อาลัยรัก...กุ้งนาง ปัทมสูต จากใจครอบครัว


อาลัย กุ้งนาง ปัทมสูต

อาลัย กุ้งนาง ปัทมสูต

กุ้งนาง ปัทมสูต


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ ราตรีสโมสร, youtube.com โพสต์โดย CiNNtv1

          ถือเป็นข่าวการสูญเสียนักแสดงฝีมือดีอีกคนของวงการบันเทิง หลังจากเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา "กุ้งนาง ปัทมสูต" ทายาทของพ่ออี๊ดสุประวัติ ปัทมสูต ผู้กำกับชื่อดัง ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งกระดูก ด้วยวัยเพียงแค่ 42 ปี และเมื่อคืนวันพุธที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา รายการราตรีสโมสร ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ก็ได้เชิญ "สุประวัติ ปัทมสูต" และ "รสวรรณ ปัทมสูต" หรือ "ก้ามปู" คุณพ่อและพี่สาวของ "กุ้งนาง" มาบอกเล่าถึงหัวใจที่เข้มแข็ง และความพยายามที่จะต่อสู้กับโรคร้ายที่พรากเสียชีวิตลูกสาว และน้องสาวคนนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ

          พ่ออี๊ด สุประวัติ เริ่มเล่าว่า หลังจากทราบว่า กุ้งนาง เป็นมะเร็ง ครอบครัวก็ทำใจไว้บ้างแล้ว เพราะจริง ๆ แล้วเรื่องเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา การเกิดแก่เรารู้ได้ล่วงหน้า แต่การตายเราไม่สามารถล่วงรู้ได้ ตั้งแต่แรก กุ้งนาง ปิดบังมาโดยตลอดว่าเป็นโรคมะเร็ง เพราะเธอเชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์ เนื่องจากเคยรักษาโรคมะเร็งที่ปากมดลูกหายขาดมาแล้วครั้งหนึ่ง 

          ขณะที่ คุณก้ามปู ก็บอกว่า หลังจากน้องสาวรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกหายแล้ว จากนั้นอีกประมาณหนึ่งปี กุ้งนางก็รู้สึกปวดขา และขาบวม ก่อนที่แพทย์จะตรวจพบว่าน้องสาวเป็นมะเร็งกระดูกลามไปที่กระดูกเชิงกราน และให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ตัวเองได้ยินว่าน้องสาวต้องอยู่โรงพยาบาลก็เลยสงสัยว่า อาการมันร้ายแรงหรือไม่จึงไปถามหมอตรง ๆ ซึ่งหมอก็ยอมรับว่า เป็นเคสที่ยาก เพราะเป็นมะเร็งในตำแหน่งที่ไปกดทับกับเส้นเลือดดำที่เข้าสู่หัวใจ ทำคีโมยาก ฉายแสงก็ลำบาก อีกทั้งมะเร็งกำลังจะเข้าสู่ระยะที่ 4 คือระยะสุดท้าย ทำให้การรักษาดูยากเย็นไปเสียหมด พร้อมกับเอ่ยปากให้ครอบครัวปัทมสูตเผื่อใจไว้บ้าง



          ระหว่างที่กุ้งนางรักษามะเร็งกระดูก ตัวเธอเองก็ไม่ได้นอนพักอยู่ในโรงพยาบาล แต่ยังออกมาทำงานข้างนอก และทำตัวสดใสร่าเริงยิ้มแย้มแจ่มใสไม่เหมือนคนป่วย แม้ว่าจริง ๆ แล้วเธอจะรู้สึกปวดขาซ้ายเจ็บไปจนถึงกระดูก แต่ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง ก็ทำให้กุ้งนางยิ้มสู้ โดยมีครอบครัวปัทมสูตให้กำลังใจเคียงข้างกุ้งนางตลอดเวลา และบ่อยครั้งคนในครอบครัวจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่า กุ้งนางเจ็บปวดเพียงใด เพราะตัวกุ้งนางเองไม่ต้องการให้คนในครอบครัวเห็นเธอเจ็บปวด เธอต้องการให้ทุกคนเห็นภาพที่เธอยิ้มแย้มแจ่มใส มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไป


กุ้งนาง ปัทมสูต

          ก้ามปู เล่าให้ฟังว่า มีวันหนึ่งกุ้งนางไม่สามารถถือช้อนได้ และกลัวว่าตัวเองจะจากโลกนี้ไปแล้ว จึงร้องไห้ขอกลับไปอยู่ที่บ้าน แต่ก็ยังแสดงความเข้มแข็ง ไม่พยายามแสดงออกว่าตัวเองอ่อนแอ ขณะเดียวกัน แม้ว่ากุ้งนางจะป่วยหนักมาก แต่ทุกคนในบ้านไม่มีใครกล้าบอกคุณแม่เลยสักคน เพราะคุณแม่ป่วยเป็นโรคหัวใจต้องทำบายพาส 3 เส้น และเป็นอัลไซเมอร์ จึงเกรงว่าหากมีอะไรกระทบกระเทือนจิตใจ คุณแม่อาจจะเป็นอะไรไป ทำให้ครอบครัวจำใจต้องโกหกคุณแม่ทุกครั้งที่คุณแม่ถามถึงกุ้งนางว่า กุ้งนางไม่อยู่ไปดูแฟชั่นที่ฝรั่งเศส และให้สองแม่ลูกได้โทรศัพท์คุยกันว่าอยู่เมืองนอก ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งคู่นอนอยู่ห่างกันเพียงแค่ผนังกำแพงกั้นเท่านั้น

          "มันทรมานมาก ทรมานจริง ๆ เหมือนเราเป็นแค่พี่ เรารู้สึกว่าอ้อมกอดแม่สำคัญนะ เวลาแบบนี้ แต่แม่ไม่เคยได้เยี่ยมเขาเลย ช่วงนี้ปูต้องตัดจากโลกภายนอก เพื่อที่จะทำหน้าที่แทนแม่ เพราะเรามีกันกับเขาแค่ 2 คน แต่ว่า...ปูก็ทำได้เท่านี้" ก้ามปู เผยความรู้สึก

          อย่างไรก็ดี ก้ามปูรู้ดีว่ากุ้งนางอยากพบหน้าคุณแม่ เธอจึงจัดฉากให้คุณแม่ได้เจอกุ้งนางครั้งหนึ่ง โดยนัดช่างแต่งหน้า ช่างทำผม มาแต่งหน้าแต่งตัวให้กุ้งนางซึ่งนอนอยู่บนเตียงที่บ้านด้วยอาการหนักมากแล้ว และจัดฉากให้น้องสาวได้ขออโหสิกรรมคุณแม่เป็นครั้งสุดท้าย เพราะกลัวน้องสาวจะอยู่ต่อไม่ไหวถึงวันแม่ ซึ่งครั้งนั้น คุณแม่ก็ได้อโหสิกรรมให้คุณกุ้งนาง และเข้าไปกอดไปหอมลูกสาวคนนี้ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำว่า "แม่รักลูก"


กุ้งนาง ปัทมสูต

กุ้งนาง ปัทมสูต

กุ้งนาง ปัทมสูต

          แต่แล้ว...ในวันที่ 2 สิงหาคม กุ้งนางซึ่งนอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านก็ต้องถูกนำส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง เพราะมีอาการปัสสาวะเป็นเลือด ในครั้งนั้นกุ้งนางทราบดีว่า ชีวิตของเธอกำลังเริ่มนับถอยหลังแล้ว...

