มิตซูบิชิ(Mitsubishi) เปิดตัว "มิราจ" (Mirage) อีโคคาร์พร้อมขายในไทยปี2555(2012)









หลังจากที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เผยโฉม รถต้นแบบ “มิตซูบิชิ โกลบอล สมอล” หรือว่า “อีโคคาร์” ในไทย ที่จะผลิตและทำตลาดในไทยปี 2555 จากแนวคิด “กะทัดรัด” “สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย” และ “ประหยัดน้ำมัน” ออกมาเมื่อต้นปีที่ผ่านมาแล้ว ล่าสุดในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น (MMC) เตรียมเปิดตัวรถยนต์ 2 รุ่น ที่จะเปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลก ได้แก่ มิตซูบิชิ มิราจ และ มิตซูบิชิ คอนเซ็ปต์ PX-MiEV II ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นตามแผนกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทในแผนธุรกิจระยะกลาง JUMP 2013 ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ระดับโลกสำหรับตลาดกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่และผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีสีเขียว โดยรถยนต์ขนาดเล็กมิราจจะเป็นผลิตภัณฑ์เชิงกลยุทธ์ระดับโลก ในขณะที่รถต้นแบบเอสยูวี (SUV) มิตซูบิชิ คอนเซ็ปต์ PX-MiEV II จะมาพร้อมเทคโนโลยีสีเขียวซึ่งโดดเด่นจากระบบขับเคลื่อนแบบ plug-in hybrid

 มิราจ “Mirage” มาจากคำภาษาอังกฤษ ซึ่งใช้เป็นครั้งแรกสำหรับรถในตระกูลมิราจที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อการประหยัด ทรัพยากร พลังงาน พื้นที่และประสิทธิของรถยนต์นั่งขนาดเล็กซึ่งเปิดตัวครั้งแรกใน



ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2521 สำหรับมิราจใหม่ถูกสร้างขึ้นภายใต้แนวคิดที่ต้องการให้สืบทอดคุณสมบัติเด่นดังกล่าวของมิราจรุ่นแรก คือ สมรรถนะที่เป็นเยี่ยมและฟังก์ชั่นการใช้งานครบครันแม้จะเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก
        
        การออกแบบของมิราจจะเน้นความกะทัดรัด ราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย และให้การประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดเศรษฐกิจใหม่จากการแนะนำรุ่นเริ่มต้นที่มาพร้อมราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย รวมไปถึงตอบสนองความต้องการของตลาดในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจากการประหยัดน้ำมันที่เป็นเยี่ยมและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ
        
        ยิ่งไปกว่านั้นมิราจยังมาพร้อมความง่ายในการขับขี่พร้อมการควบคุมที่เป็นเยี่ยมในแบบฉบับของรถยนต์ขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังให้ความสะดวกสบายจากห้องโดยสารที่กว้างขวางรองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง



การเผยโฉมครั้งแรกของโลก



มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ตั้งเป้าให้รถดังกล่าวเป็นรถที่ให้การประหยัดน้ำมันสูงสุดในรถระดับเดียวกัน (รุ่นที่ทำตลาดในประเทศญี่ปุ่น) ที่ 30 กิโลเมตรต่อลิตร ผ่านการใช้วิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความพยายามในการลดน้ำหนักในเกือบทุกชิ้นส่วนของตัวรถ การลดแรงต้านทานหลักในการเคลื่อนที่ รวมไปถึงการพัฒนาในด้านต่างๆ เพื่อให้รถมีประสิทธิภาพสูงสุดไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน เบรกและยาง และตัวถังตามหลักแอโรไดนามิคที่ลดค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานและแรงฉุด สำหรับมิราจมีแผนจะวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกในประเทศไทยในเดือนมีนาคม 2555

 ข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับการเปิดตัวของ Mitsubishi Mirage หรือชื่อที่เราเรียก Global small  นั่นแหละครับ  ซึ่งในงานสุดยอดยนตรกรรมโตเกียวมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ซึ่งจะมีการเปิดตัวรถยนต์ในค่ายมิตซูบิชิ จำนวน 15 คัน (12 คันในรอบสื่อมวลชน) ร่วมโชว์ในงาน ซึ่งจะมีขึ้น ณ Tokyo Big Sight Convention Center ในกรุงโตเกียวในระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 11 ธันวาคม 2554 นี้  (เปิดให้สาธารณชนเข้าชมตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม) เราๆคงไม่ต้องถึงกับบินไปดูหรอกครับ เพราะหลังจากนั้นก็จะมีการเปิดตัวที่ประเทศไทยกันแล้วในงาน Motor Expo 2011 ในวันที 1-12 เดือนธันวาคา ก่อนจะมีการเปิดตัวอย่างเป้นทางการให้เข้าทดลองขับและสั่งจองกันได้ที่งาน Bangkok Motor Show 2012 ในเดือนมีนาคมครับ


Mitsubishi Mirage อีโคคาร์น้องใหม่ เริ่มต้น 3.8 แสนบาท

ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับอีโคคาร์คันล่าสุดจากค่ายรถชื่อดังแดนปลาดิบอย่าง "มิตซูบิชิ" (Mitsubishi) ซึ่งได้ส่งข่าวให้พี่น้องชาวไทยที่กำลังมองหาอีโคคาร์ดี ๆ สักคันให้ทราบแล้วว่า ในเดือนมีนาคมนี้ จะได้เจอกับ "มิราจ" (Mirage) อีโคคาร์คันเป็น ๆ ตัวล่าสุดกันอย่างแน่นอน

          คุณโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยให้ทราบว่า ภายหลังผ่านการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับโครงการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลหรือ "อีโคคาร์" (Eco Car) มิตซูบิชิจะผลิตรถรุ่นใหม่ทันที พร้อมกันนี้ก็จะส่ง มิตซูบิชิ มิราจ มาให้ยลโฉมกันก่อนด้วย


          สำหรับ มิราจ ถือเป็นรถที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับมิตซูบิชิมาก่อน เพราะถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมของปีพ.ศ. 2521 ด้วยคอนเซ็ปท์ของการเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ที่เน้นการประหยัดทรัพยากร พลังงาน พื้นที่ใช้สอย และประสิทธิภาพของรถ มาในเวอร์ชั่นปี 2012 นี้ มิตซูบิชิ มิราจ ได้สานต่อคุณสมบัติเด่นของมิราจรุ่นแรก ทั้งในด้านของสมรรถนะที่เป็นเยี่ยม และฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน แม้จะเป็นรถยนต์ขนาดเล็กก็ตาม

