พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ เซเลบผู้คลั่งไคล้กระเป๋าแอร์เมส ราคานับล้าน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งในไอเทมประจำกายของผู้หญิงที่จะขาดไม่ได้เลยนั่นคือ "กระเป๋า" ที่สามารถบ่งบอกถึงฐานะและรสนิยมของผู้ถือได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกระเป๋าหนังซูเปอร์แบรนด์ต้องยกให้กับ "แอร์เมส" ซึ่งถือเป็นกระเป๋าที่แพงที่สุดที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็ปรารถนาที่จะครอบครอง
และเมื่อค่ำคืนวันที่ 4 ธันวาคม รายการตีสิบจึงขอจับเข่าคุยกัน พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ เซเลบฯ คนดัง ผู้ซึ่งคลั่งไคล้และหลงใหลกระเป๋าแบรนด์เนม "แอร์เมส" ซึ่ง ณ ตอนนี้เรียกได้ว่าเธอมีกระเป๋าเกือบ 40 ใบแล้ว และที่สำคัญแต่ละใบมีราคาถึงหลักแสน-ล้านเลยทีเดียว!
สำหรับ พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ หรือ หมอเคท จบคณะแพทยศาสตร์ โดยเรียนเฉพาะทางด้านศัลยกรรมและเลเซอร์ที่ประเทศไทย หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อเฉพาะทางผิวหนังที่ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันทำงานเป็นแพทย์ด้านการเสริมความงามโดยเปิด "ของขวัญคลินิก" ซึ่งปัจจุบันมี 12 สาขาทั่วประเทศแล้ว
โดย พญ.ของขวัญ เปิดเผยถึงความชื่นชอบกระเป๋าแบรนด์เนมให้ฟังว่า จริง ๆ แล้วผู้หญิงทุกคนก็คลั่งไคล้เรื่องความสวยความงามในทุก ๆ ด้าน ทั้งเสื้อผ้า นาฬิกา กระเป๋า รองเท้า รถ ฯลฯ แต่ทั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าสำหรับรองเท้า ถ้าให้เอาเงินแสนไปเหยียบตนทำใจไม่ได้ เพราะรองเท้าเป็นส่วนที่ไม่ว่าจะระวังยังไงก็เลอะและเสียได้ง่าย ส่วนเสื้อผ้าสวย ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องแพง ขอแค่รสนิยมดีก็พอ ดังนั้นราคาไม่ได้บ่งบอกความมีรสนิยมของเสื้อผ้าเสมอไป ในขณะที่กระเป๋าสามารถบ่งบอกสไตล์การแต่งตัวในวันนั้น ๆ ได้ เช่น ลุคเปรี้ยว หวาน เท่ ฯลฯ และการได้หิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมทำให้รู้สึกดี เป็นการตอบสนองความต้องการของตนเอง
สำหรับยี่ห้อแอร์เมสที่คลั่งไคล้เป็นพิเศษนั้น คุณหมอ เล่าว่า ตนเป็นคนที่ชอบใช้ของดี ตอนที่เรียนจบใหม่ ๆ ก็ได้ทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งตนก็มีความสนใจด้านการตลาด ซึ่งแนวทางการตลาดที่ตนสนใจเป็นพิเศษคือของแบรนด์แอร์เมส เพราะเป็นแบรนด์ที่มีมาถึง 200 ปีแล้ว แต่ยังคงคลาสสิคไม่ตกยุคเลย และ ณ ทุกวันนี้ก็ยังมีคนต่อคิวซื้อกระเป๋าที่ปารีสอย่างมากมาย โดยราคาจะขึ้นอยู่กับหนังที่ใช้ทำ ถ้าหนังธรรมดาก็ราว 3 แสนบาท ส่วนรุ่นเบอร์กิ้น ที่ทำจากหนังจระเข้ที่มีการเลี้ยงอย่างดี บุนวมไม่ให้ผิวของจระเข้ถลอกเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งมีราคานับล้านบาท
พญ.ของขวัญ เล่าต่อไปว่า กระเป๋าแบรนด์เนมใบแรกตนได้มาจากพ่อและแม่ ซึ่งเป็นของขวัญหลังจากที่ตั้งใจเรียนมาอย่างหนักจนสามารถสอบติดแพทย์ได้ ซึ่งการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมสำหรับตนถือเป็นการให้รางวัลชีวิต ไม่ใช่ความฟุ้งเฟ้อแต่อย่างใด แต่มันเป็นงานอดิเรกและเป็นสิ่งที่ตนรัก
ทั้งนี้ จากรสนิยมในกระเป๋าแบรนด์เนมนั้น ทำให้ พญ.ของขวัญ ถูกวิพากษ์วิจารณ์นั้น เจ้าตัวยอมรับว่า ตนรู้ดีว่ามีทั้งคนชอบและไม่ชอบ รวมถึงเข้าใจและไม่เข้าใจ บางคนถึงกับกล่าวว่า "กระเป๋าแพง ๆ แบบนี้มีเงินอย่างเดียวไม่ได้ ต้องโง่ด้วย" ซึ่งตนก็อยากจะฝากไว้ด้วยว่า บางครั้งถ้าเราไม่เข้าใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายหนึ่งโง่ มันเป็นเรื่องความชอบส่วนบุคคล ที่เราไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น
