เรามีสิทธิอะไรไปตัดสินคนอื่น

เช้าวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังราวน์วอร์ดอยู่ ชายวัยกลางคน เสื้อผ้ามอมแมมเหมือนไม่ได้เปลี่ยนมาหลายวัน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดวงตาแดงก่ำ กลิ่นเหล้าโชยมาค่อนข้างแรง เดินตามผมมา หลังจากที่ผม เดินออกมาจากเตียงของลุงแหวง 

“หมอครับ หมอฉีดยาให้พ่อผมตายได้ไหมครับ ผมไม่ไหวแล้วครับ” ชายคนนั้นพูดด้วยเสียงอันดังและดุดัน นัยตาขุ่นขวาง 

คนที่อยู่แถวนั้น ใช้สายตาดูถูกเหยียดหยาม และรังเกียจ มองชายคนนั้นเป็นตาเดียวกัน 
ผมเอื้อมมือไปจับไหล่ ของชายคนนั้น มองหน้าด้วยความเข้าใจ 
ชายคนนั้นมองหน้าผม สีหน้าค่อยๆเปลี่ยนไป นัยตาแข็งกร้าว อ่อนแรงลง 
น้ำตาก็ค่อยไหลเลื่อนผ่านใบหน้าลงตกกระทบพื้น 
เสียงสะอึกสะอื้น ก็ค่อยๆดังขึ้น ท่ามกลางเสียงพึมพำ จับความได้ว่า 

“ผมไม่ไหวแล้วครับ ผมไม่ไหวแล้วครับ” 

ภาพต่างๆไหลผ่านในความทรงจำของผมเข้ามา 

สี่ปีก่อน 

ชายคนนี้เดินเข้าห้องตรวจผม แต่งตัวด้วยเสื้อผ้ามีราคา ผมเผ้าเรียบร้อย สวมใส่นาฬิการาคาแพง มีโทรศัพท์มือถือแนบเข็มขัด เขาเดินเข้ามาพร้อม ชายชราผมขาว ร่างผอมเกร็ง เขาประคองชายขรามานั่งเก้าอี้ตรวจ อย่างอ่อนโยน 

“สวัสดีครับ ่ลุงแหวง เป็นไงบ้างวันนี้ มีหอบเหนื่อยบ้าง” 

“ก็มีบ้างครับหมอ” 

ลุงแหวง เป็น COPD มาหลายปี อาการทรงๆ แต่ระยะหลังเริ่มมีหอบเหนื่อยบ่อยมากขึ้น 

“หมอครับ มียาดีๆก็ให้พ่อผมได้เลยนะครับผมพอมีเงินอยู่ครับ” 

“อ้อครับ จัดให้ดีๆทุกครั้งเลยครับ” 

ชายคนนั้น ยิ้มรับ และพาลุงแหวงไปรับยา 


“อ้าว ลุงแหวง วันนี้เหนื่อยมาอีกแล้วหรือครับ อาทิตย์นี้มาสองสามครั้งเลยเนอะ” 

“ครับหมอ มันหอบมากขึ้นน่ะครับ” ลุงแหวง พูดไปหอบไป 

ลูกชายลุงแหวง นั่งอยู่ข้างๆคิ้วขมวดด้วยความเป็นห่วง 

“อืมม์ ฟังเสียงปอดมันมีเสียงแปลกอยู่ด้านขวานะ เดี๋ยวหน้าส่งไปเอกซเรย์ปอดดูก่อนนะ”


หมอ ดูฟิลม์แล้ว มันมีรอยในปอดนะ เดี๋ยวหมอจะส่งลุงไปตรวจเสมหะนะ ดูว่าเป็นวัณโรคหรืออะไร ทีนี้ตรวจวัณโรคมันต้องใช้เวลาเก็บสามวัน เดี๋ยวจะให้เข็นลุงไปตรวจก่อนนะ ผมจะคุยกับลูกลุงว่าจะเก็บเสมหะยังไงที่บ้าน”

ลุงแหวงถูกเข็นออกไป ผมหันมามองหน้าลูกลุงแหวง

“ขอโทษนะครับ ชื่ออะไรครับ”

“แดงครับ”

“เป็นลูกลุงแหวงใช่ไหมครับ”

“ครับ ผมเป็นลูกคนโต อยู่กับแกสองคน “

“มีใครช่วยดูแกอีกไหมครับ “

“ไม่มีครับ ผมยังไม่ได้แต่งงาน ห่วงพ่อครับ กลัวว่าแต่งแล้วเมียจะมีปัญหากับพ่อ พี่น้องที่เหลือก็อยู่ที่อื่นหมดครับ”

“อืมม์ หมอมีเรื่องจะบอกนะ รอยที่หมอว่าเมื่อกี้ มันเหมือนเป็นก้อนที่ปอดด้านขวา ไม่ค่อยเหมือนวัณโรคเท่าไหร่”