          ทางมิตซูบิชิ ได้วางกำหนดการไว้แล้วว่า จะให้สื่อมวลชนไทยได้เห็น มิราจ ก่อนในวันที่ 20 มีนาคมนี้ ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งในงาน "บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์" ครั้งที่ 33 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 8 เมษายนนี้ ที่เมืองทองธานี อีกทั้งยังกำหนดราคาจำหน่ายไว้ด้วย โดยจะเริ่มต้นที่ราคา 380,000 บาท และมีราคาสูงสุดไม่เกิน 550,000 บาท ซึ่งทั้งหมดจะมาพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับในช่วงเปิดตัว ตามด้วยแผนส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลกในลำดับต่อไป


          ทั้งนี้ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ยื่นเรื่องขอรับการสนับสนุนการลงทุนในโครงการอีโคคาร์ กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ "บีโอไอ" (BOI) ของไทย นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา ก่อนจะได้รับการอนุมัติแบบการผลิตจากกระทรวงอุตสาหกรรม และล่าสุดได้ผ่านการพิจารณาอนุมัติการผลิตอย่างเป็นทางการจากภาครัฐ โดยผ่านข้อกำหนดทางเทคนิคของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากลที่ระบุไว้ 3 ด้าน ได้แก่

           ด้านการประหยัดพลังงาน ต้องมีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกิน 5 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร

           ด้านสิ่งแวดล้อม ต้องเป็นไปตามมาตรฐานมลพิษระดับ ยูโร 4 หรือระดับที่สูงกว่า และปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกจากท่อไอเสียไม่เกิน 120 กรัม ต่อ 1 กิโลเมตร 

           ด้านความปลอดภัย  ต้องมีคุณสมบัติในการป้องกันผู้โดยสารกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าและด้านข้างตัวรถ ตามข้อกำหนด UNECE Reg.94 และ 95

          เอาเป็นว่าใครที่สนใจ มิราจ ตัวใหม่คันนี้ สามารถเข้าชมพร้อมทดลองขับได้ในงาน "บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์" ครั้งที่ 33 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึง 8 เมษายนนี้ ที่เมืองทองธานี หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่             1800 900 009       ฟรี เฉพาะโทรศัพท์พื้นฐาน และโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่าย AIS หรือ โทร.             02-529-9500       ในวันและเวลาทำการ


