สัมภาษณ์ "เปาวลี พรพิมล" ... เงาราชินีลูกทุ่ง...พุ่มพวง ดวงจันทร์


ชีวิตที่เพิ่งเริ่มต้น ของคนสุพรรณ "เปาวลี พรพิมล"


   เป็นนางเอกใหม่แกะกล่องของแวดวงบันเทิง ที่ถูกจับตามองมากคนหนึ่ง สำหรับ เปาวลี พรพิมล นางเอกจากภาพยนต์เรื่อง ”พุ่มพวง” ที่มีกำหนดฉายในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ทีมข่าว ”คม ชัด ลึก” มีโอกาสได้จับเข่านั่งคุยกับสาวน้อยคนนี้ ถึงเส้นทางในวงการบันเทิง ที่เธอทั้งแสดง และร้องเพลงกับต้นสังกัดอย่างแกรมมี่โกลด์ ลองมาดูกันว่านับจากนี้ เธอจะก้าวย่างไปอย่างไร


   ชีวิตในวัยเด็ก
   ทราบมาว่าชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ

   
         พอเริ่มพูดได้ ก็หัดร้องเพลงลูกทุ่ง เพราะพ่อกับแม่ฟังลูกทุ่งทุกแบบทุกแนว นักร้องคนแรกที่ชอบคือ ราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ เพลงแรกที่ร้องได้จบเพลงคือ เพลงส้มตำ แม่เลยส่งเข้าประกวดในงาน โอท็อป บริเวณหน้าเทศบาลอำเภอด่านช้าง เข้าประกวดรุ่นอายุ 9-15 ปี ซึ่งตอนนั้น หนูเด็กสุด อายุ 9 ขวบเอง แต่ต้องแข่งกับนักร้องที่เป็นรุ่นพี่ คนตัวเล็กสุดแต่ก็ชนะ ได้ที่ 2 นะ (ยิ้ม) จากนั้นแม่ก็พาหนูเริ่มเดินสายขึ้นเวทีประกวดร้องเพลง ตามที่ต่างๆ มาเรื่อยๆ แพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่ส่วนมากจะชนะ

   เคยไปเรียนร้องเพลงที่ไหนบ้างไหม
   
         ทางโรงเรียนเป็นผู้สนับสนุน และส่งเข้าประกวด ช่วงแรกๆ สำลักน้ำลายบ้าง ค่อยๆ แก้ไขปรับปรุงไปเรื่อยๆ ไม่มีครูมาสอนร้องเพลง หนูจะใช้วิธีร้องไปเรื่อยๆ ร้องให้แม่ฟัง แล้วแม่ก็จะคอยติ คอยบอกว่าตรงไหน ควรจะแก้ไข ควรปรับปรุงตรงไหน นํ้าเสียงยังไม่นิ่ง แม่สอนไม่ให้กลัวคนดู มีสติมากขึ้น ลูกเอื้อนตรงนี้ยังไม่มี แม่ก็จะให้ร้องใหม่ ฝึกร้องเพลงเองอยู่ ที่ร้านขายของไม่ไปเล่นที่ไหนเลย เพราะเราอยากเป็นนักร้องที่ดี เราไม่ได้มีโอกาสเหมือนคนอื่นเขา การฝึกเท่านั้นจะทำให้เราพร้อมเสมอ เวลาไปประกวดกับใครก็สู้คนอื่นได้ แม่สอนให้หนูเตรียมพร้อม
   มีเวทีประกวดใหญ่ๆ ที่ไหนบ้างที่ภูมิใจมากที่สุด
   
         ทุกเวทีเลย (หัวเราะ) งานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ได้ที่ 1 ชุมทางเสียงทอง ชนะรอบสัปดาห์ ชิงช้าสวรรค์ ช่วงเสียงดีมีค่าเทอม ได้ที่ 1 ช่อง 11 ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพฯ ชนะรอบสัปดาห์ และก็คว้าไมค์คว้าแชมป์ ทางช่องแฟนทีวี ได้แชมป์ ออฟ เดอะ เยียร์
   
   ก้าวสู่การเป็นนักร้องอาชีพ
   แล้วมีใครพามาประกวดของแกรมมี่
   
         ไม่มีใครพามา หนูดูจากช่องเคเบิล เขามีช่องแฟนทีวี ที่ร้านเปิดดูทุกวัน เพราะเพลงเพราะดี เขามีโฆษณา ว่าจะมีการประกวดซีซั่นแรก ตอนแรกแม่หนูเขาก็ไม่รู้ว่า จะส่งมาประกวดอย่างไร เลยส่งเสียงร้องใส่เทปมาให้พี่ๆ เขาลองฟังเสียง ทีมงานฟังเขาก็เรียกหนูเข้ามาประกวดเลย  หนูเลือกร้องเพลงพี่เอิร์น เดอะสตาร์  เพลง สะดวกคุยหรือเปล่า รอบนั้นมีร้องหลายเพลง  มีเพลงคำรักโหลๆ ส่วนใหญ่เป็นเพลงพี่เขา หนูน่าจะร้องประกวดได้ง่ายกว่า เพราะศิลปินแกรมมี่โกลด์ ส่วนมากเป็นนักร้องภาคอีสาน หนูร้องภาษาอีสานไม่ได้ ไม่ถนัด หนูจึงเลือกเอาที่หนูร้องได้
   คิดว่าเราจะได้ที่ 1 เหมือนเวทีอื่นๆ ไหมตอนประกวด
            ไม่คิดว่าจะได้ที่ 1 เวทีนี้ทำให้หนูได้อะไนหลายอย่างมาก เรียนรู้การทำงานเบื้องหลังเบื้องหน้าของรายการ ได้เพื่อน ได้ความสนิทคุ้นเคยกับพี่ๆ ทีมงาน ได้ประสบการณ์ การขึ้นเวทีร้องเพลง การออกทีวี การตอบสัมภาษณ์ และได้มากที่สุด คือการเป็นศิลปินที่ทางแกรมมี่มอบให้ คือเรียกว่าได้เยอะมากๆ ตอนนั้นไม่รู้ว่าประกวดแล้ว จะได้มาเป็นนักร้องหรือเปล่า พอรู้ว่าชนะก็อึ้ง มาถึงจุดนี้แล้ว เร็วเหมือนกัน เหมือนฝัน ดีใจกับตัวเองที่ก้าวมาถึงจุดนี้
   เห็นว่าตอนนี้ทางแกรมมี่โกลด์ กำลังทำเพลงให้อยู่ใช่ไหม
            หลังจากได้ตำแหน่งแชมป์ประมาณ 2 เดือน ทางแกรมมี่โกลด์ ก็เรียกตัวเข้ามาคุยเรื่องงานเพลง ตอนแรกจะให้ทำอัลบั้มก่อน ตั้งใจให้เสร็จปีนี้ หรือต้นปีหน้า ส่งไปเรียนเต้นเรียนร้องเพลง เรียนอะไรต่างๆ รอทำอัลบั้ม งานเพลง น่าจะเป็นแนวสนุกๆ แหวกแนวกว่าคนอื่น
   เส้นทางการแสดงที่ไม่คิดว่าจะได้ทำ
   แล้วทำไมถึงได้มาเล่นหนังพุ่มพวง

