นิทานความรักของไม้ปักขี้เลน

เจ้าไม้หลักเรียวเล็กหลงรักกับน้ำทะเล
แต่ตอนนี้เหลือเพียงมันอยู่เดียวดาย
เจ้าไม้หลักถูกพันธนาการไว้กับโคลนตม
มันไม่ได้สนใจนัก เพราะมันรู้อยู่เพียงว่า ณ ตอนนี้มันกำลังรอคอย
รอคอยบางสิ่ง....
บางสิ่งที่ไม่รู้ว่า จะมาเมื่อไร 

เจ้าไม้หลักรอคอยการขึ้นของน้ำทะเล
ครั้งเมื่อน้ำทะเลขึ้น มันรู้สึกเป็นสุขยิ่งเมื่อได้สัมผัสกับเกลียวคลื่นซัด
ได้ซึมซับกับความเย็นฉ่ำ ซึ่งบางครั้งสายน้ำก็อบอุ่น
ไหลมา...
ไหลเย็น...
ยามนั้น เจ้าไม้หลักมองเห็นคุณค่าของตัวมัน
และมันมั่นใจว่ามันไม่ได้อยู่อย่างเดียวดาย

เมื่อวัฎจักรแห่งดวงจันทร์มาถึง ทะเลก็ย้อนกลับลับไป
โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมาอีก
ทิ้งให้เจ้าไม้หลักปักอยู่เดียวดายอีกครั้ง
มันจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
เนิ่นนาน...
เนิ่นนาน...

แม้เจ้าไม้หลักอยากให้น้ำทะเลอยู่กับมันสักเพียงใด
มันก็มิอาจห้ามหรือฉุดรั้งมิให้เจ้าน้ำทะเลไหลลงได้
เพราะมันเป็นเพียงแค่...
ไม้เล็ก ๆ ท่อนหนึ่ง
เท่านั้น...
ใครหนอจะเข้าใจ ?


สายลมพัดลู่จนเจ้าไม้หลักเรียวเล็กโยกโงนเงน
สายลมร้องทักเจ้าไม้หลักว่าสบายดีไหม
เจ้าไม้หลักตอบไปด้วยความตกใจ ว่าท่านคือใคร
สายลมตอบว่าเราพัดผ่านตัวเจ้าอยู่ตลอดเวลา
แต่เจ้ามิอาจมองเห็นเราได้ เจ้ามิเคยได้สังเกตเรา
แต่...
เจ้ารู้สึกได้

ทั้งสองสิ่งคุยกันเนิ่นนาน
เจ้าไม้หลักเล่าความทุกข์ทุกอย่างให้สายลมฟัง
ว่ามันเหงาเพียงใดกับการรอคอย
เจ้าสายลมเห็นใจ
เจ้าสายลมอาสาโบกพัดให้เจ้าไม้หลักเย็นสบาย
เจ้าไม้หลักโอนอ่อนสนองรับไปกับสายลมจนมันเอียงลู่ลง
พัดมา...
พัดเย็น...
เจ้าไม้หลักรู้สึกเย็น
แม้จะไม่เย็นเท่าน้ำทะเล แต่ก็สม่ำเสมอ
และแม้จะสม่ำเสมอ
แต่ก็ไร้ตัวตน

หาดทราย ภูเขา ท้องฟ้า ต่างเห็นพฤติกรรมของเจ้าไม้หลัก
ต่างต่อว่าเจ้าไม้หลัก ว่าช่างมีหลายรักโอนเอนไม่มั่นคง

เจ้าไม้หลักยอมรับ
มันมิได้มั่นคงดั่งภูเขา
มันมิได้ขาวสะอาดดั่งหาดทราย
มันมิได้กว้างใหญ่ดั่งท้องฟ้า

ภูเขาจะเคยอ่อนไหวไหม ในเมื่อมั่นคงกว่าทุกสิ่ง
หาดทรายจะเดียวดายไหม ในเมื่อมีคลื่นซัดไม่ขาดสาย
ท้องฟ้าจะเคยเหงาไหม ในเมื่อมีเมฆและนกอยู่ใกล้
เจ้าไม้หลักก็เป็นแค่สิ่งเล็ก ๆ ที่ต้องการบางสิ่งชิดใกล้
มันแค่ต้องการความรัก จากบางสิ่ง
แค่เท่านั้น
แค่เท่านั้นจริง ๆ
มันผิดมากไหม