ผู้หญิงและความสวยงามแม้จะเป็นของคู่กัน...แต่ก็ต้องอยู่ในระดับที่ "พอดี" ของแต่ละคน ซึ่งอยู่ในระดับแตกต่างกันไป เพราะถ้าหากตามกระแสแฟชั่นมากเกินไปโดยไม่ได้คำนึงถึงฐานะแล้วล่ะก็ มันอาจจะนำมาซึ่งความฟุ้งเฟ้อและกิเลสอย่างหาที่สุดไม่ได้นะจ๊ะ
ประวัติแพทย์หญิงของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์
ชื่อ-นามสกุล : แพทย์หญิงของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์
ชื่อเล่น : เคท
ประวัติครอบครัว :
บิดา : นพ.วิเศษ ฟูจิตนิรันดร์
มารดา : นางฉวีวรรณ ฟูจิตนิรันดร์
การศึกษาและดูงาน :
- จบชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนปรีชานุศาสตร์ จังหวัดชลบุรี
- จบปริญญาตรี คณะแพทย์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร
- จบอนุปริญญา วิทยาศาสตร์ผิวหนังจากวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งเวลส์ ประเทศอังกฤษ
- วุฒิบัตรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์การแพทย์ความงาม ประเทศสหรัฐอเมริกา
- วุฒิบัตรศัลยกรรมเลเซอร์เฉพาะทาง ประเทศสหรัฐอเมริกา
การทำงาน :
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์การแพทย์ความงาม
- เจ้าของคลินิกความงาม ของขวัญคลินิก มีอยู่ 12 สาขา
- ประธานกรรมการบริหารของขวัญคลินิก
Change The Life Wins Beauty
เชื่อว่ามีผู้อ่านหลายท่านสนใจ ใคร่อยากจะรู้จัก หมอสาว(แถมสวย) พญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ เธอคนนี้เป็นใคร ไฉนฉายแสงวิบวับ โฉบไปมาตามหน้าแม็กกาซีน รายการทีวี มีออกสื่อฯ ต่างๆ ให้เห็นอยู่เป็นนิจ และคงอีกจำนวนไม่น้อยที่อยากทราบคุณสมบัติพร้อมสรรพคุณดีกรีว่าเธอมีดีมากพอแค่ไหน ที่จะขอยกตัวเองให้เป็นกูรูด้านความงาม สมกับความมั่นใจและเชื่อถือได้ของคนไข้... มาทำความรู้จักสาวมั่นตัวแม่ ที่ฉีกบทบัญญัติของการเป็นแพทย์ พร้อมสเต็ปเมคโอเวอร์ ที่กว่าจะมาเป็นเธอจนถึงทุกวันนี้ไม่ยากและไม่ง่าย ในแบบไม่มีกั๊ก!
Start :ที่มาของแรงบันดาลใจ
จากความที่ไม่เคยคิดอยากเป็นหมอ แต่ เหมือนชีวิตถูกขีดเส้นไว้ให้สอบติด ‘แพทย์' แม้ใจไม่ถนัดรักษาอาการด้านเจ็บไข้ได้ป่วย แต่โชคช่วยให้ถูกโฉลกกับศาสตร์ของความงาม จึงเลือกที่จะทำด้วยใจรัก
"ตั้งแต่เด็กเลยคนจะชอบทักว่าคุณแม่ดูสาวและสวย แต่กับเรานี่มองผ่านทั้งที่เป็นแม่ลูกกัน จึงเหมือนเข้าใจไปเองว่าเราคงไม่สวย... คือ บ้านที่ชลบุรีเปิดคลินิกความงามมาร่วม 30 ปี คุณพ่อกับคุณแม่ท่านเป็นหมอด้วยกันทั้งคู่ เราก็อยู่กับนวัตกรรมเครื่องมือฯ ครีมบำรุง อะไรต่างๆ มาโดยตลอด แต่ไม่เคยอยากจะใส่ใจหรือคิดใช้ช่วยบำบัดให้ตัวเองดูดีขึ้นแม้แต่น้อย
จากความที่ไม่เคยคิดอยากเป็นหมอ แต่ เหมือนชีวิตถูกขีดเส้นไว้ให้สอบติด ‘แพทย์' แม้ใจไม่ถนัดรักษาอาการด้านเจ็บไข้ได้ป่วย แต่โชคช่วยให้ถูกโฉลกกับศาสตร์ของความงาม จึงเลือกที่จะทำด้วยใจรัก
"ตั้งแต่เด็กเลยคนจะชอบทักว่าคุณแม่ดูสาวและสวย แต่กับเรานี่มองผ่านทั้งที่เป็นแม่ลูกกัน จึงเหมือนเข้าใจไปเองว่าเราคงไม่สวย... คือ บ้านที่ชลบุรีเปิดคลินิกความงามมาร่วม 30 ปี คุณพ่อกับคุณแม่ท่านเป็นหมอด้วยกันทั้งคู่ เราก็อยู่กับนวัตกรรมเครื่องมือฯ ครีมบำรุง อะไรต่างๆ มาโดยตลอด แต่ไม่เคยอยากจะใส่ใจหรือคิดใช้ช่วยบำบัดให้ตัวเองดูดีขึ้นแม้แต่น้อย
มารู้สึกตัวอีกทีเพื่อนคนนั้นคนนี้ มีหนุ่มๆ มาจีบ เรายังนั่งมึนทั้งอ้วนและดำ ฟันก็เหยิน เรียกว่านึกภาพไม่ออกว่าความงามสำหรับเราเป็นแบบไหน? กระทั่งสอบติดแพทย์ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งที่กรุงเทพฯ สภาพเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงฯ อย่างที่เห็นในละครยังไงยังงั้น... ตื่นเต้น ชื่นชมคนกรุงเทพฯ ว่าทำไมเขาถึงสวยขาวกันจัง ตัวเรางี้เป็นยัยเพิ้ง ที่ใครเห็นร้อยคน ก็มองเมินผ่านทั้งร้อยคน แต่ไม่คิดเป็นปมด้อยหรือแอบน้อยใจอะไรนะ รู้สึกแค่ว่า ‘เด็กกรุงเทพฯคงเป็นคนละเชื้อพันธุ์กับต่างจังหวัดอย่างเรา' คือ เหมือนยอมรับในโชคชะตา โดยหารู้ไม่ว่าเป็นความคิดที่ผิด!!!