          อาการปวดของกุ้งนางเพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน ตัวเธอเองตัดสินขอให้แพทย์เพิ่มมอร์ฟีนรักษาอาการปวดให้ ซึ่งครอบครัวรู้ดีว่า จุดประสงค์ที่กุ้งนางทำเช่นนี้ เพื่อเร่งชีวิตให้ตัวเองไปได้เร็วขึ้น ในที่สุด ครอบครัวก็ตัดสินใจพูดคุยกันถึงการเตรียมตัวรับกับการจากไปของกุ้งนาง แม้ว่าสิ่งเหล่านี้มันจะสร้างความเจ็บปวดให้กับพวกเขาอย่างมหาศาล และยิ่งเมื่อได้ฟังคำที่พยาบาลพูดว่า "ไม่น่าจะพ้นพรุ่งนี้เช้า" ก็ยิ่งความสะเทือนในจิตใจให้กับครอบครับปัทมสูตเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้ว กุ้งนางก็ยังสู้จนอยู่ต่อมาได้อีกถึงสองอาทิตย์

          ในช่วงใกล้วาระสุดท้ายของกุ้งนาง ทุกคนในครอบครัวพยายามแวะเวียนไปเยี่ยมเยียน และให้กำลังใจเธอเสมอ จนเมื่อตอนเช้าของวันที่ 5 กันยายน ครอบครัวได้เดินทางออกจากบ้านเพื่อไปหากุ้งนางที่โรงพยาบาล แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่พวกเขามาไม่ทันดูใจกุ้งนางเป็นครั้งสุดท้าย เพราะกุ้งนางได้ไปจากพวกเขาอย่างสงบแล้ว เมื่อเวลา 09.50 น. ซึ่งพ่ออี๊ดบอกว่า อีกไม่กี่นาทีพวกเขากำลังจะเข้าไปถึงห้องของกุ้งนางแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ทัน...กุ้งนาง ปัทมสูต จากไปอย่างสงบ ไม่ดิ้นรน และไม่ทรมาน

          "สิ่งที่พ่ออี๊ดอยากบอกทุกคนก็คือ กุ้งนางได้ขออโหสิกรรมกับทุกคน และขอให้ทุกคนอโหสิกรรมให้เธอด้วยหากได้ทำอะไรกันไว้ ขอให้อยู่ในโลกนี้ด้วยความสุข หรืออยู่ในปรภพไหนก็ขอให้ไปเจอกันด้วยความสุข" พ่ออี๊ด เผยความในใจครั้งสุดท้ายของกุ้งนาง

          ขณะเดียวกัน แม้ว่าข่าวการเสียชีวิตของกุ้งนางจะเป็นที่รับรู้ของคนทั่วไป แต่ทว่า สำหรับคุณแม่ของกุ้งนางแล้ว ครอบครัวก็ยังคงปิดข่าวนี้ต่อไป และตั้งใจว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับคุณแม่เลย เพราะเกรงว่าคุณแม่อาจจะรับไม่ไหวจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต และทำให้คุณกุ้งนางที่รักคุณแม่คนนี้มากไม่สบายใจ แม้เธอจะจากโลกนี้ไปแล้ว...










[13 กันยายน] พระราชทานเพลิงศพกุ้งนาง-ดาราร่วมอาลัย 


 พระราชทานเพลิงศพกุ้งนาง

 พระราชทานเพลิงศพกุ้งนาง



          อดีตรอง ผบ.สส. เป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ "กุ้งนาง ปัทมสูต" ที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน ซึ่งมีเพื่อนดารานักแสดงร่วมอาลัยคับคั่ง ญาติเตรียมนำกระดูกลอยอังคารที่เกาะมันนอก

          วันนี้ (13 กันยายน) พล.อ.อ.อนุพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ อดีตดารานักแสดงชื่อดัง กุ้งนาง ปัทมสูต ณ ศาลาทักษิณาประดิษฐ์ เมรุ 1 วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน ซึ่งได้มีเหล่าบรรดานักแสดงมาร่วมไว้อาลัยกันอย่างคับคั่ง อาทิ ติ๊ก ชีโร่, เท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์, ตั๊ก นภัสกร, ไพโรจน์ ใจสิงห์ ฯลฯ

