ตาล กัญญา งานเข้า! ชาวเน็ต ซัด แฟนฝรั่งเป็นนักตุ๋น


ตาล กัญญา รัตนเพชร์

            งานเข้าซะแล้ว สำหรับดาราสาวหน้าหวาน ตาล กัญญา รัตนเพชร์ ที่ล่าสุดมีภาพถ่ายคู่กับแฟนหนุ่มชาวต่างชาติปรากฏออกมา ซึ่งก็ดูไม่น่าจะเป็นประเด็นอะไร แต่ไป ๆ มา ๆ กลับเป็นประเด็นร้อนในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เมื่อมีคนจำได้ว่า หนุ่มชาวต่างชาติคนนั้นเป็นเจ้าพ่อแชร์ลูกโซ่ที่เคยมีการกล่าวหาว่าเป็นจอมลวงโลกมาแล้ว
            โดยในเว็บไซต์พันทิป ระบุว่า หนุ่มคนดังกล่าวเป็นชาวเดนมาร์ก ชื่อว่า ไมเคิล ซาเฟล ทำธุรกิจขายตรงให้กับสินค้าอาหารเสริมยี่ห้อหนึ่งจากสหรัฐเมริกา โดยทำธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่ และกล่อมให้คนอื่นเข้าร่วมทำธุรกิจด้วยเป็นจำนวนมาก แต่หลายคนกลับต้องสูญเสียเงินหลายแสนจากการเข้าร่วมธุรกิจครั้งนี้ ขณะที่อีกหลายคนก็เกือบถูกหลอกให้เข้าร่วมแชร์ลูกโซ่นี้เช่นกัน จึงได้มีผู้โพสต์ข้อความในอินเทอร์เน็ตเตือนให้ทุกคนระวังบุคคลอันตรายคนนี้

            ทั้งนี้ หลังจากมีผู้เปิดเผยข้อมูลเรื่องดังกล่าวในเว็บไซต์ ก็ทำให้ชาวเน็ตที่เป็นแฟนคลับของสาวตาล กัญญา แสดงความคิดเห็นในเชิงเป็นห่วงว่า นักแสดงสาวจะทราบไหมว่า แฟนหนุ่มของเธอมีพฤติกรรมเช่นนี้ พร้อมกับกลัวว่าเธออาจจะถูกหลอก หรือถูกใช้เป็นเครื่องมือก็ได้ จึงอยากให้ระมัดระวังตัวเอาไว้บ้าง

“ตาล” ไม่รู้ไม่ชี้แฟนฝรั่งโกงชาวบ้าน แย้งอาจโดนใส่ร้าย เผย “เสี่ยตัน” ก็เคยไปร่วมงานด้วย
“ตาล กัญญา” ไม่รู้แฟนฝรั่งโกงแชร์ลูกโซ่หรือไม่ อ้างไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันด้านธุรกิจ ยอมรับเคยไปร่วมงานสัมมนาของบริษัทแฟนจริงแต่ “เสี่ยตัน” ก็ไปร่วมด้วยเช่นกัน เรียกร้องให้ตำรวจมาตรวจสอบเพราะอาจโดนใส่ร้ายจากคู่แข่ง ส่วนรถเฟอร์รารี่ตกแต่งสีชมพูที่เอามาขับ เจ้าตัวอ้างยืมแฟนมาใช้เพราะรถเสีย
       
       
       หลังจากที่ “ตาล กัญญา รัตนเพชร” ตกเป็นข่าวกระหึ่มในอินเตอร์เน็ตว่าคบหากับแฟนฝรั่ง “ไมเคิล ซาเฟล”ชาวเดนมาร์กเป็นผู้นำองค์กรขายตรงของบริษัท Bhip ซึ่งทำธุรกิจขายตรงให้กับสินค้าอาหารเสริมยี่ห้อหนึ่งจากสหรัฐเมริกา ที่ถูกแฉในโลกไซเบอร์ว่า เป็นการทำธุรกิจแบบแชร์ลูกโซ่ และกล่อมให้คนอื่นเข้าร่วมทำธุรกิจด้วยเป็นจำนวนมาก แต่หลายคนกลับต้องสูญเสียเงินหลายแสนจากการเข้าร่วมธุรกิจครั้งนี้
       