การศึกษาสอนให้คนฉลาด เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เปรียบเทียบตัวเองกับเด็กกรุงเทพฯคนอื่น จึงรู้ว่าเราต้องเปลี่ยน พบเรียนจบเทอมแรกกลับถึงบ้านที่ชลบุรี ในคลินิกมีสารพัดเครื่องมือความงามอะไรนำมาใช้ทำกับตัวเองหมด ทั้งยิงเลเซอร์ ทรีตเม้นท์ ผลักวิตามิน ลดความอ้วน บำรุง AHAเพื่อให้ตัวขาวใส ฯลฯ เรียกได้ว่าจัดเต็มทุกสิ่งอย่าง จนเริ่มดูดีขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคย!(เน้นเสียงหนัก) คุณพ่อคุณแม่งงมากที่ลูกสาวคนเดียวหันมาใส่ใจดูแลตัวเองขนาดนี้ เพราะท่านไม่เคยส่งเสริมด้วยอยากให้เราสดใสน่ารักแบบเด็กๆ
...พอเปิดเทอมสอง เชื่อมั๊ย? ไม่มีใครจำได้ เพราะขาวขึ้น หุ่นดีขึ้น เริ่มมีคนเข้ามาจีบ เพื่อนสาวยังมีมาขอเคล็ดลับ ยิ่งทำให้เรามั่นใจ เรียกได้ว่าสลัดหลุดจากคราบ ‘สาวบ้านๆ หน้าตาดูย่ำแย่' ทิ้งไปชนิดไม่มีเหลือ"
Change : จัดหนักเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง
แม้จะมองคนอื่นว่าสวยกว่า แต่ไม่คิดชิงดีชิงเด่นกับใคร พอเริ่มจับทริคได้ว่า ‘ความงามไม่จำเป็นต้องมีตั้งแต่กำเนิด' ก็เกิดปฏิวัติตัวเองเสียยกใหญ่ คราวนี้ละเธอ ‘ไม่ยอมหยุดสวย'
แม้จะมองคนอื่นว่าสวยกว่า แต่ไม่คิดชิงดีชิงเด่นกับใคร พอเริ่มจับทริคได้ว่า ‘ความงามไม่จำเป็นต้องมีตั้งแต่กำเนิด' ก็เกิดปฏิวัติตัวเองเสียยกใหญ่ คราวนี้ละเธอ ‘ไม่ยอมหยุดสวย'
"คนที่กำลังจำนนอยู่กับสภาพแย่ๆ ของตัวเองจะไม่รู้เลยว่าถ้าคุณดูดีขึ้น จะมีความสุขมากขนาดไหน เหมือนเช่นที่ตัวหมอเคยเจอกับตัวเองมาเกือบยี่สิบปี ก็ไม่เคยรู้ว่า ‘ความสวย' จะช่วยให้มีโอกาสดีๆ อะไรบ้างเดินเข้ามาในชีวิต ...
