เปิดใจสามี ‘ยู่ยี่’ แฟรงค์-เกวสต้า รามอส กับคำถามที่ไม่มีคำตอบ
เปิดใจสามี ‘ยู่ยี่’ แฟรงค์-เกวสต้า รามอส กับคำถามที่ไม่มีคำตอบ
HIGHLIGHTS:
- หลังจากคำพิพากษาของศาลฎีกา และการปฏิเสธทบทวนพิจารณาคดียู่ยี่ของศาลไม่กี่วัน The Momentum ส่งอีเมลที่บรรจุคำถามสัมภาษณ์ไปหา แฟรงค์-เกวสต้า รามอส สามีของเธอ เพื่อถามไถ่ถึงข้อเท็จจริง ความคิด และความรู้สึกหลังรู้ว่า ยู่ยี่ต้องใช้เวลาอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 15 ปี 3 เดือน
- แฟรงค์-เกวสต้า รามอส ตอบทุกคำถาม บางคำตอบของเขาทำเราสะอึกและสะเทือนใจ “ผมรู้อย่างชัดเจนว่าอะไรเกิดขึ้น และตระหนักว่าพวกเราทำอะไรไม่ได้”
วันนั้น (15 มี.ค.) หลังศาลฎีกาพิพากษาสั่งจำคุก ยู่ยี่-ชัชชญา เกวสต้า รามอส ในคดีซุกโคเคนเข้าประเทศ เป็นเวลา 15 ปี 3 เดือน สื่อหลายสำนักได้นำเสนอเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังคดีนี้ ที่มีความไม่ชอบมาพากลของกระบวนการยุติธรรมหลายจุด ตั้งแต่การจับกุม หลักฐาน และการพิจารณาคดี ซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลที่ขัดแย้งและน่ากังขา
บวกกับข้อสันนิษฐานจาก แฟรงค์-เกวสต้า รามอส สามีของยู่ยี่ ที่พูดถึงการจับกุมและข้อกล่าวหาครั้งนี้ว่าเป็นการ ‘จัดฉาก’ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่ได้เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือสัตว์ป่าองค์กร Thai Animal Guardian Association (AGA) ตั้งแต่ พ.ศ. 2545 เพื่อเข้าช่วยเหลือเสือดาวที่จะต้องถูกส่งไปยังยุโรปให้กับผู้มีอำนาจบางคน ก่อนที่ต่อมาตำรวจนอกเครื่องแบบจะเรียกร้องให้เขาจ่ายค่าชดเชยความเสียหายเป็นเงิน 400,000 บาทถึงสองครั้ง แต่เขาปฏิเสธ
จากนั้นหลังศาลชั้นต้นพิพากษา ยู่ยี่ถูกคุมขังที่ทันฑสถานหญิงกลาง แม้ระหว่างในชั้นอุทธรณ์และฎีกา เธอจะยื่นประกันตัวหลายครั้ง แต่ศาลก็ปฏิเสธ ส่วนทนายความของเธอก็ขอลาออกหลังจากยู่ยี่อยู่ในคุกได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ โดยให้เหตุผลว่ากลัวและไม่ต้องการมีปัญหาไปมากกว่านี้
ขณะที่ทนายความคนที่สองก็ขอลาออกในเวลาต่อมา โดยให้เหตุผลสั้นๆ ว่า คดีนี้ ‘ซับซ้อนมาก’
หลังจากคำพิพากษาของศาลฎีกา และการปฏิเสธทบทวนพิจารณาคดียู่ยี่ของศาลไม่กี่วัน The Momentum ส่งอีเมลที่บรรจุคำถามสัมภาษณ์ไปหา แฟรงค์-เกวสต้า รามอส สามีของเธอ เพื่อถามไถ่ถึงข้อเท็จจริง ความคิด และความรู้สึกหลังรู้ว่า ยู่ยี่ต้องใช้เวลาอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 15 ปี 3 เดือน
บางคำถามเป็นคำถามง่ายๆ ที่เราอยากรู้ “คุณเชื่อไหมว่ายู่ยี่มีโคเคนไว้ในครอบครอง หรือว่าเธอถูกยัดข้อหา?”
บางคำถามเป็นคำถามคาใจเกี่ยวกับเบื้องหลังคดี “คุณเคยบอกว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากงานอนุรักษ์สัตว์ของคุณกับยู่ยี่ไป ‘ขัดขา’ ผู้ทรงอิทธิพล คุณพอจะรู้หรือพูดได้ไหมว่าผู้ทรงอิทธิพลคนนั้นเป็นใคร?”