พระอาทิตย์จ้องมองอยู่นานจึงกล่าวบอกเจ้าไม้หลักว่าเจ้าแน่ใจแล้วหรือ
ว่าทั้งสายลมและทะเลคือสิ่งที่มอบความสุขให้แก่เจ้า...
คงมีสักวันหนึ่ง เจ้าคงจะรู้
พระอาทิตย์ฝากคำทิ้งไว้แค่นั้น... แล้วค่อย ๆ ลับขอบฟ้าไป

แล้ววันนั้นก็มาถึง...
วันที่ สายลมและทะเลทะเลาะกัน
เจ้าไม้หลักอยู่ตรงกลาง
ทั้งน้ำทะเลและสายลมต่างไม่ยอมแพ้กันจนก่อเป็นคลื่นลมฝนพายุซัด
ซัดเข้าหาเจ้าไม้หลัก
เจ้าไม้หลักลู่ไปทางซ้ายจากเกลียวคลื่น
คลื่นที่เจ้าไม้หลักเคยบอกว่าบางครั้งเย็นและอบอุ่น
เจ้าไม้หลักลู่ไปทางขวาจากพายุหมุน
จากสายลมที่เจ้าไม้หลักเคยบอกว่ามันพัดสม่ำเสมอ
มันเป็นเพียงไม้เล็ก ๆ ที่มิอาจจะทานทนได้
มันจึงถูกถอนจากโคลนตม
พัดไป
ลอยไป
และจมดิ่งลงสู่ท้องทะเล
จมลง...
จมลง
จมหาย…
ยามเช้าสดใส
ทะเลและสายลมจากไปอย่างไม่ใยดี
เจ้าไม้หลุดพ้นจากพันธนาการ
มันหลุดพ้นจากการเป็นไม้หลักปักขี้เลน
เจ้าไม้หลักร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับมัน
ณ ตอนนี้มันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
ใคร ๆ ต่างก็กล่าวว่า มันคือไม้ที่โงนเงนจะล้มมิล้มแหล่
แต่ทั้งนี้…
ถ้าสายลมไม่พัดเข้าหา
คลื่นทะเลไม่ซัดเข้าหา
มันจะสั่นไหวได้อย่างไร

เจ้าไม้หลักแนบขนานไปกับโคลนตมด้วยความโศกเศร้า
พลันเสียงอันอ่อนโยนก็ดังขึ้นข้าง ๆ
เหนื่อยไหมเจ้า
หากเหนื่อยนัก ก็พักผ่อนเถิด
ข้าจะโอบกอดเจ้าไว้เอง
เจ้าไม้หลักอ่อนล้า แต่ก็ยังฉงนว่า นี่เสียงของอะไร
ก่อนหน้านี้เราคือสิ่งที่เจ้าใช้ยึดหลัก
แต่เจ้าไม่เคยแม้แต่จะมอง
คงเป็นเพราะข้าอยู่ข้างใต้ตัวท่านมาตลอดนั่นเอง
ข้าขอโทษ ที่ไม่สามารถยึดจับเจ้าไว้ให้แน่นกว่านี้
ไม่เช่นนั้นเจ้าก็คงจะไม่หลุดปลิวออกมา

โคลนตมโอบกอดเจ้าไม้หลักไว้
มันเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นและคุ้นเคยที่สุด เท่าที่เจ้าไม้หลักเคยพบมา
เจ้าไม้หลักเพิ่งจะรู้ว่า สิ่งที่อยู่เคียงข้างมันมาตลอด
ก็คือสิ่ง ๆ นี้ สิ่งที่เจ้าไม่หลักไม่เคยเหลียวมอง
โคลนตมรอคอย ให้เจ้าไม้หลักเหลียวมอง
เหมือนกับที่เจ้าไม้หลักรอคอยทะเล

ณ ตอนนี้ เจ้าไม้หลักตระหนักแล้วว่า มันมิได้เป็นไม้หลักปักขี้เลนอีกต่อไป
ณ ตอนนี้ มันเป็นส่วนหนึ่ง ของขี้เลนต่างหาก
นับแต่นี้ สายลมจะไม่มีทางพัดลู่เจ้าไม้หลักอีก
นับแต่นี้ ทะเลจะไม่มีทางมองเห็นเจ้าไม้หลักอีก
เพราะมันจมหายไปกับโคลนตมเสียแล้ว
จึงขอปิดตำนานไม้หลักปักขี้เลนแต่เพียงเท่านี้แล…