       หลายคนตั้งคำถามว่า ตาลเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ เพราะเจ้าตัวขับรถเฟอร์รารี่สุดหรูราคา 15 ล้านเป็นพาหนะคู่กาย ทั้งที่เมื่อ 4 ปีก่อนยังขับโตโยต้าวิออสอยู่เลย ล่าสุดตาลได้เดินทางไปบวงสรวงละครของช่องมีเดียชาแนลที่สตูดิโอมนตรี ลาดพร้าว 101 ผู้สื่อข่าวก็เลยสอบถามถึงเรื่องดังกล่าว เจ้าตัวบอกไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น เพราะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันด้านธุรกิจกับแฟน และถ้าผิดจริงก็น่าจะโดนตำรวจไทยตรวจสอบ ส่วนเรื่องรถเฟอร์รารี่บอกยืมรถแฟนมาขับเพราะรถตนเสีย ทั้งที่ก่อนหน้านี้หลายเดือนก็เห็นตาลใช้รถดังกล่าวในการไปถ่ายละครหรือถ่ายแบบจนเป็นที่เลื่องลือ เพราะนอกจากรถคันดังกล่าวจะแพงระยับแล้วยังตกแต่งเป็นสีชมพูสไตล์สาวหวานแหว๋วจนเป็นที่สะดุดตา
       
       “ตาลก็ทราบจากทางอินเตอร์เน็ตเพราะจริงๆ แล้วเรื่องงานของเขาตาลไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวจริงๆ ตาลแค่รับผิดชอบเรื่องการแสดงและเรื่องเรียนตาลก็แทบจะไม่ไหวแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ตาลไม่ทราบจริงๆ ก็ได้อ่านในเนตแล้วก็ตามโพสต์ต่างๆ ตาลก็รู้ว่าเขาเป็นนักธุรกิจนำเข้าสินค้าขายในประเทศไทย หลายคนก็เป็นห่วงว่าจะเอาชื่อตาลไปแอบอ้าง เอาเป็นว่าตาลก็เป็นห่วงตัวเองเหมือนกันค่ะ(หัวเราะ) เท่าที่ตาลคุยกับเขาตาลก็รู้จักนิสัยพื้นๆของเขา แต่ตาลไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายชีวิตส่วนตัวของเขาเลย"
       
       “ที่ผ่านมาเขาไม่เคยชวนทำธุรกิจ ส่วนใหญ่เราไม่คุยเรื่องนี้กันอยู่แล้ว เพราะตาลไม่เป็นเรื่องนี้เลย พอเป็นข่าวตาลไม่ได้คุยกับเขาเรื่องนี้เลย แต่ก็มีคุยบ้างคือต่างคนก็ต่างไม่รู้จะพูดยังไง ในเมื่อข่าวมันออกมาแล้วตาลเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง เขาก็ทำธุรกิจมาแล้วตั้ง 10 ปีแล้ว ถ้าเขาจะโกงทำไมถึงไม่มีตำรวจมาจับเขา นี่คือสิ่งที่ตาลสงสัยจริงๆ ไม่ใช่ว่าตาลไปเข้าข้างเขา ตาลแค่อยากรู้ว่าถ้าเขาโกงจริงๆ ทำไมการตรจสอบของประเทศไทยถึงเข้าไปไม่ถึงผู้บริโภคของเขา"
       
       "ก็ตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้นเหมือนกัน นอนไม่หลับ(หัวเราะ) ก็งงค่ะ คือแบบว่าไม่ต้องไปสืบค้นก็มีคนมาให้ข้อมูลอย่างพ่อแม่ตาลเองก็เคยเจอเขานะ เรื่องงานเรื่องอะไรพวกนี้เราไม่ได้สนใจจริงๆ เราคุยกันเราไม่ได้ต้องไปรู้ว่าเขามีเงินเท่าไหร่ยังไง ตาลไม่ได้คบเขาตรงนั้น ที่บ้านตาลเองเขาก็เป็นห่วง แต่ตาลก็เฉยๆ นะเพราะรู้สึกว่าเราไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย ตาลไม่ได้เข้าไปเป็นพรีเซ็นเตอร์เพราะตาลเองก็มีสินค้าที่ตาลต้องเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่แล้วเหมือนกัน"
       