"MIRAGE" Mitsubishi Eco Car Review 

มิราจ มีความหมายสั้นๆ ง่ายๆ ว่า "เงาน้ำสะท้อนบนพื้นถนน"
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว Mitsubishi ทำให้เราตื่นตะลึงกับ
concept car Global Small eco car ซึ่งแฝงไว้ด้วยภาพลักษณ์ความแรงของค่าย
Mirage ตัวจริงกลับไม่ออกมาเป็นเช่นนั้น แต่ Mirage ที่เป็น production car สะท้อน
บางสิ่งบางอย่างที่ Mitsubishi ต้องการให้ดูออกมาเป็นอีกด้านนึง
Mirage อาจจะทำให้คนที่ชอบบุคลิกดุๆ ของรถต้นแบบผิดหวังไปบ้างอะไรบ้างแต่ตัว production car ก็ออกมาได้ไม่เลวนัก เพราะ Mirage เป็นรถ Hatchback 
ที่มีสัดส่วน ส่วนสัดออกมาดูดีเลยทีเดียว เส้นสายมีความต่อเนื่องตลอดทั้งคันด้านหลังแทบจะเหมือนกับตอนเป็น concept car แต่ว่าด้านหน้าลดโทนดุดันลง 
เพื่อให้แข่งกับ March ได้นั่นเอง
Mirage เหมือนเป็นภาพสะท้อนของรถ Hatchback หลายๆ รุ่นที่ผ่านมาทั้งหมด และ Mitsubishi ไม่พลาดที่จะตั้งใจปั้นให้สัดส่วนของรถออกมาดูดีที่สุด
รูปทรงดีไม่แพ้กระแสรถเกาหลีที่กำลังร้อนแรงเลย แต่ก็รู้สึกถึงอารมณ์ของ March eco car รุ่นพี่ที่แฝงมานิดๆ เพราะทั้งคู่ให้ความรู้สึกที่ mild หรือ อ่อนโยน
นี่อาจจะเป็นรถรุ่นที่ 4 ที่เป็น eco car ที่มี spoiler หลังติดมาเลยจากโรงงาน เส้นสายตัวถังด้านข้าง ของ Mirage มีความคมพอประมาณ ไม่คมชัดขนาด Brio 
น่าจะดูสวย และไม่น่าเบื่อง่ายๆ มือเปิดประตู มีเอกลักษณ์ แต่เป็นลักษณะที่ไม่ค่อยนิยมในท้องตลาดเท่าไหร่ น่าสงสัยว่า รูปทรงที่ยาวเท่าๆ B segment และมีพื้นที่
ด้านหน้าฝากระโปรงยาวแบบ Mazda 2 จะนั่งสบายสู้ Honda Jazz ได้มากน้อยแค่ไหน
บริเวณด้านหน้าเรียกได้ว่า มีความแบ้วไปทาง March มากอยู่ครับ จนเรียกได้ว่า โคมไฟเฉี่ยวๆ สมัยตอนเป็น concept car ถ้าทำให้กลมได้คงทำไปแล้ว 
แต่นี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น theme ของ รถยนต์อนุรักษ์โลกที่มีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ทุกคนมากกว่าครับ
ด้านท้ายตรงๆ ของ Mirage ดูดีเหมือนรถยุโรปบางรุ่นเลยทีเดียว
รุ่น 1.0 มีอัตราสิ้นเปลืองที่ดีถึง 30 km / l
ส่วนรุ่น 1.2 ที่จะจำหน่ายในบ้านเรายังไม่เปิดเผย แต่คาดว่าน่าจะพอๆ กับรถ Hybrid เลยทีเดียว
ปุ่มฉีดน้ำบนฝากระโปรงยังคงเป็นเอกลักษณ์จากรถยุคที่แล้วที่ Mitsubishi ยังคงตั้งใจเหลือไว้ให้เห็นในหลายๆ รุ่น
หนึ่งในจุดที่เปลี่ยนไปจากรถต้นแบบมากที่สุดคือ โคมไฟหน้า ที่ถูกทำให้ดูเป็นมิตรมากขึ้น แต่ว่า โคมไฟที่ดูดุๆ แบบ Fiesta ก็ยังออกมาขายดีเลยนะ (เสียดายไฟตอน concept TT)
นี่คือสิ่งที่น่าประทับใจที่สุด "interior" ครับ
Mitsubishi นั้นจัดเต็มให้กับ Mirage ด้วยสีภายในทูโทนและพื้นผิวของพลาสติกที่ในภาพดูดี มีทั้ง
Air auto/digital
Push start/smart entry
DVD Navigator
พวงมาลัยไม่ได้มีปุ่มควบคุมอยู่แค่ด้านเดียว แต่ไม่มีทั้งสองข้าง แบบนี้ผมชอบและรู้สึกดีกว่ามาเพียงข้างเดียว และพวงมาลัยยังตกแต่งขอบได้สวยงาม หุ้มหนังมาด้วย
ช่องแอร์ดูทันสมัย เกียร์เป็นแบบขั้นบันได ดูหรูหรา
ส่วนตัวคิดว่า Mitsubishi ควรที่จะจัดเต็ม และมีราคาที่ดูคุ้มค่ากว่าคู่แข่ง
แบบเดียวกับที่ Triton เป็นเมื่อเทียบกับกระบะของยี่ห้ออื่น ณ ตอนนี้ครับ
หน้าปัทม์ดูดีใช้ได้ครับ
ตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้ดูหรูกว่า eco car ที่รุ่นที่เคยเปิดตัวมาก่อนหน้าเลยครับ
ภายในดูดีที่สุดมากกว่ารถทุกรุ่นของ Mitsubishi บ้านเราที่ขายอยู่ปัจจุบัน
เรียกได้ว่าฉลาดในการเล่นโทนสีภายในรถเป็นอย่างมากครับ
ด้านหลังหากเวอร์ชั่นบ้านเราสามารถพับเบาะได้ 60/40 ตามภาพ
ก็จะเป็นจุดขายที่เหนือกว่า eco car รุ่นก่อนหน้าได้ครับ
ด้านหลังเป็นที่เก็บของกัีบชั้นวางครบถ้วนตามมาตรฐานรถ Hatchback ครับ
จะว่าไป ด้านหน้าของ Mirage ก็ทำให้ผมนึกถึง Spacewagon ที่เป็นรถยอดนิยม surprise hit ในตลาดบ้านเราเหมือนกันนะครับ
มีบางครั้ง บางมุม ที่ทำให้รู้สึกว่ารถยังคงดูจืดมากไป
แต่อาจจะเป็นเพราะ นี่ยังเป็น version ที่ยังไม่มีการตกแต่งใดๆ ทั้งสิ้น
และโดยปกติ Mitsubishi ก็มักจะมีกันชน หรือชุดแต่งเปลี่ยนลุคแนวสปอร์ตออกมา
เสมอๆ ดังนั้นต้องคอยติดตามดูครับ
แต่เชื่อว่า นี่คงเป็น eco car ที่ถูกใจแฟนๆ Mitsubishi มากกว่า March หรือ Brio อย่างแน่นอน และเชือดขนมกินได้อย่างเกี่ยวกับเรื่องช่วงล่าง
ที่จะทำให้การขับในความเร็วสูงมีความสนุกสนาน รวมทั้งยังมีเทคโนโลยี่การประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยมด้วย
โดยคนส่วนใหญ่ในบ้านเรานั้นนิยมแต่งรถมากกว่าครึ่ง ชุดแต่งสวยๆ คงทำให้รถที่มีทรวดทรงงามๆ ดูมีความชัดเจน และดูดุขึ้นได้อย่างแน่นอน
ก็ขอให้ option ขั้นเทพหลายๆ อย่างที่มีไม่ถูกตัดออกไป เพราะคู่แข่ง eco car ของค่ายอื่น และที่ยังไม่ได้ออกมา ต่างก็จัดหนักกันทั้งนั้น
หวังว่า MIRAGE จะเป็น product ที่ turn-over ให้กับ Mitsubishi ได้ เหมือนกับ
ที่ Mazda 2 ทำให้ Mazda, March ทำให้ Nissan ได้ครับ
MIRAGE อาจจะดูเลือนลางไปนิด เพราะสมัย concept car มันดูเข้มและดุกว่านี้ แต่ก็คาดหวังว่าจะมีรุ่นพิเศษเป็น sport version ตามมาแน่นอนครับ


