ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต"แย้ นนทพร"พริตตี้ไทยหน้าเกาหลี




           "ความสวย" แม้จะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของใครหลาย ๆ คน แต่สำหรับผู้หญิงบางคนอาจคิดว่า "ความสวย" นั้นสามารถเปลี่ยนชีวิตแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือได้ นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณสาว ๆ หลายคนสมัยนี้จะฮิตการทำศัลยกรรม เพื่อใช้ "ความสวย" ของตัวเองเป็นบันไดไต่เต้าไปสู่สิ่งที่ตัวเองคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จ 
 
           อย่างเช่นเรื่องราวของ "แย้ นนทพร ธีระวัฒนสุข" อดีตสาวหน้าตาหมวย ๆ ธรรมดา ๆ แต่เมื่อเธอตัดสินใจทำศัลยกรรม จนกลายเป็นสาวสวยเว่อร์ ก็ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ลองไป



ฟังเรื่องราวของ "แย้ นนทพร" จากรายการเช้าดูวู้ดดี้กัน
 
           เห็นหน้าตาสะสวยจนหนุ่ม ๆ ต้องเหลียวหลังเช่นนี้ แย้ นนทพร ยอมรับว่า ที่ผ่านมา เธอได้ทำศัลยกรรมจมูก ฉีดโบท็อกซ์ปรับรูปหน้าให้เรียวลง เสริมลักยิ้ม เสริมหน้าอก ทำให้กลายเป็นสาวสวยอย่างทุกคนเห็นกันทุกวันนี้ แต่ก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่า การทำศัลยกรรมจะเปลี่ยนชีวิตของเธอได้ขนาดนี้ เพราะสมัยก่อนเธอเป็นเด็กเนิร์ด ๆ ตั้งใจเรียนทั่ว ๆ ไป โดยจบการศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
 
           แล้วอะไรล่ะที่ทำให้ "แย้ นนทพร" ตัดสินใจทำศัลยกรรม? เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า เป็นเพราะเธอรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเลย เพราะไม่มีดั้ง แถมยังแบนทั้งตัว แบบไร้มิติ คือทั้งหน้าและร่างกายลงไป แย้ นนทพร ก็เลยได้ศึกษาเรื่องการศัลยกรรม โดยปรึกษาจากคุณพ่อซึ่งเป็นคุณหมอ จึงรู้ว่าหากทำศัลยกรรมในสถานพยาบาลที่ปลอดภัย มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร เธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหามีดหมอทันที


 
           แล้วเชื่อไหมว่า หมอที่ทำศัลยกรรมให้แย้ นนทพร คนนี้ ก็คือแฟนหนุ่มศัลยแพทย์ของเธอนั่นเอง ซึ่งเธอบอกว่า รู้สึกภูมิใจเหมือนกันที่ในร่างกายของเธอก็มีสิ่งหนึ่งที่เกิดจากฝีมือของแฟนหนุ่ม แต่ทั้งนี้เธอก็ไม่ได้เสพติดศัลยกรรมขนาดที่ว่า ไม่ชอบใจตรงนี้ตรงนั้นก็ผ่าได้ง่าย ๆ เพราะมีหมออยู่ข้างกาย
 
           แหม...เห็นหน้าตาสะสวยของ แย้ นนทพร แล้ว ต้องบอกว่าฝีมือคุณหมอเยี่ยมสุด ๆ เพราะหลังทำศัลยกรรมมาปุ๊บสาวแย้ นนทพร ก็งานเข้าปั๊บ เพราะเวลาเดินถนนก็มีแต่คนมองหน้า แถมยังได้โอกาสถ่ายโฆษณา และเข้าประกวดมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สด้วย นอกจากนั้น เธอก็ยังกลายเป็นพริตตี้ดาวเด่นในงานมอเตอร์โชว์ที่ความสวยไปสะดุดตาหนุ่ม ๆ จนมีคนขอถ่ายภาพสาวแย้กันเพียบ แถมยังเอาไปโพสต์ส่งต่อกันในโลกไซเบอร์อีกต่างหาก เรียกได้ว่า ชั่วโมงนี้ในโลกไซเบอร์ใครไม่รู้จัก "แย้ นนทพร" ถือว่าตกเทรนด์แล้วล่ะ
 
           ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิตได้ถึงขนาดนี้ ก็ไม่แปลกใจที่สาวแย้ นนทพร จะยอมรับว่า หากย้อนเวลากลับไปได้อีก ก็ยังคงจะทำศัลยกรรมเหมือนเดิม เพราะเห็นแล้วว่า ทุกวันนี้ประสบความสำเร็จ มีชีวิตดีขึ้นได้เพราะการศัลยกรรม แต่ถึงกระนั้น เธอก็คิดอยากจะทำตาสองชั้น ทำริมฝีปากให้เล็กลงอีก แต่ก็รอให้อายุมากขึ้นกว่านี้อีกหน่อย จะได้ไม่เสียเอกลักษณ์ความเป็นตัวของตัวเองไป
 
           แล้วในฐานะพริตตี้ชื่อดังที่คนรู้จักทั่วบ้านทั่วเมือง งานนี้ สาวแย้ก็เลยถูกดึงเข้าไปเอี่ยวเป็นข่าวเป็นคราวกับดาราหนุ่มหล่อในวงการบันเทิงเสียด้วย อย่างเช่น ข่าวกุ๊กกิ๊กกับหนุ่มหล่อขั้นเทพ "โดม ปกรณ์ ลัม" หลังจากมีภาพสาวแย้ถ่ายคู่กับหนุ่มโดมว่อนเน็ต ซึ่งสาวแย้ ก็ขอเคลียร์ชัด ๆ กลางรายการเช้าดูวู้ดดี้ว่า ภาพนั้นตนได้ไปขอหนุ่มโดม ซึ่งเป็นศิลปินในดวงใจถ่ายด้วยเอง หลังจากได้ไปเจอกันในงานหนึ่ง แล้วก็นำภาพมาลงเฟซบุ๊ก เพื่อให้เพื่อนกะเทยกรี๊ดกร๊าดอิจฉาเล่น ๆ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรอย่างที่ข่าวเขียนเลย แม้แต่หนุ่มโดมก็คงจำเธอไม่ได้หรอก แต่พอมาเป็นข่าว เธอก็เลยรู้สึกสงสารหนุ่มโดมมากที่ตกเป็นข่าวทำนองนี้
 
           จะให้ยืนยันคนเดียวก็กลัวจะไม่เชื่อ สาวแย้ก็เลยพาเพื่อนสาวพริตตี้ที่ผ่านมีดหมอมาเหมือนกันมาช่วยยืนยันให้ ทั้งสาว "นก วันริสา และ ชุ ชุติมา" ที่หน้าตาสวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากทำศัลยกรรม โดยทั้งสองสาวได้มาช่วยสาวแย้เคลียร์ข่าวกิ๊กกับพระเอกหนุ่ม กันต์ กันตถาวร อีกคนด้วยว่า ไม่เป็นความจริงเช่นกัน โดยข่าวกับหนุ่มกันต์ก็คล้าย ๆ กับกรณีของโดม ที่สาวแย้เจอดาราก็เข้าไปขอถ่ายรูปด้วย แล้วก็นำรูปมาโพสต์อวดเพื่อนในเฟซบุ๊ก พอรูปถูกส่งต่อก็เลยกลายเป็นข่าวตามหนังสือพิมพ์กอซซิป ทั้งที่จริง ๆ ก็ไม่ได้รู้จักกันเลย
 