บางคำถามเป็นคำถามในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน “หากพระเจ้ามีจริง อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการให้เกิดขึ้นในวันนี้มากที่สุด?”
แฟรงค์-เกวสต้า รามอส ตอบทุกคำถาม บางคำตอบทำเราสะอึก บางคำตอบทำเราสะเทือนใจ แต่ทุกคำตอบของเขาทำให้เรารู้ว่า ถ้าเราถามว่าวันนี้มีใครจำกรณี ‘ยู่ยี่’ ได้ไหม
เขาคือคนหนึ่งที่ไม่มีวันลืม...
สิ่งที่ผมพูดได้อย่างเดียวคือตำรวจไม่สามารถพิสูจน์ผลตรวจปัสสาวะว่าเธอเสพโคเคน
ตอนแรกผมคาดหวังว่าความผิดปกติของคดีนี้จะถูกเปิดเผยเมื่อคดีไปถึงศาลชั้นสูงสุด เราคิดว่าศาลจะมีความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับการลงโทษที่โหดร้าย ที่นำคนไม่มีอันตรายอะไรเข้าคุก วันนั้นผมรู้สึกราวกับว่ามีแค่คนที่รู้จักกับคนเป็นใหญ่เป็นโตเท่านั้นที่สามารถลอยนวลอยู่ได้ แม้พวกเขาจะฆ่าคนหรือขโมยเงินคนอื่นหลายล้านบาทก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าโมโหมาก
ก่อนที่คดีจะถึงที่สุด ยู่ยี่อยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 2 ปี 9 เดือน ระหว่างนั้นคุณพบยู่ยี่บ่อยไหม แล้วเธอเป็นอย่างไร
ผมไปทุกวันยกเว้นวันอังคารที่จะมีเพื่อนเธอไปเยี่ยมเธอแทน ในหนึ่งปีจะมีสองครั้งที่ผมต้องไปถ่ายภาพยนตร์ที่ต่างประเทศ ครั้งละ 1 เดือน นอกเหนือจากนั้นผมจะไปเยี่ยมเธอทุกวัน และผมจะพาลูกๆ ไปเยี่ยมเธอเดือนละ 2 ครั้ง เพราะช่วงเวลาที่เราได้เจอกันมันเป็นช่วงเวลาเดียวที่เธอจะรู้สึกว่าได้กลับบ้าน
ย้อนกลับไปวันแรกที่คุณรู้ข่าวว่ายู่ยี่ถูกตำรวจควบคุมตัว คุณยังจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ไหม
ผมยังจำได้ทุกอย่าง เพราะทุกอย่างมันแปลกมาก ตำรวจโทรมาหาผมจากสนามบิน และเมื่อไปถึงสนามบิน ผมพบเธออยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ตำรวจยึดโทรศัพท์มือถือผมเพื่อป้องกันการอัดเสียง ในตอนนั้นผมไม่เห็นยาเสพติด แต่ตำรวจพูดกับผมว่าพวกเขาได้ยึดของและคำนวณแล้วว่ายามีจำนวน 0.005 กรัม สถานการณ์มันแปลกประหลาดมาก! ผมไม่สามารถกล่าวหาใครหรืออะไรได้เลย เพราะผมพิสูจน์อะไรไม่ได้ แต่บางครั้งเราสามารถรู้ได้เองว่าเหตุการณ์มันเป็นอย่างไร
แค่คุณลองคิดดูว่าการลักลอบค้าสัตว์เป็นธุรกิจผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยรองลงมาจากการค้ายาเสพติด ดังนั้นแสดงว่าการปกป้องสัตว์ป่าเท่ากับการทำให้รายได้หลายล้านบาทของบางคนหายไป
ยู่ยี่มีอดีตเหมือนกับทุกคน ปัญหาของเธอในอดีตคือการติดแอลกอฮอล์ไม่ใช่ยาเสพติด ผมไม่สามารถพูดได้ว่าเธอมียาเสพติดไว้ในครอบครองหรือไม่ เพราะผมไม่ได้อยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรก จนกระทั่ง 2 ชั่วโมงต่อมาที่ผมไปถึง สิ่งที่ผมพูดได้อย่างเดียวคือตำรวจไม่สามารถพิสูจน์ผลตรวจปัสสาวะว่าเธอเสพโคเคน และอย่างที่ผมบอกว่าตอนที่ผมไปถึงผมไม่เห็นยาเสพติดเลย ตำรวจเพียงแต่บอกว่า เขาตรวจสอบแล้วพบว่ามียาจำนวน 0.005 กรัม ซึ่งถ้าเธอมีโคเคนในปริมาณนั้นจริง มันมีมูลค่าเท่ากับโคเคนในราคา 10 บาท ผมย้ำกับคุณตรงนี้ 10 บาท...
