ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ(SANTORINI PARK CHA-AM)แหล่งช้อปปิ้งรูปแบบใหม่พร้อม"ซานโตรินี"ประเทศกรีกเกาะสวรรค์ที่ต้องหลงรัก

santorini park ชะอํา

santorini park ชะอํา

santorini park ชะอํา

santorini park ชะอํา

santorini park ชะอํา

          หากวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ใครยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหน หรือเบื่อทะเล เซ็งภูเขา อยากหาสถานที่ท่องเที่ยวชิลล์ ๆ ในบรรยากาศสบาย ๆ ก็ลองมาสัมผัสกับแหล่งช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นั่นก็คือ ภาพ "ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ" (Santorini Park Cha-Am) ที่เที่ยว ที่ช้อป ที่ชิม รูปแบบใหม่ในหัวหิน-ชะอำ ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์สำหรับทุกเพศทุกวัยได้แน่นอน เอ้า! พร้อมแล้วก็ไปลุย ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ กันเลยดีกว่า ... 

          ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ แหล่งช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ย่านหัวหิน–ชะอำ ที่มาพร้อมสโลแกน Amused Shopping Experience หรือ "สีสันใหม่แห่งประสบการณ์ความสนุก" บนพื้นที่กว่า 60 ไร่ ท่ามกลางสถาปัตยกรรมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบรรยากาศอันงดงามของ เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ พร้อมสนุกไปกับเครื่องเล่นนานาชนิดที่สั่งตรงจากต่างประเทศ ที่นี่จะมอบสีสันใหม่แห่งประสบการณ์ความสนุก ให้คุณประทับใจมิรู้ลืม

santorini park ชะอํา


santorini park ชะอํา



santorini park ชะอํา


santorini park ชะอํา


santorini park ชะอํา

          เพราะเพียง 2 ชั่วโมง จากกรุงเทพฯ และ 20 นาที จากหัวหิน คุณก็จะได้สัมผัสการช้อปปิ้งที่มาพร้อมความสนุกในทุกย่างก้าว โดยการรวมเอาร้านค้าชั้นนำสินค้าที่มีสไตล์เฉพาะตัว งานศิลปะ สวนสนุก และความร่มรื่นของต้นไม้เข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้แรงบันดาลใจในการออกแบบโครงการมาจากบรรยากาศสบาย ๆ ที่สวยงามของสถาปัตยกรรมสีฟ้าขาวบน เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ อีกทั้งต้นเฟื่องฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของเกาะ ก็ยังมีส่วนในการเพิ่มสีสันที่เข้ากันได้ดี 

          รวมถึงกริมมิกต่าง ๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่พบเห็นได้บนเกาะซานโตรินี เช่น ทางเดินลายก้อนหินที่จะแทรกตัวอยู่ทั่วทั้งโครงการ ผสานเข้ากับลูกเล่นหลากหลายที่เสริมเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำพุ งานประติมากรรมที่ใช้สอยได้ เราจึงเชื่อว่าทุกมุมของ "ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ" จะทำให้นักท่องเที่ยวเพลิดเพลินไปกับการบันทึกภาพประทับใจอย่างมีความสุขในทุกบริเวณ

santorini park ชะอํา

santorini park ชะอํา

          สำหรับ ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ แบ่งเป็น 5 โซนหลัก เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของนักท่องเที่ยว ได้แก่ โซนวิลเลจ (Village) ซึ่งได้รวบรวมร้านค้าที่ตอบสนองความต้องการและความชอบได้ทุกเพศ ทุกวัย ที่ไม่เพียงมีสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง แฟชั่นแอ็คเซสซอรี่ส์ สินค้าไลฟ์สไตล์ อาร์ตแอนด์เดคคอร์เท่านั้น แต่ยังเปิดรับสินค้าจากผู้ประกอบการ SME ที่มีแนวความคิดอินเทรนด์ไม่ซ้ำใคร ที่สำคัญหากคุณมาเดินช้อปปิ้งในโซนนี้ จะให้ความรู้สึกราวกับกำลังเดินชมร้านรวงบนเกาะซานโตรินี ซึ่งทุกร้าน ทุกแบรนด์ จะออกแบบหน้าร้านให้กลมกลืนกับตัวอาคาร นอกจากนี้ ยังมีส่วนของร้านอาหารชั้นนำ เพสตรี้ช้อป และคาเฟ่ ให้ได้เพลิดเพลินในระหว่างช้อปปิ้ง

