ประวัติน้องนนท์(NON)ธนนท์ จำเริญ แชมป์คนแรกของThe Voice Thailand เดอะวอยซ์ไทยแลนด์เสียงจริงตัวจริง
ปรบมือดัง ๆ ให้กับน้องนนท์ ธนนท์ จำเริญ the voice thailand สุดยอดมาก หลังจากที่โชว์ร้องเพลงคาถามหานิยม ในเพลงลูกทุ่งของยอดรักสลักใจ ในวันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม 2555 หลังจากที่หลายคนถูกหนุ่มน้อยคนนี้เป่าคาถาให้หลงรักกันแล้วลองไปดูกันครับว่าน้องนนท์มีประวัติความเป็นมากันอย่างไรซึ่งทางเว็บไซต์Ruengdd.com ได้เรียบเรียงมาให้อ่านกันแล้ว
ประกาศผล นนท์ ธนนท์ The Voice คนแรกของเมืองไทย
นนท์ The Voice
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก TheVoiceThailand
และแล้วก็มาถึงสัปดาห์สุดท้ายของรายการ The Voice รายการเพื่อเฟ้นหานักร้องเสียงดีจากทั่วประเทศ ซึ่งในสัปดาห์นี้ เหลือก็ผู้เข้าแข่งขันเพียง 4 คน จากทั้ง 4 โค้ช โค้ชก้อง, โค้ช เจนนิเฟอร์ คิ้ม, โค้ชสแตมป์ และโค้ชโจอี้บอย ซึ่งในรอบนี้ ผลการตัดสินจะมาจากทางบ้านทั้งหมด โดยนับจากคะแนนโหวตและการดาวน์โหลดซิงเกิ้ลของผู้ชมทางบ้าน พร้อมกับที่ The Voice จะได้รับรางวัลเป็นเงินสด 1 ล้านบาท รถยนต์โตโยต้า พรีอุส รุ่นท๊อป การเซ็นสัญญากับทรูมิวสิค การันตีรายได้ 3 ปี 4.5 ล้านบาท และเงินรางวัลพิเศษจากทรู
รายการ The Voice เริ่มต้นที่โชว์เพลง เดือนเพ็ญ ของ โค้ชเจนนิเฟอร์ คิ้ม กับหนุ่มน้อยเสียงใส ต๊ะ ตระการ ซึ่งต้องบอกว่า ทั้งสองคนร้องเพลงออกมาได้เพราะจับใจ โดยเฉพาะเสียงนุ่ม ๆ ของต๊ะ ที่ผสานกับเสียงหวานของโค้ชคิ้มแล้ว คงทำเอาผู้ชมขนลุกเลยล่ะ
จากนั้น จึงเป็นโชว์เพลงแรกของ คิง พิเชษฐ์ จากทีมแสตมป์ ที่มากับเพลง ผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก แม้ว่าเพลงนี้ คิงอาจจะไม่ได้โชว์พลังเสียงสุดยอดเหมือนในรอบที่ผ่านมา ๆ แต่กับดนตรีเบา ๆ ฟังสบาย และเสียงนุ่มลึกของคิง ก็ทำให้โชว์นี้กลายเป็นโชว์เรียบง่ายที่พิเศษไม่เบาทีเดียว
ต่อมา จึงเป็นการโชว์ร้องเพลงคู่กันของ โค้ชก้อง และ นนท์ ธนนท์ ในเพลง เพราะอะไร ถึงแม้นนท์จะถนัดเพลงลูกทุ่ง แต่พอมาร้องเพลงช้าเบา ๆ นุ่ม ๆ แล้ว นนท์ก็ทำได้ดีไม่มีที่ติ และยิ่งร้องคู่กดันกับโค้ชก้องแล้ว คงเรียกคะแนนโหวตจากแม่ยกทั้งหลายได้ไม่น้อยเลยล่ะ
