เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่
กลายเป็นกระแสสังคมขึ้นมาใหม่ ในช่วงวันเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะกระแสในโลกอินเตอร์เน็ตและโชเชียลเน็ตเวิร์ก ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์พูดถึงกระแส "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่!" ซึ่งเริ่มต้นจากวิดีโอระบายความในใจของนักเรียนชั้นมัธยมต้น มาสู่กระแสสังคมที่พูดถึงเป็นวงกว้าง
สังคมกำลังสงสัยว่า อะไรคือ "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" ?? เรื่องราวเริ่มต้นจากเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งคาดว่ากำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เกิดอาการคับแค้นใจที่ถูกเพื่อนร่วมชั้นขับออกจากกลุ่มในเว็บไซต์เฟชบุ๊ก จนเจ้าตัวบันทึกคำพูดเป็นวิดีโอก่อนจะเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ยูทูป มีเนื้อความน้อยใจเพื่อนๆ และข่มขู่เพื่อนๆ ว่า "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" จนกระทั่งคลิปดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่โชเชียลเน็ตเวิร์ก ทั้งเฟชบุ๊กและทวิตเตอร์เพียงในเวลาไม่นาน
นอกจากนี้ มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง ที่อ้างว่าเป็นหัวหน้าห้องของเด็กชายที่พูดระบายในคลิปวิดีโอดังกล่าว ซึ่งได้ชี้แจงว่า กลุ่มในเฟชบุ๊กที่เด็กชายคนดังกล่าวพูดถึง มีไว้สำหรับปรึกษางานกลุ่ม ซึ่งมีอยู่ประมาณ 28 คน แต่เมื่อเพื่อนๆ ได้ระดมขอความคิดเห็นกัน เด็กชายคนดังกล่าวมักจะโพสต์เพียง เครื่องหมาย "..." เป็นจำนวนหลายข้อความติดกัน 99 ข้อความ คล้ายจะปั่นป่วน จนทำให้งานที่ทุกคนร่วมกันระดมสมองเกิดหายไปจากระบบ ทำให้เพื่อนๆ ในกลุ่มเฟชบุ๊กซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้น ได้มีมติให้ไล่เด็กชายคนดังกล่าวออกจากกลุ่ม จนเกิดเป็นคลิปวิดีโอเด็กชายระบายความในใจดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับกระแส "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" ได้กลายเป็นวลีฮิตที่ถูกนำไปใช้ในอินเตอร์เน็ต ไม่ต่างจากคำว่า "ธนูปักหัวเข่า" ที่ผ่านมา รวมทั้งมีการตั้งกลุ่มเฟชบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ อีกทั้งยังมีทวิตเตอร์ที่อ้างเป็น ครูอังคณา ทวิตข้อความระบุว่า "ได้ทำโทษเด็กชายกับหัวหน้าห้องแล้ว" หรือ "ครูอยากให้พวกเรา 1/9 รักกันนะคะ" ซึ่งในเวลาต่อมาชื่อผู้ใช้ "ครูอังคณา" ดังกล่าวก็ปิดตัวลงไป
สำหรับคลิปวิดีโอ "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" ได้โพสต์ลงเว็บไซต์ยูทูปเมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา เป็นคลิปวิดีโอที่มีความยาวไม่ถึง 1 นาที ก่อนจะถูกสังคมวิจารณ์ต่างๆ นานา บางมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นการใช้สื่อในทางที่ผิดของเยาวชน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากระแส "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" น่าจะเป็นกระแสที่สังคมพูดถึงในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ต่างจากวลีฮิตคำอื่นๆ ที่ผ่านมา
ต้นตอของวลีฮิตนี้ เริ่มต้นจากเด็กชายโต๊ด ชั้น ม.1/9 น้อยเนื้อต่ำใจที่เพื่อน ๆ ไม่ยอมให้เข้ากลุ่ม จึงอัดอั้นตันใจเลยอัดคลิปวิดีโอเพื่อขอระบายเพื่อความสะใจ (ซึ่งขณะนี้ยอดวิวของคลิปดังกล่าวก็พุ่งกระฉูดกว่า 2 สองแสนคลิกเลยทีเดียว) ต่อจากนั้น เด็กชายโต๊ดก็ได้ลงคลิปอีกครั้ง เพื่อถามเพื่อน ๆ ว่า "กูผิดอะไร" โดยเด็กชายโต๊ดพูดอย่างน้อยใจน้ำตาคลอเบ้าและเสียงสั่น ๆ และบอกว่าเข้ากับเพื่อน ๆ ชาว 1/9 ไม่ได้อีกแล้ว ...