หากนึกไม่ออกลองจินตนาการถึง ผีเสื้อสมุทรกลายร่างเป็นอั้ม-พัชราภา เพียงชั่วข้ามคืน ชีวิตจะ หลั่น.. ล๊า มีความสุขขนาดไหน? ไม่มีทางรู้จนกว่าจะยืนอยู่ยังจุดๆ นั้น ...ทีนี้เมื่อทำสำเร็จจะกลับลงมาใหม่ก็ไม่ได้แล้วนะ เพราะรับความรู้สึกของรสชาติ ‘ความสวย' และ ‘ความโทรม' ว่าอยู่จุดไหนแล้วสบายใจกว่ากัน
เมื่อก่อนที่ไม่คิดทำอะไรให้กับตัวเองเลย เพราะไม่เคยมีคนบอกว่านวัตกรรมความงามจะช่วยให้ดูดีขึ้นได้ ผลที่ออกมาจะ ‘อเมซิ่ง' ถึงขนาดนี้ ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือจริงๆ เรียกว่าเดินไปไหนคนเกินครึ่งต้องเหลียว ยังเสียดายว่าหากรู้ จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียแต่เนิ่นๆ โดยไม่รอจนเข้ามหา'ลัยก่อน
ถามว่า ใครเป็นคนกำหนดว่าหมอต้องใส่แว่น เป็นเด็กเรียน เรียบร้อย ด้วยลุคส์ตัวเองคนอาจมองดูเหมือนแรง คนเราพอสวยขึ้นจะเริ่มมั่นใจ และยิ่งมากขึ้น มากขึ้นไปเรื่อยๆ เรียกว่าแรงได้อีก แบบไม่รู้ตัว
หากมีใครมาทักว่าสวยเพราะศัลยกรรม ก็จะบอกกลับไปว่า ‘ยังดีที่ทำแล้วสวยขึ้น ผิดกับบางคนที่ทำมากแค่ไหนก็ยังดูไม่ดี' ซึ่งที่ทำทั้งหมดยังไม่เรียกว่า ‘ศัลยกรรม' แต่เป็นการนำนวัตกรรมความงามมาช่วย"
หากนึกไม่ออกลองจินตนาการถึง ผีเสื้อสมุทรกลายร่างเป็นอั้ม-พัชราภา เพียงชั่วข้ามคืน ชีวิตจะ หลั่น.. ล๊า มีความสุขขนาดไหน? ไม่มีทางรู้จนกว่าจะยืนอยู่ยังจุดๆ นั้น ...ทีนี้เมื่อทำสำเร็จจะกลับลงมาใหม่ก็ไม่ได้แล้วนะ เพราะรับความรู้สึกของรสชาติ ‘ความสวย' และ ‘ความโทรม' ว่าอยู่จุดไหนแล้วสบายใจกว่ากัน
เมื่อก่อนที่ไม่คิดทำอะไรให้กับตัวเองเลย เพราะไม่เคยมีคนบอกว่านวัตกรรมความงามจะช่วยให้ดูดีขึ้นได้ ผลที่ออกมาจะ ‘อเมซิ่ง' ถึงขนาดนี้ ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือจริงๆ เรียกว่าเดินไปไหนคนเกินครึ่งต้องเหลียว ยังเสียดายว่าหากรู้ จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียแต่เนิ่นๆ โดยไม่รอจนเข้ามหา'ลัยก่อน
ถามว่า ใครเป็นคนกำหนดว่าหมอต้องใส่แว่น เป็นเด็กเรียน เรียบร้อย ด้วยลุคส์ตัวเองคนอาจมองดูเหมือนแรง คนเราพอสวยขึ้นจะเริ่มมั่นใจ และยิ่งมากขึ้น มากขึ้นไปเรื่อยๆ เรียกว่าแรงได้อีก แบบไม่รู้ตัว
หากมีใครมาทักว่าสวยเพราะศัลยกรรม ก็จะบอกกลับไปว่า ‘ยังดีที่ทำแล้วสวยขึ้น ผิดกับบางคนที่ทำมากแค่ไหนก็ยังดูไม่ดี' ซึ่งที่ทำทั้งหมดยังไม่เรียกว่า ‘ศัลยกรรม' แต่เป็นการนำนวัตกรรมความงามมาช่วย"
Step : จัดเต็มทุกสเต็ปความงาม แต่ยังไม่เสร็จสรรพ
จากจุดเริ่มจนถึงปัจจุบัน เธอได้ค้นพบว่า เวชศาสตร์ของความงาม นั้นสรรค์สร้างให้คนสวยขึ้นได้จริงๆ
"ทำอะไรให้กลับตัวเองมามากน้อยแค่ไหนหรือคะ เริ่มจากปรับรูปหน้าตัวเองก่อน เบาๆตั้งแต่สักคิ้วสามมิติ ต่อขนตาถาวร ฉีดฟิลเลอร์ให้จมูกโด่งและเติมคางให้ยาวขึ้น โบท็อกซ์หน้าเรียว ฉีดสลายไขมันเพื่อลดมุมป้านที่กรามให้หน้าแคบเล็กลง ที่ไม่อยากศัลยกรรมถาวรก็เพราะ ในเมื่อเรามีทางเลือกที่ไม่ต้องเจ็บตัว ปั้นแต่งให้เป็นทรงที่ชอบได้ แถมบอกทุกคนได้ว่าไม่ผ่านมีดหมอ ส่วนยิงเลเซอร์และRF ทำอยู่ตลอด
