ฝน อุมาวร วินด์เซอร์ - ไคลฟ์ เปิดใจถึงความเสียสละอุทิศชีวิตสุขสบายทำงานกู้ชีพผ่านรายการวีไอพี

บนความสุขสบายอาจทำให้หลาย ๆ คนลืมไปว่ายังมีเพื่อนมนุษย์อีกมากมายบนโลกนี้ ที่ยังลำบากและต้องการความช่วยเหลือ ฝน อุมาวร วินด์เซอร์ - ไคลฟ์ คือคนที่มองเห็นปัญหาดังกล่าวและเลือกที่จะอุทิศแรงกายแรงใจที่มีเพื่อช่วยเหลือคนเหล่านั้น แม้ชีวิตของเธอจะสมบูรณ์เพียบพร้อมมากเพียงใด เธอก็ยอมสละเวลาและความสุขสบายมาทำประโยชน์ให้สังคมได้อย่างจริงใจ และพร้อมเปิดใจถึงความเสียสละนี้ผ่าน รายการวีไอพี (18 กุมภาพันธ์) เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันจ้า ..

ฝน อุมาวร วินด์เซอร์ - ไคลฟ์ คือหญิงสาวที่เกิดในประเทศสหรัฐอเมริกา และกลับมาเติบโตที่เมืองไทย แต่ยังมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากคุณแม่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องไปทำวิจัยในต่างประเทศ ส่วนคุณพ่อของเธอเป็นทหาร เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษา ฝน อุมาวร ก็ไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในด้านการถ่ายภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอชื่นชอบ

          ด้วยความที่หลงรักในพิพิธภัณฑ์และแกลลอรี่ ฝน อุมาวร จึงตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ ที่ประเทศอังกฤษ และนั่นทำให้เธอได้พบกับสามีซึ่งเป็นสมาชิกตระกูลเก่าแก่ของประเทศอังกฤษ โดยในระหว่างฝึกงานอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ เธอมีโอกาสได้เข้าไปจัดงานใน ควีนส์ แกลลอรี่ ณ พระราชวังวินด์เซอร์ จนได้พบกับ ไซมอน วินด์เซอร์-ไคลฟ์ ลูกชายคนรองของตระกูล จนกระทั่งพัฒนาความสัมพันธ์มาเป็น สามี-ภรรยา กันในที่สุด

          แม้ว่าจะเป็นตระกูลเก่าแก่นับพันปีที่มีทรัพย์สินมหาศาล แต่ตามกฎหมายลูกคนรองของครอบครัวก็ไม่ได้รับมรดกมหาศาลเหล่านั้นทั้งหมด จะได้มาเพียงบางส่วนเท่านั้น เธอจึงเล่าอย่างถ่อมตัวว่ามีคนที่ทรัพย์สินมากกว่าเธอเยอะแยะอยู่ที่นั่น และเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ครอบครัวของเธออยู่กันอย่างอบอุ่น โดยมีลูกสาว 2 คน คือ โซเฟีย อายุ 8 ขวบ และ เซรีน่า อายุ 5 ขวบ เป็นโซ่ทองคล้องใจ

          ฝน อุมาวร คือคนที่ชอบเรียนรู้ จึงลงเรียนคอร์สต่าง ๆ มากมาย ในเรื่องที่เธอสนใจ โดยเฉพาะการทำอาหาร ที่อุตส่าห์มุมานะเรียนจนจบจากสถาบัน เลอ กอร์ดอง เบลอ และมีโอกาสได้เป็นครูสอนทำอาหารให้กับคนจรจัด ซึ่ง ฝน อุมาวร เลือกมอบตำราทำอาหารให้กับหญิงจรจัดวัย 40 ปี คนหนึ่งที่มาเข้าเรียนตรงเวลาและไม่เคยขาดเรียน นั่นทำให้หญิงจรจัดคนนั้นดีใจมากจนร้องไห้ออกมา เพราะเธอบอกว่าไม่มีญาติที่ไหนและไม่เคยมีใครให้อะไรเธอมาก่อน เรื่องนี้ทำให้ ฝน อุมาวร ได้ตระหนักว่าการทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น สร้างความสุขใจให้เธอมากแค่ไหน

จากนั้นเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน เธอตัดสินใจชวนสามีและครอบครัวกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย เพราะสามีมีอาการปวดหลังมาก จึงอยากให้มาพักผ่อนแบบไม่ต้องทนกับอากาศหนาวจัดและมีคนคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เพราะที่ประเทศอังกฤษพลเมืองของเขาจะไม่ทำงานเกินเวลา ซึ่งการกลับมาในครั้งนั้นเป็นช่วงน้ำท่วมใหญ่พอดี ทำให้เธอได้พูดคุยกับ แพรว ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ ภรรยาคนสวยของ ปิ๊บ รวิชญ์ เทิดวงส์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท ว่าจะมีการลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม และตัดสินใจเข้าเป็นอาสาสมัครกู้ภัยกับมูลนิธิร่วมกตัญญูตั้งแต่นั้นมา

หลังจากเข้าเป็นอาสาสมัครกู้ภัย ฝน อุมาวร อยากจะทำประโยชน์ได้มากขึ้น เธอจึงไปเรียนหลักสูตรกู้ชีพฉุกเฉิน กับหน่วยกู้ชีพนเรนทร ใช้เวลาเรียนนานนับเดือน และต้องมีการลงพื้นที่เพื่อฝึกประสบการณ์ก่อนจะจบหลักสูตร จนทำให้เธอต้องเสียน้ำตาที่ให้กับความอดทนของตัวเองในครั้งนั้น แต่แม้ว่าจะยากเย็นเพียงไหน สุดท้าย ฝน อุมาวร ก็ผ่านหลักสูตรและได้ปฏิบัติงานกับหน่วยกู้ชีพสมความตั้งใจในที่สุด

สำหรับเวลาทำงานของเธอจะเริ่มตั้งแต่ช่วงหลัง 2 ทุ่ม เมื่อพาลูก ๆ เข้านอนหมดแล้ว เธอก็จะออกมาเป็นอาสาสมัคร ไปจนถึงช่วงเวลาประมาณ ตี 2 – ตี 3 จึงกลับเข้าบ้าน และดูแลครอบครัวตามปกติ แม้ว่าจะต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นในการทำประโยชน์เพื่อสังคม แต่ ฝน อุมาวร ก็ยังคงมุ่งหน้าเดินในเส้นทางสายกู้ชีพนี้ต่อไปอย่างเต็มใจ

และนี่คืออีกหนึ่งบุคคลดี ๆ ที่น่ายกย่อง แม้ว่าเธอจะมีชีวิตที่สุขสบาย แต่ก็ไม่เคยลืมความยากลำบากของเพื่อนมนุษย์ อีกทั้งยังอุทิศตนเพื่อช่วยให้พวกเขาพ้นทุกข์อีกด้วย นี่คือต้นแบบของความเสียสละที่เกิดจากความจริงใจอย่างแท้จริง ขอปรบมือดัง ๆ ให้กับผู้หญิงคนนี้ ฝน อุมาวร วินด์เซอร์-ไคลฟ์ ซินเดอเรลล่ากู้ชีพ คนนี้ค่ะ