มิตซูบิชิ มิราจ ให้คุณได้มากกว่า.... ในตระกูลอีโค่คาร์

มิ ตชูบิชิ มิราจ มาพร้อมคอนเซปที่เริ่มต้นง่ายๆว่า "ให้คุณได้มากกว่า" โดยก่อนหน้านี้มิตชูบิชิได้เปิดเผยรายละเอียดบางส่วนออกมา สร้างกระแสความสนใจให้กับคนที่รอคอยอีโค่คาร์จากค่ายนี้ และวันนี้เราจะไปดูกันว่าอีโค่คาร์ที่ถือเป็นรุ่นที่ 3 ของประเทศไทย จะมีอะไรบ้างที่น่าจับตามอง
มิตซูบิชิ มิราจ
ภาย นอก มิตชูบิชิ มิราจ ให้ความโดดเด่นในด้านการออกแบบที่เน้นความปราดเปรียว ฉุดอารมณ์สปอร์ตตลอดรอบคัน เส้นสายตัวถังที่ให้เสน่ห์ความทันสมัยจากด้านหน้าถูกขีดเขียนขึ้นมาเพื่อสอด รับกับความประหยัดและให้ความลงตัวการออกแบบหลัก  Aerodynamics ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์เสียดทางเพียง 0.29 CB
ใน ห้องโดยสาร มิตชูบิชิ มิราจ เน้นตอบสนองความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นด้วยปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ดูสปอร์ต มาพร้อมกับฟังค์ชั่นกระจกมองข้างแบบพับ/กางอัตโนมัติ โดยในห้องโดยสารตบแต่งด้วยสีดำมาพร้อมเบาะผ้าและเพิ่มความสปอร์ตด้วยพวง มาลัย 3 ก้าน ที่ตรงหน้าคนขับมีมาตรวัดสามารถบอกตำแหน่งของการขับขี่แบบประหยัด โดยเบาะหลังให้ความลงตัวด้วยความสามารถปรับพับแยกส่วนในอัตรา 60:40 เพิ่มความหลากหลายในการใช้งาน และที่ขาดไม่ได้คือระบบความบันเทิงครบครันทั้ง CD MP3 USB โดยในรุ่นท็อปมาพร้อมจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ระบบนำทางและระบบเชื่อมต่อไร้สายบลูธูท
มิตซูบิชิ มิราจ
เรือน ร่างมิตชูบิชิ มิราจ มีการปรับแก้ไขเล็กน้อยจากเวอร์ชั่นต้นแบบ โดยครั้งนี้กลับมาพร้อมความยาว 3,710 มม. กว้าง 1,665 มม. และสูงเพียง 1,490 มม. ออกแบบฐานล้อให้ยาว 2,450 มม. ตอบสนองต่อการใช้งานในเมืองเป็นสำคัญ และโดยรวมแล้วรถคันนี้ยังมีน้ำหนักเบาเพียง 870 กก. เท่านั้น
เรื่อง ขุมพลังขับเคลื่อนมิตชูบิชิแนะนำเครื่องยนต์ 3 สูบขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 78 แรงม้า/6,000 รอบต่อนาที ทำกำลังแรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร/4,000 รอบต่อนาที มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ Invecs III CVP และยังรองรับพลังงานทางเลือกได้ถึง E20 ถ้าคุณต้องการ
จะ เห็นได้ว่า มิตชูบิชิ มิราจ เน้นความเบาและให้ความคล่องตัวเพิ่มมาขึ้นจึงไม่น่าแปลกใจว่ามิตชูบิชิกล้า ที่จะกล่าวว่ารถยนต์มิตชูบิชิ มิราจ ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 22 กิโลเมตรต่อลิตร ที่เราคงต้องรอทดสอบกันต่อไป
ใน เรื่องความปลอดภัยมิตชูบิชิ มิราจ สามารถตอบสนองได้อย่างลงตัวโดยให้ถุงลมนิรภัยในรถทุกรุ่น ถุงลมนิรภัยด้านคนขับ และตั้งแต่รุ่นรองท็อปขึ้นไปให้ถุงลมนิรภัยทางฝั่งคนนั่งมาด้วย มาตรฐานระบบเบรก ABS กระจายแรงเบรก EBB สามารถพบได้เช่นกันตั้งแต่รุ่น GLS ขึ้นไป แต่ถ้าใครชอบความแตกต่างอย่างกุญแจป้องกันการโจรกรรมหรืออินโมไบไลเซอร์ก็ ต้องซื้อมิตชูบิชิ มิราจ รุ่นรองท็อปขึ้นไป ซึ่งจะได้ออฟชั่นค่อนข้างครบครันมากกว่า
มิตชูบิชิ มิราจ อาจจะเป็นอีโคคาร์อีกรุ่นที่เข้ามาเป็นตัวเลือก แต่ก็ต้องยอมรับว่าอีโค่คาร์คันนี้ให้มากกว่า โดยเฉพาะตัวเลขความประหยัดที่มากกว่าคู่แข่ง
มิตซูบิชิ มิราจ
ข้อมูลทางเทคนิคและราคาจำหน่าย ทางด้านล่าง

รุ่นรถ

ราคา

(1)  
GLS Ltd.
เกียร์อัตโนมัติ
546,000  บาท
(2)
GLS
เกียร์อัตโนมัติ
506,000 บาท
(3)
GLX
เกียร์อัตโนมัติ
460,000 บาท
(4)
GLX
เกียร์ธรรมดา   
426,000  บาท
(5)
GL
เกียร์ธรรมดา    
380,000  บาท

* ราคาเพิ่ม 5,000 บาทสำหรับสีขาวมุก ไวท์เพิร์ล (White Pearl)

สีตัวถัง 
 (1)      สีขาวมุก         -   White Pearl*                                                
(2)       สีเหลือง          -   Lemonade Yellow Metallic
(3)       สีเขียว             -   Pop Green Metallic
(4)        สีแดง             -   Red Metallic
(5)       สีฟ้า                -   Cerulean Blue  Mica
(6)       สีเทาดำ         -   Eisen Gray Mica
(7)       สีดำ                -   Black Mica
(8)       สีเงิน               -   Cool Silver
* ราคาเพิ่ม 5,000 บาท สำหรับสีขาวมุก "ไวท์เพิร์ล"

แจ้งเกิด“มิราจ”ดันแคมเปญ-อัดออปชันเพียบ 

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด เปิดตัวอีโคคาร์น้องใหม่ “มิราจ” ที่มาพร้อมคอนเซปต์ “BE MORE - ให้คุณได้มากกว่า” ดึง “นิชคุณ” เป็นพรีเซนเตอร์หวังเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยแบ่งขาย5 รุ่นย่อยราคา 380,000 - 546,000 บาท อัดโปรโมชันฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง แถมคืนเงินอีก 10,000 บาท (ไม่เกี่ยวกับนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล)สำหรับรถ 9,000 คันแรก
      
       สำหรับมิตซูบิชิ มิราจ เป็นรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานรุ่นแรกในสายผลิตภัณฑ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่ถูกผลิตขึ้นภายใต้โครงการโกลบอล สมอลล์ ที่จะเข้ามาตอบสนองความต้องการรถยนต์ของตลาดในประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่มีความต้องการรถยนต์สูงขึ้น รวมไปถึงในประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมีความสนใจในรถยนต์ขนาดเล็กตามแนวโน้มด้านพลังงานและความตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อม อันสอดคล้องกับโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรืออีโคคาร์ของรัฐบาลไทย
  
       การออกแบบภายนอกเน้นความลงตัวของเส้นสายเพื่อให้ได้มาซึ่งรถที่ดูเรียบง่ายแต่ปราดเปรียว พร้อมเทคโนโลยีการออกแบบเพื่อลดน้ำหนักโดยรวมของตัวรถทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.29 ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน 
  
       ลงตัวด้วยชุดไฟหน้า ฝากระโปรงหน้าถูกออกแบบให้เสริมความโดดเด่นของตัวรถ และเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนอากาศรอบตัวรถด้วยกระจังหน้าใต้กันชนขนาดใหญ่ที่ช่วยระบายความร้อน ทั้งนี้รุ่น GLS และ GLS Limited ยังติดสปอยเลอร์หลังมาให้อีกด้วย
  
       โดยมิติตัวถังยาว 3,710 มม. กว้าง 1,665 มม.สูง 1,490 มม. และจากนวัตกรรมการออกแบบทำให้มีห้องโดยสารกว้างขวางรับกับทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน พร้อมการจัดวางพื้นที่ห้องโดยสารให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง และพื้นที่เก็บสัมภาระที่ใหญ่เพียงพอสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
      