สเต็ปสูงขึ้นมาอีกขั้น คือฉีดเซลล์กรอบหน้าเพื่อสร้างคอลลาเจน จะช่วยยกรอบวงหน้าให้ตึงขึ้น ฉีด 2 ปี/ครั้ง เป็นเทคโนโลยีใหม่ ช่วยดึงหน้าผากโหนกเด่นขึ้นด้วย แล้วก็มีร้อยทองเข้าที่ใบหน้าข้างละเส้นโดยให้โปรเฟสเซอร์ที่อเมริกาทำให้ รวมถึงฉีดสเต็มเซลล์บำบัดเป็นการรักษาโรคภูมิแพ้ซึ่งช่วยกระชับรูขุมขนให้หน้าเด้งตึงขึ้นได้
ส่วนเรือนร่าง เป็นคนอ้วนง่ายมาก รู้ว่าเทคโนโลยีไหนดี เห็นผลไว ได้ผลจริง ก็จัดการเชิญผู้เชี่ยวชาญระดับอาจารย์มารักษาที่คลินิก แล้วให้ทำตัวเราเองด้วย ตั้งแต่ดูดไขมันที่แขน เอว หน้าท้อง และส่วนเกินต่างๆ ฉีดโบท็อกซ์ลดน่อง คาร์บ็อกซี่นี้หมอจิ้มให้ตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ส่วนหน้าอกนี้ของจริงค่ะน้ำหนักลดอย่างไรก็ไม่มีลง เป็นความภูมิใจที่สุดอย่างหนึ่ง คือเราไม่ได้จัดตารางความงามให้ตัวเอง แต่ถ้ารู้สึกว่าด้อยจุดไหนจะรีบแก้ไขทันที ก็มีที่รักษาให้ตัวเองไม่ได้คือ ‘จัดฟัน' ยังอยู่ในกระบวนการที่เรียกว่า สวยไม่เสร็จ(หัวเราะ)
จริงๆ มองตัวเองว่าสวยขึ้นแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ความที่ต้องแนะนำคนไข้ จึงยิ่งต้องทำโน่นนี้ เพื่อจะได้อธิบายให้คนไข้ฟังได้ถูก ไม่นึกว่าสิ่งที่ทำจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นแบบเรา"
จากจุดเริ่มจนถึงปัจจุบัน เธอได้ค้นพบว่า เวชศาสตร์ของความงาม นั้นสรรค์สร้างให้คนสวยขึ้นได้จริงๆ
"ทำอะไรให้กลับตัวเองมามากน้อยแค่ไหนหรือคะ เริ่มจากปรับรูปหน้าตัวเองก่อน เบาๆตั้งแต่สักคิ้วสามมิติ ต่อขนตาถาวร ฉีดฟิลเลอร์ให้จมูกโด่งและเติมคางให้ยาวขึ้น โบท็อกซ์หน้าเรียว ฉีดสลายไขมันเพื่อลดมุมป้านที่กรามให้หน้าแคบเล็กลง ที่ไม่อยากศัลยกรรมถาวรก็เพราะ ในเมื่อเรามีทางเลือกที่ไม่ต้องเจ็บตัว ปั้นแต่งให้เป็นทรงที่ชอบได้ แถมบอกทุกคนได้ว่าไม่ผ่านมีดหมอ ส่วนยิงเลเซอร์และRF ทำอยู่ตลอด
สเต็ปสูงขึ้นมาอีกขั้น คือฉีดเซลล์กรอบหน้าเพื่อสร้างคอลลาเจน จะช่วยยกรอบวงหน้าให้ตึงขึ้น ฉีด 2 ปี/ครั้ง เป็นเทคโนโลยีใหม่ ช่วยดึงหน้าผากโหนกเด่นขึ้นด้วย แล้วก็มีร้อยทองเข้าที่ใบหน้าข้างละเส้นโดยให้โปรเฟสเซอร์ที่อเมริกาทำให้ รวมถึงฉีดสเต็มเซลล์บำบัดเป็นการรักษาโรคภูมิแพ้ซึ่งช่วยกระชับรูขุมขนให้หน้าเด้งตึงขึ้นได้
ส่วนเรือนร่าง เป็นคนอ้วนง่ายมาก รู้ว่าเทคโนโลยีไหนดี เห็นผลไว ได้ผลจริง ก็จัดการเชิญผู้เชี่ยวชาญระดับอาจารย์มารักษาที่คลินิก แล้วให้ทำตัวเราเองด้วย ตั้งแต่ดูดไขมันที่แขน เอว หน้าท้อง และส่วนเกินต่างๆ ฉีดโบท็อกซ์ลดน่อง คาร์บ็อกซี่นี้หมอจิ้มให้ตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ส่วนหน้าอกนี้ของจริงค่ะน้ำหนักลดอย่างไรก็ไม่มีลง เป็นความภูมิใจที่สุดอย่างหนึ่ง คือเราไม่ได้จัดตารางความงามให้ตัวเอง แต่ถ้ารู้สึกว่าด้อยจุดไหนจะรีบแก้ไขทันที ก็มีที่รักษาให้ตัวเองไม่ได้คือ ‘จัดฟัน' ยังอยู่ในกระบวนการที่เรียกว่า สวยไม่เสร็จ(หัวเราะ)
จริงๆ มองตัวเองว่าสวยขึ้นแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ความที่ต้องแนะนำคนไข้ จึงยิ่งต้องทำโน่นนี้ เพื่อจะได้อธิบายให้คนไข้ฟังได้ถูก ไม่นึกว่าสิ่งที่ทำจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นแบบเรา"