            บังเอิญมาก ตอนที่เริ่มทำงานเพลง ก็มีหนังประวัติ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ติดต่อเข้ามาด้วย  ทางแกรมมี่โกลด์ เสนอชื่อหนูไปแคสติ้ง ไม่เคยผ่านการแสดงไม่เคยเรียนมาก่อน ตอนไปแคสติ้งวันแรก ให้บทมาลองให้เล่น เล่นตามภาษาที่หนูเข้าใจ แรกๆ เขินๆ เรื่องการร้องได้แล้ว แอ็กติ้งยังขาดอยู่ เลยส่งหนูไปเรียนการแสดงกับครูเงาะ (รสสุคนธ์ กองเกตุ) ประมาณชั่วโมงครึ่ง แล้วเริ่มเทสต์ใหม่ คราวนี้ดีขึ้น เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น จากนั้นประมาณ 2 วัน เขาก็โทรมาบอกว่า ตกลงเลือกหนูเล่นบทนางเอกหนังเรื่องนี้
   ได้ข่าวว่าต้องมีการเรียนการแสดงเพิ่มอีกเยอะด้วย
            เรียนเพิ่มเยอะมาก วันหนึ่งหลายๆ ชั่วโมงอาทิตย์หนึ่งก็เรียน 6 วันเลย  ไม่เฉพาะการแสดง การเต้นก็ต้องเรียน เพราะแม่ผึ้งเป็นนักร้องที่มีลีลาการเต้นที่สวยงาม เราก็ต้องเต้นออกมาให้เหมือนที่สุด หนูไม่เคยเรียนสิ่งเหล่านี้มาเลย มันยากเหมือนกัน ได้รู้ว่ากว่าที่หนังซีนหนึ่งสั้นๆ ที่เราดู จริงๆ แล้วองค์ประกอบมันมาก ต้องมีหลายอย่างประกอบกัน โดยเฉพาะตัวคนแสดง ต้องให้ได้อารมณ์ หนูโชคดีเวลาที่ไม่เข้าใจพี่ๆ เขาก็จะแนะนำให้
   ชอบเพลงเป็นทุนอยู่แล้ว เมื่อได้มาแสดงเป็นพุ่มพวงเกร็งไหม
            หนังเรื่องนี้เป็นหนังดราม่า ที่นำเสนอชีวิตของแม่พุ่มพวง ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้รับบทนี้ หนูรู้สึกเกร็งมาก นอนไม่หลับ ถ้าร้องเพลงไม่กลัวเพราะหนูร้องมาตลอด แต่ให้มาแสดงเป็นแม่ผึ้ง กลัวมาก เพราะคนรักแม่ผึ้งทั้งประเทศ กลัวเราแสดงไม่ดี หนูเป็นเด็กต่างจังหวัด ที่ไม่เคยผ่านงานแสดงมาเลย  เป็นการทำงานที่ยาก ด้วยความรู้สึกว่าแม่ผึ้งมีคาแรคเตอร์ที่ไม่มีใครสามารถทำให้เหมือนได้ แต่พอศึกษาจริงๆ แล้ว ทำให้รู้ว่าคาแร็กเตอร์จริงๆ ของแม่ผึ้ง เป็นคนสบายๆ ไม่กลัวใคร เป็นหญิงแกร่ง
   เล่นประกบกับพระเอกอย่าง ป๋อ-ณัฐวุฒิ สะกิดใจ เป็นอย่างไรบ้าง
            เคยดูพี่ป๋อ แต่ในทีวีก็คิดว่ายากแน่ เพราะพี่เขาแสดงดี กลัวว่าเราจะทำให้คนอื่นๆ ทำงานยากขึ้น แต่พอได้มาทำงาน ร่วมกับพี่ป๋อที่เก่งอยู่แล้ว ช่วยให้หนูได้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ไม่เกร็ง พี่เขาก็จะคอยสอนว่าทำยังไง การส่งต่ออารมณ์ในการแสดงช่วยหนูได้มาก หนูก็ตั้งใจมาก อยากให้งานออกมาดี  แต่ก็รอรับฟังคำวิจารณ์ ต้องมีทั้งคนติและคนชม คนชอบและไม่ชอบ แต่หนูก็พยายาม ทำให้ได้ใกล้คียง ออกมาเป็นแม่ผึ้ง-พุ่มพวง ดวงจันทร์ ให้ได้ใกล้เคียงที่สุด ให้เหมือนแม่ผึ้งสักครึ่งก็พอใจแล้ว
   ตอนนี้ไปไหนมาไหนมีคนจำได้หรือยัง
            ได้แล้ว เพียบเลย (หัวเราะ) เขาก็จะเดินเข้ามาทัก บางคนเรียกเปาๆ  มาขอถ่ายรูป หนูไม่คิดว่าคนจะจำหนูได้เร็วขนาดนี้  เขาก็บอกว่าจะไปดูหนังนะ เป็นกำลังใจให้ ร้องเพลงเพราะมาก
   วางแผนงานในวงการบันเทิงไว้จากนี้อย่างนี้
            ทางแกรมมี่โกลด์ ให้ทำอะไรหนูก็ทำหมด (หัวเราะ) การร้องเพลงเป็นความฝันที่หนูฝันมาตลอด อยากมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง ได้เป็นนักร้องอาชีพ ส่วนงานแสดงก็แล้วแต่ทางผู้ใหญ่จะให้โอกาสหนู นักร้องเดี๋ยวนี้เขาก็ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง เป็นทั้งพิธีกร นักแสดง
   สุดท้ายจะฝากอะไรกับคนอ่านไหม
   