       ภายในเน้นโทนสีดำ ทั้งแผงคอนโซลหน้าแบบเรียบตรงพร้อมการเน้นเส้นสายบริเวณส่วนหน้าคอนโซลช่วยเพิ่มความรู้สึกกว้างขวาง ขณะที่รุ่น GLS และ GLS Ltd. ยังมาพร้อมการตกแต่งแบบ “ซิลเวอร์ เดคคอเรชั่น” ด้วยมือจับประตูด้านใน ขอบมาตรวัด ขอบช่องแอร์ และฐานเกียร์แบบโครเมียม เพิ่มความหรูหราและลงตัวมากยิ่งขึ้น
  
       ส่วนมาตรวัดแบบ Combination meter สามารถปรับแสงสว่างหน้าปัดได้ 8 ระดับ ดูง่ายชัดเจน แจ้งข้อมูลต่างๆ ครบครัน พร้อมจอแสดงผลข้อมูลเอนกประสงค์ (Multi-information display) แสดงผลข้อมูลได้หลากหลาย ทั้งความเร็วเฉลี่ยในการขับขี่ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย ระยะทางขับขี่ที่เหลือจากปริมาณน้ำมันที่มีอยู่ในถัง และระบบเตือนการบำรุงรักษา รวมไปถึงการเตือนต่างๆ เมื่อมีความผิดปกติของระบบต่างๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด (Eco lamp) เมื่อผู้ขับใช้รอบเครื่องยนต์และความเร็วช่วงที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง (ยกเว้นรุ่น GL)
  
       เบาะผ้าสีดำลายกราฟิกได้รับการออกแบบให้โอบรับกับสรีระของผู้ขับขี่และความสะดวกสบายของผู้โดยสาร และสามารถปรับสูง-ต่ำได้ (เฉพาะที่นั่งคนขับ) พร้อมพนักพิงศีรษะแบบปรับสูงต่ำได้ ยิ่งไปกว่านั้นเบาะนั่งหลังยังสามารถพับปรับแบบ 60:40 ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากขึ้น
      
       ในรุ่น GLS และ GLS Ltd มาพร้อมระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS ช่วยให้ล็อกหรือปลดล็อกประตู และฝากระโปรงท้าย รวมไปถึงปุ่มสตาร์ท-ดับเครื่องยนต์ เพิ่มความสะดวกสบาย ขณะที่รุ่น GLX จะมีระบบพับเก็บและกางกระจกมองข้างอัตโนมัติเมื่อกดล็อกและปลดล็อกรถ
  
       ด้านความบันเทิงรุ่นท็อป GLS Ltd. ใส่วิทยุ ซีดี MP3 ดีวีดี จอภาพแบบระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) ระบบนำทางในรถ (Navigator System) และช่อง USB ในขณะที่รุ่น GLX และ GLS มาพร้อมวิทยุซีดี MP3 พร้อมช่อง AUX-in และช่อง USB
  
       ขณะเดียวกันยังมีฟังก์ชันมาตรฐานเพื่ออำนวยความสะดวกอย่าง ไฟหน้าปิดได้เองโดยอัตโนมัติ ใบปัดน้ำฝนปรับความเร็วอัตโนมัติ รวมถึงระบบล็อคประตูซ้ำอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัย โดยระบบจะสั่งล็อคประตูทุกบานอัตโนมัติหากไม่มีการเปิดประตูภายใน 30 วินาที หลังจากกดปุ่มปลดล็อคประตูรีโมท และระบบสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนเลน หรือเพียงขยับก้านไฟเลี้ยวเพียงเล็กน้อย สัญญาณไฟเลี้ยวและสัญญาณไฟเตือนในหน้าปัดจะกระพริบ 3 ครั้ง
      
       “มิราจ ใหม่” วางเครื่องยนต์เบนซินรหัส3A92 ขนาด1.2 ลิตร 3 สูบ DOHC MIVEC 12 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 78 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ CVT 6 จังหวะ พร้อม Sportronic และระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์อัจฉริยะ INVECS-III
  
       เมื่อบวกกับเทคโนโลยีการลดน้ำหนักและลดแรงเสียดทานในเครื่องยนต์ มิตซูบิชิจึงเคลมว่า ”มิราจ” จะให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 22 กิโลเมตร/ลิตร สอดคล้องกับข้อกำหนดของรถอีโคคาร์ 
  
       สำหรับช่วงล่างหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท หลังทอร์ชั่นบีม ประกบล้อขนาด 14 นิ้ว และยางชนิดพิเศษลดแรงเสียดทานขนาด 165/65R14 โดยในรุ่น GLX มาพร้อมฝาครอบล้อ ส่วน GLS และ GLS Limited เป็นล้ออัลลอยน้ำหนักเบา ด้านพวงมาลัยผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EPS ให้การขับขี่คล่องตัวพร้อมรัศมีวงเลี้ยวแคบที่สุดในรถระดับเดียวกัน 4.4 เมตร
  
       ความปลอดภัยจัดระบบเบรก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรกด้วยดิสก์เบรกหน้าขนาด 13 นิ้ว แบบมีช่องระบายความร้อน และดรัมเบรกหลังขนาด 7 นิ้ว(ยกเว้นรุ่น GL) เหนืออื่นใดในรุ่น GL และ GLX จะติดตั้งถุงลมนิรภัยด้านคนขับลูกเดียว ขณะที่ GLS และ GLS Limited จะเพิ่มถุงลมนิรภัยสำหรับผู้โดยสารตอนหน้ามาให้ด้วย
       โดยความโดดเด่นของ “มิราจ ใหม่” จะถูกถ่ายทอดผ่านพรีเซ็นเตอร์“นิชคุณ หรเวชกุล” หนึ่งในสมาชิกวงดนตรีเกาหลี “2PM” ซึ่งมิตซูบิชิมองว่ามีบุคลิกโดดเด่นและความสามารถหลากหลาย ตรงกับจุดเด่นของ “มิราจ ใหม่” โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีของสัญญา นอกเหนือจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์สำหรับภาพยนตร์โฆษณา และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆแล้ว “นิชคุณ” ยังจะได้ร่วมทำกิจกรรมของมิตซูบิชิในโอกาสต่างๆอีกด้วย
  
       นอกจากนี้ในช่วงเปิดตัวบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด ยังอัดแคมเปญให้ “มิราจ” ด้วยการแถมฟรีประกันภัยชั้น 1 “ไดมอนด์ อินชัวรันซ์” และรับโบนัสพิเศษเงินคืน 10,000 บาท เฉพาะลูกค้า 9,000 คนแรก
  