          โดย พ่ออี๊ด สุประวัติ ปัทมสูต บิดาเผยว่า เมื่อเสร็จสิ้นพิธีพระราชทานเพลิงศพแล้วก็จะนำเถ้ากระดูกของ กุ้งนาง ปัทมสูต ไปลอยอังคารที่ เกาะมันนอก จ.ระยอง ในเช้าวันที่ 14 กันยายน และจะนำเงินที่ได้จากการร่วมทำบุญของแขกทั้งหมดไปบริจาคให้กับมูลนิธิโรคมะเร็งและมูลนิธิที่ดูแลสุนัขที่ยากไร้ ตามความประสงค์ของกุ้งนางก่อนที่จะเสียชีวิต เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง และสุนัขจรจัดที่ต้องการความช่วยเหลือต่อไป 


[6 กันยายน] เศร้า! รดน้ำศพ กุ้งนาง ปัทมสูต ดาราแห่ร่วมคับคั่ง


กุ้งนาง ปัทมสูตร
กุ้งนาง ปัทมสูตร


เศร้า!รดน้ำศพกุ้งนาง ปัทมสูต ดาราแห่ร่วม (ไอเอ็นเอ็น)

          ครอบครัวเศร้า รดน้ำศพ กุ้งนาง ปัทมสูต ดาราแห่ร่วมอาลัยแน่นวัดพระศรีมหาธาตุฯ ฌาปนกิจวันที่ 13 กันยายน เล็งขอพระราชทานเพลิงศพ

          บรรยากาศการรดน้ำศพของ "กุ้งนาง ปัทมสูต" อดีตดารา-นักร้องชื่อดัง เป็นไปอย่างเศร้าสลดที่วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน ศาลา 5 โดยมีบรรดาพี่น้องในวงการบันเทิง ร่วมเดินทางมาไว้อาลัยอย่างเนืองแน่น อาทิ พ่ออี๊ด สุประวัติ ปัทมสูต, อาเปี๊ยก พิศาล อัครเศรณี, เป็ด เชิญยิ้ม, ถั่วแระ เชิญยิ้ม, หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์, ลิฟท์-สุพจน์ จันทร์เจริญ ฯลฯ

          กุ้งนาง ปัทมสูต หรือ ศรันยา สุกิจจวนิช เป็นลูกสาวของพ่ออี๊ด สุประวัติ ปัทมสูต โดยเธอเป็นทั้ง นักแสดงและนักร้อง ผลงานสร้างชื่อคือ อัลบั้มคนมันแรง ก่อนผันตัวไปเป็นผู้ช่วยผู้กำกับ และดูแลแบรนด์เสื้อผ้า SARANYA 

          ผลงานชิ้นสุดท้ายของเธอ คือ เป็นผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ก่อนบ่ายเดอะมูฟวี่ กุ้งนาง เสียชีวิตในวัยเพียง 42 ปีด้วยโรคมะเร็งกระดูก หลังจากต่อสู้มากว่า 2 ปี ซึ่ง พ่ออี๊ด ได้กล่าวว่า "จริง ๆ แล้ว เราได้เตรียมตัวกันพอสมควรนะ ได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว กุ้งนาง ก็ได้จากเราไปอย่างสงบในตอนเช้า กุ้งนาง เขาเป็นคนคิดบวก เชื่อในการรักษา แม้ว่าสุดท้ายแล้ว เขาก็เข้าใจในการจากไปของมนุษย์ แต่สิ่งที่พ่อเศร้าใจก็คือในวันสุดท้าย กุ้งนาง พูดไม่ได้แล้ว ได้แต่สื่อสารทางสายตา เธอไม่สามารถจะสื่อออกมาได้ว่า เธอเจ็บปวดอย่างเต็มที่ขนาดไหน อยากจะพบใคร ตรงนั้นที่เรารู้สึกเจ็บปวด"

          โดยจะมีการตั้งศพเพื่อสวดอภิธรรมศพทั้งหมด 7 คืน และฌาปนกิจในวันอังคารที่ 13 กันยายน ในเวลา 14.00 น. ซึ่งทางครอบครัวปัทมสูต อยู่ในระหว่างดำเนินเรื่องขอพระราชทานเพลิงศพ

