ท้าวเวสสุวรรณ เทพแห่งความมั่งคั่ง


เราอาจเคยเห็นได้ยินความเชื่อเรื่อง "ท้าวเวสสุวรรณ" ว่ามีอิทธิฤทธิ์ในการขับไล่ภูตผีปีศาจทั้งหลาย หรืออาจเคยเห็นคุณย่าคุณยายนำรูป "ท้าวเวสสุวรรณ" มาแขวนไว้เหนือเปลเด็กอ่อน แถมบ้างก็ว่า ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพแห่งความร่ำรวย จนอดสงสัยไม่ได้ว่า จริง ๆ แล้ว "ท้าวเวสสุวรรณ" คือใคร วันนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปหาคำตอบกัน

         ท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวเวสสุวัน) หรือในภาษาพราหมณ์เรียกว่า "ท้าวกุเวร" ถ้าในพระพุทธศาสนาจะเรียก "ท้าวไพสพ" เป็นอธิบดีแห่งอสูร หรือเจ้าแห่งภูตผีปีศาจทั้งหลาย โดย ท้าวเวสสุวรรณ เป็นหนึ่งในท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ประทับทางทิศเหนือมีอสูร รากษส และภูตผีปีศาจเป็นบริวาร
         ว่ากันว่าอาณาเขตที่ ท้าวเวสสุวรรณ ปกครองนั้นใหญ่มหาศาลมาก และ ท้าวเวสสุวรรณ ยังเป็นหัวหน้าของท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 อันประกอบไปด้วย "พระอินทร์" (ท้าวธตรฐ) ปกครองโลกด้านทิศตะวันออก , "พระยม" (ท้าววิรุฬหก) ปกครองโลกด้านทิศใต้ และ "พระวรุณ" (ท้าววิรูปักษ์) ปกครองโลกด้านทิศตะวันตก

         และเพราะ ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเจ้าแห่งอสูร คนโบราณจึงมักทำรูป ท้าวเวสสุวรรณ แขวนไว้เหนือเปลเด็กอ่อน เพราะเชื่อว่าจะช่วยป้องกันภูตผีปีศาจไม่ให้มารบกวนเด็กเล็กได้และนิยมทำผ้ายันต์รูป ท้าวเวสสุวรรณ รวมทั้งจำหลักรูป ท้าวเวสสุวรรณ ไว้ที่มีดหมอของสัปเหร่อ เพื่อกำราบวิญญาณ  และยังมีผู้พกพารูป ท้าวเวสสุวรรณ หรือทำเป็นเครื่องรางของขลัง ป้องกันภัยจากวิญญาณอีกด้วย
         ทั้งนี้ ส่วนใหญ่แล้วเรามักเห็นภาพ ท้าวเวสสุวรรณ ในรูปลักษณ์ของยักษ์ ยืนถือกระบองยาว หรือไม้เท้าขนาดใหญ่อยู่ระหว่างขา เหมือนมีขาสามขา เนื่องจากท้าวกุเวรมีรูปร่างพิการ จึงเป็นเหตุให้พระพรหมตั้งชื่อให้ว่า "ท้าวกุเวร" แต่ในวรรณคดีหลายฉบับ

         รวมทั้งตำราโบราณ ได้กล่าวตรงกันว่า อันที่จริงแล้ว ท้าวเวสสุวรรณ เป็นยักษ์ที่มีผิวกายและพัสตราภรณ์สีเหลืองทอง จิตใจดีงาม และอุทิศตนถวายพิทักษ์รักษาพุทธสถาน และพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้น หากใครที่เดินทางไปยังวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ที่จังหวัดพิษณุโลก ก็อาจจะได้พบรูปหล่อปิดทองด้านซ้ายของฐานองค์พระพุทธชินราช ทำเป็นรูป ท้าวเวสสุวรรณ เพื่อปกปักคุ้มครองพระพุทธศาสนา ไม่ให้หมู่มารมารังควาน รวมทั้งปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน

         ดังนั้น เราอาจจะเคยเห็นว่า วัดวาอารามต่าง ๆ หรือด้านหน้าถ้ำ จะมีรูปปั้้นยักษ์ 1 หรือ 2 ตน ยืนถือกระบองค้ำพื้นเฝ้าหน้าประตูโบสถ์ หรือวิหารที่เก็บของมีค่า โบราณวัตถุของทางวัดอยู่ ซึ่งหากยักษ์ที่ยืนปกปักรักษาอยู่มีตนเดียว นั่นก็คือ ท้าวเวสสุวรรณ นั่นเอง แต่ถ้าหากมี 2 ตน ก็คือบริวารของ ท้าวเวสสุวรรณ ที่จะมาคอยปกปักรักษาบริเวณวัด

