หนิง ปณิตาและจิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ เปิดปากเคลียร์กรณีกิ๊กสาวไฮโซในวู้ดดี้เกิดมาคุย
โดยจินเผยว่า มันเป็นการขาดสติยั้งคิดขั้นรุนแรง และต้องขอโทษทุกคนจริง ๆ ที่ตอนนั้นเผลอ และยังคงมีอารมณ์สนุก ส่วนตอนที่เจอกันครั้งแรก ไม่มีใครแนะนำให้รู้จักกัน เพียงแค่ไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ แล้วได้นั่งโต๊ะเดียวกันเท่านั้น ต่อมาต่างฝ่ายต่างก็แนะนำชื่อกันตามมารยาท จากนั้นก็แอบแลกเบอร์กัน ซึ่งตอนนั้นตนก็ต้องยอมรับตรง ๆ ว่าชอบเขา และก็เมานิดหน่อยด้วย
"เคยเป็นไหม แบบอารมณ์เหมือนวูบ ล้มตึงไปเลย กลับมาถามตัวเองว่าหนิงทำอะไรผิด หนิงทำอะไรพลาดไป ที่ผ่านมาอาจจะเคยโทรจิก โทรตามบ้าง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ส่วนครั้งแรกที่ทราบก็คือวันที่ 22 มกราคม แต่จริง ๆ แล้ววันที่ 19 มกราคม หนิงเห็นจินยืนจับมือกับผู้หญิงคนนี้ แล้วก็มีการลูบหัวกันด้วย ที่หน้าโรงแรม ซึ่งวันนั้นเป็นงานหมั้นของน้องสาวหนิง แล้วหนิงต้องมาเตรียมงาน ซึ่งภาพที่เห็นหนิงคิดว่ามันไม่ปกติ สำหรับน้องเขา หนิงรู้จักชื่อจากเพื่อน เพราะเพื่อนเคยเล่าให้ฟังว่าเคยเจอปัญหาแบบนี้เหมือนกัน" หนิง กล่าว
ด้านวู้ดดี้ ถามหนิงต่อว่า เห็นแบบนั้น ไม่รู้สึกโมโหบ้างเลยเหรอ ส่วนสาวหนิงตอบว่า ตอนนั้นตนไม่คุยไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น คือไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ถ้าเป็นตนคนก่อนมีลูกคงเดินเข้าไปคุยไปเคลียร์ทันที ไม่ต้องรอกลับบ้าน แต่นี่พอมีลูกแล้ว ตนเริ่มคิดมากขึ้น เริ่มทำอะไรให้ช้าลง
ขณะที่จิน เล่าเหตุการณ์หลังจากวันที่เจอกันว่า หลังจากวันนั้นก็คุยโทรศัพท์กัน พอเลิกงานตอนเย็นเสร็จก็จะไปกินข้าวกับเขา แล้วกลับบ้านมาเจอลูก ส่วนเสาร์-อาทิตย์ เป็นวันครอบครัว ตนให้เวลากับลูกอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ ตนก็ยอมรับว่าเคยบอกกับเขาว่าจะเลิกกับหนิง เคยพูดแค่ครั้งเดียว ตอนที่เมาเท่านั้น
ส่วนข่าวที่ออกมาบอกว่า น้องคนนั้นไม่ทราบว่าจินมีครอบครัว หนิงเผยว่า เรื่องนี้ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน คงจะเป็นการให้ข่าวของเขา ซึ่งหลังจากวันที่ 19 ก็มีโทรศัพท์โทรมาดึก ๆ ตลอด ตนเลยรับสายไปครั้งหนึ่ง แจ้งให้เขาทราบว่าจินมีภรรยาและลูกแล้ว เขาก็บอกว่า อุ๊ย ไม่รู้มาก่อนเลย และขอโทษตน พร้อมบอกว่าอยู่อังกฤษมานาน ไม่ทราบข่าว ซึ่งตนแจ้งให้เขาทราบในวันที่ 22 มีนาคม เวลาประมาณตีสอง ตีสาม คราวนี้ ตนก็เลยไปเคลียร์กับจิน ซึ่งก็จินยอมรับตรง ๆ เลยว่า คนรู้จัก แค่จีบแต่ก็ไม่มีอะไร และบอกให้ตนอย่าคิดมาก แต่ตนก็เชื่อแต่ไม่เชื่อทั้งหมด....