จากนั้น จึงเป็นการโชว์เพลงของ เก่ง ธชย หนุ่มน้อยขวัญใจเด็กแนว กับเพลงทศกัณฐ์มานะ ซึ่งเก่งเอง ก็มากับเพลงนี้ที่ทำนองสนุก ๆ กวน ๆ ตามสไตล์ถนัดของเจ้าตัว แถมยังมีท่อนร้องโขน พร้อมกับมีเหล่ายักษ์ทั้งหลายพากันขึ้นมาบนเวที ถือเป็นการผสานความเป็นไทยเข้ากับเพลงร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี
หลังจากนั้น จึงเป็นการร่วมร้องเพลงของ โค้ชแสตมป์ และ คิง พิเชษฐ์ ในเพลง วัดใจ ที่โค้ชสแตมป์ ร้องเพลงอ้อนเรียกเสียงโหวตจากผู้ชมทางบ้านสุดฤทธิ์ และโดยเฉพาะท่อนขึ้นเสียงสูง ที่คิง ได้โชว์พลังเสียงแนวถนัดออกมาได้อย่างเต็มที่ เรียกเสียงปรบมือกึกก้องทั่วห้องส่งเลยทีเดียว
โชว์ต่อมา เป็นโชว์เพลงของ นนท์ ธนนท์ กับเพลงแรกของเขาในเพลง ยังไม่เคย เพลงเพลงเร็วจังหวะสนุก ๆ กวน ๆ ตามสไตล์ผู้ชายขี้อายอย่างนนท์ ซึ่งทำเอาทั้งห้องส่งลุกขึ้นมาเต้นกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะที่โค้ชทุกคนยืนยันว่า ลีลาของนนท์ เด็ดดวงจริง ๆ
หลังจากโชว์ของนนท์ ก็เป็นการโชว์ของเพลงของ เก่ง ธชย ที่มาร่วมกันร้องเพลงกับโค้ชโจอี้บอย ในเพลงร่วมสมัยอย่าง ยายสำอาง ซึ่งเก่งเอง ขอโชว์ความสามารถการร้องเสภา มาประยุกต์ร้องร่วมกับทำนองเพลงสมัยใหม่ กลายเป็นเพลงไทยที่มีกลิ่นอายความเป็นสากลที่ลงตัว
และโชว์สุดท้าย เป็นโชว์ของ ต๊ะ ตระการ กับเพลงนักร้องคนเก่า ที่ต๊ะบอกว่า ขอมอบเพลงนี้ให้กับคุณแม่ที่มาชมในห้องส่งด้วย และจากเสียงเพราะ ๆ หวาน ๆ ของต๊ะ ก็ถึงกับทำเอาคุณแม่น้ำตาซึม และผู้ชมในห้องส่ง ซาบซึ้งถึงความรักความห่วงใยที่เด็กคนนี้มีต่อแม่ อีกทั้งยังคงเรียกเสียงกรี๊ดและคะแนนโหวตได้มากเหมือนเดิม
จนมาถึงการประกาศผล ที่ทั้ง คิง นนท์ เก่ง ต๊ะ ต่างขึ้นมาร่วมจับมือกันบนเวที เพื่อประกาศผลว่า ใครคือคน The Voice คนแรกของประเทศไทย โดยเริ่มจากการประกาศผล 2 คนที่ได้คะแนนสูงสุดก่อน ผลปรากฎว่า เก่ง ธชย และ นนท์ ธนนท์ กลายเป็นผู้ที่มีคะแนนสูงสุด จากนั้น วินาทีสำคัญก็มาถึง เมื่อพิธีกร ประกาศผลว่า นนท์ ธนนท์ เป็น The Voice คนแรกของไทย
ต่อมา นนท์ ก็มีโอกาสได้ร้องเพลง กระเป๋าแบนแฟนยิ้ม ได้อย่างประทับใจกรรมการ จนทำให้นนท์ ได้เดินต่อในเส้นทางนี้ ก่อนที่นนท์ จะมาร้องเพลง ขอบใจจริง ๆ ในวีคที่ 12 ซึ่งกับเพลงแนวรัก ๆ ซึ้ง ๆ จนเริ่มมีแฟนคลับหนาแน่น ตามมาโหวตและให้กำลังใจนนท์จนถึงที่สุด และทำให้นนท์ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ พร้อมกับที่นนท์ กลับมาเรียกเสียงกรี๊ดและเสียงโหวตในเพลง คาถามหานิยม ที่ครั้งนี้ นนท์มาในแนวลูกทุ่งสุดถนัด ทำเอาเหล่าแม่ยกเคลิ้มตามกันไปเป็นแถบ และวีคสุดท้าย ที่นนท์มากับเพลง ยังไม่เคย เพลงใหม่ล่าสุดของตัวเอง และด้วยผลโหวตจากผู้ชมทางบ้าน พรสวรรค์ และการฝึกปรือที่ไม่หยุดนิ่ง ก็ส่งให้นนท์ กลายเป็น The Voice คนแรกของประเทศไทย