       ราคามิตซูบิ มิราจ ใหม่
   
รุ่นรถราคา (บาท)
1.GLD Ltd. เกียร์อัตโนมัติ546,000
2.GLS เกียร์อัตโนมัติ506,000
3.GLX เกียร์อัตโนมัติ460,000
4.GLX เกียร์ธรรมดา426,000
5.GL เกียร์ธรรมดา380,000

      
      
      
      
      



"MIRAGE" Mitsubishi Eco Car อีกกระทู้ที่ขอจัดรูปแบบเต็มๆ ติดต่อทีมงาน

ผมดีใจเหลือเกินที่โครงการ Eco car ทำให้เราได้พบกับรถดีๆ มากมายขนาดนี้
หลังจากความสำเร็จของ March - Almera มาถึง Brio ที่สะดุดอะไรไปเยอะหน่อย
ก็มาถึง Mitsubsihi Eco car นาม Mirage

มิราจ มีความหมายสั้นๆ ง่ายๆ ว่า "เงาน้ำสะท้อนบนพื้นถนน"

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว Mitsubishi ทำให้เราตื่นตะลึงกับ
concept car Global Small eco car ซึ่งแฝงไว้ด้วยภาพลักษณ์ความแรงของค่าย
Mirage ตัวจริงกลับไม่ออกมาเป็นเช่นนั้น แต่ Mirage ที่เป็น production car สะท้อน
บางสิ่งบางอย่างที่ Mitsubishi ต้องการให้ดูออกมาเป็นอีกด้านนึง














Mirage อาจจะทำให้คนที่ชอบบุคลิกดุๆ ของรถต้นแบบผิดหวังไปบ้างอะไรบ้างแต่ตัว production car ก็ออกมาได้ไม่เลวนัก เพราะ Mirage เป็นรถ Hatchback
ที่มีสัดส่วน ส่วนสัดออกมาดูดีเลยทีเดียว เส้นสายมีความต่อเนื่องตลอดทั้งคันด้านหลังแทบจะเหมือนกับตอนเป็น concept car แต่ว่าด้านหน้าลดโทนดุดันลง
เพื่อให้แข่งกับ March ได้นั่นเอง












Mirage เหมือนเป็นภาพสะท้อนของรถ Hatchback หลายๆ รุ่นที่ผ่านมาทั้งหมด และ Mitsubishi ไม่พลาดที่จะตั้งใจปั้นให้สัดส่วนของรถออกมาดูดีที่สุด
รูปทรงดีไม่แพ้กระแสรถเกาหลีที่กำลังร้อนแรงเลย แต่ก็รู้สึกถึงอารมณ์ของ March eco car รุ่นพี่ที่แฝงมานิดๆ เพราะทั้งคู่ให้ความรู้สึกที่ mild หรือ อ่อนโยน












นี่อาจจะเป็นรถรุ่นที่ 4 ที่เป็น eco car ที่มี spoiler หลังติดมาเลยจากโรงงาน เส้นสายตัวถังด้านข้าง ของ Mirage มีความคมพอประมาณ ไม่คมชัดขนาด Brio
น่าจะดูสวย และไม่น่าเบื่อง่ายๆ มือเปิดประตู มีเอกลักษณ์ แต่เป็นลักษณะที่ไม่ค่อยนิยมในท้องตลาดเท่าไหร่ น่าสงสัยว่า รูปทรงที่ยาวเท่าๆ B segment และมีพื้นที่
ด้านหน้าฝากระโปรงยาวแบบ Mazda 2 จะนั่งสบายสู้ Honda Jazz ได้มากน้อยแค่ไหน












บริเวณด้านหน้าเรียกได้ว่า มีความแบ้วไปทาง March มากอยู่ครับ จนเรียกได้ว่า โคมไฟเฉี่ยวๆ สมัยตอนเป็น concept car ถ้าทำให้กลมได้คงทำไปแล้ว
แต่นี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น theme ของ รถยนต์อนุรักษ์โลกที่มีความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ทุกคนมากกว่าครับ












ด้านท้ายตรงๆ ของ Mirage ดูดีเหมือนรถยุโรปบางรุ่นเลยทีเดียว











รุ่น 1.0 มีอัตราสิ้นเปลืองที่ดีถึง 30 km / l
ส่วนรุ่น 1.2 ที่จะจำหน่ายในบ้านเรายังไม่เปิดเผย แต่คาดว่าน่าจะพอๆ กับรถ Hybrid เลยทีเดียว












ปุ่มฉีดน้ำบนฝากระโปรงยังคงเป็นเอกลักษณ์จากรถยุคที่แล้วที่ Mitsubishi ยังคงตั้งใจเหลือไว้ให้เห็นในหลายๆ รุ่น











หนึ่งในจุดที่เปลี่ยนไปจากรถต้นแบบมากที่สุดคือ โคมไฟหน้า ที่ถูกทำให้ดูเป็นมิตรมากขึ้น แต่ว่า โคมไฟที่ดูดุๆ แบบ Fiesta ก็ยังออกมาขายดีเลยนะ (เสียดายไฟตอน concept TT)











นี่คือสิ่งที่น่าประทับใจที่สุด "interior" ครับ











Mitsubishi นั้นจัดเต็มให้กับ Mirage ด้วยสีภายในทูโทนและพื้นผิวของพลาสติกที่ในภาพดูดี มีทั้ง
Air auto/digital
Push start/smart entry
DVD Navigator

พวงมาลัยไม่ได้มีปุ่มควบคุมอยู่แค่ด้านเดียว แต่ไม่มีทั้งสองข้าง แบบนี้ผมชอบและรู้สึกดีกว่ามาเพียงข้างเดียว และพวงมาลัยยังตกแต่งขอบได้สวยงาม หุ้มหนังมาด้วย
ช่องแอร์ดูทันสมัย เกียร์เป็นแบบขั้นบันได ดูหรูหรา













ส่วนตัวคิดว่า Mitsubishi ควรที่จะจัดเต็ม และมีราคาที่ดูคุ้มค่ากว่าคู่แข่ง
แบบเดียวกับที่ Triton เป็นเมื่อเทียบกับกระบะของยี่ห้ออื่น ณ ตอนนี้ครับ












ดูจืดกว่าตอนเป็น concept แต่รูปร่างที่ดี จะทำให้การแต่งชุด aero kit ต่างๆ ดูดีได้สบายๆ ^^

หน้าปัทม์ดูดีใช้ได้ครับ












ตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้ดูหรูกว่า eco car ที่รุ่นที่เคยเปิดตัวมาก่อนหน้าเลยครับ