santorini park ชะอํา



santorini park ชะอํา

          โซนพาร์ค (Park) ที่ยกเอาสวนสนุกขนาดย่อมมาไว้บนพื้นที่สีเขียว เครื่องเล่นทุกชิ้นผ่านการคัดสรรมาอย่างดีในแง่ความสนุก ความแปลกใหม่ และความปลอดภัย ทั้ง Ferris Wheel ชิงช้าสวรรค์ที่สูงถึง 40 เมตร ให้นักท่องเที่ยวได้เห็นโครงการในมุม Bird’s eye view อย่างจุใจ และยังเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของโครงการนี้อีกด้วย นอกจากนั้น ยังมี Merry Go Round หรือ ม้าหมุน 2 ชั้น และ Ponycycles ม้าโยกสุดคลาสสิก ที่จะหมุนพาไปสู่สัมผัสแห่งเทพนิยาย 

          และสำหรับผู้ที่รักความตื่นเต้น ก็มีเครื่องเล่นหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น G-Max Reverse Bungee แคปซูลดีดขึ้นฟ้า และ G-Max Giant Swing, Wallholla เครื่องเล่นปีนป่ายที่มีรางวัลการันตีจากประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมถึง XD Dark Ride เครื่องเล่น7D สุดไฮเทค และ 4DX Rider โรงภาพยนตร์สุดยอดประสบการณ์ 4 มิติ พิเศษสำหรับ Slider และ Water Ball เป็นความสนุกเพิ่มเติมที่จัดมาบริการฟรี!

santorini park ชะอํา

santorini park ชะอํา

santorini park ชะอํา

          โซนอีเว้นท์ (Event) ซึ่งจัดให้เป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตลอดปี ทั้งกิจกรรมพิเศษ โชว์ต่าง ๆ บนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร หรือคอนเสิร์ตที่จุผู้ชมได้ถึง 2,000 ที่นั่ง และ 5,000 คนยืน โซนวีคเอนด์ อาร์ต มาร์เก็ต (Weekend Art Market) ที่จะจัดขึ้นทุกวันเสาร์-อาทิตย์ คนรักงานศิลปะจะได้เพลิดเพลินไปกับการเลือกซื้อสินค้าแฮนด์เมดที่ไม่เหมือนใคร ในบรรยากาศตลาดนัดในสวน 

          ท้ายสุดกับ โซนเรสต์ แอเรีย (Rest Area) ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของผู้มาใช้บริการภายในพาร์ค และผู้ที่สัญจรจากจังหวัดทางภาคใต้มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ด้วยร้านอาหารที่รอพร้อมเสิร์ฟกว่า 10 ร้าน นั่งจิบกาแฟในบรรยากาศสบาย ๆ ทั้งยังมีร้านสะดวกซื้อ ร้านขายของฝาก ร้านขายยา และปั๊มน้ำมันขนาด 8 หัวจ่ายไว้บริการ จัดว่าเป็นโซนที่ให้บริการผู้เดินทางได้อย่างครบถ้วน

santorini park ชะอํา แผนที่

          ทั้งนี้ ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ เปิดบริการวันจันทร์-พฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. โดยไม่เสียค่าบัตรผ่านประตู ส่วนวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ เปิดตั้งแตเวลา 10.00 - 22.00 น. และเสียค่าบัตรผ่านประตูเพียงท่านละ 50 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมwww.santoriniparkchaam.com, www.facebook.com/SantoriniPark และtwitter.com/santorinipark 