         และนอกจาก ท้าวเวสสุวรรณ จะมีหน้าที่ปกปักรักษาพระพุทธศาสนาแล้ว ท้าวเวสสุวรรณ ยังมีหน้าที่จดความดีของคนทางทิศเหนือไปจารึก และประกาศให้เทพยดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้รับรู้อีกด้วย

       ตำนานความเชื่อของ ท้าวเวสสุวรรณ

         ตามตำนานทางพระพุทธศาสนา เชื่อกันว่า ในอดีตชาติ ท้าวเวสสุวรรณ เคยเป็นพราหมณ์ เปิดโรงงานค้าขายหีบอ้อยจนร่ำรวย ด้วยความใจบุญจึงได้นำเงินทองไปบริจาคให้ผู้ยากไร้ และด้วยกุศลผลบุญที่ ท้าวเวสสุวรรณ บำเพ็ญมานับหลายพันปี พระพรหม และ พระอิศวร จึงให้พรแก่ ท้าวเวสสุวรรณ ให้เป็นอมตะ และเป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติทั่วปฐพี เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ดังนั้นผู้คนจึงนิยมจำหลักรูป ท้าวเวสสุวรรณ ไว้เคารพบูชาเพื่อความมั่งคั่งอีกหนึ่งประการ ตรงตามความหมายของชื่อ "ท้าวเวสสุวรรณ" คือ คำว่า "เวส" แปลว่า พ่อค้า  จึงหมายถึงพ่อค้าอันมีทรัพย์ ได้แก่ ทองคำ
         นอกจากนี้อีกหนึ่งตำนานในพระพุทธศาสนา เชื่อกันว่า ในชาติหนึ่ง ท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งเดิมชื่อ กุเวรพราหมณ์ ได้ทำบุญกุศลมาก จนชาติต่อมา ได้เป็นกษัตริย์ครองกรุงราชคฤห์ พระนามว่า พระเจ้าพิมพิสาร และทรงเป็นพระสหายกับเจ้าชายสิทธัตถะ ต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จมาโปรดพระเจ้าพิมพิสาร จนบรรลุเป็นโสดาบัน และได้ถวายพระเวฬุวันมหาวิหาร ให้พระพุทธเจ้าได้เข้าประทับ จึงเป็นอานิสงส์ให้ได้วิมานอันสวยงาม และการที่พระเจ้าพิมพิสารถวายทานบ่อย ๆ จึงเป็นปัจจัยให้มีทิพยสมบัติมากมาย เมื่อได้เป็นเทวดาก็ทรงมีอำนาจมาก

         ขณะที่ตามตำนานของพรามหณ์ เชื่อกันว่า ท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร หรือ กุเปรัน เป็นพี่ชายต่างมารดาของทศกัณฐ์ แต่ไปนับถือท้าวมหาพรหมผู้เป็นเทวดา เพราะปรารถนาจะบำเพ็ญบารมี ทำให้ผิดใจกับพ่อซึ่งอยู่ในตระกูลยักษ์ โดยท้าวมหาพรหมทรงโปรดปรานท้าวกุเวร จึงประทานบุษบกให้ เพื่อให้ล่องลอยไปไหนมาได้ตามใจปรารถนา ก่อนที่ทศกัณฐ์จะไปแย่งบุษบกของท้าวกุเวรที่พระมหาพรหมประทานให้ไป และยึดกรุงลงกาที่ท้าวกุเวรปกครองอยู่มาได้สำเร็จ ท้าวมหาพรหมจึงสร้างนคร "อลกา" ให้ท้าวกุเวรใหม่



       คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ

         ในคัมภีร์โบราณ กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร ตามคาถาบูชาต่อไปนี้


             คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร (บูชาประจำวัน)


ตั้ง นะโม 3 จบ

อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ

มรณังสุขัง อะหังสุคะโต นะโมพุทธายะ

ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทภูริโต

เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโมพุทธายะ
 


 

เผยเรื่องราว ผิดคำสาบาน ท้าวเวสสุวรรณ ในคนอวดผี






           ถือได้ว่าเป็นเรื่องราวที่ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก สำหรับเรื่องราวของ "ท้าวเวสสุวรรณ" ที่ชายคนหนึ่งเชื่อว่า ท่านได้คร่าชีวิตลูกชายของเขาไปต่อหน้าต่อตา เนื่องจากลูกชายไปผิดคำสาบานต่อท่าน ซึ่งรายการคนอวดผีช่วง "ศูนย์บรรเทาทุกข์ผี" ในวันพุธที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้นำเสนอเรื่องราวสุดเศร้าและสะเทือนใจต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของลูกชาย เพราะคำสาบาน ที่ไม่เป็นไปตามสัญญา !!