         อยากให้ไปดูหนัง ”พุ่มพวง” กันเยอะๆ ช่วยวิจารณ์ติชมหนูได้ อยากให้หนูปรับปรุงตรงไหน หนูก็พร้อมรับฟัง แล้วอย่าลืมอัลบั้มเพลงประกอบหนังของหนูด้วย เพราะมากเลย
   นับเป็นดาวดวงใหม่ของวงการบันเทิง ที่น่าจับตามองไม่น้อย

   เรื่อง- ภาพ ... "บุญส่ง คชเกร็ง"
   ที่มา : คมชัดลึก



พุ่มพวง@เรื่องของเรื่อง 11ก.ค.54(1)



พุ่มพวง@เรื่องของเรื่อง 11ก.ค.54(2)




MV. ผู้ชายในฝัน - Ost. พุ่มพวง



เปาวลี พรพิมล ... เงาราชินีลูกทุ่ง?






สาวหน้าตาคมเข้ม วัย 18 ปี “เปาวลี พรพิมล” สาวจากเมืองสุพรรณบุรีที่หลงใหลการร้องเพลงมาตั้งแต่วัย 5 ขวบขณะนี้เธอกำลังก้าวเข้ามาสู่วงการเพลงลูกทุ่งอาจจะกำลังได้รับงานหนัก เพื่อเตรียมตัวในการรับบทเป็นราชินีลูกทุ่ง และเป็นดวงใจของคอเพลงลูกทุ่งและชาวไทยทุกคน 
   
      ก้าวแรก บนถนนลูกทุ่ง
   
      สาวน้อยพูดคุยกับเราด้วยน้ำเสียงสุพรรณ ฟังแล้วน่ารักสมวัยเหมาะกับบุคลิก เปาวลี เริ่มต้นการร้องเพลงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ อาจจะชัดถ้อยชัดคำบ้าง ไม่ชัดบ้าง ทว่าเธออาศัยการซึมซับจากบุคคลรอบข้าง ทั้งคุณแม่ที่ชอบร้องเพลง คุณตาที่รักในการฟังเพลง และพี่ชายที่ชอบเล่นดนตรี
      ยิ่งการได้ฟัง ได้รับรู้ มากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เปาวลีสามารถเรียนรู้เรื่องการร้องเพลงได้เร็วมากขึ้นและรักเพลงลูกทุ่ง จนได้เริ่มขึ้นประกวดบนเวทีประจำอำเภอมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ
   
      เปาเล่าว่า เธอได้เริ่มร้องเพลงและโชว์ตามงานประกวดอย่างจริงจังตอนเรียนอยู่ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งเป็นงานประจำปีของอำเภอด่านช้าง ตอนนั้นตัวเธอเล็กสุดและต้องเข้าไปแข่งขันกับนักร้องคนอื่นที่มีอายุในช่วง 9-15 ปี ซึ่งเพลงที่เลือกร้องเป็นเพลงแรกคือเพลง ใจอ่อน ของ ฝนธน สุนทร มาร้องประกวด จนได้รับรางวัลที่ 2 มาครอง
   
      “ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ร้องเพลงค่ะ รู้สึกตื่นเต้นแต่ก็อุ่นใจขึ้นมา เพราะเวทีนั้นมีคุณแม่เข้าร่วมประกวดด้วยเหมือนกัน รู้สึกร้องเพลงแล้วสนุกดีค่ะ”
   
      จากการประกวดครั้งนั้นจึงทำให้เธอได้เริ่มเดินสายประกวดร้องเพลงเรื่อยมา โดยมีคุณพ่อคอยส่งตามงานประกวดต่างๆ ครอบครัวที่มีอาชีพค้าขาย อยู่ในตลาด ทุกงานประกวดจะมีคุณพ่อคอยรับ-ส่งและให้คุณแม่เป็นคนเฝ้าร้านแทนอยู่อย่างนั้นตลอด ไม่ว่าจะเป็นงานรื่นเริงตามเทศบาล งานประกวด กำลังใจจากทุกคนรอบข้างคอยสนับสนุนให้เด็กสาวคนหนึ่งที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้องลูกทุ่ง ตามแบบของ ราชินีลูกทุ่ง “พุ่มพวง ดวงจันทร์” จึงเกิดขึ้น
   
      “พอเริ่มประกวดเวทีตามจังหวัด ก็ได้เริ่มเข้ามาประกวดในเวทีตามรายการโทรทัศน์ ช่อง 11 ตอนอยู่ชั้น ม.1 ก็ได้รับรางวัล ชนะเลิศรอบสัปดาห์มาค่ะ แล้วก็มาประกวดรายการชิงช้าสวรรค์ ในช่วง เสียงดีมีค่าเทอม แล้วก็รายการ ชุมทางเสียงทอง ไปมาสองครั้งค่ะ ได้เข้าไปในรอบสัปดาห์ ”
   
      ล่าสุดกับการเดินทางตามความฝันที่อยากจะเป็นนักร้องลูกทุ่ง จึงตัดสินใจ เข้ามาประกวดในรายการ “คว้าไมค์ คว้าแชมป์” ทางช่องเคเบิ้ลทีวี ทำให้เธอได้รับรางวัล แชมป์ออฟเดอะเยียร์ มาครองได้สำเร็จ เธอบอกว่า เวทีนี้ที่ทำให้เธอได้เริ่มต้นทำความฝันของตนเองให้เป็นความจริง
   