           สาวแย้เคลียร์ข่าวกันชัด ๆ เรียบร้อยแล้ว ก็ขอทิ้งท้ายเตือนสาว ๆ ที่อยากจะทำศัลยกรรมไว้ด้วยว่า หากคิดจะทำศัลยกรรมก็อยากให้ศึกษาให้ดีก่อน โดยเลือกทำในสถานพยาบาลที่ถูกต้อง และเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ เพราะมีสาว ๆ อีกหลายคนที่ทำศัลยกรรมแล้วไม่ได้ผลดังใจปรารถนา กลับกันหากไปทำศัลยกรรมในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความปลอดภัย เพราะเห็นว่าราคาถูก ก็อาจจะเกิดการติดเชื้ออักเสบ หรือหน้าพัง จนเปลี่ยนชีวิตให้ดิ่งลงไปอีกทางได้เหมือนกัน

การดูแลตนเองก่อน-หลังผ่าตัด

การเตรียมตัวและข้อห้ามก่อนการผ่าตัด

1 งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แอลกอฮอลล์อย่างน้อย 5 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและอาการบวมที่ยาวนานกว่าปกติ (กรณีผ่าตัดใหญ่ให้งดบุหรี่หลังผ่าตัด 1 เดือน)

2 งดยากลุ่มแอสไพริน (aspirin) หรือไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) เช่น ยารักษาโรคไซนัส ยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของยาดังกล่าว อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัดเพื่อลดอาการฟกช้ำจากปัญหาเลือดคั่งหลังการผ่าตัด หากจำเป็นให้ใช้ยาพาราเซตามอนในการแก้ปวดเท่านั้น

3 งดยา สมุนไพร และอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของวิตามิน E และ C อย่างน้อย 10 วัน เนื่องจากทำให้เลือดหลุดไหลยาก และเป็นอุปสรรคในการทำผ่าตัด เช่น ผงชูรส กระเทียม หัวหอม ถั่วเหลือง อีฟนิงพริมโรส ยาลดความอ้วน ยาต้านอาการซึมเศร้า อัลมอนด์ แอปเปิ้ล ผลไม้ตระกูลเบอรี่ แตงกวา ขิง มะเขือเทศ

4 แจ้งประวัติการแพ้ยา อาหารเสริมที่รับประทานอยู่ และโรคประจำตัว

5 งดอาหารก่อนผ่าตัด 6 ชั่วโมง แต่สามารถดื่มน้ำได้ แต่กรณีที่ต้องใช้ยาสลบให้งดทั้งน้ำและอาหาร 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด

6 ในกรณีผ่าตัดใหญ่เช่น ทำหน้าอก ดูดไขมัน ควรหลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงมีประจำเดือน

7 ลาหยุดประมาณ 4 วัน และควรมีคนมาเป็นเพื่อนด้วย เนื่องจากแพทย์จะให้ยานอนหลับทำให้มีอาการมึนเมาหลังจากฟื้นจากฤทธิ์ยา

8 หากคนไข้อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ให้นำบิดาหรือมารดามาเซ็นยินยอมอนุญาตให้บุตรเข้ารับการผ่าตัด ไม่สามารถให้พี่สาวหรือญาติมาเซ็นได้





การดูแลตนเองหลังเข้ารับการผ่าตัด

การเสริมจมูก, แก้ไขจมูก, ตกแต่งทรงจมูก และการตัดปีกจมูก




1 ประคบเย็นทันทีหลังการผ่าตัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง โดยอุปกรณ์ที่ใช้ประคบเย็นควรเป็นวัสดุน้ำหนักเบาเช่น ใช้ผ้าขนหนูที่เปียกหมาดๆสัก 3 ผืนแช่ช่องแข็งและสลับนำมาประคบให้ต่อเนื่องที่สุด โดยประคบหน้าผาก ตา และข้างๆจมูก หากพ้นระยะ 48 ชั่วโมงแล้วให้ปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ควรประคบร้อนหรือเย็นทั้งสิ้นเพราะอาการบวมจะมีต่อไปอีกประมาณ 4-14 วันแล้วจะค่อยๆยุบลง โดยช่วงหัวตาจะยุบช้าที่สุด ดังนั้นหากรู้สึกว่าหัวตาดูโตไม่ต้องกังวลค่ะ