Expert : ความถนัดในการรักษา
ความที่พร้อมทุกนวัตกรรมเครื่องมือทำสวย แต่ใช่ว่าคลินิกอื่นจะไม่มี จึงต้องสู่กันที่ฝีมือและความแตกต่าง ด้วยเทคนิคที่ยากจะลอกเลียนแบบ
"วางแนวทางรักษาของตัวเองไว้ว่าจะชัดเจน ในการที่จะเปลี่ยนคนๆ คนหนึ่งให้เป็นอีกคนหนึ่งแบบพลิกฝ่ามือ โดยที่ไม่สังเกตได้คนเดียว ทำแล้วคนอื่นต้องทักหมด นั้นจะถือว่าการรักษาประสบความสำเร็จ ทุกบาทที่คนไข้จ่ายต้องคุ้มค่า ไม่อยากเป็นหมอผิวหนังแบบผิวเผินที่ทำได้แต่เรื่องเบาๆ อย่าง รักษาสิว ฝ้า ฯลฯ ชอบที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ไปเลย
เมื่อเราแนะนำคนไข้ให้สวย ก็ต้องเป็นแบบอย่างให้คนไข้ดู ว่ารักษาด้วยเครื่องมือนี้ผลจะออกมาเป็นอย่างนี้(ชี้ที่หน้าตัวเอง) เครื่องมือทุกอย่างในคลินิกลองใช้มาหมด เพื่อจะบอกคนไข้ได้ว่าหากทำแล้วจะรู้สึกอย่างไร
จริงๆ แล้วคลินิกไหนมีเงินก็ซื้อเครื่องเจ๋งๆ แพงๆ ได้จริง แต่ที่คลินิกเราไม่ได้ใส่ใจเฉพาะนวัตกรรมใหม่ล่าสุด จะดูที่ผลลัพธ์เป็นหลัก หากเครื่องมือใดตอบโจทย์ของคนไข้ได้ดีที่สุดจึงซื้อ นอกจากการเลือกใช้เครื่องมือแล้ว ต้องสู้กันที่ฝีมือการรักษาด้วย เพราะคนไข้ไม่สนหรอกว่าใช้เครื่องอะไร เขาสนใจแค่ปัญหาที่เห็นหายหรือไม่
สำหรับตัวหมอเอง ชอบที่ใช้การรักษาแบบผสมผสานจุดเด่นที่ทำอยู่คือ ดูดไขมันแบบครบวงจร กับการร้อยทอง และเซลล์บำบัดซึ่งลองกับตัวเองแล้วว่าได้ผลดี"
Status : บทบาทหน้าที่และชีวิตนับร้อยที่ต้องดูแล
ด้วยวัยที่เพิ่งแตะเลขสาม แต่ต้องสวมใส่ไว้หลายมงกุฎ ไม่ได้สร้างความหวั่นไหวหรือทำให้เธอท้อแท้ใจ กลับกลายเป็นพลังผลักดันให้มุ่งสู่จุดหมายที่ฝันไว้
"พอจบแพทย์ใหม่ๆ ก็ใช้ชีวิตเป็นหมอพาร์ทไทม์ตามคลินิกความงามต่างๆ ก็มองเห็นแง่มุมการบริหารผนวกกับวิธีการรักษาในแบบของเราไม่ตรงกับคอนเซ็ปของคลินิกนั้นๆ จึงเป็นแรงผลักดันให้เริ่มสร้างคลินิกของตัวเอง โดยหุ้นร่วมกับเพื่อนสนิทซึ่งเป็นกลุ่มแพทย์ด้วยกัน เปิด ‘ของขวัญคลินิก' เปิดครั้งแรกทีเดียว 3 สาขา และด้วยความที่ยังเด็กมากจบแพทย์มาได้เพียงปีเดียว ทำให้มีสาขาหนึ่งไม่ประสบความสำเร็จ ต้องปิดตัวลงเพราะดูแลไม่ทั่วถึง เหลือเฉพาะที่ดูแลไหวจริงๆ
ช่วงแรกๆอึดมากรักษากันแบบเช้าจรดค่ำ พอคนไข้เริ่มติด ช่วยบอกปากต่อปาก กิจการก็ดีขึ้น ปัจจุบันมีทั้งหมด 9 สาขา เรียกได้ว่าสร้างมากับมือ ติดต่อเองทุกอย่าง ตั้งแต่บริษัทยา หาซื้อและลองเครื่องมือแพทย์ รับสมัครพนักงาน เลือกแพทย์ประจำคลินิก ตกแต่งบรรยากาศภายในให้เป็นคลินิกที่คนอยากเข้า ฯลฯ งานทุกชิ้นผ่านมือมาหมด ถือเป็นความรับผิดชอบโดยเฉพาะคนไข้ และทีมงานทุกคน เปรียบเสมือนญาติสนิทที่ต้องใส่ใจอย่างใกล้ชิด
ถามว่าจุดนี้พอใจหรือยัง? ทุกอย่างต้องมีก้าวต่อไปเสมอ ตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่ นี้ก็กำลังเตรียมทำพ็อคเก็ตบุคส่วนตัว บอกเล่าถึงนวัตกรรมที่มีประโยชน์ให้กับคนไข้ได้รู้ ชนิดเปลี่ยนคุณจากหน้ามือเป็นหลังมือกันเลยทีเดียว เชื่อว่าใครอยากเปลี่ยนลุคส์ เล่มนี้จะเป็นประโยชน์มากๆ"