       ถึงแฟนจะตกข่าวฉาวเป็นที่กังขาแต่ “ตาล” ก็ยังยืนยันที่จะคบกัน และอยากให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบจะทราบข้อเท็จจริงกันไปเลย
       "ก็ยังคุยกันค่ะ แต่เราไม่เคยคุยกันในเรื่องของงาน อยากให้ทุกคนแยกระหว่างประเด็นของงานและเรื่องส่วนตัวมากกว่า จริงๆ แล้วตาลอยากให้เจ้าหน้าที่ของทางตำรวจประเทศไทยเข้าไปตรวจสอบดีกว่า เพื่อที่จะได้รู้กันแจ่มแจ้งไปเลย เพราะกระแสในอินเตอร์เน็ตมันก็มีทั้งดีและไม่ดี ถ้าเขาผิดจริงก็ต้องยอมรับว่าเขาผิดจริงๆ ส่วนตาลเองก็ยังไม่รู้ว่ายังไง แต่ก็กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะกระทบเรา แต่ก็อยากให้แยกแยะนิดนึงว่าเรากับเขาต่างกัน เขาทำงานธุรกิจเราทำงานเป็นนักแสดง ซึ่งตาลไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยจริงๆ"
       
       บอกไม่ได้เกี่ยวข้องแต่มีภาพที่ “ตาล” ไปร่วมสัมนากับบริษัทของแฟน
       "ธุรกิจของเขาที่ทำก็มีพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นดาราหลายคนมาก มีอันหนึ่งที่เขาบอกว่าตาลถือภาพสินค้าถ่ายรูป ซึ่งตาลทำอย่างนั้นไม่ได้อยู่แล้ว ทำตาลต้องโดนฟ้องเพราะตาลเองก็มีผลิตภัณฑ์ติดตัวตาลมา"
       
       "งานสัมมนาของเขาก็มีคุณตัน(ภาสกรนที)ไปพูด แล้วตาลก็ไปบรรยาย ที่คุณตันพูดก็ไม่ได้พูดถึงธุรกิจนี้เลย เขาพูดเรื่องหลักของการใช้ชีวิตทั่วไป เวลาที่ตาลไปดูตาลก็จะไปดูอย่างนี้ แต่เวลาที่เขาพูดกันตาลก็ไม่ได้เข้าไปดู คือคนอ่ะไปคิดมาก คือตาลดูภาพอย่างมีภาพจับมือตาลก็มองแล้วไม่ได้รู้สึกอะไร ซึ่งตาลก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คนคิดไป ภาพนั้น(จับมือไปโดนเป้าผู้ชาย)เป็นวันที่เราไปดูคอนเสิร์ต ก็นั่งร้องเพลงเล่นกัน แล้วมือมันไปพาดตรงเก้าอี้ ก็อาจจะด้วยมุมกล้องก็เลยเป็นอย่างนั้น"
       
       ปฏิเสธแค่ยืมเฟอร์รารี่แฟนมาขับเพราะรถเสีย ไม่ใช่ของกำนัลที่แฟนซื้อให้ ไม่รู้สึกว่าแฟนรวยผิดปกติ
       "ไม่ได้ซื้อค่ะ พอดีรถตาลพังแล้วเอาไปเข้าศูนย์ก็เลยเอารถเขามาใช้ก่อน ถามว่าเขารวยผิดปกติไหม เอาจริงๆ เลยนะเวลาที่เขามาหาตาลเขาก็นั่งมอเตอร์ไซต์มาจากสยามมาถึงอารีย์ ก็เลยรู้สึกว่าเขาเองก็ไม่ได้ใช้ชีวิตหรูหราอะไร ซึ่งในภาพที่เห็นๆ กันเขาก็เป็นคนหัวกระเซิงใส่กางเกงเอาเท้าพาดอะไรตามภาพนั่นแหละ ตาลก็อยากให้ช่วยตัดสินเขาจะที่เขาเป็นจริงๆ มากกว่า"
       