“เป็นมะเร็งหรือเปล่าครับ คุณหมอ” แดง ถามด้วยหน้าตาซีดเผือดลงทันที

“หมอคงต้องส่งไปรพ.จังหวัดให้เขาตรวจให้ละเอียดอีกที”

“หมอครับ ถ้าเป็นมะเร็งหรืออะไร ถ้ามีวิธีทำให้หายผมยอมจ่ายเต็มที่ครับ ผมเสียเท่าไหร่ก็ได้ขอให้พ่อผมไม่เป็นไรก็พอ”

ผมไม่เจอ ลุงแหวงและแดง หลายเดือน เกือบปีได้ เช้าวันหนึ่ง ลุงแหวงกับแดงก็เดินเข้ามาในห้องตรวจ



สวัสดีครับ ลุงแหวง เป็นไงบ้างครับ”

ลุงแหวง ไม่ตอบ หน้าตาไม่สบาย สั่นหัวไปมาหอบตัวโยน

“แกเหนื่อยมากครับหมอ ขอนอนรพ.ได้ไหมครับ”

“ได้ซิ เดี๋ยวให้ไปพ่นยาแล้วส่งขึ้นตึกเลยนะ ส่วนแดงเดี๋ยวรอก่อน หมอจะถามว่าหายไปหลายเดือน หมอรพ.จังหวัดเขาว่าไงบ้าง”

ทันทีที่ลุงแหวงพ้นห้องออกไป แดงทรุดตัวนั่งอย่างอ่อนแรง

“หมอที่รพ.จังหวัดบอกว่า พ่อผมเป็นมะเร็ง แต่สภาพร่างกายทนการผ่าตัดไม่ได้ ต้องให้เคโม แต่รับแล้วอาการแย่ลงไปอีก หมอเขาเลยบอกว่า ให้มาดูตามอาการแล้วกัน หมอครับ หมอมีทางอื่นที่จะรักษาพ่อผมให้หายไหมครับ ผมสงสารพ่อผมมาก นอนไม่ได้เลย นั่งหอบทั้งคืน”

ระหว่างที่แดงพูดผมสังเกต เห็นการแต่งตัวที่เปลี่ยนไป แดงสวมเสื้อยืดคอกลมราคาถูก ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่ได้ตัด นาฬิกาและมือถือหายไป

ผมพูดคุยเรื่องอาการลุงแหวงสักพัก ก่อนที่แดงจะลุกไป ผมถามแดงว่า

“แล้วแดงเป็นไงบ้างตอนนี้ งานการเป็นไงบ้าง”

“ไม่ได้ทำอะไรแล้วครับ พ่อหอบบ่อย เข้าๆออกๆ รพ. ผมรับเหมา ก็ต้องทิ้งงาน ส่งงานตามเวลาไม่ได้ ก็เลยเลิก เพราะเกรงใจเขา”

“อ้าว แล้วทำมาหากินอะไรแทน”

“ก็ รับจ้างทั่วไปครับ มีอะไรให้ทำก็ทำ ขายของเก่าที่มีไป รถผมก็ขายไปแล้วครับ แต่ถ้าหมอมีวิธีอื่นที่รักษาพ่อผมได้ เสียเท่าไหร่ผมก็ยอมครับ ผมมีที่ดินอยู่ขายได้”

“ขายไปหมดแล้วจะอยู่ยังไงล่ะ แดง”

“ไม่เป็นไรครับ ของนอกตัว ไม่ตายหาได้ แต่พ่อผมผมมีคนเดียว อะไรก็แทนไม่ได้”

ลุงแหวงยังคงเข้าออกรพ.หลายครั้ง ในสองปีที่เหลือ

สามเดือนก่อน

แดงเดินพาพ่อเข้ามาในห้องผม ด้วยสภาพผมเผ้ารุงรัง เสื้อผ้ามอมแมม ตาแดงก่ำ กลิ่นเหล้าหึ่งตลบอบอวลทั่วห้องตรวจ

หลังจากให้ลุงแหวง admit ผมคุยกับแดง

“เป็นไงแดง ทานเหล้าแต่วันเลยเหรอ”

“ครับ คุณหมอ” แดงนั่ง ตาจ้องมองที่พื้นหลบตาผม

“หมอเป็นห่วงแดงนะ ได้พักบ้างไหมเนี่ย ดูแย่ลงไปมากนะ ทานเหล้าทุกวันไหมครับ”

“ดื่มทุกวันครับ คุณหมอ ถ้าไม่ดื่ม ผมนอนไม่หลับ มันเครียดมากครับ เห็นพ่อหอบ ไม่รู้ว่าต้องพาไปรพ.ตอนไหน นอนไม่หลับ เพราะกลัวพ่อเป็นอะไรตอนผมหลับ”

“หมอเข้าใจนะ แต่ถ้าดื่มเหล้ามากไปเราก็แย่นะ”

“ขอบคุณคุณหมอที่เป็นห่วงครับ แต่ผมอยู่ไม่ได้ครับถ้าไม่ได้ดื่ม ผมต้องดื่มให้มันไม่คิดมากครับ เพราะถ้ามันสร่าง เรื่องจริงของชีวิตผมมันเจ็บปวดจนทนไมไหวน่ะครับ”