กุ้งนาง ปัทมสูตร
กุ้งนาง ปัทมสูตร

[5 กันยายน] กุ้งนาง ปัทมสูตร เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็ง

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube.com โพสต์โดย kaew98 youtube.com โพสต์โดย icq8thfloor 

            กุ้งนาง ปัทมสูตร อดีตดาราดัง เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็งกระดูก ด้วยวัยเพียง 42 ปี

             หลังจากที่ กุ้งนาง ปัทมสูตร อดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้เข้ารักษาตัวจากโรคมะเร็งเมื่อปลาย ปี 2553  ล่าสุดมีรายงาน กุ้งนาง ปัทมสูตร วัย 42 ปี ได้เสียชีวิตแล้วด้วยโรคมะเร็งกระดูกเชิงกรานลามไปที่ปอด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (5 กันยายน) ท่ามกลางความเสียใจของบรรดาญาติ ๆ และเพื่อนร่วมงาน

            ทั้งนี้ พิธีรดน้ำศพ กุ้งนาง ปัทมสูตร นั้นจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (6 กันยายน) เวลา 16.00 น. ที่ศาลา 5 วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน

            สำหรับประวัติของ กุ้งนาง ปัทมสูตร นั้น เป็นลูกสาวคนกลางของสุประวัติ ปัทมสูต นักแสดงอาวุโส และผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ชื่อดัง  โดยมีพี่สาวคือก้ามปู ซึ่งสมรสกับเป็ด เชิญยิ้ม นักแสดงตลกชื่อดัง และน้องชายชื่อกษาปณ์ ปัทมสูตร
      
            กุ้งนาง ปัทมสูตร มีผลงานในวงการบันเทิงอย่างมากมาย ทั้งงานแสดง และงานเพลง ซึ่งโด่งดังเป็นอย่างมากเมื่อ 10 กว่าปีก่อน จากนั้นเธอก็ได้ห่างหายไปจากวงการบันเทิงเพราะต้องไปพักรักษาตัวและต่อสู้ กับโรคร้ายอย่างมะเร็ง แต่กระนั้นเธอก็พยายามรักษาตัวจนอาการดีขึ้น และเมื่อปลายปี 2553 ที่ผ่านมาเธอได้เปิดตัวแบรนด์แฟชั่นสุดเก๋ในนามว่า "ZARANYA" ซึ่งก็สามารถตีตลาดวงการแฟชั่นได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

            แต่เมื่อประมาณปลายปี 2551 กุ้งนาง ปัทมสูตร ก็ได้ตรวจพบก้อนมะเร็งที่ปากมดลูก เมื่อเธอได้เข้ารับการรักษาตัวเป็นการด่วน และถือว่าโชคดีมาก เพราะเธอตรวจพบก้อนมะเร็งดังกล่าวได้เร็ว จากนั้นเธอก็เดินหน้าทำทุกวิธีทางเพื่อต่อสู้กับโรคร้ายนี้ไม่ว่าจะเป็นการฉายแสง ผ่าตัด ทำคีโม ทำทุกอย่างที่ต้องทำ จนเชื้อนั้นหายไป ในช่วงนั้นนั่นเอง เธอได้ให้สัมภาษณ์ไว้ใน Woman's story เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการป่วยของเธอว่า...