2 นอนยกหัวสูงหรือนั่งหลับ 48 ชั่วโมง และตระหนักไว้ว่าอาการบวมจนตาปิดช่วง 3-4 วันแรกเป็นอาการปกติ และช่วง 8 วันแรกยังไม่ต้องอารมณ์เสียกับรูปทรงจมูกเพราะอาการบวมยังมีมากอยู่จนไม่อาจทราบทรงจมูกที่แท้จริงได้ อาการบวมช้ำจะยาวนานแตกต่างกันไปในแต่ละรายช่วง 4-14 วัน ไม่ต้องวิตกกังวล



3 ห้ามแผลผ่าตัดโดนน้ำ 7 วัน ดังนั้น การทำความสะอาดหน้า 3-4 วันแรกให้ใช้กระดาษซับมัน หลังจากนั้นใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดทั่วใบหน้า หลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งบริเวณดั้งจมูก 



4 ผู้เข้ารับการผ่าตัดจึงควรอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงฝุ่นที่เป็นสาเหตุให้แพ้อากาศ หากมีน้ำมูกให้รีบทานยาแก้แพ้ทันที หลีกเลี่ยงการไอ จาม และสั่งน้ำมูก



5 หลังจากรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งจนหมดแล้วไม่ต้องซื้อรับประทานเองเพิ่ม ให้ทานได้เฉพาะยาแก้ปวดพาราเซตามอนเท่านั้น ในกรณีมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมักมีสาเหตุมาจากอาการแห้ยาให้หยุดทานยาแก้อักเสบ และสามารถทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียนได้(Domperidone)



6 วันที่ 4 หลังการผ่าตัดให้แกะเฝือกที่ติดจมูกออกได้โดยใช้น้ำอุ่นลูบเบาๆ



7 ในช่วง 3-4 วันแรกคนไข้อาจมีอาการน้ำเหลืองหรือเลือดจางๆซึมออกมาจากแผล ให้ใช้คัตตอนบัดซับเบาๆ และแต้มเบตาดีนเบาๆในบริเวณที่มีน้ำเหลืองซึมออกมา ห้ามเช็ดหรือถูโดยเด็ดขาด แต่ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลในทุกกรณี 



8 หลังจากแผลผ่าตัดแห้งแล้วเท่านั้นจะสามารถใช้ยารักษาแผลเป็นได้



9 ในกรณีตัดปีกจมูก คนไข้ไม่ต้องตกใจหากแผลมีอาการแฉะ สามารถซับด้วยไม้พันสำลีชุบเบตาดีนได้ถ้าจำเป็น ห้ามเช็ดหรือถูโดยเด็ดขาด (ไม่ควรทำบ่อย ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลในทุกกรณี) 



10 ต้องมาตรวจซ้ำตามใบนัด หากมีอาการเอียงแพทย์จะสามารถใช้มือดัดแก้ไขให้ตรงได้ทันเวลา หากมีปัญหาแล้วไม่มาตามนัดอาจไม่สามารถแก้ไขได้ สำหรับคนไข้ที่แพทย์ไม่ได้ทำการตัดไหมให้อาจเป็นเพราะแผลยังไม่แห้งสนิท ดังนั้นหากรู้สึกรำคาญสามารถให้แพทย์ท่านอื่นตัดได้ 



11 รับประทานอาหารอ่อนๆในช่วง 3-4 วันแรก เพื่อหลีกเลี่ยงการกระแทกและขยับเขยื้อนของจมูก รวมไปถึงของหมักดอง อาหารรสจัด ของไม่สะอาดทั้งหลาย