      คุณแม่คือครูสอนร้องเพลง
   
      เส้นทางการฝึกฝนร้องเพลง เด็กหลายๆ คนอาจจะเรียนจากโรงเรียน สถาบันต่างๆ แต่สำหรับเปาวลี เธอได้มาจากคุณแม่และครอบครัวแทบทั้งสิ้น
   
      “คุณแม่จะสอนให้ร้องเพลงค่ะ ร้องแต่ละคำให้ชัดถ้อยชัดคำ สอนให้เราถ่ายทอดความรู้สึก อารมณ์ของเพลงให้ได้ ตอนแรกๆ หนูจะร้องเอื้อนๆ ไม่ค่อยเป็น คุณแม่ก็เริ่มสอนให้เราเอื้อนมากขึ้นค่ะ เพลงแรกที่หนูร้องเป็นคือ เพลง ส้มตำ"
   
      ค่อยๆ ฝึกร้องเพลงมาเรื่อยๆ เรื่องการร้องเพลงของเปาวลีไม่มีครูมาคอยสอน แต่เธอมีคุณแม่ที่เป็นคุณครูคอยช่วยเหลือและพัฒนาในเรื่องการร้องเพลง เธอบอกว่าวิธีการสอนของคุณแม่จะคอยให้เธอร้องเพลงให้ฟัง ร้องไปเรื่อยๆ แล้วแม่ก็จะคอยติ คอยสอน ว่าตรงไหนที่ควรปรับปรุงแก้ไข 
      นอกจากเรื่องการสอนร้องเพลงแล้ว คุณแม่ที่เคยขึ้นร้องประกวดบนเวทีจนจัดเจนเวทีมามาก จึงคอยาอนให้ลูกไม่ให้กลัวคนดู และมีสมาธิในการร้องเพลง มีสติมากขึ้น จนทำให้เธอไม่ตื่นเวทีทุกครั้งที่ได้แสดงในงานร้องเพลงหรืองานประกวดบนเวทีต่างๆ 
   
      ความฝันที่ได้จากความอดทน
   
      ความใฝ่ฝันที่อยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็กๆ โดยยังไม่รู้ว่าหนทางการได้เข้าสู่วงการลูกทุ่งจะเป็นอย่างไร ด้วยนิสัยรักสนุก เป็นคนร่าเริง การออกโชว์ตามที่ต่างๆ จึงได้รับความนิยมในจังหวัดสุพรรณมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มโชว์ตัวมากขึ้น แม้ในบางครั้งอาจจะทำให้เธอรู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่ก็เป็นสิ่งที่เปาวลีรักและสนุกกับการร้องเพลงอย่างมาก
   
      “การใช้ชีวิตของหนู ไม่เคยคิดว่าหนูจะขาดช่วงเวลาของวัยรุ่น ต้องเที่ยวกับเพื่อน ตามประสาวัยรุ่น หนูต้องใช้ความพยายามอย่างมาก หลังเลิกเรียนต้องออกประกวด ออกโชว์ตามงานต่างๆ มากมาย ต้องรู้จักอดทนและขยันมากขึ้น ในบางวันงานโชว์ตัว ร้องเพลงหนูเลิกตอนตี 4 ตอนเช้ามีสอบที่โรงเรียน เราต้องมีความอดทน แล้วก็ไม่ย่อท้อถึงจะก้าวผ่านตรงจุดนั้นมาได้”
   
      พอได้เข้ามาอยู่ในวงการเพลงลูกทุ่ง เปาวลีบอกว่า ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่ต้องมีความขยันเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากต้องเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือการทำให้คนที่รู้จักจากเดิมแค่ในระดับจังหวัด ต้องเป็นระดับประเทศมากขึ้น เจอผู้คนที่หลากหลาย 
   
      “ตอนเข้ามาประกวดในกรุงเทพฯ แรกๆ ตื่นเต้นมากค่ะ ต้องซ้อมหนักทุกวันเลย เราเจอคู่แข่งที่น่ากลัว บางคนจะดูนิ่งและภูมิฐาน ส่วนหนูก็จะดูเป็นเด็กๆ เวลาขึ้นเวทีก็จะทำให้ตัวเองรู้สึกสบายๆ มากที่สุด ร่าเริงและเป็นตัวของตัวเองถึงจะสามารถเอาคนดูอยู่ได้” 
   
      รับบท “ราชินีลูกทุ่ง”
   
      หลังจากที่ได้เข้ามาเซ็นสัญญาในการเป็นนักร้องค่ายแกรมมี่โกลด์อย่างเป็นทางการ เพื่อทำอัลบั้มแรกให้กับเปาวลี แต่อีกหนึ่งโอกาสที่ทำให้เธอได้รับคือ การได้เข้าไปแคสฯ เพื่อรับบทเป็น “แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์” นักร้องในดวงใจ
   
      “ตอนนั้นเป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างทำเพลงแล้วมีหนังที่เป็นประวัติของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ติดต่อเข้ามาค่ะ ทางแกรมมี่โกลด์เลยเสนอชื่อของหนูไป ทั้งที่หนูไม่เคยการการแคสติ้ง ผ่านการแสดงมาเลย แต่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีมากที่พี่ผู้กำกับเข้าหยิบยื่นมาให้”
   
      “ไปแคสติ้งวันแรก เขาให้บทหนูมาลองเล่น ก็เล่นไปตามที่หนูเข้าใจ แรกๆ เขินค่ะ ร้องเพลงพอทำได้นะค่ะ แต่การแสดงยากมาก พี่ๆ เลยส่งให้หนูไปเรียนแอ็กติ้งกับครูเงาะ ประมาณครึ่งชั่วโมง เริ่มเข้าใจมากขึ้น จากนั้นเราก็ได้รับบทเป็น แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ค่ะ”
   