หลังจากคดีถึงที่สุด คุณได้คุยกับยู่ยี่ครั้งสุดท้ายเมื่อไร คุยกันเรื่องอะไร แล้วเธอว่าอย่างไรบ้าง
ตอนนี้ผมกำลังถ่ายภาพยนตร์อยู่ต่างประเทศ ครั้งสุดท้ายที่ผมคุยกับคุณยู่ยี่คือหนึ่งเดือนที่แล้วก่อนผมมาต่างประเทศ มีสิ่งหนึ่งที่ผมสงสัยเสมอคือ ครั้งที่แล้วตอนพวกเขานำตัวเธอไปศาลคือตอนที่ผมอยู่ต่างประเทศ และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ในหนึ่งปีผมจะอยู่ประเทศไทย 300 วัน แต่ทั้งสองครั้งเจ้าหน้าที่จะนำตัวเธอไปขึ้นศาลเวลาที่ผมไม่อยู่ประเทศไทยเสมอ
สกู๊ปข่าวในเว็บไซต์ prachatai.com ได้นำเสนอคำให้สัมภาษณ์ของ กอล์ฟ-ภรณ์ทิพย์ มั่นคง นักแสดงละครเวทีที่ถูกฟ้องในคดี 112 ที่เคยถูกคุมขังที่เดียวกับยู่ยี่ ซึ่งเธอได้เล่าว่า “แก (ยู่ยี่) เล่าให้ฟังว่าคดีนี้มันมีเรื่องลึกลับซับซ้อนมากมาย มากกว่ากฎหมายและกระบวนการยุติธรรมจะเข้าไปถึง” คุณพอจะอธิบายได้ไหมว่าความลึกลับซับซ้อนของคดีนี้ที่กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเข้าไปไม่ถึงคืออะไร
มันง่ายมากที่จะบอกว่ายู่ยี่มียาเสพติดไว้ในครอบครอง และข่าวนักแสดงมียาเสพติดในครอบครองนั้นเรียกกระแสจากคนได้เสมอ แต่แม่ที่อุทิศชีวิตเพื่อปกป้องสัตว์ป่าไม่ได้ทำให้มันเป็นข่าวขึ้นมา
ผมรู้อย่างชัดเจนว่าอะไรเกิดขึ้น และตระหนักว่าพวกเราทำอะไรไม่ได้
ขณะนี้ยู่ยี่อยู่ในคุก ไม่มีทางที่ผมจะเปิดเผยชื่อผู้มีอิทธิพลที่เธอเอ่ยถึง คุณคงจะเคยเห็นข่าวที่เกิดจากเหตุบังเอิญ เช่น คนฆ่าตัวตายในคุก วันนี้ผมอยากให้ครอบครัวของผมยังอยู่ด้วยกัน ผมไม่ได้อยากต่อสู้กับใคร
ปัญหาใหญ่ที่คนทำงานอนุรักษ์สัตว์ต้องเจอในวันนี้คืออะไร
ถ้าคุณถามคำถามนี้กับลูกชายคนโตของผม เขาจะตอบคำถามนี้กับคุณได้ชัดเจนมาก เพราะเขาจะเห็นเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบมาที่บ้านเก่าของเราเสมอ และกล่าวหาว่าเราไปทำลายธุรกิจของคนอื่น แน่นอนว่าเราไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ แค่คุณลองคิดดูว่าการลักลอบค้าสัตว์เป็นธุรกิจผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รองลงมาจากการค้ายาเสพติด ดังนั้นแสดงว่าการปกป้องสัตว์ป่าเท่ากับการทำให้รายได้หลายล้านบาทของบางคนหายไป เรารักประเทศไทย และเราได้พยายามมาหลายปีเพื่อจะให้การศึกษากับคนไทยไม่ให้ทำร้ายสัตว์ป่า เราได้รณรงค์สิ่งนี้ในระดับนานาชาติเพื่อประโยชน์ของคนไทยและประเทศไทย พวกเราอยากจะทำให้โลกนี้ดีขึ้น แต่ธุรกิจการลักลอบค้าสัตว์เป็นธุรกิจที่มีอิทธิพลมาก