ประวัติ นนท์ The Voice
นนท์ ธนนท์ จำเริญ อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนสตรีภูเก็ต หนุ่มน้อยเสียงดี น้ำเสียงมีพลัง ที่มาประกวดรายการนี้ เพราะเป็นรายการที่คัดจากเสียง ไม่ใช่หน้าตา ก็ได้ใจผู้ชมไปเต็ม ๆ เรียกได้ว่า มีทั้งแฟนคลับและแม่ยก ที่หลงรักเสียงของหนุ่มน้อยคนนี้เป็นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
สำหรับ นนท์ ธนนท์ จำเริญ เข้าประกวดรายการ The Voice Thailand รอบ Blind Audition ในเพลง ฟ้า ของ แทตทู คัลเลอร์ (Tattoo Colour) และได้อยู่ทีม โค้ชก้อง สหรัถ แม้ว่าจะเลือกเพลงสตริง แต่เจ้าตัวบอกว่า ร้องเพลงลูกทุ่งมาก่อน โค้ชโจอี้บอย จึงขอให้เขาลองร้องเพลงลูกทุ่งให้ฟัง ซึ่ง นนท์ ก็ร้องเพลง ล่องเรือหารัก ทำเอาทั้งกรรมการและผู้ชมในห้องส่งออกอาการเคลิ้ม และบอกว่า น่าจะร้องเพลงลูกทุ่งตั้งแต่แรก
ต่อมาในรอบ Battle นนท์ ก็ได้โชว์เพลงลูกทุ่งที่ถนัด ประชันกับผู้เข้าประกวดรุ่นใหญ่อย่าง ตู่ เชาวฤทธิ์ อัสม์เดชา และ โม โมกุน ปี่แก้ว ในเพลง รักคุณยิ่งกว่าใคร ของ ก๊อต จักรพันธ์ ซึ่ง นนท์ ก็ได้ใจแม่ยกอย่าง โค้ชคิ้ม ไปเต็ม ๆ และได้เข้ารอบการแสดงสด จากนั้นก็ได้โชว์เพลง กระเป๋าแบนแฟนยิ้ม ของ The Richman toy ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และผ่านเข้ารอบต่อไปได้ในที่สุด
แม้ว่า นนท์ จะเริ่มเป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างจากเวที The Voice Thailand แต่เขาก็เคยผ่านการแสดงในรายการโทรทัศน์ชื่อดังอย่าง รายการตีสิบ ในช่วง ดันดารา มาแล้ว ในเพลง ฮักกันบ่ได้ดอก จากนักร้องในวงซุปเปอร์แดนซ์ ทำ ให้หลายคนรู้จักเขาในชื่อ น้องนนท์ ตีสิบ จากนั้น เขาก็ก้าวเข้าสู่ถนนสายดนตรีอย่างเต็มตัว ด้วยอัลบั้มแรกของเขาและเพื่อนเยาวชนจากจังหวัดภูเก็ต ในชื่อวง Sicma ซึ่งเป็นผู้ชนะจากการประกวด Acoustic Contest Aids Project เนื่องในวันเอดส์โลก 1 ธันวาคม 2554 ในอัลบั้ม The Aids - Acoustic Album กับเพลงแนวอคูสติก ฟังสบาย ๆ พร้อมเสียงนุ่ม ๆ ของเขา ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี
เก่ง The Voice
คิง The Voice
นนท์-เดอะ วอยซ์ "กิ้งก่า"กับ"คุณค่าของมนุษย์"
"ตั้งแต่เกิดไม่คิดว่าจะมีคนมาเสียเงินให้เรา เพราะอย่างแม่ บางทีขอเงินซื้อของเล่นยังไม่ซื้อให้เลย แล้วนี่มีใครไม่รู้เขาเลือกโหวตเรา เลือกเสีย 6 บาทให้ผม ให้ผมได้ทำตามความฝัน"
เปิดตัวอย่างฮือฮาด้วยกติกาที่บอกชัดเจนว่า คนที่จะชนะบนเวที "The Voice" คือคนที่เดินทางผ่าด่านหินมาพร้อม "เสียง" ไม่เกี่ยวกับรูปลักษณ์หน้าตา
ดังนั้น เมื่อสิ้นเสียงประกาศว่า "นนท์-ธนนท์ จำเริญ" เด็กหนุ่มวัย 16 ปี นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 4 จากโรงเรียนสตรีภูเก็ต คว้าตำแหน่ง "เดอะ วอยซ์ คนแรกของเมืองไทย" หลายคนก็ตื่นเต้น
โดยส่วนหนึ่งดีใจที่คนซึ่งตัวเชียร์ ชนะสมใจอยาก
หากอีกส่วนหนึ่งบอกว่า งานนี้พลิกโผ เพราะนึกว่าคนที่มาจะเป็นอีกราย
จะว่าไปนนท์เองก็ว่าเขาน่ะอยู่ "ส่วนหลัง"
"ผมก็ไม่คิดเหมือนเขาล่ะครับ ผมก็ไม่คิดเหมือนกัน" นนท์ซึ่งเปิดใจให้เราฟัง หลังรู้ผลตัดสินได้ไม่กี่นาที บอกซ้ำๆ ระหว่างยืนอยู่บนเวที ด้วยใบหน้าที่แม้จะเจือด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ดูงงๆ
ก่อนจะนั่งลงตรงขอบเวทีแล้วเล่าต่อว่า นี่ไม่ใช่รายการประกวดร้องเพลงรายการแรกที่เขาเดินทางไกลจากบ้านใน จ.ภูเก็ต มาตามหาฝัน แต่ครั้งก่อนๆ นั้นล้มเหลว
"ครั้งนี้ก็ไม่คิดว่าจะได้อะไรเลย"
ตอนแรกไม่คิดมาด้วยซ้ำ-เขาว่า
เพราะคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม หากความที่ครูเชียร์จึงตัดสินเอาก็เอา
จากนั้นพอรู้ว่าได้สิทธิมาร้องบนเวทีจริงความตื่นเต้นก็มาเยือน
แถมมากันเพียบตอนต้องขึ้นเวทีครั้งแรก
"เวทีบ้านผมมันไม่มีพื้นเป็นไฟแบบนี้ เป็นแต่เวทีไม้" นนท์พูดติดตลก ดูต่างจากภาพที่เห็น เพราะยามไม่ได้อยู่บนเวที เหมือนจะเป็นคนนิ่งๆ เฉยๆ ไม่เฮฮา
ซึ่งคงเหมือนกับที่โค้ช "ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา" บอกว่ายิ่งคุ้นเคย ก็ยิ่งได้รู้ว่าตัวจริงน่ะทะเล้นใช้ได้
"ตอนนั้นไม่ลุ้นครับ" นนท์บอกอีก
"แค่รู้สึกว่าจะทำยังไงให้ความรู้สึกตื่นเต้นมันหายไป เพราะว่าอึดอัดมาก"
จากนั้นความรู้สึกก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นดีใจเมื่อถูกโค้ชเลือก
ดีใจขึ้นไปอีกเมื่อผ่านเข้ารอบมาเรื่อยๆ หากคราวนี้มีความ "ตกใจ" เข้ามาผสม