          โดยสามีภรรยาคู่นี้ ชื่อว่า "จักรกฤษณ์ สีเขียว" หรือคุณหมู และ "ศิริกร อมแย้ม" หรือ คุณใจ ซึ่งคุณหมู ผู้เป็นสามี ได้เล่าให้ฟังว่า ตนคบหากับภรรยามาหลายปีแล้ว แต่ไม่มีลูกเสียที เนื่องจากตนกับภรรยาอายุห่างกันถึง 8 ปี อาจจะทำให้มีลูกยาก ตนจึงเดินทางไปไหว้ "ท้าวเวสสุวรรณ" ที่ จ.ลำปาง เพื่อขอลูก

          "เรื่องท้าวเวสสุวรรณนั้น ตนทราบจากผู้ใหญ่อีกที เขาบอกว่าถ้าตนอยากได้ลูก ให้ลองไปขอดู โดยให้ตนเข้าไปในต้นโพธิ์ ห้ามผู้หญิงเข้า แล้วจุดธูป 7 ดอก จากนั้นตนก็บอกว่า ตนขอลูก อยากได้ลูก พอหลังจากขอเสร็จประมาณเกือบ 2 เดือน ภรรยาของตนก็ตั้งท้อง ทำให้ตนเชื่อเต็มหัวใจเลยว่า ลูกของตนเกิดมาได้เพราะท่านท้าวเวสสุวรรณประทานให้" คุณหมู เล่า

          ด้าน คุณใจ เล่าให้ฟังว่า ลูกชายของตนชื่อ เอ เป็นเด็กที่ค่อนข้างเกเร ก่อนที่จะเสียชีวิต เขาบอกกับตนว่า ถ้าตนออกรถให้ เขาจะไปสาบานว่าจะเลิกยา เลิกเหล้า และจะเลิกทุกอย่าง ถ้าเขาทำไม่ได้ก็ขอให้เขามีอันเป็นไป ส่วนคุณหมูก็ได้บอกกับลูกว่า อย่าไปสาบานเลย เพราะไม่เรื่องเล่น ๆ นะลูก แต่ลูกตนไม่ฟัง เดินทางไปสาบานต่อ ท้าวเวสสุวรรณ องค์เดียวกันกับที่ตนขอให้เขามาเกิด

          จากนั้นไม่นาน คุณใจก็ได้ออกรถให้ตามสัญญา ซึ่งลูกชายของเขาก็ยังไม่ยอมทำตามที่สาบานไว้ ยังกินเหล้า และเกเรเหมือนเดิม แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อจู่ ๆ เอ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ได้ประสบอุบัติเหตุรถชน และเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุอย่างไม่มีวันกลับ

         โดยคุณหมูได้เล่าด้วยน้ำตานองหน้าว่า วันนั้นขี่มอเตอร์ไซค์คนละคันกับลูก และแยกจากกันตรงแยก ๆ หนึ่ง พอตนกลับรถได้เพียงชั่ววินาทีเดียว ก็ได้ยินเสียงโครมเป็นอุบัติเหตุรถตู้ชนรถมอเตอร์ไซค์ คนวิ่งมามุงดูกันใหญ่ ตอนแรกตนก็ไม่คิดว่าเป็นลูกของตน แต่เมื่อตนไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่า เป็นลูกเอของตนจริง ๆ วินาทีนั้น ตนทำอะไรไม่ถูก เพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดของตนได้จากไปแล้ว ... ร่างของลูกอ่อนปวกเปียก คอหัก และเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ

         ขณะที่ คุณใจ ได้เล่าเกี่ยวกับลางสังหรณ์ ก่อนที่ลูกเอจะเสียชีวิตให้ฟังว่า วันนั้นลูกเอได้โทรมาหาตนและคุยกับตนนานเป็นพิเศษ โดยบอกว่า หนูอยากคุยกับแม่ให้นาน..นานที่สุด แล้วเขายังเล่าให้ฟังอีกว่า สร้อยคอห้อยท้าวเวสสุวรรณที่เขาแขวนติดตัวไว้ตลอดเวลา ลูกเอได้เอาออกมาทำความสะอาด แต่คอของท่านหัก ... ซึ่งเขาก็เสียชีวิตเพราะคอหักเช่นเดียวกัน ส่วนคุณพ่อก็บอกว่า เขาเคยบอกกับตนว่าเขาคงไม่ได้ตายดีแน่ ๆ