ความที่พร้อมทุกนวัตกรรมเครื่องมือทำสวย แต่ใช่ว่าคลินิกอื่นจะไม่มี จึงต้องสู่กันที่ฝีมือและความแตกต่าง ด้วยเทคนิคที่ยากจะลอกเลียนแบบ
"วางแนวทางรักษาของตัวเองไว้ว่าจะชัดเจน ในการที่จะเปลี่ยนคนๆ คนหนึ่งให้เป็นอีกคนหนึ่งแบบพลิกฝ่ามือ โดยที่ไม่สังเกตได้คนเดียว ทำแล้วคนอื่นต้องทักหมด นั้นจะถือว่าการรักษาประสบความสำเร็จ ทุกบาทที่คนไข้จ่ายต้องคุ้มค่า ไม่อยากเป็นหมอผิวหนังแบบผิวเผินที่ทำได้แต่เรื่องเบาๆ อย่าง รักษาสิว ฝ้า ฯลฯ ชอบที่จะเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ไปเลย
เมื่อเราแนะนำคนไข้ให้สวย ก็ต้องเป็นแบบอย่างให้คนไข้ดู ว่ารักษาด้วยเครื่องมือนี้ผลจะออกมาเป็นอย่างนี้(ชี้ที่หน้าตัวเอง) เครื่องมือทุกอย่างในคลินิกลองใช้มาหมด เพื่อจะบอกคนไข้ได้ว่าหากทำแล้วจะรู้สึกอย่างไร
จริงๆ แล้วคลินิกไหนมีเงินก็ซื้อเครื่องเจ๋งๆ แพงๆ ได้จริง แต่ที่คลินิกเราไม่ได้ใส่ใจเฉพาะนวัตกรรมใหม่ล่าสุด จะดูที่ผลลัพธ์เป็นหลัก หากเครื่องมือใดตอบโจทย์ของคนไข้ได้ดีที่สุดจึงซื้อ นอกจากการเลือกใช้เครื่องมือแล้ว ต้องสู้กันที่ฝีมือการรักษาด้วย เพราะคนไข้ไม่สนหรอกว่าใช้เครื่องอะไร เขาสนใจแค่ปัญหาที่เห็นหายหรือไม่
สำหรับตัวหมอเอง ชอบที่ใช้การรักษาแบบผสมผสานจุดเด่นที่ทำอยู่คือ ดูดไขมันแบบครบวงจร กับการร้อยทอง และเซลล์บำบัดซึ่งลองกับตัวเองแล้วว่าได้ผลดี"
Status : บทบาทหน้าที่และชีวิตนับร้อยที่ต้องดูแล
ด้วยวัยที่เพิ่งแตะเลขสาม แต่ต้องสวมใส่ไว้หลายมงกุฎ ไม่ได้สร้างความหวั่นไหวหรือทำให้เธอท้อแท้ใจ กลับกลายเป็นพลังผลักดันให้มุ่งสู่จุดหมายที่ฝันไว้
"พอจบแพทย์ใหม่ๆ ก็ใช้ชีวิตเป็นหมอพาร์ทไทม์ตามคลินิกความงามต่างๆ ก็มองเห็นแง่มุมการบริหารผนวกกับวิธีการรักษาในแบบของเราไม่ตรงกับคอนเซ็ปของคลินิกนั้นๆ จึงเป็นแรงผลักดันให้เริ่มสร้างคลินิกของตัวเอง โดยหุ้นร่วมกับเพื่อนสนิทซึ่งเป็นกลุ่มแพทย์ด้วยกัน เปิด ‘ของขวัญคลินิก' เปิดครั้งแรกทีเดียว 3 สาขา และด้วยความที่ยังเด็กมากจบแพทย์มาได้เพียงปีเดียว ทำให้มีสาขาหนึ่งไม่ประสบความสำเร็จ ต้องปิดตัวลงเพราะดูแลไม่ทั่วถึง เหลือเฉพาะที่ดูแลไหวจริงๆ
ช่วงแรกๆอึดมากรักษากันแบบเช้าจรดค่ำ พอคนไข้เริ่มติด ช่วยบอกปากต่อปาก กิจการก็ดีขึ้น ปัจจุบันมีทั้งหมด 9 สาขา เรียกได้ว่าสร้างมากับมือ ติดต่อเองทุกอย่าง ตั้งแต่บริษัทยา หาซื้อและลองเครื่องมือแพทย์ รับสมัครพนักงาน เลือกแพทย์ประจำคลินิก ตกแต่งบรรยากาศภายในให้เป็นคลินิกที่คนอยากเข้า ฯลฯ งานทุกชิ้นผ่านมือมาหมด ถือเป็นความรับผิดชอบโดยเฉพาะคนไข้ และทีมงานทุกคน เปรียบเสมือนญาติสนิทที่ต้องใส่ใจอย่างใกล้ชิด
ถามว่าจุดนี้พอใจหรือยัง? ทุกอย่างต้องมีก้าวต่อไปเสมอ ตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่ นี้ก็กำลังเตรียมทำพ็อคเก็ตบุคส่วนตัว บอกเล่าถึงนวัตกรรมที่มีประโยชน์ให้กับคนไข้ได้รู้ ชนิดเปลี่ยนคุณจากหน้ามือเป็นหลังมือกันเลยทีเดียว เชื่อว่าใครอยากเปลี่ยนลุคส์ เล่มนี้จะเป็นประโยชน์มากๆ"
Vision : มุมมองที่มีต่อตลาดความงามในเมืองไทย