"ตั้งแต่เกิดไม่คิดว่าจะมีคนมาเสียเงินให้เรา เพราะอย่างแม่ บางทีขอเงินซื้อของเล่นยังไม่ซื้อให้เลย แล้วนี่มีใครไม่รู้เขาเลือกโหวตเรา เลือกเสีย 6 บาทให้ผม ให้ผมได้ทำตามความฝัน"
"6 บาทถือว่ามากนะครับ สำหรับผมถือว่ามาก"
"ขอบคุณทุกคนจริงๆ ครับ"
นนท์ซึ่งดวงตาเป็นประกายเล่าถึงความฝันให้ฟังด้วยว่า แค่ได้ร้องเพลงและได้ออกโทรทัศน์สักครั้งหนึ่งในชีวิตก็เพียงพอแล้ว
"นึกดูนะ พอตอนแก่ๆ แล้วหลานๆ มาถาม ลุงเคยทำอะไรบ้าง ผมจะได้บอกว่าลุงเคยออกทีวีนะ อะไรอย่างนี้ ให้มันมีอะไรพิเศษบ้างในชีวิตเรา"
ดังนั้น ซิงเกิลแรกในชีวิต "ยังไม่เคย" จึงเหนือฝันมากๆ
"ไม่คิดว่าอายุ 16 จะมีซิงเกิลแล้ว เร็วมากเลย ตอนอัดเสียงเราเต้นกันในห้องอัดมันส์มาก สนุกมาก เป็นการอัดที่ผมไม่นึกว่านี่คือการอัดเสียงเหรอ" นนท์บอกยิ้มๆ
"มันมีความสุข"
"เวลาผมฟังเพลงของตัวเองเพลงนี้ ยังรู้สึกถึงความสุขนั้นได้"
ความสุขที่ตอนนี้ได้นำชื่อเสียงมาให้เขามากมาย หากเจ้าตัวว่า "ผมก็ไม่อยากดังขนาดนั้น"
"แค่อยากเป็นคนที่ยืนอยู่ในพื้นที่ตรงนี้ ไม่ใช่เป็นแค่คนดัง แต่เป็นคนดีด้วย"
"เราอยู่ในที่แจ้ง มีเด็กเป็น 10 คนมองเรา เราก็ต้องทำให้ดี เพราะไม่รู้เลยว่าบางสิ่งที่เราทำไปใครจะเอาไปทำตามบ้าง"
ส่วนเรื่องชื่อเสียงที่ตามมาจะเปลี่ยนแปลงตัวตนของเขาหรือไม่นั้น นนท์ตอบพร้อมรอยยิ้มใสว่าไม่รู้จริงๆ
""แต่เราต้องอย่าไปยึดติด กิ้งก่ามันอยู่มาได้กี่ศตวรรษ เพราะมันรู้จักการเปลี่ยนแปลง นั่นคือสิ่งที่มนุษย์ควรทำ เราต้องยอมรับในการเปลี่ยนแปลงที่จะมาเรื่อยๆ แต่กิ้งก่ามันเปลี่ยนแต่สี ไม่ได้เปลี่ยนรูปร่างของมัน เหมือนกับคนล่ะครับ เราต้องรักษาสิ่งที่เราเป็นไว้"
"เราก็กินข้าวเหมือนคนธรรมดา คนมีชื่อเสียง เขาก็กินข้าวเหมือนเรา ยังไงค่าของมนุษย์มันก็เท่ากันเสมอละครับ ต่างกันที่หน้าที่การทำงานของแต่ละคนเท่านั้นเอง บางคนอยู่ในที่มืด บางคนอยู่ในที่แจ้ง แต่ทุกคนก็เป็นมนุษย์""
สำหรับตัวเขาเอง นนท์บอกตอนนี้เขามีความสุขที่สุด สุขเพราะความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็กกลายเป็นความจริง ดังนั้นสำหรับคนที่มีฝัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม เขาขอเอาใจช่วย
"ต่อให้คุณผิดหวังมาแล้ว ก็อย่ายอม อย่าหยุดอยู่กับที่"
"มันเหมือนกับขุดทองขุดเพชรละครับ เรากำลังขุดอยู่จะเจอเพชรแล้ว เหลืออีกนิดเดียว แต่ไม่ขุดต่อ ก็ไม่มีทางได้เพชร แต่คนที่ขุดมาเรื่อยๆ สักวันเขาต้องได้เพชร"
"เหมือนตัวเขาเองในตอนนี้นั่นแหละ"