แต่คลิปที่เป็นกลายเป็นกระแสฮอตที่เป็นที่มาของวลีเด็ดอย่าง "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่"เป็นคลิปที่เด็กชายโต๊ด ถามถึง "บอล" เพื่อนนักเรียนด้วยกันว่า "ไอ้บอล คิดได้เนอะ ให้เพื่อนไล่กูออกจากชาว 1/9 เพราะเรื่องกะโหลกกะลาแค่นี้ บอกไว้เลยว่า ถ้าไม่เอากูเป็นพวกเราชาว 1/9 ... เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่!!"
แต่...นอกจากเรื่องนี้จะถึงครูอังคณาแล้ว ยังถึงคนทั่วโลกไซเบอร์ด้วย เพราะคำนี้กลายเป็นคำฮอตฮิตเทียบเท่าคำว่า "ธนูปักที่หัวเข่า" เลยทีเดียว แถมยังมีแฟนเพจซึ่งขณะนี้มีคนกดไลค์กว่า 1.8 หมื่นคนแล้วด้วย อีกทั้งยังมีคนนำคลิปของเด็กชายโต๊ดไปเลียนแบบหลายต่อหลายเวอร์ชั่น... ที่สำคัญมีคนนำคำ "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่!!" ไปใส่ไว้ในศัพท์การเมืองไทยร่วมสมัยเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
ส่วนทาง ผอ.โรงเรียนกระทุ่มแบน (วิเศษสมุทคุณ) จังหวัดสมุทรสาคร ได้เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ครูอังคณา เป็นที่รักของเด็ก ๆ ทั้ง ขยัน ตั้งใจทำงานและให้เด็กส่งงานผ่านเฟซบุ๊กเสมอ ส่วนคลิปที่เด็กชายโต๊ดโพสต์ลงไปนั้น คงจะต้องเรียกมาคุยถึงผลกระทบในโลกออนไลน์ แต่ไม่มีการต่อว่าหรือเอาผิดอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากวลีฮิตดังกล่าวกลายเป็นข่าวดังชั่วข้ามคืน ล่าสุด ครูอังคณา ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ @yoware เพื่อชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยครูอังคณา ระบุว่า เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดย "บอล" ซึ่งเป็นหัวหน้าห้อง ตั้งกลุ่ม ม.1/9 ขึ้นมาในเฟซบุ๊ก เพื่อให้เพื่อนในห้องได้พูดคุยกัน และครูก็ได้ตั้งกฎไว้ 3 ข้อ คือ เวลาคุยกันห้ามใช้คำหยาบ ห้ามพูดคุยเชิงชู้สาว และใครที่จะแจ้งข่าวสารอะไรที่สำคัญในหน้าเฟซบุ๊กก็ให้โทรบอกกันด้วย
ครูอังคณา เล่าต่อว่า เมื่อตั้งกลุ่มแล้วเด็ก ๆ ในห้องก็มาโพสต์ข้อความบอกข่าวกันในกลุ่ม ม.1/9 ซึ่งตนก็ไม่ได้เข้าไปดูบ่อยนัก แต่มาทราบภายหลังว่า มีการบล็อกไม่ให้ "โต๊ด" เข้ากลุ่มด้วย "โต๊ด" ก็เลยไปโพสต์คลิประบายความในใจ ตนจึงได้เรียกสมาชิกในห้องมาคุยกันว่า ไม่ให้ทะเลาะกันแบบนี้ ซึ่งเด็ก ๆ ก็เข้าใจกันดีแล้วเรื่องก็จบไปตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว แต่เรื่องคลิปของ "โต๊ด" ที่เพิ่งจะมาปรากฏนั้น ก็ไม่ทราบว่ามีที่มาจากไหน เพราะเรื่องทั้งหมดเด็ก ๆ ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันไปแล้ว