          นั่นแน่! เริ่มอยากไปสัมผัสกับความอลังการ สวยงามของ ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ แล้วล่ะซิ อะ ๆ จะรอช้าอยู่ทำไม หากมีเวลาก็ออกไปโลดแล่นชมความไฉไลของ ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ กันเลยดีกว่า

"ซานโตรินี" เกาะสวรรค์ที่ต้องหลงรัก

เมื่อแสงทองของดวงอาทิตย์ อยู่ใกล้แค่ปลายจมูก เมื่อสำลีบนฟ้า อยู่สูงแค่เอื้อมมือ เมื่อท้องฟ้าทะเลสีครามเข้ม เป็นคลื่นซัดทักทายอยู่ที่ปลายเท้า เมื่อลมเย็นอ่อนๆ พัดคุณให้อุ่นใจ เมื่อคุณมีความสุขที่สุด  คุณจะบอกใคร ถ้าต้องอยู่คนเดียว....... นี่เป็นส่วนหนึ่งในหนังสือ Gift ของพี่อ้น ที่ได้เล่าถึงการเดินทางไปเยือนเกาะซานโตรินี เกาะเล็กๆเกาะหนึ่งในประทเศกรีซ  กับการเดินทางเพียงลำพังทำให้เขาได้เรียนรู้การใช้ชีวิตให้เข้มแข็งขึ้น  ข้อความหนึ่งกล่าวไว้ว่า "อยู่กับความเงียบที่สูงเสียดฟ้าแบบนี้  หลายครั้งก็เหงา  คิดถึงใครหลายนคน  คิดถึงเมืองไทย  คิดถึงอาหารไทย  คิดถึงบ้าน  ไม่น่าเชื่อว่าแผ่นดินที่ห่างไกลนี้กลับถูกคลุมไว้ด้วยฟ้าผืนเดียวกัน" "Goodnight Santorini" "ผมบอกลาดาวเต็มฟ้า  แล้วพาใจเข้านอน" "เราต้องโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น  ต้องเจอะเจอทั้งเรื่องดีและร้ายอีกมากมายในวันข้างหน้า  แต่เราจะไม่มีวันแพ้  ตราบเท่านที่เรายังเป็นเพื่อนแท้กับหัวใจของตัวเอง" นี่จึงเป็นเริ่มต้นให้ฉันค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับซานโตรินี  วันนี้จึงได้นำมาให้ทุกคนได้เห็นกันว่า สวรรค์บนดินมันมีจริงๆนะ เกาะซานโตรินี ก็เป็นอีกจุดหมายปลายทางในฝันอันหนึ่งของฉัน   Somewhere that the sky is clear, the sun is bright. somewhere is Santorini island. ฉันชอบทะเล ฉันชอบแสงแดด ฉันชอบกุ้ง หอย ปู ปลา ฮา... บนโลกใบนี้มีสถานที่หลายที่ที่ฉันอยากไปเยือน และเกาะซานโตรินี ก็เป็นอีกจุดหมายปลายทางในฝันอันหนึ่งของฉัน ฉันอยากไปเกาะซานโตรินี ... ฉันหลงใหลในความสวยงามของบ้านเรือนสีขาว-ฟ้า ที่ตั้งเรียงรายอยู่บนเนินเขาของเกาะ ตัดกับสีของท้องฟ้า บ้านช่องเค้าดูเรียบง่าย นี่แหละ...