หน้า 24,มติชนรายวันฉบับวันพุธที่ 19 ธันวาคม 2555
เปิดตัวอย่างฮือฮาด้วยกติกาที่บอกชัดเจนว่า คนที่จะชนะบนเวที "The Voice" คือคนที่เดินทางผ่าด่านหินมาพร้อม "เสียง" ไม่เกี่ยวกับรูปลักษณ์หน้าตา
ดังนั้น เมื่อสิ้นเสียงประกาศว่า "นนท์-ธนนท์ จำเริญ" เด็กหนุ่มวัย 16 ปี นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 4 จากโรงเรียนสตรีภูเก็ต คว้าตำแหน่ง "เดอะ วอยซ์ คนแรกของเมืองไทย" หลายคนก็ตื่นเต้น
โดยส่วนหนึ่งดีใจที่คนซึ่งตัวเชียร์ ชนะสมใจอยาก
หากอีกส่วนหนึ่งบอกว่า งานนี้พลิกโผ เพราะนึกว่าคนที่มาจะเป็นอีกราย
จะว่าไปนนท์เองก็ว่าเขาน่ะอยู่ "ส่วนหลัง"
"ผมก็ไม่คิดเหมือนเขาล่ะครับ ผมก็ไม่คิดเหมือนกัน" นนท์ซึ่งเปิดใจให้เราฟัง หลังรู้ผลตัดสินได้ไม่กี่นาที บอกซ้ำๆ ระหว่างยืนอยู่บนเวที ด้วยใบหน้าที่แม้จะเจือด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ดูงงๆ
ก่อนจะนั่งลงตรงขอบเวทีแล้วเล่าต่อว่า นี่ไม่ใช่รายการประกวดร้องเพลงรายการแรกที่เขาเดินทางไกลจากบ้านใน จ.ภูเก็ต มาตามหาฝัน แต่ครั้งก่อนๆ นั้นล้มเหลว
"ครั้งนี้ก็ไม่คิดว่าจะได้อะไรเลย"
ตอนแรกไม่คิดมาด้วยซ้ำ-เขาว่า
เพราะคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม หากความที่ครูเชียร์จึงตัดสินเอาก็เอา
จากนั้นพอรู้ว่าได้สิทธิมาร้องบนเวทีจริงความตื่นเต้นก็มาเยือน
แถมมากันเพียบตอนต้องขึ้นเวทีครั้งแรก
"เวทีบ้านผมมันไม่มีพื้นเป็นไฟแบบนี้ เป็นแต่เวทีไม้" นนท์พูดติดตลก ดูต่างจากภาพที่เห็น เพราะยามไม่ได้อยู่บนเวที เหมือนจะเป็นคนนิ่งๆ เฉยๆ ไม่เฮฮา
ซึ่งคงเหมือนกับที่โค้ช "ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา" บอกว่ายิ่งคุ้นเคย ก็ยิ่งได้รู้ว่าตัวจริงน่ะทะเล้นใช้ได้
"ตอนนั้นไม่ลุ้นครับ" นนท์บอกอีก
"แค่รู้สึกว่าจะทำยังไงให้ความรู้สึกตื่นเต้นมันหายไป เพราะว่าอึดอัดมาก"
จากนั้นความรู้สึกก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นดีใจเมื่อถูกโค้ชเลือก
ดีใจขึ้นไปอีกเมื่อผ่านเข้ารอบมาเรื่อยๆ หากคราวนี้มีความ "ตกใจ" เข้ามาผสม
"ตั้งแต่เกิดไม่คิดว่าจะมีคนมาเสียเงินให้เรา เพราะอย่างแม่ บางทีขอเงินซื้อของเล่นยังไม่ซื้อให้เลย แล้วนี่มีใครไม่รู้เขาเลือกโหวตเรา เลือกเสีย 6 บาทให้ผม ให้ผมได้ทำตามความฝัน"
"6 บาทถือว่ามากนะครับ สำหรับผมถือว่ามาก"
"ขอบคุณทุกคนจริงๆ ครับ"