พิธีกรถามต่อว่า... ติดใจอะไร ทั้ง ๆ ที่ลูกเพิ่งคลอดแต่ทำไมถึงกล้าทำแบบนี้ ด้านจินกล่าวตอบว่า ตอนนั้นที่บ้านก็รู้เรื่องหมด แต่มันเหมือนขาดสติ เหมือนเกิดความสนุก เหมือนกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกรอบ แต่ทั้งนี้ หลังจากที่หนิงรู้ ตนยอมรับว่ายังมีติดต่อไปอีก และก็มีการบอกกับอีกฝ่ายว่า เดี๋ยวกลับบ้านไปหาลูก ลูกอยู่ที่บ้าน คือเขาก็รู้อยู่ทุกอย่างเหมือนกัน ส่วนจุดที่ทำให้ตนคิดว่าต้องจบ ก็คือการนำภาพแคปเจอร์การสนทนาส่วนตัว ที่ตนคิดว่ามันไม่ควรทำ มันเกินไป
สาวหนิงกล่าวต่อว่า จริง ๆ แล้วเรื่องมันควรจบตั้งแต่จินออกมาพูด แต่จู่ ๆ ก็มีภาพคู่ออกมา ทำให้ฝ่ายเขาส่งข้อความให้ตนเคลียร์เรื่องทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง เพราะเขาคิดว่าตนเป็นคนปล่อยภาพออกไป และบอกว่าถ้าไม่ทำอะไรก็จะส่งคลิปเสียงทั้งหมดในโซเชียลเน็ตเวิร์ก แต่จริง ๆ แล้วตนไม่ได้ทำเลย
"หนิงยอมรับว่า หนิงดูโทรศัพท์จินตลอด ทุกข้อความหนิงแคปเจอร์เก็บไว้หมด แต่ข้อความที่หนิงเห็นแล้วเจ็บที่สุด คือเขาส่งข้อความบอกว่า อยากอยู่กับจิน แล้วจินส่งกลับไปว่าอยากอยู่กับเขาด้วยเช่นกัน ในตอนนั้นหนิงนอนกอดลูกร้องไห้เลย ส่วนที่มีคนถามว่าทำไมถึงทนได้ หนิงไม่ได้ทน เพราะถ้าทนหนิงจะอยู่ไม่ได้เลย วันที่หนิงแต่งงาน หนิงพูดไว้ว่า ถ้าคนเราคิดจะคบกัน อยู่ด้วยกัน มันต้องมี 3 คำนี้ คือรักกัน เข้าใจกัน ให้อภัยกัน ซึ่งที่ผ่านมาจินอาจจะน้อยใจหนิง เพราะหนิงทำแต่งาน พอยิ่งมีลูกหนิงก็เอาเวลาทั้งหมดไปให้ลูกหมดเลย" หนิง กล่าว
ส่วนจินก็กล่าวถึงข้อความเสียงที่อีกฝ่ายขู่จะเอาไปปล่อยกับสื่อว่า เป็นเพียงคลิปเสียงสนทนาธรรมดา แต่อาจจะมีเรียนฮันนี่ เรียกที่รักบ้าง... ขณะที่พิธีกรถามต่อว่า หลังจากนั้น ตอนที่ฝ่ายไฮโซไปอเมริกา เขาก็บอกว่าจินยังส่งข้อความไปหา ด้านจินก็ยอมรับ พร้อมบอกว่า เขาก็ส่งตอบกลับมาเหมือนกัน
พร้อมกันนี้ พิธีกร ยังถามว่า ทำไมหนิงถึงออกมาพูด หลังจากที่นิ่งมานานเป็นสองเดือน ทำไมถึงไม่นิ่งต่อไป ด้านหนิงกล่าวว่า มันถึงจุดที่ต้องออกมาพูด เพราะน้องสาวหนิงเครียดจนเข้าโรงพยาบาล แม่ความดันขึ้นเข้าโรงพยาบาล ส่วนลูกหนิงจากที่เลี้ยงง่าย ๆ เดี๋ยวนี้ลูกก็กรี๊ด ๆ ออกมา แล้วตนก็เครียดมากจนน้ำนมหมด ซึ่งที่ตนต้องพูดเพราะเรื่องนี้มันกระทบน้องตนโดยเฉพาะ มีคนบอกว่าน้องตนเอาภาพไปปล่อย เอาข้อความรีโพสต์ต่าง ๆ ตนก็ว่ามันไม่แปลกในฐานะน้องที่จะออกมาปกป้องพี่สาว
ถ้าถามว่าโกรธน้องคนนั้นไหม สาวหนิงตอบว่า ตอนแรกโกรธมาก แต่ตอนนี้สงสารมากกว่า คือเขาต้องมาเจออะไรแย่ ๆ ทั้งโดนจินหลอก และตัดจบความสัมพันธ์ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดัง เขาเองก็ต้องทุกข์ใจกับเรื่องนี้เช่นกัน ส่วนจินเอง ทุกอย่างมันอยู่ที่ศีลธรรมจรรยา ตนก็บอกให้เขาเข้มแข็ง ให้คิดถึงลูกคิดถึงครอบครัวให้มาก ๆ และอย่าผิดพลาดซ้ำอีก
ส่วนจินก็กล่าวทิ้งท้ายว่า ถ้าถามตนว่าจะเลิกเจ้าชู้ไหม ในฐานะผู้ชายถ้าบอกว่าไม่มีเลยก็คงโกหก แต่ทุกเช้าตนเอาลูกมานอนบนตัก ซึ่งถือว่าเป็นการเตือนสติตนได้เป็นอย่างดี... ขณะที่หนิงกล่าวว่า พอได้พูดออกสื่อตนก็สบายใจ และทุกอย่างที่ตนพูดก็เป็นความจริงทั้งหมด ซึ่งตนไม่ได้มีเจตนาทำร้ายใคร เพราะความจริงก็คือความจริง และเมื่อทำผิดแล้วก็ต้องแก้ไข แต่ถ้าทำผิดแล้วดันทุรังทำต่อ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
Post a Comment