เจอรี่...ผู้มองโลกในแง่ดีตลอดเวลา
เจอร์รี่เป็นผู้จัดการของร้านอาหารแห่งหนึ่งในอเมริกา
เขามักจะอารมณ์ดีอยู่เสมอและมักจะมีมุมมองต่อเหตุการณ์ต่างในแง่ดี
เวลาที่มีใครถามเขาว่าเขาทำอย่างนั้นได้อย่างไร
เขามักจะตอบว่า "ถ้าผมสามารถเป็นอะรที่ดีกว่านี้ได้ ผมอยากจะมีฝาแฝด!"
พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารที่เขาทำงานอยู่หลายคนออกจากงาน ไปพร้อมกับเจอร์รี่ เมื่อเขาย้ายงาน
เพื่อจะได้ติดตามเขาไปจากร้านหนึ่งไปยังอีกร้านหนึ่ง
สาเหตุทั้งหมดก็มาจากการเป็นคนมองโลกในแง่ดีและทัศนคติของเจอร์รี่
เขาเป็นผู้ผลักดัน เป็นคนที่ให้กำลังใจผู้อื่นได้อย่างดีเยี่ยม
ถ้ามีลูกน้องคนไหนเจอกับเรื่องแย่ๆมา เจอร์รี่จะอยู่กับเขาเสมอ
พร้อมทั้งแนะนำลูกน้องคนนั้น ให้ได้มองเห็นด้านดีๆหรือสิ่งที่เรา
สามารถเรียนรู้ได้จากเรื่องราวแย่ๆที่เกิดขึ้น....
วันหนึ่งฉันถามเจอร์รี่ว่า
"ฉันไม่เข้าใจ! คนเราจะมองโลกในแง่ดีอยู่ตลอดเวลาได้ยังไง คุณทำได้ยังไงนะ"
เจอร์รี่ตอบว่า
"ทุกๆเช้า ผมตื่นขึ้นมา พร้อมกับบอกตัวเองว่า ผมมีทางเลือกสองทางสำหรับวันนี้
ผมเลือกที่จะมีอารมณ์ดีตลอดทั้งวันก็ได้ หรือจะมีอารมณ์ืเสียๆตลอดทั้งวันก็ได้เหมือนกัน
ซึ่งผมมักจะเลือกอารมณ์ดี
บางครั้งก็มีเหตุการณ์แย่ๆเกิดขึ้น เราก็สามารถเลือกได้นี่นาว่า
เราจะเป็นเหยื่อของเหตุการณ์นั้น หรือว่าเลือกที่จะเรียนรู้มัน ผมมักเลือกที่จะเรียนรู้
ทุกครั้งที่มีบางคนมาติมาบ่นอะไร มีทางเลือกให้เราเลือกได้ว่าจะยอมรับเสียงเหล่านั้น
หรือว่าจะมองหาด้านดีของชีวิต ผมเลือกอย่างหลัง"
"แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ" ฉันแย้ง
"ใช่ ไม่ง่ายเลย" เจอร์รี่กล่าว
"ชีวิตล้วนเต็มไปด้วยทางเลือก
เมื่อคุณตัดสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกไปแล้ว ทุกสถานการณ์ต่างก็มีทางเลือกของมัน
คุณเลือกได้ว่าจะตอบสนองกับเหตุการณ์นั้นอย่างไร
คุณเลือกได้ว่าจะให้ผู้คนรอบข้างมีผลกับความรู้สึกของคุณได้อย่างไร
คุณเลือกที่จะมีอารมณ์ดีหรือแย่ก็ได้
มันเป็นทางเลือกว่าคุณจะใช้ชีวิตของคุณอย่างไร"
หลายปีต่อมา ฉันได้ข่าวมาว่า เจอร์รี่ได้ทำบางอย่างที่คุณคาดไม่ถึง
ว่ามันจะเกิดขึ้นในธุรกิจการทำร้านอาหาร
เขาลืมล็อคประตูด้านหลังของร้านในเช้าวันหนึ่ง และถูกปล้นโดยโจรสามคนที่มีอาวุธ