      เรื่องราวของชีวิตเส้นทางการมาเป็น พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่นำเสนอเป็นภาพยนตร์ ดราม่า ชีวิตของราชินีลูกทุ่ง ทำให้ เปาวลี รู้สึกเกร็งๆ ในช่วงแรกเหมือนกัน เนื่องจากเธอรู้สึกว่าคาแร็กเตอร์ของแม่ผึ้งไม่มีใครสามารถทำให้เหมือนตัวตนของแม่ผึ้งได้ แต่พอได้ศึกษาจากประวัติและบทที่ได้รับ ทำให้รู้ว่า เธอก็มีคาแร็กเตอร์ที่สบายๆ ใกล้เคียงกับไอดอลในดวงใจอยู่เช่นกัน
   
      ประกบพระเอกดัง ป๋อ ณัฐวุฒิ
   
      เมื่อได้รับบทบาทเป็นราชินีลูกทุ่งแล้ว พระเอกที่เธอได้เล่นประกบคู่ด้วยคือ ป๋อ ณํฐวุฒิ สะกิดใจ ดาราที่เธอคอยติดตามผลงานมาโดยตลอด และกลายเป็นความฝันที่ทำให้เธอได้ประกบพระเอกชื่อดังและมากความสามารถ
   
      “ประกบกับพี่ป๋อ ดีใจมาก เพราะพี่ป๋อ หนูก็ติดตามผลงานพี่มาตลอด รู้สึกเหมือนฝันด้วย ที่เด็กคนหนึ่งที่เข้ามาประกวดจะได้เล่นหนังกับพี่ป๋อค่ะ เป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับหนู เตรียมตัวด้วยการไปเรียนการแสดง การอินเนอร์ แอ็กติ้ง เรียนเพิ่มทุกอย่างเพราะน้องยังไม่มีทักษะมากนัก หนูจะได้เรื่องการร้องเพลงมากกว่า ต้องยกเครดิตให้พี่บัณฑิตทองดี พี่ปรัญญา ปิ่นแก้ว ที่ให้โอกาสหนู”
   
      “พี่ป๋อเป็นดาราดังที่เก่งอยู่แล้วค่ะ น่าจะส่งอารมณ์ถ่ายทอดให้หนูได้เข้าใจมากขึ้น ไม่เกร็ง และหนูก็พร้อมที่จะฟังคำวิจารณ์ที่ต้องมีทั้งคนที่ติและคนชม มีคนชอบและคนไม่ชอบ แต่สิ่งที่ต้องทำคือความตั้งใจและพยายามทำให้ดีที่สุด”
   
      เปาวลีเล่าถึงบรรยากาศในการเข้าฉากครั้งแรกว่า เป็นงานที่สนุกมาก แม้ว่าจะยังไม่ค่อยรู้เรื่องในกองถ่ายมากนัก ยังงงกับมุมกล้อง ว่าผู้กำกับต้องการมุมไหน พี่ๆ บางคนก็แซวว่า มีคิวถ่ายบ่ายสอง ตื่นตั้งแต่ตีสี่ มาทำงานตอนหกโมงเช้าเพื่อรอเข้าคิว พี่ๆ ทีมงานน่ารักและสนุกดีค่ะ ได้เรียนรู้การทำงาน การจัดฉากของพี่ๆ เค้าก่อน
   
      เพลงลูกทุ่ง ไม่เชยอย่างที่คิด
   
      แม้ว่ายุคนี้ สมัยนี้หลายคนจะอินเทรนด์ไปตามกระแสของเพลงเกาหลี หรือเพลงจากชาติอื่นๆ มากขึ้น จนอาจจะทำให้เพลงลูกทุ่งถูกลืมเลือนไปจากเมืองไทยไปบ้าง แต่สำหรับเปาวลี เพลงลูกทุ่งคือสิ่งที่เธอภูมิใจมากที่สุด
   
      “เดี๋ยวนี้วัยรุ่นหันไปชอบเพลงแนวอื่นมากขึ้น ทิ้งเพลงลูกทุ่งเพลงไทยไปบ้าง ไม่ใช่ว่าหนูจะไม่ติดตามเพลงอื่นๆ นะค่ะ ก็ดูบ้างเหมือนกัน เพื่อนๆ หนูที่ชอบเกาหลีกันหมดเลย แล้วมีหนูคนเดียวที่ชอบลูกทุ่งและร้องได้ แต่หนูก็ภูมิใจค่ะ ที่หนูร้องได้ สามารถไปงานที่ไหนก็โชว์ได้ ทำให้เพื่อนที่ชอบเพลงสตริงเริ่มหันมาชอบเพลงลูกทุ่งมากขึ้น ก็ภูมิใจที่เพลงลูกทุ่งเป็นเอกลักษณ์ของคนไทย มีเพลงลูกทุ่งมานานและเพลงลูกทุ่งไม่ใช่ว่าร้องแล้วจะบ้านนอก บางคนบอกว่าร้องเพลงลูกทุ่งจะบ้านนอก แต่สำหรับหนูไม่ใช่เลย ”
   
      สำหรับเส้นทางบนถนนของเพลงลูกทุ่งที่กำลังก้าวไปตามความฝันของผู้หญิงตัวเล็กๆ จากเมืองสุพรรณบุรี จะก้าวต่อไปอย่างไร อย่างน้อยเธอก็ขอฝากชื่อของ “เปาวลี” เอาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของมิตรรักแฟนเพลงทุกคนเอาไว้ด้วย
   
      ***********************
      

      ประวัติ
      ชื่อในวงการ : เปาวลี พรพิมล
      ชื่อจริง : พรพิมล เฟื่องฟุ้ง
      ชื่อเล่น : เปา
      วัน เดือน ปี เกิด : พฤหัสบดีที่ 2 มกราคม 2535
      การศึกษา : โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 3 
      : มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชั้นปีที่ 1 
      ความฝัน : นักร้องลูกทุ่ง
      เวทีการประกวด : งานโอท็อป อ. ด่านช้าง จ. สุพรรณบุรี ได้รับรางวัลที่ 2 (เวทีแรกที่เข้าประกวด)
      : งานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ จ. สุพรรณบุรี
      : รางวัลที่ 1 รายการ ชิงช้าสวรรค์ ช่วง เสียงดีมีค่าเทอม
      : เข้ารอบสัปดาห์ รายการชุมทางเสียงทอง
      : เข้าชิงรอบสัปดาห์ ในการชิงถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จ พระเทพฯ ช่อง 11
      : ได้รับรางวัล แชมป์ ออฟ เดอะ เยียร์ ในรายการ คว้าไมค์ คว้าแชมป์ ทางช่องแฟนทีวี
   
      รายงานโดย  ทีมข่าว Manager Lite / ASTV สุดสัปดาห์
   
      ภาพโดย อดิศร  ฉาบสูงเนิน
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000163393

MV. นักร้องบ้านนอก - Ost. พุ่มพวง



[ร้องสด]นักร้องบ้านนอก เปาวลี พรพิมล



ตัวอย่าง พุ่มพวง (Official Tr.)