       เรียกร้องให้ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ เพราะแฟนหนุ่มอาจโดนใส่ร้าย
       "ตาลไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่งเรื่องนี้เพราะมันเป็นงานของเขา มันอาจจะเป็นการตลาด การโปรโมทหรืออะไรสักอย่างของเขารึเปล่า เขาก็ทราบนะว่าเรื่องนี้อาจกระทบกับตาล เมื่อวานตาลก็บอกเลยว่ายังไงก็ให้ทางการกับทางตำรวจเกี่ยวกับควบคุมผู้บริโภคไปเลย ให้เขาดูแลไปเลยเพราะเราเองก็ไม่รู้ว่ามันอะไรยังไง อย่างบอกทีเขาก็บอกว่ามีบริษัทอื่นเข้ามาใส่รึเปล่า อาจจะโดนโจมตี เพราะก่อนที่จะมารู้จักกันก็เห็นเขาโดนโจมตีเยอะ"
       
       ไม่กลัวตกเป็นเหยื่อ
       "ถ้าหลอกทางใจก็คงกลัว แต่ถ้าเรื่องนี้ไม่เพราะเราไม่ยุ่งเกี่ยวกันอยู่แล้ว และตาลเองก็ไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้ ที่ผ่านมาเขาก็จริงใจนะ ตาลพูดได้ว่าตาลไม่กล้ายืนยันว่าเขาโกงรึเปล่าเพราะตาลไม่ทราบเรื่องอะไรด้วยทั้งสิ้น ตาลไม่ได้อยู่ในฐานะที่ทำงานกับเขา ตาลไม่ได้เจาะจงถึงตรงนั้น อะไรถูกอะไรผิดตาลไม่รู้แล้ว"
       
       "ถามว่ามั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ไหม เจอข่าวมาแบบนี้ก็คงไม่มีใครกล้า100 เปอร์เซ็นต์ ก็เผื่อใจไว้ และถ้าเกิดการตรวจสอบจริงก็คงไม่มาถึงตาลเพราะตาลไม่เกี่ยวในธุรกิจของเขา"
       
       ถ้าผิดจริงยังไม่แน่ใจว่าจะเลิกหรือไม่
       "อันนี้ตาลยังไม่ทราบเหมือนกัน ก็อยากให้เขาตรวจสอบกันก่อนว่าผลที่ออกมาจะเป็นยังไง ก็เครียดนะ อยู่ดีๆมามีข่าว งงค่ะ เราคบกันมาเกือบ 2 ปีแล้วก็ราบรื่นไม่มีอะไร"

โอ้โห! บริษัทแฟน "ตาล กัญญา" ทุ่มซื้อโฆษณาเอาตำรวจมาการันตีว่าไม่ได้โกง
บริษัทบีฮิบของแฟน "ตาล กัญญา" ทุ่มเงินซื้อโฆษณาลงเว็บดังเผยแพร่คลิปตำรวจการันตีว่าไม่ได้โกง ด้านตำรวจมึนโดนอ้างชื่อ บอกแค่ให้สัมภาษณ์กับสื่อขายตรงไปไม่คิดว่าจะเอาไปลงเป็นโฆษณาการันตีบริษัทบีฮิบ ยันไม่ได้การันตีเรียกร้องให้ถอดคลิปดังกล่าวด่วน
       
       ทำท่าจะบานปลายซะแล้วสำหรับกรณีที่มีข่าวในโลกไซเบอร์ว่า “ไมเคิล ซาเฟล” นักธุรกิจขายตรงบริษัทบีฮิบ จำกัด แฟนของดาราสาว "ตาล กัญญา รัตนเพชร์" อาจเข้าข่ายการฉ้อโกงแบบแชร์ลูกโซ่ จนตาลต้องออกมาแถลงข่าวไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับการทำธุรกิจของแฟน ส่วนรถเฟอร์รารี่ที่ตกแต่งสีชมพูหวานแหววนั้นก็เป็นของแฟนตนแค่ยืมมาขับ
       