          "ช่วงที่ตรวจเจอว่าเป็นโรคมะเร็งคือ เมื่อปี 2551 นี่เองนะคะ ซึ่งคืนนั้นที่ไปฟังผลแล้วก็ต้องบินไปทำงานที่ยุโรปเพื่อไปดูเทรนด์แฟชั่นด้วย เลื่อนทุกอย่างไม่ได้เลย แล้วรอผลจากหมอก็เลื่อนไม่ได้เหมือนกัน ก็เลยคิดว่าชีวิตมันก็ต้องเดินไปตามสเต็ปที่วางเอาไว้ ก็ไปฟังผลก่อนปรากฏว่าคือ ตรวจพบเป็นมะเร็งค่ะ หมอก็เลยให้เราเข้าเครื่องสแกน หาว่าเราเป็นระยะที่เท่าไร ทำอะไรกับมันได้บ้าง ต้องรักษาวิธีไหน หลังจากเข้าเครื่องเสร็จยังไม่ทันจะรู้ว่ามันเป็นอะไร  ก็ต้องขึ้นเครื่องบินไปก่อน พอลงจากเครื่องก็โทรถามหมอว่าตกลงเราเป็นประมาณไหน ต้องรักษายังไงบ้าง  แล้วตอนนั้นเราก็ต้องไปทำงานด้วย เป็นอะไรที่เรารู้สึกใจฝ่อมาก ๆ แล้วอาหารที่ยุโรปก็เป็นอะไรที่บำรุงโรคนี้ทั้งนั้นเลยนะ เค้าจะให้กินแบบชีวจิต เราคงกินไม่ได้ เพราะที่โน่นอากาศมันก็เย็น อยู่ไม่ได้แน่ ก็ตัดสินใจกินแบบปกติ แล้วเหมือนคุยกับตัวเองว่าเราเจอมันแล้วอย่ามาเป็นอะไรเยอะตอนนี้นะ ตั้งสติก่อนว่าฉันยังเป็นอะไรไม่ได้ ฉันจะต้องผ่านตรงนี้ไป แล้วจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี

        หลังจากนั้นคุณหมอก็วินิจฉัยโน่นนั่นนี่ รายละเอียดมาก ๆ ก็โทรกลับมาคุยอีก จำได้ว่าปีที่แล้วเสียค่าโทรศัพท์เฉพาะเรื่องนี้ไปหมื่นกว่าบาท หมอก็บอกว่าให้เราทำงานให้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เค้าว่ามันจัดการได้  แต่ต้องมาวินิจฉัยกันอีกทีหลังจากที่ผ่าตัดไปแล้วว่ามันจะต้องฉายแสงกี่ครั้ง เราก็ถามว่าบอกเลยไม่ได้เหรอ  เพราะนาทีนั้นเราก็ร้อนใจมากเหมือนกัน ซึ่งเราก็รู้มาเหมือนกันว่าคนที่ฉายแสง คนที่ให้คีโม ผลกระทบมันเป็นยังไง คือเราก็อยากรู้ว่าต่อไปเราจะเป็นยังไง หมอก็เลยให้ใจเย็นก่อนแล้วเค้าจะไปปรึกษากันก่อนว่าเคสประมาณนี้มันจะต้องฉายแสงกี่ครั้ง เสร็จแล้วรุ่งเช้าก็โทรหาหมออีก ถามว่าตกลงยังไงคะ หมอบอกว่าถ้าฉายแสงก็ประมาณ 28 ครั้ง อาทิตย์ละ 5 วัน  ติดกัน เราก็โอเคไม่เป็นไร สู้! หมอก็ถามอีกว่าเราจะผ่าได้เมื่อไร แล้วพอดีว่าตอนที่รู้เรื่องว่าป่วย เจ้านายใหญ่ก็อยู่ด้วย ท่านก็เข้าใจก็บอกว่าถ้ากลับมาจากยุโรปเราจะเข้ารักษาก็ทำได้เลยนะ ไม่ต้องห่วงเรื่องงาน  กุ้งนางก็เลยขอแอดมิททันทีหลังจากลงเครื่อง จากนั้นก็รอให้ร่างกายได้พักปรับตัวคืนหนึ่งก็เข้าห้องผ่าตัดทันทีเลยค่ะ