ส่วนเด็ก ๆ ในห้องก็งงกับเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ครูอังคณา กล่าวต่อว่า ตนมาทราบเรื่องนี้ เพราะมีเด็กนักเรียนบอกมาว่า ตอนนี้มีคนไปสร้างเพจปลอม โดยใช้ชื่อตน ใช้ชื่อโต๊ด ใช้ชื่อบอล โพสต์คุยกันในเพจ และมีหลายคนไม่รู้เรื่องเข้าใจว่าเป็นตัวจริง ก็เข้าไปคอมเมนท์ ว่าโต๊ดบ้าง ว่าบอลบ้าง แสดงความเห็นใจบ้าง ซึ่งตนก็งงว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะทั้งตน โต๊ด บอล ไม่ได้สร้างเพจนี้แน่ ๆ และปกติตนก็ไม่ค่อยได้เข้าอินเทอร์เน็ต เข้าเฟซบุ๊กอยู่แล้ว จึงขอให้คนที่เข้าไปเล่นในเพจอย่าเชื่อว่าตนเป็นคนโพสต์ หรือสร้างเพจนี้ เพราะตนสร้างเพจแบบนี้ไม่เป็น และไม่ได้มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์มากขนาดนั้น
ส่วนวลีฮิตที่ว่าจะฟ้องครูอังคณานั้น ครูอังคณา ชี้แจงว่าอาจจะเป็นเพราะตนเป็นที่ปรึกษาของห้อง ม.1/9 และพูดกับเด็ก ๆ ไว้ว่า เวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในห้องให้บอกครู อย่าให้ครูรู้จากคนอื่น ก็เลยทำให้เด็ก ๆ มาปรึกษาครูทุกเรื่อง แต่คงไม่ใช่เพราะตนเป็นครูที่ดุเลยทำให้เด็ก ๆ พูดกันว่าจะฟ้องครูอังคณา เพราะที่ผ่านมาตนไม่ใช่ครูที่ดุเลย ปกติก็ไม่ค่อยตีเด็กด้วย
ในตอนท้าย ครูอังคณา บอกด้วยว่า ตอนนี้ได้คุยกับคุณแม่ของโต๊ดแล้ว ซึ่งตนก็บอกไปว่าให้อยู่นิ่ง ๆ อย่าทำอะไร และฝากบอกคนอื่น ๆ ด้วยว่า ชื่อที่ปรากฏในเพจไม่ใช่ตัวจริง และอยากให้คนที่มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์นำความรู้ไปใช้ในเชิงสร้างสรรค์ดีกว่า เพราะตัวเองสนุกแต่เป็นทุกข์ของครู และน้อง ๆ ซึ่งยังเรียนอยู่แค่ชั้น ม.1 เท่านั้นเอง
ขณะที่ "บอล" ซึ่งมีชื่อในคลิปว่าเป็นคนบล็อก "โต๊ด" ไม่ให้เข้ากลุ่มนั้น ได้ออกมาเล่าเช่นกันว่า สาเหตุที่ไม่ให้ "โต๊ด" เข้ากลุ่ม เพราะเวลาเพื่อน ๆ ในห้องคุยงานกัน "โต๊ด" จะไม่ออกความเห็น แต่จะพิมพ์ ... จำนวนมาก ซึ่งในเฟซบุ๊กรับได้แค่ 99 ข้อความ แต่ "โต๊ด" พิมพ์... มาเป็นร้อย ทำให้งานหาย คนในกลุ่มจึงลงความเห็นกัน และให้ตนซึ่งเป็นแอดมินไล่ "โต๊ด" ออกจากกลุ่มไปในตอนนั้น
แต่คลิปที่เป็นกลายเป็นกระแสฮอตที่เป็นที่มาของวลีเด็ดอย่าง "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่"เป็นคลิปที่เด็กชายโต๊ด ถามถึง "บอล" เพื่อนนักเรียนด้วยกันว่า "ไอ้บอล คิดได้เนอะ ให้เพื่อนไล่กูออกจากชาว 1/9 เพราะเรื่องกะโหลกกะลาแค่นี้ บอกไว้เลยว่า ถ้าไม่เอากูเป็นพวกเราชาว 1/9 ... เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่!!"
