10 มหาวิทยาลัยผีดุ ในอังกฤษ


ตอนรับ วันฮาโลวีน Halloween กันหน่อยดีกว่า 10 มหาวิทยาลัยผีดุ ในอังกฤษ มาให้เพื่อนๆได้ดูกัน เห็นในประเทศไทยมากันก็เยอะละ ลองมาดูกันมั่งซิว่า เฮี้ยน!ของต่างประเทศเนี่ยจะน่ากลัวแค่ไหนกันเชียว ^^ เผื่อเพื่อนๆคนไหนที่ไปเรียนต่อ หรือกำลังศึกษาอยู่ ใครเคยเจอดีกันบ้างรึยัง!!!!?


10 มหาวิทยาลัยผีดุ ในอังกฤษ

มหาวิทยาลัยผีดุ 1. University of St Andrews
ย้อนกลับไปในสมัยยุคกลาง ที่มหาวิทยาลัย St Andrews นี้เป็นศูนย์กลางทางด้านศาสนาของสก็อตแลนด์ และเชื่อกันว่าที่นี่นั้นเป็นสถานที่ที่เฮี้ยนที่สุดในประเทศเลยด้วยค่ะ บางทีสาเหตุที่ทำให้ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความหลอนนั้นอาจจะมาจากเรื่องของ “White Lady” หรือผู้หญิงชุดขาว ซึ่งถูกพบเห็นบ่อยครั้งในโบสถ์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เธอเป็นหญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวสะอาด ที่มีเส้นผมยาวสลวยจนถึงเอว และในปี 1868 ช่างสร้างโบสถ์และวิหารของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ที่เรียกว่า “สโตนเมสัน” (stonemasons) ที่มาได้ทำการซ่อมแซมหอคอย ก็ได้พบกับห้องลับปิดตายแห่งหนึ่ง พวกเขาจึงได้ทำการพังประตูเข้าไปยังห้องแห่งนั้นและพบว่า ภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยโลงศพเรียงรายอยู่มากมาย และหนึ่งในโลงศพเหล่านั้น มีเพียงโลงศพหนึ่งที่ฝาของโลงนั้นเปิดออก ในโลงที่เปิดอยู่นั้นเป็นร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งในชุดกระโปรงยาวสีขาวสะอาดนอนอยู่ที่นั่น 
มหาวิทยาลัยผีดุ 2. Durham University
ด้วยลักษณะของมหาวิทยาลัยที่เป็น ปราสาทเก่าแก่อายุกว่า 800 ปี  จึงไม่แปลกที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้จะมีเรื่องเล่าหลอนๆมากมาย แต่เรื่องที่โด่งดังและถูกเล่าจากรุ่นต่อรุ่นมากที่สุด ก็คงไม่พ้นเรื่องของ “Lady Grey” (เลดี้ เกรย์) ภรรยาของหัวหน้าบาทหลวง Van Mildert ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของปราสาทแห่งนี้ในช่วงศตวรรษที่ 19 (ก่อนที่ปราสาทแห่งนี้จะกลายมาเป็นมหาวิทยาลัยในภายหลัง) เล่ากันว่านับตั้งแต่เธอเสียชีวิตไป เลดี้เกรย์ก็มักจะ “ลอย” ขึ้นลงบันไดดำ (Black Staircase) ของปราสาทแห่งนี้อยู่เสมอๆ นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาในยุคเริ่มแรกของมหาวิทยาลัย Durham ที่ชื่อ เฟดเดอริก โคปแมน ก็มักจะออกมาหลอกหลอนผู้ที่อยู่ในปราสาทเสมอ หลังจากที่เขาได้กระโดดหอคอยที่นี่เพื่อฆ่าตัวตาย!