คนอวดผี 13-07-54 3/9 -Madotube



น้องเปา-พุ่มพวง@ที่นี่หมอชิต19 มิ.ย54(1)



น้องเปา-พุ่มพวง@ที่นี่หมอชิต19 มิ.ย54(2)



น้องเปา-พุ่มพวง@ที่นี่หมอชิต19 มิ.ย54(3)



ทูไนท์โชว์  เปา-ป๋อ ใน ภ.พุ่มพวง | 18 Jul 11


บทสัมภาษณ์ “เปาวลี พรพิมล” ผู้ถ่ายทอดภาพชีวิตของราชินีลูกทุ่ง โดยรับบทเป็น “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ในภาพยนตร์เรื่อง “พุ่มพวง” ผลงานการแสดงครั้งแรกในชีวิต

ที่มา สหมงคลฟิล์ม
    

          แนะนำตัว
          สวัสดีค่ะ เปา-เปาวลี พรพิมล รับบทเป็น พุ่มพวง ดวงจันทร์ ในเรื่อง พุ่มพวง ค่ะ 
          เล่าประวัติของเปาคร่าวๆ สักหน่อย
          เปาก็เริ่มร้องเพลงตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เพลงที่ได้ยินตั้งแต่เด็กก็จะเป็นเพลงของแม่ผึ้ง (พุ่มพวง ดวงจันทร์)ทั้งนั้น เพราะที่บ้านชอบเพลงลูกทุ่ง และเป็นแฟนเพลงของแม่ผึ้งด้วย พ่อกับแม่เริ่มส่งเปาเข้าประกวด ตอนอายุประมาณ 9 ขวบ ไม่ว่าจะเป็นงานวัด งานอำเภอ งานประจำปี งานแต่ล่ะจังหวัดก็ไปมาหมดเลยค่ะ และเวทีใหญ่ๆ ที่เข้ามาประกวดในกรุงเทพจะเป็นชิงถ้วยพระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เป็นเวทีแรกเลยก็ได้ชนะเลิศรอบสัปดาห์ค่ะ แล้วก็เริ่มประกวดร้องเพลงตามรายการทีวีบ้าง อย่างรายการชิงช้าสวรรค์ แล้วก็รายการชุมทางเสียงทอง ล่าสุดก็ประกวดของรายการคว้าไมค์คว้าแชมป์ ช่องแฟนทีวี ได้แชมป์ออฟเดอะเยียร์ แล้วตอนนี้เปาก็กำลังเตรียมตัวทำเพลงเป็นนักร้องของค่ายแกรมมี่โกลด์อยู่ด้วยค่ะ
          ต้องผ่านการคัดเลือกจากหลายร้อยคนทั้งแคสติ้งและร้องเพลง
          ตอนที่ไปแคสติ้งครั้งแรกเปาเพิ่งเซ็นสัญญากับค่ายแกรมมี่โกลด์ไปไม่กี่อาทิตย์เองค่ะ ทางค่ายก็บอกให้เปาไปลองแคสติ้งภาพยนตร์เรื่องพุ่มพวง ได้ไม่ได้ไม่เป็นไรแต่อยากให้ไปลองดูก่อน ตอนไปแคสติ้งครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นมากๆ เพราะว่ายังไม่รู้จักใครเลย และก็ไม่มีพื้นฐานทางด้านการแสดงด้วย แล้วทางทีมงานก็ขอให้ร้องเพลง 4 เพลง และก็ลองให้แสดงบทที่ทีมงานให้มาประมาณ 3 หน้า ยากมากเพราะต้องจำบทได้ทีเดียว 3 หน้า แต่เปาก็ทำเต็มที่ค่ะ 
          แล้วน้องเปาโชว์เพลงอะไรไปบ้าง
          ก็มีเพลงนักร้องบ้านนอก เพลงกระแซะ เพลงตั๊กแตนผูกโบว์ และก็เพลงโลกของผึ้งค่ะ 
          ความรู้สึกเมื่อรู้ว่าเป็นสาวน้อยผู้โชคดีถูกเลือกให้มารับบทเป็น “พุ่มพวง ดวงจันทร์”
          ตอนที่รู้ข่าวว่าได้แสดงเรื่องนี้ ก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ เลยค่ะ รู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจอย่างมากที่ได้รับบทเป็น แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ เพราะว่าแม่ผึ้งถือว่าเป็นราชินีลูกทุ่งที่ใครๆ ก็รู้จัก เป็นต้นฉบับและต้นแบบของนักร้องลูกทุ่งในรุ่นต่อๆ มาอีกด้วย ตั้งแต่เล็กจนโตเปาก็คุ้นเคยกับเสียงเพลงของแม่ผึ้งมาโดยตลอด รวมถึงชีวิตของแม่ผึ้งกว่าจะก้าวมาเป็นราชินีลูกทุ่งได้นั้นต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมามากมาย กว่าจะโด่งดังมีชื่อเสียงเป็นที่รู้กจักจนถึงทุกวันนี้ค่ะ
          เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้แสดงภาพยนตร์
          เป็นครั้งแรกและเป็นเรื่องแรกในชีวิตเลยค่ะ 
          มีการเตรียมตัว และเตรียมความพร้อมก่อนถ่ายทำภาพยนตร์อย่างไรบ้าง
          มีการเตรียมตัวอย่างหนักพอสมควร เพราะว่าไม่เคยผ่านการแสดงที่ไหนมาก่อนเลย เปาจึงต้องไปเรียนแอคติ้ง เรียนร้องเพลง และก็เรียนเต้น จะเรียน 3 อย่างในวันเดียวกัน โดยจะเรียนร้องก่อน 1 ชั่วโมง แล้วก็เรียนเต้น 2 ชั่วโมง ต่อด้วยเรียนแอคติ้งการแสดง 3 ชั่วโมง ค่ะ