เสน่ห์ของเกาะซานโตรินี มันเป็นชุมชนเล็กๆ ที่อาจดูจะแออัดไปหน่อย แต่ก็น่ารักดี เกาะซานโตรินีตั้งอยู่ที่ประเทศกรีซค่ะ และถือว่าเป็นเกาะที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของโลก จนได้รับสมญานามว่า "Queen of Mediterranean sea" ตั้งอยู่ทางใต้สุดของหมู่เกาะ Cycladic ในทะเลเอเจียน (Aegean sea) และห่างจากเกาะครีต (Create) ประมาณ 63 ไมล์ ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงเหนือระดับน้ำทะเล 260 เมตร เมืองหลวงของเกาะซานโตรินี คือ เมืองธีร่า (Thira) โดยมีพื้นที่ประมาณ 73 ตารางกิโลเมตร มีจำนวนประชากรทั้งหมด 13 หมู่บ้าน ซึ่งนับเป็นจำนวนพลเมืองมากกว่า 13,600 คน (จากการสำรวจสำมะโนครัวในปี พ.ศ. 2001) ในปัจจุบันเกาะซานโตรินี มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับเสี้ยวพระจันทร์ (Crescent shape) อันเป็นผลมาจากการระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งเกิดครั้งสุดท้ายเมื่อ 3,600 ปีมาแล้ว ในยุคสำริดตอนปลาย (Late bronze age) โดยแมกมาประเภทหิน pumice (หินภูเขาไฟที่มีลักษณะเป็นรูพรุนคล้ายฟองน้ำ) และเถ้าถ่าน ที่ปะทุออกมานั้นได้เกิดการทับถมเป็นชั้นหนาราว 12 เมตร ซึ่งได้กลบฝังบริเวณพื้นที่ดังกล่าว จนกลายเป็นที่มาของตำนานที่เชื่อกันว่า เกาะแอนแลนติสได้จมลงในทะเลแล้ว การปะทุของภูเขาไฟยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน (ครั้งล่าสุดเกิดเมื่อปี ค.ศ. 1950) แต่ไม่รุนแรงมากนัก จากการปะทุของภูเขาไฟดังกล่าวทำให้เกิดเป็นเกาะเล็กๆ 2 เกาะ บนบริเวณแอ่งตรงยอดภูเขาไฟ คือ เกาะ Palea  และเกาะ Nea Kameni หูยยย...ทบทวนความรู้ทางธรณีสัณฐานสุดฤทธิ์!      ข้อมูทางประวัติศาสตร์ระบุว่ามนุษย์ได้เข้ามาอยู่อาศัยในเกาะแห่งนี้ ตั้งแต่ช่วงกลางของ 3,000 ปีมาแล้วก่อนคริสต์กาล จากการขุดค้นทางโบราณคดีที่เมือง Akrotiri เป็นการยืนยันว่าบนเกาะนี้มีมนุษย์เข้ามาตั้งถิ่นฐาน และประกอบกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเกิดการระเบิดของภูเขาไฟ ราว 1,500 ปีก่อนคริสต์กาล ที่ไม่พบร่องรอยการประกอบกิจกรรมของของมนุษย์ กระทั่งในช่วงปลายของศตวรรษที่ 13 ก่อนศริสต์กาล มนุษย์ก็ได้เข้ามาใช้พื้นที่ดังกล่าวอีกครั้ง เฮ้ย! นี่ก็คุ้นๆ เหมือนเคยเรียน ฮา... ในต้นศตวรรษที่ 20 การติดต่อค้าขายในเกาะซานโตรินีมีความเฟื่องฟูมาก โดยมีทั้งธุรกิจการขนส่งทางเรือทะเล สิ่งทอ ผลผลิตจากมะเขือเทศ และการปลูกงุ่น นอกจากนี้เอิงไปอ่านมาอีกที่นึง เค้าบอกว่าที่บนเกาะซานโตรินีจะมีท่าเรือพีราอุส (Piraeus) ซึ่งเป็นท่าเรือตั้งแต่สมัยโบราณที่ขนถ่ายสินค้าของชาวกรีซ สำหรับขนส่งน้ำมันมะกอกไปขาย ยังดินแดนแถบแอฟริกาและเอเชียด้วยค่ะ กระทั่งถึงยุคของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ที่เปลี่ยนจากการใช้เรือใบมาเป็นเรือจักรไอน้ำ และย้ายแหล่งอุตสาหกรรมไปอยู่ที่กรีซแทน ส่งผลให้เศรษฐกิจของเกาะซานโตรินีในช่วงนั้นซบเซาลง ประกอบกับภายหลังปี ค.