นอกจากนี้ ที่ปราสาทใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัย Durham อย่าง Lumley Castle ที่มีอายุกว่า 700 ปีนั้นก็มีเหตุการณ์สยองขวัญเกิดขึ้นไม่แพ้กัน โดยที่นี่นั้นถูกหลอกหลอนโดยผีหญิงสาว นามว่า Lily Lumley ภรรยาของท่านเซอร์ Ralph Lumley ผู้ก่อตั้งปราสาทแห่งนี้ ซึ่งนางลิลลี่นั้นในอดีตนั้นถูกฆาตรกรรมโดยบาทหลวง 2 คน เพราะเหตุที่เธอนั้นขาดศรัทธาในศาสนา! ปัจจุบันนี้ Lumley Castle ได้กลายมาเป็นโรงแรมหรูสำหรับนักท่องเที่ยวให้ได้เข้ามาพัก
มหาวิทยาลัยผีดุ 3. Southampton University
เรื่องราวเฮี้ยนๆมันเริ่มมากจากการที่มหาวิทยาลัย Southampton แห่งนี้ เชื่อกันว่าสร้างขึ้นทับบนที่ที่เคยเป็นสุสานโบราณของชาวอินเดียนแดงค่ะ ดังนั้นในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยSouthampton จึงมีเรื่องเล่ามากมาย โดยเฉพาะเรื่องความหลอนของผีสาวตนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยที่นี่เคยพบเห็นเป็นมือคู่หนึ่ง… ที่มักยื่นลอดผ่านใต้ช่องประตูของห้องน้ำเข้ามา… โดยที่ไม่มีวี่แววของส่วน ที่เหลือของร่างกายแต่อย่างใด! ส่วนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทำงานกะดึกอยู่ที่นี่ ก็มักจะได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงเคลื่อนย้ายข้าวของเสียงดังโครมครามไปทั่วทั้งตึก และเมื่อวิ่งตามที่มาของเสียงไป ก็กลับพบกั ไม่มีใครอยู่ มีแต่เพียงห้องเรียนที่ว่างเปล่าเท่านั้น
มหาวิทยาลัยผีดุ 4. University of Cambridge
อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยเก่าแก่ของประเทศอังกฤษอย่าง มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ก็มีเรื่องราวหลอนๆไม่แพ้ที่อื่นเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะที่ Peterhouse ซึ่งเป็นวิทยาลัยที่เก่าที่สุดของเคมบริดจ์ เคย ถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีไล่ผีในช่วงศตวรรษที่ 18 และต่อมาก็มีการจัดพิธีกำจัด “ความมืดลี้ลับ” ที่บริเวณส่วนที่เป็นสวนเก่า (old courtyard) เพราะเชื่อว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นผู้ที่คอยดูแลสุสาน (แต่สวนในมหาวิทยาลัยไม่ใช่สุสานนะ!) คณบดีของวิทยาลัยในตอนนั้นเลยจัดการกำจัดสวนทิ้งซะเลยค่ะ เร็วขึ้นมาอีกในช่วงปี 1990 ก็มีคนพบเห็นนักเรียนทุนคนที่เคยแขวนคอตายในช่วงศตวรรษที่ 18 อยู่เรื่อยๆ ทำเอาเจ้าหน้าที่ของวิทยาลัยต่างพากันปฏิเสธเสียงแข็งที่จะเหยียบย่างเข้าไปในห้องไม้โอ๊คโบราณยุคศตวรรษที่ 13 แห่งนั้น ที่ซึ่งมีคนเห็นนักเรียนคนนั้นเป็นครั้งสุดท้าย แต่ใครอยากเจอก็อย่าลืมแวะเข้าไปเยี่ยมเยียนเขากันได้เลยค่ะ แนะนำว่าให้ไปช่วงกลางดึกสงัดๆค่ะ เผื่อจะได้พบวิญญาณตนอื่นๆแถมด้วย