แต่...นอกจากเรื่องนี้จะถึงครูอังคณาแล้ว ยังถึงคนทั่วโลกไซเบอร์ด้วย เพราะคำนี้กลายเป็นคำฮอตฮิตเทียบเท่าคำว่า "ธนูปักที่หัวเข่า" เลยทีเดียว แถมยังมีแฟนเพจซึ่งขณะนี้มีคนกดไลค์กว่า 1.8 หมื่นคนแล้วด้วย อีกทั้งยังมีคนนำคลิปของเด็กชายโต๊ดไปเลียนแบบหลายต่อหลายเวอร์ชั่น... ที่สำคัญมีคนนำคำ "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่!!" ไปใส่ไว้ในศัพท์การเมืองไทยร่วมสมัยเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
ส่วนทาง ผอ.โรงเรียนกระทุ่มแบน (วิเศษสมุทคุณ) จังหวัดสมุทรสาคร ได้เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ครูอังคณา เป็นที่รักของเด็ก ๆ ทั้ง ขยัน ตั้งใจทำงานและให้เด็กส่งงานผ่านเฟซบุ๊กเสมอ ส่วนคลิปที่เด็กชายโต๊ดโพสต์ลงไปนั้น คงจะต้องเรียกมาคุยถึงผลกระทบในโลกออนไลน์ แต่ไม่มีการต่อว่าหรือเอาผิดอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากวลีฮิตดังกล่าวกลายเป็นข่าวดังชั่วข้ามคืน ล่าสุด ครูอังคณา ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ @yoware เพื่อชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยครูอังคณา ระบุว่า เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดย "บอล" ซึ่งเป็นหัวหน้าห้อง ตั้งกลุ่ม ม.1/9 ขึ้นมาในเฟซบุ๊ก เพื่อให้เพื่อนในห้องได้พูดคุยกัน และครูก็ได้ตั้งกฎไว้ 3 ข้อ คือ เวลาคุยกันห้ามใช้คำหยาบ ห้ามพูดคุยเชิงชู้สาว และใครที่จะแจ้งข่าวสารอะไรที่สำคัญในหน้าเฟซบุ๊กก็ให้โทรบอกกันด้วย
ครูอังคณา เล่าต่อว่า เมื่อตั้งกลุ่มแล้วเด็ก ๆ ในห้องก็มาโพสต์ข้อความบอกข่าวกันในกลุ่ม ม.1/9 ซึ่งตนก็ไม่ได้เข้าไปดูบ่อยนัก แต่มาทราบภายหลังว่า มีการบล็อกไม่ให้ "โต๊ด" เข้ากลุ่มด้วย "โต๊ด" ก็เลยไปโพสต์คลิประบายความในใจ ตนจึงได้เรียกสมาชิกในห้องมาคุยกันว่า ไม่ให้ทะเลาะกันแบบนี้ ซึ่งเด็ก ๆ ก็เข้าใจกันดีแล้วเรื่องก็จบไปตั้งแต่เดือนมกราคมแล้ว แต่เรื่องคลิปของ "โต๊ด" ที่เพิ่งจะมาปรากฏนั้น ก็ไม่ทราบว่ามีที่มาจากไหน เพราะเรื่องทั้งหมดเด็ก ๆ ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันไปแล้ว ส่วนเด็ก ๆ ในห้องก็งงกับเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ครูอังคณา กล่าวต่อว่า ตนมาทราบเรื่องนี้ เพราะมีเด็กนักเรียนบอกมาว่า ตอนนี้มีคนไปสร้างเพจปลอม