ผมมองดูตามแผ่นหลังของแดงที่ค่อยๆเดินโซเซออกไปจากห้อง ศีรษะก้มต่ำลง ไหล่ห่อ

ความเงียบงันโรยตัวแทนกลิ่นเหล้าที่ค่อยๆจางไปในห้องตรวจ

การadmit ครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายของลุงแหวง เพราะแกไม่ได้ออกรพ.อีกเลย ตลอดสามเดือน

แดงเฝ้าพ่อทุกวัน บางวันผมเห็นแดงโทรมมาก บอกแดงให้กลับบ้านช่วงกลางวัน ผมจะให้พยาบาลดูแลแทน

แดงกินเหล้าหนักขึ้นทุกวัน อาการของลุงแหวงมีแต่ทรงกับทรุด แต่ก็ไม่เสียชีวิต

จนกระทั่งเช้าวันนั้น

“หมอครับ หมอฉีดยาให้พ่อผมตายได้ไหมครับ ผมไม่ไหวแล้วครับ”

แดงร้องไห้หนักหลังจากผมเอื้อมไปจับไหล่ แล้วตบหลังเบาๆปลอบใจแดง

“ผมขอโทษครับคุณหมอ” แล้วแดงก็ลงไปจากตึกเพื่อระงับอาการ

“ลูก อะไรว่ะ โคตรทรพีเลย” “มันเป็นขี้เหล้า วันๆมีแต่เมามา ไม่รักพ่อมันเลย นี่แหละหนา พ่อทำได้ทุกอย่างแต่ลูกทำเพื่อพ่อไม่ได้” “ทุเรศว่ะ คนอะไรเนี่ย ใช่คนหรือเปล่า พ่อทั้งคนยังจะฆ่าให้ตาย”

เสียงต่างๆดังเซ็งแซ่เข้ามาจากคนรอบข้างที่เห็นเหตุการณ์

ใจของผมที่หม่นมัวอยู่แล้ว ยิ่งหม่นหมัวหนักเข้าไป มีแต่คนดีๆทั้งนั้น แต่ไม่มีใครดูแลลุงแหวงมาตลอดสี่ปีเหมือนแดง แดงโยนชีวิตตัวเองทิ้งเพื่อพ่อ ทิ้งทุกอย่างที่ตัวเองสามารถไปได้ดีกว่านี้เพื่อพ่อ

แต่คำพูดประโยคเดียวของแดงที่พูดจากความคับแค้นขมขื่นกับชีวิต ที่ต้องอยู่เวร ยี่สิบสี่ชั่วโมง มาสี่ปี ไม่มีใครรับรู้

ทุกคนตัดสินแดง

คำถามหนึ่ง ดังในใจผม เรามีสิทธิอะไรไปตัดสินคนอื่น ที่เราเพิ่งได้ยินเพียงประโยคเดียวของเขา แต่เรื่องราวก่อนหน้านี้ของเขาเราไม่เห็น เราไม่รู้สึก เราพร้อมใจกันโดดออกมาตัดสินคนอื่นว่าเลว อาจเพียงเพราะเพื่อแสดงว่า ฉันดี หรือเปล่า

บ่ายวันนั้น ลุงแหวงก็เสียชีวิตลงอย่างสงบ

แดงกอดศพลุงแหวงแน่น ร้องไห้เสียงดังเหมือนเด็กเล็กๆ

ผมยืนมองดูสองคน คนหนึ่งชีวิตหาไม่แล้ว มีคนหนึ่งมีชีวิตต่อไป และอาจเลวร้ายกว่าความตาย

แดงได้ทำหน้าที่ของลูกคนหนึ่งได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใครก็ตามที่ตัดสินแดงไปว่าทรพี ก็ไม่ได้มายืนดูแดงที่กำลังร้องไห้กับการสูญเสียของเขา

แดงเงยหน้ามองเห็นผมยืนอยู่ ก็เดินเข้ามาหา

“ขอบคุณคุณหมอครับที่ดูแลพ่อผม ผมขอโทษที่เมื่อเช้าพูดอะไรไม่รู้ออกไปครับ” แล้วแดงก็ปล่อยโฮออกมา

“ครับแดง ไม่เป็นไร หมอเข้าใจ คนอื่นไม่เข้าใจ ไม่เป็นไรหมอเข้าใจ”

แดงยกมือไหว้ผม แล้วเดินไปกราบศพลุงแหวงอีกครั้งพร้อมกับกอดลุงแหวงไว้แน่น

ทุกครั้งที่มีคนพูดว่า “ดูไอ้ขี้เหล้านั่นซิ วันๆกินแต่เหล้า ชีวิตนี้มันจะมีดีอะไร”

ภาพของแดงก็ปรากฏขึ้นในความทรงจำ

คำถามเดิมก็ปรากฏ เรามีสิทธิอะไรไปตัดสินคนอื่น