มหาวิทยาลัยผีดุ 5. University of Oxford
มีเคมบริดจ์แล้วไม่มี อ๊อกซ์ฟอร์ด ก็คงจะแปลก เพราะสองสถาบันนี้เป็นคู่แข่งกันแทบจะทุกเรื่อง ซึ่งที่ อ๊อกซ์ฟอร์ด นั้น ผู้โชคดีมักจะเป็นนักศึกษาที่อยู่ทำงานหรืออ่านหนังสือจนดึกที่หอสมุด “St John’s College library” ที่มักจะได้พบเห็น ร่างของชายผู้ไร้ศีรษะ เดินถือเทียนไขแท่งหนึ่งไปตามทางเดิน พร้อมกับเตะศีรษะของตัวเองไปตามพื้นด้วย เชื่อกันว่าคุณผีหัวขาดนี้เป็นอดีตหัวหน้าบาทหลวง (Archbishop) ชื่อว่า William Laud ซึ่งเคยเป็นอธิการบดีของอ๊อกซ์ฟอร์ดที่ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ ในปี 1645 ด้วยความผิดโทษฐานกบฏค่ะ
มหาวิทยาลัยผีดุ 6. University of Exeter
ย่างก้าวอย่างเชื่องช้าไปตามทางเดินของอาคารหลักของมหาวิทยาลัย Exeter ชายในชุดที่เปรอะเปื้อนไปด้วยสีเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วในยามค่ำคืน ในมือข้างหนึ่งของเขาถือแปรงทาสี ส่วนในมืออีกข้างนั้นเป็นกระป๋องสี ภาพนี้คงจะไม่ใช่ภาพที่น่ากลัวอะไรเลยหากว่าชายผู้นั้นเป็นคน! ผีตนนี้นั้นเชื่อกันว่าเป็นคนงานทาสีคนหนึ่งที่ตายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ หลายคนบอกว่าสาเหตุที่เขาตายนั้น เนื่องมาจากสัญญาจ้างที่ไม่เป็นธรรม แต่ไม่ว่าสาเหตุการตายจะเป็นเพราะอะไร ดูท่าว่าคุณผีช่างทาสีนี้จะเป็นมีความรับผิดชอบมากเสียจนอยากจะอยู่ทำงานของเขาต่อให้เสร็จ
มหาวิทยาลัยผีดุ 7. University of York
ความหลอนของสถาบันนี้นั้นมาจากสถานที่ตั้งล้วนๆเลยค่ะ เพราะจากการสำรวจเรื่องลี้ลับใน เมืองยอร์ก (York) ที่ออกมาเร็วๆนี้แสดงผลจำนวนผีที่หลอกหลอนอยู่ในเมืองนี้ว่ามีถึง 500 ตัว เอ๊ย ตน (ไปตามนับกันยังไงหว่า??) ซึ่งผีที่เห็นกันที่เมืองนี้นั้น ก็มีทั้งผีกองทหารชาวโรมันที่มาเดินสวนสนามผ่านเมืองกันในยามวิกาล แล้วยังมีเสียงเด็กๆที่ถูกฆ่าตาย ซึ่งส่งเสียงร้องไห้ดังมาจากสถานที่ที่ถูกฝังในห้องใต้ดินของโรงเรียนยุควิคทอเรียน ที่ทุกวันนี้เป็นซากโรงเรียนร้างไปแล้วอีก ความหลอนของเมืองนี้นั้นถึงขนาดที่ว่า ในปี 2002 องค์กรการวิจัยเรื่องผีระดับนานาชาติ หรือInternational Ghost Research Foundation (แล้วองค์กรนี้มันอะไรกันเนี่ยยย!) ได้ยกให้เมืองยอร์กเป็นเมืองที่หลอนที่สุดแห่งทวีปยุโรปกันไปเลยทีเดียว! 
มหาวิทยาลัยผีดุ 8. Brunel University
ส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย Brunel นั้น สร้างขึ้นอยู่บนที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นโรงพยาบาล และไม่ใช่โรงพยาบาลธรรมดานะคะ แต่เป็นโรงพยาบาลที่ถูกแยกให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว เนื่องจากเป็นสถานที่รักษาพยาบาลผู้ที่มีโรคติดต่อร้ายแรงโดยเฉพาะ และด้วยเหตุนี้เองมหาวิทยาลัยแห่งนี้จึงมีประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยปรากฏการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้ โดยเฉพาะในวิทยาเขตเซนต์จอห์น (St John’s campus)ซึ่งผู้ที่มีสัมผัสที่ 6 ที่เคยมาทำงานเป็นเลขานุการอยู่ที่นี่ ได้เคยให้สัมภาษณ์ออกสื่อว่าเธอพบเห็น “เด็กผู้หญิงในชุดของโรงพยาบาล วิ่งไปมาตามทางเดิน” แต่พอดีเธอเห็นเรื่องแบบนี้ซะชินแล้ว เธอก็เลยเฉยๆ

มหาวิทยาลัยผีดุ 9. Royal Holloway, University of London
มีข่าวเล่าลือกันว่า นายโธมัส ฮอลโลเวย์ (Thomas Holloway) ผู้ก่อตั้งของที่นี่ มักตามมาหลอกมาหลอนอยู่ที่จตุรัสกลางของสถาบัน Royal Holloway ในรูปของ “แมวดำ” ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นนักศึกษากลัวหัวหดเมื่อเห็นแมวดำเดินผ่านยามค่ำคืน หรือได้ยินเสียงพูดคุยกันของนักศึกษาประมาณว่า “ฉันเพิ่งเห็นแมวดำล่ะ แต่พอฉันมองอีกที เจ้าแมวตัวนั้นก็กลับหายไปแล้ว!” นอกจากนี้ ที่นี่ยังมี“ภาพวาดต้องคำสาป” ซึ่งแขวนอยู่ในห้องแกลเลอรี่รวบรวมรูปภาพของมหาวิทยาลัย… ที่ซึ่งถูกใช้เป็นห้องสอบของนักศึกษาที่นี่… แต่เมื่อถึงเวลาสอบจริงๆ รูปภาพนั้นจะได้รับการคลุมปิดไว้ด้วยธงประจำสถาบัน (มีเรื่องเล่าว่า เคยมีเด็กนักศึกษาที่จ้องมองภาพนี้แล้วฆ่าตัวตาย ก็เลยต้องคลุมผ้าเอาไว้)
ภาพๆนี้นั้นจริงๆแล้วเป็นภาพที่ชื่อว่า ‘Man Proposes,God Disposes’ (มนุษย์เป็นผู้เสนอ พระเจ้าเป็นผู้กำจัด : เป็นสำนวนซึ่งหมายความว่า เราจะต้องทุกสิ่งอย่างสุดความสามารถ แม้ว่าเราจะไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้) ผลงานของท่านเซอร์ Edwin Lanseer ที่วาดขึ้นในปี 1864 ซึ่งเป็นภาพของหมีขาวขั้วโลกสองตัว ที่กำลังสู้กันอยู่บนซากเรือเดินทางของอังกฤษ ที่ล่มระหว่างการเดินทางไปสำรวจขั้วโลกเหนือค่ะ (ในภาพ)
มหาวิทยาลัยผีดุ 10. University of Wales, Newport
ภาพของผีแม่บ้านความสูงหกฟุต (180 ซม.) ในชุดสีน้ำตาลและรวบผมเป็นมวยเอาไว้ที่ด้านหลังนั้น เป็นที่รู้กันว่าเป็นภาพที่พบเห็นได้อยู่เป็นประจำสำหรับใครที่อาศัยอยู่ หรือทำงานอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งเวลส์ วิทยาเขตนิวพอร์ตค่ะ ผีแม่บ้านตนนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ บิ๊ก เบอร์ธา (Big Bertha) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผีของ เบอร์ธา แรมซีย์ แม่บ้านผู้หนึ่งที่ถูกพบเป็นศพอยู่ที่ปลายบันไดของตึกแห่งนั้น หลังจากที่ตกลงมาจากชั้นสองในช่วงวันหยุดคริสมาสต์ปี 1962 แม้แต่อาจารย์ใหญ่ในตอนนั้น ยังยืนยันว่าเขาเคยพบผีคุณแม่บ้านผู้นี้ด้วยในงานศพของเบอร์ธาเอง ซึ่งตอนแรกเขาคิดว่านั่นเป็นพี่น้องฝาแฝดหน้าเหมือนของเธอ ทั้งที่จริงๆแล้วคุณแม่บ้านไม่ได้มีพี่น้องฝาแฝดที่ไหนซะหน่อย!
ที่มา thaighostboard.com,leelupclubpee.blogspot.com
Credit : mthai.com