          เล่าถึงคาแร็คเตอร์ของ พุ่มพวง
          เป็นเด็กผู้หญิงคนนึงที่มีความมุ่งมั่นทำตามฝันอยากเป็นนักร้องมาก ด้วยฐานะทางบ้านยากจนเธอจึงไม่ได้เรียนหนังสือ ก็จะอ่านหนังสือไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่มีความมานะอดทน เป็นคนมุ่งมั่นจริงจัง ต่อสู้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ ไม่เคยย่อท้อ จนในที่สุดก็ได้กลายเป็นนักร้องราชินีลูกทุ่งที่โด่งดัง ขวัญใจของคนไทยทั้งประเทศ
          เล่าเรื่องย่อ พุ่มพวง 
          เรื่องราวของเด็กหญิงน้ำผึ้ง ที่ฝันว่าจะต้องเป็นนักร้องให้ได้ เรียนจบเพียงชั้นป.2 เพราะฐานะทางบ้านยากจนไม่มีเงินส่งเรียน อ่านหนังสือไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่เธอมุ่งมั่นทำตามความฝันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอเองก็ตาม ก่อนตัดสินใจเข้ามาเผชิญโชคชะตากรรมในกรุงเทพ เริ่มเป็นหางเครื่องในวงของไวพจน์ เพชรสุพรรณ และทำให้ได้พบรักกับ ธีระพล นักดนตรีหนุ่ม ทำให้ชีวิตเกิดการพลิกผันจนได้พบกับครูมนต์ เมืองเหนือ ทำให้ความฝันเป็นจริงคือได้เป็นนักร้อง ซึ่งชีวิตก็ไม่ได้มีความสุขอย่างที่หวังไว้ ยังต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมาย ต้องเสียน้ำตา ต้องเสียคนรัก แถมยังป่วยเป็นโรคร้ายอีก แต่ด้วยความที่เป็นคนสู้ชีวิต ไม่เคยย่อท้อ ในที่สุดก็ได้เป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
          นอกจากจะได้ชมฝีมือการแสดงของน้องเปาแล้ว ยังได้ฟังน้ำเสียงร้องเพลงประกอบในภาพยนตร์อีกด้วย
          นอกจากจะได้ชมภาพยนตร์เรื่องราวชีวิตของแม่ผึ้งตั้งแต่เด็กจนโตแล้ว ก็ยังเต็มอิ่มกับบทเพลงของแม่ผึ้ง เป็นบทเพลงที่ทุกคนต้องรู้จักและเคยฟังกันมาแล้วทั่วประเทศ ซึ่งเปาเองก็ขอเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดน้ำเสียงในครั้งนี้ค่ะ มีหลายบทเพลงประมาณ 20 กว่าเพลงได้ เช่นเพลง กระแซะ นักร้องบ้านนอก โลกของผึ้ง ตั๊กแตนผูกโบว์ ผู้ชายในฝัน และอีกหลายๆ เพลงมากมาย 
          ความอลังการเรื่องชุดเสื้อผ้ารวมถึงหน้าผมในแต่ละฉากคอนเสิร์ต
          ก่อนอื่นต้องบอกว่าขอยกให้แม่ผึ้งเป็นผู้นำแฟชั่นเลยค่ะ ชุดสมัยนั้นมีทั้งเลกกิ้ง มีทั้งที่คาดผมเป็นโบว์ใหญ่ๆ ปัจจุบันนี้ก็ยังฮิตกันอยู่นะคะ แล้วยิ่งชุดขึ้นคอนเสิร์ตในแต่ละครั้งแต่ละฉากอลังการ และสวยงามมาก ก็ต้องขอบคุณพี่ป็อป สไตลิสต์ ที่ทำชุดในเรื่องพุ่มพวงออกมาได้ไม่ซ้ำกันเลยค่ะ ทำออกมาแล้วเหมือนมากๆ ในเรื่องนี้เปาได้ใส่ชุดไม่ต่ำกว่า 20 ชุดเลยนะคะ นี่ยังไม่รวมชุดหางเครื่องหรือชุดของนักแสดงคนอื่นๆ ส่วนเรื่องหน้าผมเปาก็ชอบมากค่ะ ในแต่ละชุดการแต่งหน้าทำผมก็จะเป็นอีกแบบ วันไหนที่มีฉากคอนเสิร์ตหลายคอนเสิร์ต เปาก็ต้องเปลี่ยนชุดเปลี่ยนหน้าผมทั้งวันเลยค่ะ มีวันหนึ่งเปาเปลี่ยนไปประมาณ 10 ครั้งได้ ส่วนตัวแล้วเปาชอบผมสั้นคิดว่าสักวันเปาจะตัดทรงนี้ให้ได้(ยิ้ม) 
          มีชุดไหนที่ชอบและถูกใจน้องเปามากที่สุด
          ชุดที่ชอบมากที่สุดจะเป็นชุดลายเสือค่ะ ส่วนตัวเปาชอบสีเหลืองก็เลยถูกใจชุดนี้
          ฉากประทับใจในเรื่อง พุ่มพวง
          เป็นการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรก แล้วยังได้รับบทเป็น พุ่มพวง ก็ชอบทุกๆ ฉากและอยากจะจดจำทุกฉากไปตลอดชีวิตเลยค่ะ โดยเฉพาะฉากขึ้นคอนเสิร์ตในแต่ละครั้ง แล้วในเรื่องจะมีช่วงที่แม่ผึ้งเริ่มป่วยไม่สบาย แต่ด้วยความที่รักการร้องเพลงก็ยังที่จะพยามขึ้นคอนเสิร์ตเพื่อแฟนเพลงของแม่ผึ้ง ยกตัวอย่าง ฉากโลกดนตรี ฉากนี้พุ่มพวงทำงานหนักมากก่อนขึ้นคอนเสิร์ตก็ต้องถ่ายหนังข้างเวที แล้วค่อยขึ้นไปร้องเพลง ทั้งที่ตัวเองก็ไม่สบายแต่ก็ยังสู้จนสุดท้ายตัวเองก็เป็นลม ล้มกลางเวที สำหรับเปาแล้วฉากนี้ค่อนข้างยากเปาจะต้องร้องเพลงไปด้วย ร้องไห้ไปด้วย และต้องเป็นลม หลายเทคอยู่เหมือนกันค่ะ หมดน้ำตาไปหลายรอบมาก แล้วก็ล้มเป็นลมหลายรอบเช่นกันค่ะ