ระหว่างที่เจอร์รี่กำลังพยายามเปิดเซฟ มือของเขาสั่นเนื่องจากความตื่นเต้น ทำให้เกิดพลาด
โจรพวกนั้นยิงเขา
โชคยังดีที่มีคนพบและนำเขาส่งโรงพยาบาลอย่างทันท่วงที
หลังจากการผ่าตัดที่ยาวนานถึง 18 ชั่วโมงและการดูแลรักษา ในโรงพยาบาลอย่างใกล้ชิด
เจอร์รี่ก็ได้ออกจากโรงพยาบาล พร้อมทั้งเศษกระสุนในร่างกาย
ฉันพบเจอร์รี่ 6 เดือนหลังจากเหตุการณ์นั้น เมื่อฉันถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง
เขายังคงตอบว่า "ถ้าผมเป็นอะรที่ดีกว่านี้ได้ ผมจะเป็นฝาแฝด อยากดูแผลเป็นของผมมั้ย"
ฉันตอบปฏิเสธ
แต่กลับถามเขาถึงสิ่งที่ผ่านเข้ามาในความรู้สึกเขาหลังจากที่โจรพวกนั้นออกไป
"อย่างแรกที่ผมคิด คือผมไม่ได้ล็อคประตูหลังของร้าน
และหลังจากที่โดนยิง และผมล้มลงบนพื้น ผมก็ยังคงจำได้ว่า
ผมมีสองทางเลือกนี่นา มีชีวิตต่อไปหรือว่าตายเสียในตอนนั้น ผมเลือกที่จะอยู่ต่อไป"
"คุณไม่กลัวเหรอ" ฉันถาม
เจอร์รี่เล่าต่อ
"เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแพทย์ทำหน้าที่อย่างดีมาก พวกเขาคอยบอกว่าผมจะปลอดภัย
แต่เมื่อพวกเขาเข็นผมเข้าไปในห้องฉุกเฉิน และผมได้เห็นความกดดันบนใบหน้าของหมอและพยาบาล
ตอนนั้นล่ะที่ผมเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ
ในสายตาของพวกเขา มันเต็มไปด้วยคำพูดที่ว่า "เขาตายแล้ว"
ผมรู้ทันทีว่าผมต้องทำอะไร ผมต้องแสดงปฏิกิริยาอะไรซักอย่างให้พวกเขารู้ว่าผมยังอยู่"
"คุณทำอย่างไร"
"อืม...มีนางพยาบาลคนนึงตะโกนถามผมว่า ผมแพ้อะไรหรือเปล่า ผมตอบว่า มี...
นางพยาบาลและหมอต่างก็หยุดทำงานรอฟังคำตอบจากผม ผมหายใจลึกๆและตอบว่า "กระสุน!"
หลังจากที่พวกเขาหัวเราะ ผมบอกพวกเขาว่า ผมเลือกที่จะมีชีวิตอยู่
โปรดช่วยรักษาผมอย่างคนมีชีวิตไม่ใช่คนตาย"
เจอร์รี่ใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกขอบคุณความสามารถของหมอ
แต่มันก็เป็นเพราะทัศนคติต่อชีวิตอันแสนจะน่าทึ่งของเขาด้วย
ฉันได้เรียนรู้จากเขาว่า
ทุกๆวันคุณมีทางเลือกของชีวิต คุณเลือกที่จะรักหรือว่าเกลียดชีวิตของคุณเองก็ได้
สิ่งเดียวที่เป็นของคุณจริงๆ และไม่มีใครสามารถนำมันไปจากคุณได้ ก็คือความคิดและทัศนคติของคุณเอง
เพราะฉะนั้นถ้าคุณสามารถใส่ใจกับมันได้ อย่างอื่นในชีวิตของคุณก็จะง่ายดายมากขึ้น
ที่มา ThaiReaderClub.com
Post a Comment