         เมื่อถามว่า หลังจากเสียชีวิต มีเหตุการณ์อะไรแปลก ๆ บ้างหรือไม่ คุณใจ กล่าวว่า ในวันเผาเมื่อตนกลับมาที่บ้าน ตนได้กลิ่นของเขาแรงมาก ตนก็เลยบอกเขาว่า ตอนนี้เราอยู่คนละภพกันแล้ว แต่ถึงยังไงแม่ก็รักลูก และลูกไม่ต้องห่วง เพราะแม่จะดูแลหลานให้ดีที่สุด นอกจากนั้น คุณใจยังเล่าให้ฟังว่า ลูกเอมีลูกสาวหนึ่งคน ซึ่งทางฝั่งภรรยาเขาไม่ยอมเลี้ยงลูก เขาจึงเป็นห่วงลูกมาก ตอนที่ลูกเอเสียชีวิตใหม่ ๆ ตนได้ฝากหลานไว้กับคนเลี้ยงในช่วงกลางวัน พอตกเย็นคนรับเลี้ยงก็มาเล่าให้ฟังว่า หลานเห็นพ่อของเขา และบอกให้อุ้มไปเล่นกับพ่อของเขา พ่อของเขานั่งอยู่ตรงนี้ ซึ่งหลานพูดอย่างนี้เกือบทุกวันเลย

         ทั้งนี้ ทางรายการ ได้เชิญ คุณริว จิตสัมผัส เพื่อมาช่วยคุณหมู และคุณใจ ตอบคำถามที่ข้องใจเกี่ยวกับสาเหตุการตายว่า เกี่ยวกับท้าวเวสสุวรรณหรือไม่ และตอนนี้ลูกชายของเขาเป็นอย่างไรบ้าง

          คุณริว จิตสัมผัส กล่าวว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยทำร้ายใคร ที่เขาเสียชีวิตนั้นเป็นเพียงถึงอายุขัยของเขาแล้ว ส่วนเรื่องที่เขายังติดค้างในใจก็คือ เขาน้อยใจพ่อ และคิดว่าพ่อไม่รักเขามาตลอดเวลา เขาเลยเอาเวลาที่มีทั้งหมด ไปอยู่กับคนอื่น และอยากจะบอกว่า ลูกของคุณหมูยังไม่ได้ไปไหน ยังอยู่ที่บ้านของคุณ...

         คุณริว ยังกล่าวอีกว่า ตนอยากให้คุณหมูเลิกโทษตัวเองได้แล้ว ความจริงแล้วคุณหมูไม่ได้เชื่อว่า ท้าวเวสสุวรรณจะเอาลูกคืนไป แต่คุณหมูโทษตัวเองอยู่ในใจ ที่ทำให้ลูกเสียชีวิต ส่วนคุณใจ ก็อย่าเก็บสิ่งของหรือข้าวของของเขาไว้ เพราะเขาจะไปไหนไม่ได้

         พร้อมกันนี้ คุณริว ยังให้คุณหมูอโหสิกรรมให้ลูก ถึงแม้ว่าจะอโหสิกรรมตามคำสั่งคำสอนของพระไปแล้ว แต่คุณหมูยังไม่เคยบอกว่า คุณหมูรักลูก นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกของคุณหมูน้อยใจ จึงพยายามพิสูจน์ตัวเองให้พ่อแม่เชื่อใจโดยการไปสาบานนั่นเอง ต่อจากนี้ อยากให้คุณหมูและคุณใจ ดูแลสิ่งที่เป็นแก้วตาดวงใจของเขานั่นก็คือหลาน ให้เป็นอย่างดี ทดแทนในสิ่งที่เขาไม่เคยได้ แล้วเขาก็จะจากไปอย่างสงบจริง ๆ

        ท้ายนี้ ตนอยากจะฝากบอกถึงคุณพ่อทั้งหลาย ที่ไม่กล้าแสดงความรักต่อลูกชาย ไม่กล้ากอด หรือบอกรัก ตนอยากบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกชาย หรือลูกสาว อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องการการแสดงออกทางความรักจากผู้เป็นพ่อบ้าง เราอาจจะดูอยู่ห่าง ๆ แต่ถ้าเขามีเรื่องร้ายมา ก็ปลอบใจให้ปรึกษา อย่าไปด่า ส่วนถ้าเขามีเรื่องดีใจเข้ามา ก็แสดงความยินดีกับเขา แค่นี้เองลูกก็จะมีความสุขแล้ว ... สำหรับเรื่องการสาบาน ขอย้ำอีกทีว่า การสาบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์  เป็นการสาบานเพื่อยืนยันกับตนเองเท่านั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยทำร้ายใคร แท้ที่สุดแล้วเรื่องราวต่าง ๆ นั้นเกิดจากผลกระทำของตัวเองทั้งสิ้น






คนอวดผี ท้าวเวชสุวรรณ ตอนที่ 1

คนอวดผี ท้าวเวชสุวรรณ ตอนที่ 2

คนอวดผี ท้าวเวชสุวรรณ ตอนที่ 3
Credit : กระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการคนอวดผี, Youtube.com โพสต์โดย CiNNtv2, amulet.in.th