       ล่าสุดปรากฏว่าข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อบริษัทบีฮิบเป็นอย่างมาก ทางบริษัทจึงได้ทำคลิปโฆษณาออกมาเพื่อแก้ข่าวดังกล่าว และมีการซื้อพื้นที่โฆษณาตามเว็บไซต์ดังๆ หลายแห่ง เช่น Sanook, Mthai เพื่อนำคลิปดังกล่าวไปลงเผยแพร่ สำหรับคลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 50 วินาที มีเนื้อหาเป็นการให้สัมภาษณ์ของ "พ.ต.ท.ดร.นิติพัฒน์ วุฒิบุณยสิทธิ์" พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ยืนยันว่า บริษัทบีฮิบได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย แต่คนที่ทำธุรกิจนี้สำเร็จก็บอกว่าไม่โดนหลอก ส่วนคนที่ทำไม่สำเร็จก็บอกว่าโดนหลอก
       
       ทั้งนี้ คลิปวิดีโอดังกล่าว มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นความพยายามในการหาตำรวจมารับประกันวิธีการทำธุรกิจของบีฮิบว่าถูกกฎหมายใช่หรือไม่ โดยวานนี้ (7 ก.ย.) ทีมข่าวซูเปอร์บันเทิง Exclusive ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ดร.นิติพัฒน์ต่อกรณีดังกล่าว ทว่า พ.ต.ท.ดร.นิติพัฒน์กลับยืนยันว่า คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวของตนมิใช่การการันตีให้กับบริษัทบีฮิบอย่างแน่นอน แต่เป็นการให้สัมภาษณ์เพื่อให้ความรู้ด้านธุรกิจขายตรงกับประชาชนเพื่อไม่ให้โดนหลอก ซึ่งตนไม่คิดว่าจะถูกนำคลิปดังกล่าวไปใช้เพื่อการโฆษณา
       
       "เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีนักข่าวสื่อขายตรงติดต่อมาขอสัมภาษณ์เรื่องขายตรง ผมในฐานที่ะผมทำวิจัยเรื่องขายตรงและผมก็เป็นด็อกเตอร์ด้านขายตรง และเขาก็มาถามว่าการประกอบธุรกิจขายตรงเป็นยังไง มีขั้นตอนอะไรบ้าง การทำธุรกิจด้านขายตรงมีข้อพิจารณาแยกแยะระหว่างแชร์ลูกโซ่กับขายตรงยังไง และเขาก็ถามคำถามหนึ่งว่าเรื่องบีฮิบว่า บีฮิบได้รับอนุญาตไหม เราก็บอกว่าจากการตรวจสอบก็คือได้รับอนุญาต แต่หลังจากได้รับอนุญาตแล้วเขาจะไปดำเนินการในสิ่งที่ได้รับอนุญาตยังไงเราไม่รู้ มันเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่เข้าไปทำกันกฏหมายหรือเป็นไปตามสิ่งที่มายื่นไว้ไหมเราไม่รู้ เพราะเราไม่ได้ไปดูในเรื่องรายละเอียด"
       
       "ตรงนั้นเป็นการสัมภาษณ์ในเชิงวิชาการที่เราทำวิจัยไม่ใช่การสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน ซึ่งผมมองว่ามันเป็นเรื่องการให้ความรู้กับประชาชนมันเป็นเรื่องที่ดีเราก็ให้สัมภาษณ์ไป ผมไม่ได้การันตีให้เขานะ และเขาก็ไม่ได้ขออนุญาตผมว่าจะเอาบทสัมภาษณ์นี้ไปลงโฆษณา ถ้าคลิปนั้นมันทำให้ทุกคนคิดว่าผมไปการันตีเขาจะต้องดำเนินการเอาออก"
       