นนท์ซึ่งดวงตาเป็นประกายเล่าถึงความฝันให้ฟังด้วยว่า แค่ได้ร้องเพลงและได้ออกโทรทัศน์สักครั้งหนึ่งในชีวิตก็เพียงพอแล้ว
"นึกดูนะ พอตอนแก่ๆ แล้วหลานๆ มาถาม ลุงเคยทำอะไรบ้าง ผมจะได้บอกว่าลุงเคยออกทีวีนะ อะไรอย่างนี้ ให้มันมีอะไรพิเศษบ้างในชีวิตเรา"
ดังนั้น ซิงเกิลแรกในชีวิต "ยังไม่เคย" จึงเหนือฝันมากๆ
"ไม่คิดว่าอายุ 16 จะมีซิงเกิลแล้ว เร็วมากเลย ตอนอัดเสียงเราเต้นกันในห้องอัดมันส์มาก สนุกมาก เป็นการอัดที่ผมไม่นึกว่านี่คือการอัดเสียงเหรอ" นนท์บอกยิ้มๆ
"มันมีความสุข"
"เวลาผมฟังเพลงของตัวเองเพลงนี้ ยังรู้สึกถึงความสุขนั้นได้"
ความสุขที่ตอนนี้ได้นำชื่อเสียงมาให้เขามากมาย หากเจ้าตัวว่า "ผมก็ไม่อยากดังขนาดนั้น"
"แค่อยากเป็นคนที่ยืนอยู่ในพื้นที่ตรงนี้ ไม่ใช่เป็นแค่คนดัง แต่เป็นคนดีด้วย"
"เราอยู่ในที่แจ้ง มีเด็กเป็น 10 คนมองเรา เราก็ต้องทำให้ดี เพราะไม่รู้เลยว่าบางสิ่งที่เราทำไปใครจะเอาไปทำตามบ้าง"
ส่วนเรื่องชื่อเสียงที่ตามมาจะเปลี่ยนแปลงตัวตนของเขาหรือไม่นั้น นนท์ตอบพร้อมรอยยิ้มใสว่าไม่รู้จริงๆ
""แต่เราต้องอย่าไปยึดติด กิ้งก่ามันอยู่มาได้กี่ศตวรรษ เพราะมันรู้จักการเปลี่ยนแปลง นั่นคือสิ่งที่มนุษย์ควรทำ เราต้องยอมรับในการเปลี่ยนแปลงที่จะมาเรื่อยๆ แต่กิ้งก่ามันเปลี่ยนแต่สี ไม่ได้เปลี่ยนรูปร่างของมัน เหมือนกับคนล่ะครับ เราต้องรักษาสิ่งที่เราเป็นไว้"
"เราก็กินข้าวเหมือนคนธรรมดา คนมีชื่อเสียง เขาก็กินข้าวเหมือนเรา ยังไงค่าของมนุษย์มันก็เท่ากันเสมอละครับ ต่างกันที่หน้าที่การทำงานของแต่ละคนเท่านั้นเอง บางคนอยู่ในที่มืด บางคนอยู่ในที่แจ้ง แต่ทุกคนก็เป็นมนุษย์""
สำหรับตัวเขาเอง นนท์บอกตอนนี้เขามีความสุขที่สุด สุขเพราะความฝันที่มีมาตั้งแต่เด็กกลายเป็นความจริง ดังนั้นสำหรับคนที่มีฝัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม เขาขอเอาใจช่วย
"ต่อให้คุณผิดหวังมาแล้ว ก็อย่ายอม อย่าหยุดอยู่กับที่"
"มันเหมือนกับขุดทองขุดเพชรละครับ เรากำลังขุดอยู่จะเจอเพชรแล้ว เหลืออีกนิดเดียว แต่ไม่ขุดต่อ ก็ไม่มีทางได้เพชร แต่คนที่ขุดมาเรื่อยๆ สักวันเขาต้องได้เพชร"
"เหมือนตัวเขาเองในตอนนี้นั่นแหละ"
หน้า 24,มติชนรายวันฉบับวันพุธที่ 19 ธันวาคม 2555
Credit : การ์ตูนรูปน้องนนท์โดยคุณKwanrapee The Arthist@facebook.com,mthai.com,Youtube.com,คุณphuket dog@pantip.com,นายระเบียง@pantip.com
เขียนบทความและเรียบเรียงโดยศุภปัญญา@Ruengdd.com
Post a Comment