามิต
กรมสรรพสามิต กรุงเทพมหานคร 3
(บางซื่อ, ดุสิต, ราชเทวี, พญาไท, ดินแดง, ห้วยขวาง, วัฒนา, คลองเตย, พระโขนง)
ที่ตั้ง : เลขที่ 1488 ถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 กรมสรรพาสามิต ชั้น 1
เบอร์โทรศัพท์ : 02-241-5600-10
กรมสรรพสามิต ชลบุรี 1
(อำเภอเมือง, อำเภอบ้านบึง, อำเภอหนองใหญ่, อำเภอพานทอง, อำเภอพนัสนิคม, อำเภอบ่อทอง, กิ่งอำเภอเกาะจันทร์)
ที่ตั้ง : ศาลากลางจังหวัดชลบุรี ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี 20000
เบอร์โทรศัพท์ : 038-278-700-1
กรมสรรพสามิต ชลบุรี 2
(อำเภอบางละมุง, อำเภอศรีราชา, อำเภอเกาะสีชัง, อำเภอสัตหีบ)
ที่ตั้ง : 53 หมู่ 9 อาคารทะเลทอง ชั้น 6 ถนนสุขุมวิท ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี 20230
เบอร์โทรศัพท์ :
กรมสรรพสามิต สมุทรปราการ 1
(อำเภอพระประแดง, อำเภอพระสมุทรเจดีย์, อำเภอเมือง)
ที่ตั้ง : 4/1 ถ.สุทธิภิรมย์ ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ 10270
เบอร์โทรศัพท์ :
กรมสรรพสามิต สมุทรปราการ 2
(อำเภอบางบ่อ, อำเภอบางพลี, อำเภอบางเสาธง)
ที่ตั้ง : 12/555 หมู่ 15 อาคารกุหลาบ ถนนบางนา-ตราด ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10490
เบอร์โทรศัพท์ : , 02-317-1203-5
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก
กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง
กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง
Post a Comment