       "จริงๆ ผมให้สัมภาษณ์เขาไป 10 นาทีแต่เขาเอามาตัดออกแค่ 50 วินาทีมันจะไปรู้เรื่องอะไรผมไม่ได้การันตีให้เขาแน่นอน ขนาดครอบครัวเดียวกันเห็นหน้ากันทุกวัน พอเขาออกจากบ้านไปทำอะไรบ้างผมยังไม่รู้เลยเขาไปทำกิจกรรมยังไงบ้างผมยังการันตีไม่ได้เลย แล้วนี่มันธุรกิจขายตรงเขาทำอะไรยังไงเราจะไปรู้ได้ยังไงจะไปการันตีให้เขาได้ยังไง ผมไม่ได้ไปนั่งฟังกับเขาด้วย ใครจะกล้าไปการันตีว่าบีฮิบทำถูกต้องตามกฏหมาย" 
       
       "แต่ถ้าเขาตัดคลิปไปแบบนั้นมันเกิดความเสียหายขึ้นแน่นอน เพราะเขาเอาไปออกแค่ 50 กว่าวินาทีมันจะไปได้ข้อมูลได้ความรู้อะไร ผมให้สัมภาษณ์เพราะอยากให้ความรู้ประชาชน ถ้ามันไม่ถูกต้องแบบนี้ก็คงต้องแจ้งไปให้ทางเว็บที่เอาไปลงถอดออก เพราะการที่เขาเอามาออกแบบมันไม่ได้ให้ความรู้กับประชาชนมันไม่ใช่วัตถุประสงค์ของผม การเอาตรงนี้ไปลงคลิปโฆษณามันไม่ใช่วัตถุประสงค์ของเรา"
       
       "ผมไม่รู้เจตนารมย์ของคนที่เอาคลิปนี้ไปลง ผมรู้แต่ว่าสิ่งที่เขาถามมันเกี่ยวกับงานวิจัยของผมและเป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนจะรู้เท่าทันการขายตรง ผมก็เลยยินดีให้สัมภาษณ์เพราะคิดว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน ผมไม่คิดว่าเขาจะมาหลอกถามผมหรอกนะ แต่มันเป็นการเอาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์กันมากกว่า" นอกจากนั้นแล้ว พ.ต.ท.ดร.นิติพัฒน์ ยังกล่าวอีกว่าสำหรับใครที่มีข้อปัญหาหรืออยากจะร้องเรียนการกระทำผิดกับผู้บริโภคสามารถโทรศัพท์ติดต่อได้ที่เบอร์ 1166
       
       อย่างไรก็ตาม ภายหลังคลิปดังกล่าวที่มีความยาว 50 กว่าวินาทีได้ถูกถอดไป และมีการเปลี่ยนคลิปใหม่ใส่เข้ามาแทน ซึ่งคราวนี้เป็นคลิปที่มีความยาว 5.37 นาที และเมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบในเว็บไซต์ยูทิวบ์ในช่วงเช้าวันเสาร์ (8 ก.ย.) พบว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวมีผู้เข้าชมแล้วประมาณ 2,500 คน และมีความเห็นจากผู้ชมที่แสดงความไม่เห็นด้วยบางส่วน โดยความเห็นที่ถูกโหวตเป็นลำดับแรกเป็นความเห็นจากผู้ใช้ที่ชื่อ Adule Kruawan ระบุข้อความว่า
       
       "ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ แล้วคดีในอดีตผมยังจำได้ 'ไคโตซาน หรือ ปูแดง' ทำการตลาดคล้ายกัน มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน (เกษตรกร) มีสินค้าไม่หลากหลาย(ขายปุ๋ย)แต่มากกว่าบีฮิปแน่นอน ยังถูกจับ แล้วทำไมบีฮิป เป้าหมายก็ไม่ชัดเจน สินค้าก็ไม่มีอะไรเลย นอกจากน้ำอะไรนั่นน่ะ มองยังไงก็เข้าข่ายมากกว่าเหมือนปูแดงซะอีก แบบนี้เรียกว่าสองมาตรฐานหรือเปล่า?"

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก



Credit : กระปุกดอทคอม,manager.co.th,Youtube.com
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก TaRn Kanyaคุณ เทพแห่งรัตติการ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
เรียบเรียงข้อมูลโดยRuengdd.com