ภายในดูดีที่สุดมากกว่ารถทุกรุ่นของ Mitsubishi บ้านเราที่ขายอยู่ปัจจุบัน











เรียกได้ว่าฉลาดในการเล่นโทนสีภายในรถเป็นอย่างมากครับ











ด้านหลังหากเวอร์ชั่นบ้านเราสามารถพับเบาะได้ 60/40 ตามภาพ
ก็จะเป็นจุดขายที่เหนือกว่า eco car รุ่นก่อนหน้าได้ครับ













มีบางครั้ง บางมุม ที่ทำให้รู้สึกว่ารถยังคงดูจืดมากไป
แต่อาจจะเป็นเพราะ นี่ยังเป็น version ที่ยังไม่มีการตกแต่งใดๆ ทั้งสิ้น
และโดยปกติ Mitsubishi ก็มักจะมีกันชน หรือชุดแต่งเปลี่ยนลุคแนวสปอร์ตออกมา
เสมอๆ ดังนั้นต้องคอยติดตามดูครับ












แต่เชื่อว่า นี่คงเป็น eco car ที่ถูกใจแฟนๆ Mitsubishi มากกว่า March หรือ Brio อย่างแน่นอน และเชือดขนมกินได้อย่างเกี่ยวกับเรื่องช่วงล่าง
ที่จะทำให้การขับในความเร็วสูงมีความสนุกสนาน รวมทั้งยังมีเทคโนโลยี่การประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยมด้วย












โดยคนส่วนใหญ่ในบ้านเรานั้นนิยมแต่งรถมากกว่าครึ่ง ชุดแต่งสวยๆ คงทำให้รถที่มีทรวดทรงงามๆ ดูมีความชัดเจน และดูดุขึ้นได้อย่างแน่นอน
ก็ขอให้ option ขั้นเทพหลายๆ อย่างที่มีไม่ถูกตัดออกไป เพราะคู่แข่ง eco car ของค่ายอื่น และที่ยังไม่ได้ออกมา ต่างก็จัดหนักกันทั้งนั้น












หวังว่า MIRAGE จะเป็น product ที่ turn-over ให้กับ Mitsubishi ได้ เหมือนกับ
ที่ Mazda 2 ทำให้ Mazda, March ทำให้ Nissan ได้ครับ












MIRAGE อาจจะดูเลือนลางไปนิด เพราะสมัย concept car มันดูเข้มและดุกว่านี้ แต่ก็คาดหวังว่าจะมีรุ่นพิเศษเป็น sport version ตามมาแน่นอนครับ











ตบท้ายกับภาพสเก็ตช์เฉี่ยวๆ ของ Mirage ครับ











ล้อโตๆ งามๆ นั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้แน่นอน อิอิ











ภายในที่ออกแบบมาได้ดูดีมากๆ ขอบคุณภาพทั้งหมดจาก CARVIEW.JP ครับ












รีวิว Mitsubishi Mirage 2012






ทางทีมงานได้รวบรวมข้อมูลของอีโก้คาร์ตัวใหม่ล่าสุด MITSUBISHI MIRAGE 2012 หรือมิตซุบิชิ มิราจ 2555 ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่แน่นอนแล้ว สามารถนำไปตัดสินใจกันได้เลยซึ่งจะมีข้อมูลแบ่งเป็นส่วนของ สเปคเครื่องยนต์และบอดี้, ราคาและเงินคืนภาษี, สีทั้งหมด, ผลทดสอบการกินน้ำมันและรายละเอียดข้อแตกต่างในแต่ละรุ่น รูปภาพภายในต่างๆ

BRAND : MitsubishiTYPE : รถเก๋งแฮทช์แบค 5 ประตูMODEL : MIRAGEFUEL : เบนซิน E10YEAR : 2012CC : 1200 ซีซี

รายละเอียด





สวัสดีครับชาว Autozeed วันนี้ทางทีมงานได้รวบรวมข้อมูลของอีโก้คาร์ตัวใหม่ล่าสุด MITSUBISHI MIRAGE 2012 หรือ นิสสัน มิราจ 2555 ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่แน่นอนแล้ว สามารถนำไปตัดสินใจกันได้เลย
ซึ่งจะมีข้อมูลแบ่งเป็นส่วนของ สเปคเครื่องยนต์และบอดี้, ราคาและเงินคืนภาษี, สีทั้งหมด, ผลทดสอบการกินน้ำมันและรายละเอียดข้อแตกต่างในแต่ละรุ่น ดังนี้
สเปค MITSUBISHI Mirage 2012 ได้ถูกเปิดเผยออกมาตามสื่อแล้วดังรายละเอียดังนี้
  เครื่องยนต์ 1.2 L (1,193 cc) 
  แบบ 3 สูบ DOHC MIVEC 12 Valve
  กำลังสูงสุด 57kw (78PS) /6,000 rpm.
  แรงบิดสูงสุด 100 N-m (10.2kg-m)/4,000 rpm.
  ความจุถังน้ำมัน 35 ลิตร
  ใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ 91-95 และ E20 
  การทดสอบอัตราการบริโภคน้ำมัน เชื้อเพลิงตามมาตรฐาน ยุโรป สามารถทำได้ 22 กม./ ลิตร
  น้ำหนักตัวรถ 830-865 kg
ความยาวตลอดคัน 3,710
ระยะฐานล้อ 2,450
ความสูง 1,490

ราคา NISSAN Mirage 2012 ได้เปิดเผยออกมาเป็นทางการแล้ว และมียอดเงินคินภาษีรถคันแรกดังนี้


Mitsubishi Mirage GLD Ltd. : เกียร์อัตโนมัติ   546,000 บาท      ยอดเงินคืนภาษีรถคันแรก   79,000 บาท
Mitsubishi Mirage GLS          : เกียร์อัตโนมัติ   506,000 บาท     ยอดเงินคืนภาษีรถคันแรก    74,000 บาท
Mitsubishi Mirage GLX         : เกียร์อัตโนมัติ   460,000 บาท     ยอดเงินคืนภาษีรถคันแรก    70,900 บาท
Mitsubishi Mirage GLX         : เกียร์ธรรมดา    426,000 บาท      ยอดเงินคืนภาษีรถคันแรก    60,000 บาท
Mitsubishi Mirage GL            : เกียร์ธรรมดา    380,000 บาท     ยอดเงินคืนภาษีรถคันแรก    56,000 บาท

สี MITSUBISHI Mirage 2012 ได้เปิดเผยออกมาเป็นทางการแล้ว ดังนี้
  Y25 Lemonnade Yellow Metallic (M)
  T69 Cerulean Blue Mica (P)
  F24 Pop Green Metallic (M)
  A02 Eisen Gray Mica (P)
  P19 Red Metallic (M)
  X08 Pyreness Black Mica (P)
  W54 White Pearl (P)
  A66 Cool Silver (M)
มีทั้งหมด 8 สีโดยเฉพาะสีขาวมุกเพิ่มราคา 5,000 บาท