            จำได้ว่าเข้าห้องผ่าตัด 7 ชั่วโมง เลาะออกหมดเลยนะ แต่รังไข่หมอย้ายเอาไปไว้ข้างหลัง เพื่อที่เราจะยังมีฮอร์โมนจะได้ไม่กิน หรือฉีดเพิ่มเข้าไป หลังจากรักษาด้วยการผ่าตัดแล้วก็ทำตามขั้นตอนต่อไปคือฉายแสง  28 ครั้ง เช็คเกล็ดเลือด ถ้าต่ำลงก็ต้องหยุดฉายแสงก่อน แล้วก็โดปให้ร่างกายมันฟื้นกลับขึ้น มาถึงจะฉายแสงต่อได้ ใช้เวลารักษาทั้งหมดรวมๆ ก็ 6 เดือนค่ะ แต่ใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลจริง ๆ แค่เกือบเดือน ตอนนี้ก็หายแล้ว แต่ว่าคุณหมอก็ยังนัดไปทุกๆ 3 เดือนอยู่นะคะ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่รักษาได้ทันค่ะ... "

          ถึงแม้ว่าโรคร้ายจะรุมเร้า กุ้งนาง ปัทมสูตร สักเท่าไร แต่เธอก็ไม่เคยย่อท้อ พยายามคิดบวกต่อสู้กับสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอ โดยเธอได้ให้ข้อคิดดี ๆ กับการต่อสู้โรคมะเร็งกับหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ด้วยว่า  "ต้องใช้หัวใจรักษามะเร็ง" เพราะเป็นโรคที่แทบจะไม่มีโอกาสรักษาหายได้เลย

        "บอกได้เลยค่ะว่า  โรคมะเร็งจะทรุดหรือจะทรงนี่อยู่ที่ใจเราอย่างเดียวจริง ๆ  ถ้าใจเรามีสติ  มีสมาธิแล้ว  คิดแต่สิ่งดี ๆ  มันก็จะไม่มีปฏิกิริยาต่อต้าน  แต่ถ้าช่วงไหนที่จิตใจอ่อนแอมาก ๆ  เห็นชัดเจนเลยว่า ร่างกายก็จะทรุดลงอย่างทันที ระยะหลัง ๆ มา  กุ้งนางจึงตั้งปณิธานกับตัวเองเอาไว้ว่า ฉันจะต้องหาย จะต้องกลับไปเป็นปกติให้ได้ แล้วคิดเสมอว่า โรคมะเร็ง  ก็ไม่ต่างอะไรกับไข้หวัด

         ...มองให้เป็นเรื่องเล็ก ๆ ทำทุกอย่างให้เป็นกลาง อย่าคิดว่าตัวเองป่วย ปล่อยวาง ปฏิบัติตัวเหมือนกับคนปกติทั่วไป แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง อย่างกุ้งนางเองก็จะไปสังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงตามปกติอยู่แล้ว แต่จะดูแลตัวเองเป็นพิเศษหน่อย เช่น หลีกเลี่ยงในที่ที่มีคนสูบบุหรี่ ออกกำลังกายด้วยการวิ่ง คิดแต่สิ่งดี ๆ และจะรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพียงเท่านี้เอง

         "กุ้งนางเชื่อมั่นเสมอว่า ถึงแม้ฟ้าฝนเราจะกำหนดไม่ได้ แต่เราสามารถกำหนดชีวิตของเราได้ เมื่อเรารู้จักที่จะคิดบวก คิดแต่สิ่งดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ วิถีชีวิตเราก็จะเป็นไปในทางที่ถูกที่ดี ต่อให้โรคร้ายแค่ไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้แน่นอนค่ะ" กุ้งนาง กล่าว

         อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หายปวยจากมะเร็งปากมดลูกแล้ว กุ้งนาง ปัทมสูตร ก็ยังต้องพบเจอกับฝันร้ายอีกครั้ง เมื่อตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งที่กระดูกเชิงกรานในช่วงเดือนมิถุนายน 2553 และต้องต่อสู้กับโรคร้ายมานานปีเศษ ก่อนจะเสียชีวิตในที่สุด 

         ทางทีมงานกระปุกดอทคอม ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวปัทมสูตรด้วยนะคะ ขอให้วิญญาณของ คุณกุ้งนาง ปัทมสูตร ไปสู่สุคติด้วยเทอญ