"การเสริมความงามต้องปรับที่ทัศนคติของคนทำด้วย ถือเป็นการลงทุนให้ตัวเองที่คุ้มค่า คือทำได้แต่อย่าเสพติด ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายเป็นโรคจิต จุดเริ่มต้นต้องมีความเชื่อก่อนว่าทุกคนสวยได้ในแบบที่คุณเป็น ปัญหาใหญ่ของผู้หญิงไทย นอกจากผิวคล้ำ ฝ้าเพราะเป็นเมืองร้อนแล้ว ยังมีเรื่องความอ้วน ซึ่งสาวๆ ให้ความสนใจกันมาก
คิดว่าฟุ่มเฟือยเกินไปไหมที่ใครซักคนคิดเปลี่ยนตัวเองเพียงเพราะว่าอยากสวย? ถ้าเป็นการลงทุนให้ตัวเองดูดีขึ้น เป็นเรื่องที่ไม่ต้องประหยัด หากคุณกล้าที่จะซื้อรถแพงๆ เที่ยวต่างประเทศ ก็ควรกล้าที่จะลงทุนกับตัวเอง ขอให้เชื่อว่าผู้ที่เป็นหมอสามารถช่วยคุณได้แน่นอน ศีกษาข้อมูลเยอะๆ เชื่อว่าปลอดภัย หากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นหมอนี้แหละที่จะโดนก่อน
ปัจจุบันมีสถาบันความงาม คลินิกเล็ก คลินิกใหญ่ เกิดขึ้นเยอะมาก ถือเป็นทางเลือกในการใช้บริการ แต่ละแห่งพยายามจะสร้างจุดขายให้ตัวเอง ถามว่ากลัวหรือไม่? ต้องบอกว่ามั่นใจและเชื่อมั่นในคุณภาพบริการของเรา ด้วยเทคนิครักษาที่เห็นผลได้จริงและยากที่จะเลียนแบบ
คนไข้ที่คิดจะลองรักษาเล็กๆ น้อยๆ อย่าทำ...จะรักษาทั้งทีทำให้เต็มที่ เอาให้เห็นผลได้จริง จะได้ไม่เสียดายเงิน เรียกว่า หล่อ-สวยให้ถึงที่สุด ไม่สุดอย่าทำ"
"การเสริมความงามต้องปรับที่ทัศนคติของคนทำด้วย ถือเป็นการลงทุนให้ตัวเองที่คุ้มค่า คือทำได้แต่อย่าเสพติด ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายเป็นโรคจิต จุดเริ่มต้นต้องมีความเชื่อก่อนว่าทุกคนสวยได้ในแบบที่คุณเป็น ปัญหาใหญ่ของผู้หญิงไทย นอกจากผิวคล้ำ ฝ้าเพราะเป็นเมืองร้อนแล้ว ยังมีเรื่องความอ้วน ซึ่งสาวๆ ให้ความสนใจกันมาก
คิดว่าฟุ่มเฟือยเกินไปไหมที่ใครซักคนคิดเปลี่ยนตัวเองเพียงเพราะว่าอยากสวย? ถ้าเป็นการลงทุนให้ตัวเองดูดีขึ้น เป็นเรื่องที่ไม่ต้องประหยัด หากคุณกล้าที่จะซื้อรถแพงๆ เที่ยวต่างประเทศ ก็ควรกล้าที่จะลงทุนกับตัวเอง ขอให้เชื่อว่าผู้ที่เป็นหมอสามารถช่วยคุณได้แน่นอน ศีกษาข้อมูลเยอะๆ เชื่อว่าปลอดภัย หากมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นหมอนี้แหละที่จะโดนก่อน
ปัจจุบันมีสถาบันความงาม คลินิกเล็ก คลินิกใหญ่ เกิดขึ้นเยอะมาก ถือเป็นทางเลือกในการใช้บริการ แต่ละแห่งพยายามจะสร้างจุดขายให้ตัวเอง ถามว่ากลัวหรือไม่? ต้องบอกว่ามั่นใจและเชื่อมั่นในคุณภาพบริการของเรา ด้วยเทคนิครักษาที่เห็นผลได้จริงและยากที่จะเลียนแบบ
คนไข้ที่คิดจะลองรักษาเล็กๆ น้อยๆ อย่าทำ...จะรักษาทั้งทีทำให้เต็มที่ เอาให้เห็นผลได้จริง จะได้ไม่เสียดายเงิน เรียกว่า หล่อ-สวยให้ถึงที่สุด ไม่สุดอย่าทำ"
Credit : กระปุกดอทคอม,mycosmeticbeauty.com
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการตีสิบ โพสต์โดยคุณ Qos Mio สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
เรียบเรียงข้อมูลโดยRuengdd.com
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการตีสิบ โพสต์โดยคุณ Qos Mio สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
เรียบเรียงข้อมูลโดยRuengdd.com
Post a Comment