ศ. 1956 ได้เกิดแผ่นดินไหว และได้คร่าชีวิตผู้คนบนเกาะไปเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดภัยพิบัติทางเศรษฐฏิจ กระทั่งในช่วงปลายของปี ค.ศ. 1970 เศรษฐกิจของเกาะซานโตรินีก็กลับมาดีขึ้นอีกครั้งโดยธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นธุรกิจทำกำไรให้กับเกาะซานโตรินีจนถึงปัจจุบัน ข้อมูลทางประวัติศาตร์ที่กล่าวไปเมื่อตะกี้นี้ ตัดตอนมาเป็นบางช่วงนะคะ ช่วงกลางๆ นี่ไม่ได้แปลมา ด้วยความที่ไม่ค่อยแม่นในเรื่องประวัติศาสตร์เท่าไหร่ค่ะ ยิ่งของกรีก ยิ่งใบ้เลย แต่เท่าๆ ที่อ่านดูก็น่าสนใจดีนะคะ แต่ไม่กล้าแปลมาลง เพราะกลัวทำคนอ่านสับสนค่ะ ถ้าอยากอ่านเพิ่มเติมก็ลิงค์ไปตามแหล่งอ้างอิงที่อยู่ข้างล่างนะคะ บ้านเรือนในแถบนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบโชเลส ซึ่งบ้าน อาคาร และโบสถ์จะทาด้วยสีขาวและฟ้า ซึ่งตั้งอยู่บนชั้นหินชนิดภูเขาไฟซึ่งสงบแล้ว นอกจากเสน่ห์ของบ้านเรือนบนเกาะซานโตรินีที่ดึงดูดฉันแล้ว อากาศอันสดใสของที่นี่ก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้ฉันหลงรักเกาะนี้ เกาะซานโตรินีมีสภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนค่ะ คือ แดดออกตลอดทั้งปี ช่วงฤดูร้อนอากาศจะค่อนข้างร้อนและแห้ง ฝนก็ไม่ค่อยตก และไม่ค่อยหนาวมากเท่าไหร่ (พูดเหมือนเคยไป ฮา...) โดยสามารถแบ่งฤดูกาลของที่นี่ได้เป็น 2 ฤดูใหญ่ๆ คือ ฤดูร้อนและฤดูฝน ฤดูร้อนจะยาวตั้งแต่เดือนเมษาไปจนถึงตุลาคม ฤดูฝนจะมีตั้งแต่พฤศจิกายนจนถึงมีนาคมค่ะ   ในช่วงฤดูร้อน ท้องฟ้าจะปลอดโปร่งและแดดออก ซึ่งตามปกติแล้วฝนจะไม่ตก และจะเป็นเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอ โอ้วว้าว! อย่างไรก็ตามสำหรับนักท่องเที่ยวเนี่ยะ ควรจะเตรียมสเวตเตอร์หรือแจ๊คเก็ตไปด้วยค่ะ เนื่องจากอากาศจะเย็นลงในตอนค่ำ โดยเฉพาะในเดือนเมษาและตุลาคม โอ้โห! ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ กลางวันฝนไม่ตก แถมกลางคืนก็เย็นอีก เป็นเกาะที่น่าไปมากม้าก บ้านช่องก็น่ารัก น่าอยู่ เมืองก็เล็กๆ ไม่วุ่นวาย อากาศก็ดี มีอาหารทะเลสดๆ ให้หม่ำอีก สวรรค์แท้ๆ ... แต่ชาตินี้ไม่รู้ว่าจะมีบุญได้ไปหรือเปล่า แค่บุญคงยังไม่พอ ต้องมีสตางค์ด้วย ฮา... ฉันจะพยายามทำงานเก็บตังค์ไว้เยอะๆ เพราะนอกจากที่เกาะเค้าจะทำกิจการที่พัก โรงแรมแล้ว เค้ายังมีกธุรกิจเกี่ยวกับการแต่งงานด้วย !!! แต่งงานบนเกาะซานโตรินีคงโรแมนติกน่าดูเลย บางทีฉันอาจจะเปลี่ยนใจอยากแต่งงานขึ้นมาก็ได้นะ ฮา... ขอปิดท้ายอย่างมีสาระหน่อย ด้วยข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ การเดินทางสู่เกาะซานโตรินี มีด้วยกัน 2  ทางค่ะ คือ ทางเรือและทางอากาศตามปกติแล้วจะมีบริการเรือเฟอร์รี่แล่นจากท่าเรือพิราอุส ท่าเรือ Thessaloniki หรือจากเกาะครีต และท่าเรือต่างๆ บนหมู่เกาะ Cycladic ไปยังเกาะซานโตรินี ซึ่งจะใช้เวลาการเดินทางประมาณ 8-13 ชม. ขึ้นอยู่กับแต่ละท่าเรือค่ะ นอจากนี้ก็ยังมี Speed boat ที่ให้บริการทุกวันในช่วงฤดูร้อน โดยจะเดินทางออกจากท่าเรือพีราอุสมายังเกาะต่างๆ ในหมู่เกาะ Cycladic และเกาะครีต ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียง 4-5 ชม. ค่ะ ส่วนทางอากาศนั้น จะต้องนั่งเครื่องบินไปลงที่เอเธนส์ก่อนค่ะ แล้วจึงจะบินต่อมายังเกาะซานโตรินีอีกที จากเอเธนส์-เกาะซานโตรินีใช้เวลาเดินทางประมาณ 40-50 นาทีค่ะ ซึ่งไวกว่าเดินทางด้วยเรือกว่า 5 ชั่วโมง ไปอ่านมาเค้าบอกว่าค่าโดยสาร จะตกอยู่ราวๆ 6,000 บาทสำหรับ one way ticket ค่ะ ปิดท้ายของจริงด้วยรูปถ่ายสวยๆ นะคะ เห็นแล้วยิ่งอยากไปเชียว Note : ประเทศกรีซ (กรีก) มีชื่อที่เป็นทางการว่า สาธารณรัฐเฮลเลนิก (Helenic) ที่ใช้ในองค์การสหประชาชาติ กรีซ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรป ติดกับทะเลทั้ง 3 คือ ทะเลอีเจียน ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทะเลไอโอเนียน มีหมู่เกาะถึง 3,000 เกาะ ซึ่งคิดเป็น 19 % ของพื้นที่ทั้งหมดของกรีซ เมืองหลวงคือ กรุงเอเธนส์ ประชากร 10.7 ล้านคน ใช้ภาษา กรีก เป็นภาษาราชการ ประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายกรีกออโธดอกช์มากถึงร้อยละ 98 % สกุลเงินคือ ยูโร (Euro) ระบบไฟคือ 220 Volt ซึ่งเหมือนระบบไฟประเทศไทย แต่ต้องหา adaptor พิเศษสำหรับหัวปลั๊กที่ต่างจากเมืองไทย และก่อนการเดินทางต้องยื่นขอ VISA เข้าประเทศกรีซด้วยนะคะ

เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก santoriniparkchaam.com และ เฟซบุ๊ก Santorini Park Cha-Am  , 2how.com/board/topic.phpωid=32207
คลิปวีดีโอ Youtube.com
ข้อมูลอ้างอิง :www.santorini.net
www.en.wikipedia.org/wiki/Santorini
Credit : gaagun@nongmaiclub.com
เรียบเรียง : ruengdd.com,เรื่องดีดี.com