โดยใช้ชื่อตน ใช้ชื่อโต๊ด ใช้ชื่อบอล โพสต์คุยกันในเพจ และมีหลายคนไม่รู้เรื่องเข้าใจว่าเป็นตัวจริง ก็เข้าไปคอมเมนท์ ว่าโต๊ดบ้าง ว่าบอลบ้าง แสดงความเห็นใจบ้าง ซึ่งตนก็งงว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะทั้งตน โต๊ด บอล ไม่ได้สร้างเพจนี้แน่ ๆ และปกติตนก็ไม่ค่อยได้เข้าอินเทอร์เน็ต เข้าเฟซบุ๊กอยู่แล้ว จึงขอให้คนที่เข้าไปเล่นในเพจอย่าเชื่อว่าตนเป็นคนโพสต์ หรือสร้างเพจนี้ เพราะตนสร้างเพจแบบนี้ไม่เป็น และไม่ได้มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์มากขนาดนั้น
ส่วนวลีฮิตที่ว่าจะฟ้องครูอังคณานั้น ครูอังคณา ชี้แจงว่าอาจจะเป็นเพราะตนเป็นที่ปรึกษาของห้อง ม.1/9 และพูดกับเด็ก ๆ ไว้ว่า เวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในห้องให้บอกครู อย่าให้ครูรู้จากคนอื่น ก็เลยทำให้เด็ก ๆ มาปรึกษาครูทุกเรื่อง แต่คงไม่ใช่เพราะตนเป็นครูที่ดุเลยทำให้เด็ก ๆ พูดกันว่าจะฟ้องครูอังคณา เพราะที่ผ่านมาตนไม่ใช่ครูที่ดุเลย ปกติก็ไม่ค่อยตีเด็กด้วย
ในตอนท้าย ครูอังคณา บอกด้วยว่า ตอนนี้ได้คุยกับคุณแม่ของโต๊ดแล้ว ซึ่งตนก็บอกไปว่าให้อยู่นิ่ง ๆ อย่าทำอะไร และฝากบอกคนอื่น ๆ ด้วยว่า ชื่อที่ปรากฏในเพจไม่ใช่ตัวจริง และอยากให้คนที่มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์นำความรู้ไปใช้ในเชิงสร้างสรรค์ดีกว่า เพราะตัวเองสนุกแต่เป็นทุกข์ของครู และน้อง ๆ ซึ่งยังเรียนอยู่แค่ชั้น ม.1 เท่านั้นเอง
ขณะที่ "บอล" ซึ่งมีชื่อในคลิปว่าเป็นคนบล็อก "โต๊ด" ไม่ให้เข้ากลุ่มนั้น ได้ออกมาเล่าเช่นกันว่า สาเหตุที่ไม่ให้ "โต๊ด" เข้ากลุ่ม เพราะเวลาเพื่อน ๆ ในห้องคุยงานกัน "โต๊ด" จะไม่ออกความเห็น แต่จะพิมพ์ ... จำนวนมาก ซึ่งในเฟซบุ๊กรับได้แค่ 99 ข้อความ แต่ "โต๊ด" พิมพ์... มาเป็นร้อย ทำให้งานหาย คนในกลุ่มจึงลงความเห็นกัน และให้ตนซึ่งเป็นแอดมินไล่ "โต๊ด" ออกจากกลุ่มไปในตอนนั้น
Credit : sanook.com,Youtube.com,กระปุกดอทคอม,Modernnine TV,คมชัดลึก
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่, ศัพท์การเมืองไทยร่วมสมัย,facebook.com/pongsatornfc
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่, ศัพท์การเมืองไทยร่วมสมัย,facebook.com/pongsatornfc
เรียบเรียง : ruengdd.com,เรื่องดีดี.com
Post a Comment