ถ้าหากกรณียู่ยี่เกิดขึ้นในประเทศอื่น คุณว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
แน่นอนว่าถ้าคดีลักษณะนี้เกิดขึ้นในต่างประเทศ ความไม่ถูกต้องต่างๆ คงจะถูกดำเนินคดี
ถึงนาทีนี้อะไรคือสิ่งที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับกรณียู่ยี่มากที่สุด
ผมรู้อย่างชัดเจนว่าอะไรเกิดขึ้น และตระหนักว่าพวกเราทำอะไรไม่ได้ เธอถูกตัดสินว่ามีความผิดตั้งแต่ก่อนที่เธอจะถูกจับกุมที่สนามบิน ผมแค่อยากให้เธอได้อยู่กับลูกๆ ของพวกเธอ
ตอนแม่ของเธอเสียชีวิตเธอก็ไม่สามารถไปร่วมงานศพได้ตอนลูกชายของเราเข้ารับการผ่าตัด เธอก็ไม่สามารถโทรหาลูกได้สิ่งที่พวกเขาทำกับเธอและลูกๆ นั้นโหดร้าย พวกเขาสามารถทำได้ตามกฎหมาย แต่กฎหมายไทยมีข้อบกพร่อง
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเลวร้ายกับลูกๆ ของผมมาก เราต้องเปลี่ยนโรงเรียนให้พวกเขาเพราะพวกเขาถูกเพื่อนๆ ล้อ เด็กๆ จะล้อเลียนว่าให้ลูกๆ ของผมกลับไปขายยากับแม่ นอกจากย้ายโรงเรียนแล้วเรายังต้องย้ายบ้านด้วยเหตุผลเดียวกัน และเหตุผลด้านความปลอดภัย ผมไม่เข้าใจกระบวนการยุติธรรมของไทย การกักขังยู่ยี่ไว้ในคุกทำลายชีวิตเด็กๆ อีก 3 คน พวกเขาจะมีชีวิตที่ทุกข์ตรม และยังสะท้อนว่ากฎหมายไทยมีปัญหา
จากวันแรกที่แม่ของลูกๆ ทั้ง 3 คนไม่อยู่ พวกเขาถามถึงแม่ว่าอะไรบ้าง จนถึงวันนี้ที่คดีสิ้นสุด ลูกๆ ของคุณเป็นอย่างไร พวกเขาโอเคไหม
สิ่งที่เกิดขึ้นกับยู่ยี่สะท้อนความไม่ยุติธรรมได้ชัดเจนที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นพลัดพรากเธอจากลูกอีก 3 คน เธอสูญเสียช่วงเวลากับลูกๆ เพื่อชดใช้ความผิด ถ้าหากคิดเป็นมูลค่าแล้วคือ 10 บาท ตอนแม่ของเธอเสียชีวิตเธอก็ไม่สามารถไปร่วมงานศพได้ ตอนลูกชายของเราเข้ารับการผ่าตัด เธอก็ไม่สามารถโทรหาลูกได้ สิ่งที่พวกเขาทำกับเธอและลูกๆ นั้นโหดร้าย พวกเขาสามารถทำได้ตามกฎหมาย แต่กฎหมายไทยมีข้อบกพร่อง ผมไม่ใช่คนไทย และนี่เป็นเพียงความคิดเห็นของคนต่างชาติอย่างผม คนที่มองเห็นลูกๆ 3 คนมีชีวิตที่ยากลำบากทุกวัน
หากพระเจ้ามีจริง อะไรคือสิ่งที่คุณต้องการให้เกิดขึ้นในวันนี้มากที่สุด
ผมขอพระเจ้าทุกวันให้ยู่ยี่สามารถกลับมาอยู่กับลูกๆ ถ้าสลับตัวเธอกับผมได้ ผมจะทำ ผมไม่ได้กำลังบอกว่ายู่ยี่คือนางฟ้า แต่เธอเป็นคนดี และสมมติว่าถ้าเธอมียาในครอบครองจริง ปริมาณที่เธอครอบครองนั้นมีมูลค่าเพียงแค่ 10 บาท แต่สิ่งที่เธอกำลังชดใช้นั้นมันมากกว่าสิ่งที่เธอทำเป็น 100 เท่า...
ภาพประกอบ: Karin Foxx
ถอดความและแปลจากภาษาอังกฤษโดย กานท์กลอน รักธรรม
Post a Comment