          ร่วมงานกับพระเอกหล่อมาดเข้ม ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ เป็นอย่างไรบ้าง
          ตอนแรกยังไม่รู้ว่าใครเป็นพระเอก แล้วพี่ทีมงานมาบอกว่าพระเอกคือ พี่ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ ตอนนั้นเปาเองก็ยังอยู่ที่สุพรรณบุรี ก็รุ้สึกตื่นเต้นมาก ดีใจมาก ยังคิดว่าจริงหรอเป็นพี่ป๋อจริงๆ หรอ เปาจะได้เจอพี่ป๋อตัวจริงแล้ว (หัวเราะ) และความรู้สึกต่อมาก็คือ เปาเป็นหน้าใหม่ไม่เคยแสดงอะไรมาก่อนเลย แล้วถ้าเราเล่นไม่ดีเนี่ยพี่เขาจะว่าไหม ก็เริ่มรู้สึกกดดันตัวเองล่ะ แต่พอได้มาร่วมงานกันพี่ป๋อเป็นคนกันเองมาก คิวแรกเจอกันพี่ป๋อก็เข้ามาแกล้งแล้ว และเวลาอยู่ในกองก็ชอบขอให้เปาร้องเพลงให้ฟัง แล้วพี่ๆ ในกองก็จะขำกัน ส่วนเรื่องการแสดงก็ต้องขอขอบคุณพี่ป๋อนะคะที่ช่วยแนะนำเทคนิคการแสดงให้กับเปา นับว่าเป็นครูด้านการแสดงคนหนึ่งเลยค่ะ
          การร่วมงานกับผู้กำกับ บัณฑิต ทองดี เป็นอย่างไรบ้าง
          ตอนที่เปาไปแคสติ้งครั้งแรกดูไม่รู้เลยว่าพี่เขาเป็นผู้กำกับ เพราะพี่อ็อดเขาจะนิ่งมาก แต่พอวันเข้าฉากวันแรกพี่อ็อดเข้ามาคุยด้วย พี่อ็อดใจดีมากเลยค่ะ บางฉากเปาแสดงไม่ได้ พี่อ็อดก็จะแนะนำว่าเปาลองทำแบบนี้ดู หรือลองทำแบบนั้นสิ อยู่ในกองพี่อ็อดเป็นคนขี้เล่น สนุกสนาน ทำให้ทีมงานในกองถ่ายยิ้มและหัวเราะตลอดค่ะ
          ความประทับใจที่มีต่อ แม่ผึ้ง หรือพุ่มพวง ดวงจันทร์
          แม่ผึ้งนับว่าเป็นราชินีลูกทุ่งที่เปาศรัทธามาตลอด ฟังเพลงของแม่ผึ้งแล้วก็ซึบซับมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะกี่บทเพลงก็ตาม เวลาที่เปานำเพลงของแม่ผึ้งไปร้องก่อนที่จะร้อง เปาจะยกมือไหว้แม่ผึ้งก่อนทุกครั้ง เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจ เพราะแม่ผึ้งเป็นสุดยอดของราชินีลูกทุ่ง และยังเป็นแรงบันดาลใจต้นๆ เลยที่ทำให้เปาได้ประกวดร้องเพลงค่ะ
          บทเพลงที่ชื่นชอบที่สุดของพุ่มพวง ดวงจันทร์
          นักร้องบ้านนอก จะเป็นเพลงที่ชอบมากที่สุดค่ะ 
          คิดว่าเสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ
          คือความอัจฉริยะของแม่ผึ้ง ที่เรียนจบมาแค่ ป.2 สามารถร้องเพลงและจดจำบทเพลงได้กว่า 500 เพลง และเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น เข้มแข็งอดทนอย่างมาก ยอมฝ่าฟันอุปสรรคเรื่องราวต่างๆ เพื่อความฝันของตัวเอง จนกลายเป็นราชินีลูกทุ่งของคนไทยทั้งประเทศ 
          สิ่งที่คนดูจะได้จากการชมภาพยนตร์เรื่อง พุ่มพวง
          เปาเชื่อและมั่นใจว่าถ้าได้ชมภาพยนตร์เรื่อง พุ่มพวง แล้ว จะเป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจให้กับหลายๆ คนที่มีความฝันของตัวเอง หรือใครที่กำลังมีปัญหา ท้อแท้ในชีวิต ก็จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้ก้าวต่อไปได้ค่ะ
          ฝากผลงาน
          ขอฝากภาพยนตร์เรื่อง พุ่มพวง ด้วยนะคะ เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเปาเลย เปาเองก็ตั้งใจและเต็มที่อย่างมาก และอยากจะเชิญชวนแฟนเพลงของแม่ผึ้ง คนที่รักเพลงลูกทุ่ง รวมถึงทุกๆ คนที่มีความฝัน มาชมภาพยนตร์เรื่องนี้กัน รับรองว่านำไปเป็นแรงบันดาลใจได้อย่างแน่นอน 21 กรกฎาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์นะคะ