หลังจากได้ทดลองขับจริงแล้วผลสรุปเรื่องการบริโภคน้ำมัน โดยที่มิตซุบิชิ ไทยแลนด์เป็นผู้ทดสอบ ตามวิธีทดสอบโดย headlightmag โดยคุณจิมมี่ เป็นผู้สังเกตการณ์
ผลได้ดังนี้
รุ่น เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
ระยะทางบนมาตรวัด  91.9 กิโลเมตร
ปริมาณน้ำมันเติมกลับ 3.60 ลิตร
ผมบอกให้เติมเพิ่มอีก 0.55 ลิตร จนเต็มเอ่อ
รวมแล้ว เติมกลับเข้าไป 4.15 ลิตร
ดังนั้น คำนวนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย ได้ 22.16 กิโลเมตร/ลิตร!!!!!
รุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT ตัวท็อป มี Navigation System และสีขาวมุก
ระยะทางบนมาตรวัด  91.8 กิโลเมตร
ปริมาณน้ำมันเติมกลับ 3.85 ลิตร
ผมบอกให้เติมเพิ่มอีก 0.58 ลิตร จนเต็มเอ่อ
รวมแล้ว เติมกลับเข้าไป 4.43 ลิตร
ดังนั้น คำนวนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย ได้ 20.72 กิโลเมตร/ลิตร!!!!!
ถ้ามองจากตัวเลขคร่าวๆ บอกได้เลยว่า ตอนนี้ MIRAGE จะกลายเป็นรถยนต์นั่งประกอบในประเทศไทย
ที่ทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงได้ “ประหยัดน้ำมันมากที่สุดเท่าที่เคยทำมา ตามมาตรฐานของเว็บ
คือ วิ่ง 110 ขึ้นทางด่วน เปิดแอร์ นั่ง 2 คน และเติมน้ำมันเบนซิน 95 “

รายละเอียดย่อในแต่ละรุ่น ที่ทางเราได้รับข้อมูลจากทาง miragethailandclub มีรายละเอียดดังนี้
   GLS Ltd. 546000
รุ่น GLS LTD CVT ภายในสีดำ  กุญแจ KOS  ปุ่มเอนจินสตาร์ท DVD touch Screen Navigation system  CD USB MP3 AUX IN แอร์ AUTO เบรค ABS EBD ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ล้อแม็คขอบ 14 นิ้่วพร้อมยางขนาด 165/65R14 วงเลี้ยว4.4 เมตร สปอยเลอร์หลัง ไฟตัดหมอก กระจกข้างพับไฟฟ้า ปรับไฟฟ้า
-พวงมาลัยยูรีเทนแบบ 3ก้าน แนวสปอร์ต
-ขอบมาตรวัดต่างๆและขอบช่องแอร์ตกแต่งด้วยโครเมียม
ออฟชั่นแบบมาเต็มสุดๆ

  Gls A/T   506000
รุ่น GLS CVT ภายในสีดำ  กุญแจ KOS ปุ่มสตาร์ท CD MP3 AUX IN แอร์ หมุนธรรมดา เบรค ABS EBD  ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ล้อแม็คขอบ 14 นิ้่วพร้อมยางขนาด 165/65 R14 วงเลี้ยว 4.4 เมตร สปอยเลอร์ ไฟตัดหมอก กระจกข้างพับไฟฟ้า ปรับไฟฟ้า ( จอแสดงผล Multi information display )
-พวงมาลัยยูรีเทนแบบ 3ก้าน แนวสปอร์ต
-ขอบมาตรวัดต่างๆและขอบช่องแอร์ตกแต่งด้วยโครเมียม


   GLX A/T  460000
รุ่น GLX CVT ภายในสีดำ  กุญแจรีโหมด  CD MP3 AUX IN แอร์ หมุนธรรมดา เบรค ABS EBD  ถุงลมนิรภัยเฉพาะด้านคนขับ ล้อเหล็ก พร้อมฝาครอบล้อขนาด 14 นิ้ว พร้อมยางขนาด 165/65 R14 วงเลี้ยว 4.4 เมตร กระจกข้างพับไฟฟ้า ปรับไฟฟ้า ( จอแสดงผล Multi information display )




   GLX M/T 426000
รุ่น GLX M/T ภายในสีดำ  กุญแจรีโหมด  CD MP3 AUX IN แอร์ หมุนธรรมดา เบรค ABS EBD  ถุงลมนิรภัยเฉพาะด้านคนขับ ล้อเหล็ก พร้อมฝาครอบล้อ 14 นิ้วพร้อมยางขนาด 165/65 R14 วงเลี้ยว 4.4 เมตร กระจกข้างพับไฟฟ้า ปรับไฟฟ้า ( จอแสดงผล Multi information display )



GL M/T   380000
รุ่น GL กุญแจ ธรรมดา ถุงลมนิรภัยเฉพาะด้านคนขับ แอร์ หมุนธรรมดา เบรค ABS EBD  ล้อเหล็ก ไม่มีฝาครอบล้อขนาด 14 นิ้ว พร้อมยางขนาด 165/65 R14 วง
เลี้ยว 4.4 เมตร กระจกข้างปรับไฟฟ้า ( จอแสดงผล Multi information display )
***ภายใน เป็นสีดำทุกรุ่นครับ***









ขอบคุณทุกๆท่านที่ได้อ่านบทความนี้จนจบ ถ้าอยากชอบ รบกวนกดไลท์กันนิดนึงนะครับ อยู่ด้านบนขวาของเว็บ เพื่อเป็นกำลังใจแก่ทีมงา่น
ขอขอบคุณ
เว็บ miragethailandclub สำหรับข้อมูลภายในมิราจ
เว็บ headlightmag สำหรับข้อมูลการบริโภคน้ำมัน


http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=3679:Exclusive-First-Impression-Mitsubishi-MIRAGE&catid=62:sub-b-segment-1000-1300-cc&Itemid=73



ขอบคุณข้อมูลจาก Thai Mitsubishi Motor,miragethailandclub.com,thaiglobalsmall.com,Youtube.com,miragethailandclub.com,เน็ดคุง,pantip.com,kapook.com,sanook.com,klickoff.wordpress.com,manager.co.th,autozeed.com


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก kotse.com


เรียบเรียง : Ruengdd.com,เรื่องดีดี.com