การเสริมคาง

1 ประคบเย็นทันทีหลังการผ่าตัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง โดยอุปกรณ์ที่ใช้ประคบเย็นควรเป็นวัสดุน้ำหนักเบาเช่น ใช้ผ้าขนหนูที่เปียกหมาดๆสัก 3 ผืนแช่ช่องแข็งและสลับนำมาประคบให้ต่อเนื่องที่สุด โดยประคบช่วงแก้ม หลีกเลี่ยงการประคบตรงจุดที่มีซิลิโคนอยู่ หากพ้นระยะ 48 ชั่วโมงแล้วให้ปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ควรประคบร้อนหรือเย็นทั้งสิ้นเพราะอาการบวมจะมีต่อไปอีกประมาณ 4-5 วัน



2 นอนยกหัวสูงหรือนั่งหลับ 48 ชั่วโมง และตระหนักไว้ว่าอาการบวมอย่างมากช่วง 3-4 วันแรกเป็นอาการปกติ และช่วง 8 วันแรกยังไม่ต้องอารมณ์เสียกับคางที่ใหญ่เกินไปเพราะยังมีอาการบวมอยู่



3 การผ่าตัดคางจะผ่าจากด้านในปาก ทำให้มีแผลในปาก ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารร้อน ของหมักดอง อาหารที่ต้องใช้แรงเคี้ยวในช่วงแรก ส่วนการทำความสะอาดให้บ้วนปากด้วยน้ำเปล่าผสมน้ำยาบ้วนปากเจือจางช่วง 3-4 วันแรก 



4 หลังจากรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งจนหมดแล้วไม่ต้องซื้อรับประทานเองเพิ่ม ให้ทานได้เฉพาะยาแก้ปวดพาราเซตามอนเท่านั้น ในกรณีมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมักมีสาเหตุมาจากอาการแห้ยาให้หยุดทานยาแก้อักเสบ และสามารถทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียนได้ (Domperidone)



5 วันที่ 4 หลังการผ่าตัดให้แกะเฝือกที่ติดคางออกได้โดยใช้น้ำอุ่นลูบเบาๆ



6 ต้องมาตรวจซ้ำตามใบนัดแพทย์ หากมีอาการเอียงแพทย์จะสามารถใช้มือดัดแก้ไขให้ตรงได้ทันเวลา แต่หากไม่มาอาจแก้ไขให้ไม่ได้ สำหรับคนไข้ที่แพทย์ไม่ได้ทำการตัดไหมให้อาจเป็นเพราะแผลยังไม่แห้งสนิท ดังนั้นหากรู้สึกรำคาญสามารถให้แพทย์ท่านอื่นตัดได้ 





การทำตาสองชั้น และการตัดถุงไขมันใต้ตา

1 ประคบเย็นทันทีหลังการผ่าตัดเป็นเวลา 48 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่อง โดยอุปกรณ์ที่ใช้ประคบเย็นควรเป็นวัสดุน้ำหนักเบาเช่น ใช้ผ้าขนหนูที่เปียกหมาดๆสัก 3 ผืนแช่ช่องแข็งและสลับนำมาประคบให้ต่อเนื่องที่สุด โดยประคบหน้าผาก รอบๆตา ใต้ตาและสันจมูก หากพ้นระยะ 48 ชั่วโมงแล้วให้ปล่อยไว้เฉยๆ ไม่ควรประคบร้อนหรือเย็นทั้งสิ้นเพราะอาการบวมจะมีต่อไปอีกประมาณ 4-5 วัน



2 นอนยกหัวสูงหรือนั่งหลับ 48 ชั่วโมง และตระหนักไว้ว่าอาการบวมจนตาปิดหรือมีอาการฟกช้ำโดยรอบช่วง 3-7 วันแรกเป็นอาการปกติ และบางรายอาจมีอาการเลือดคั่งด้วยเช่นกันซึ่งสามารถให้แพทย์ดูดออกภายหลังได้



3 เมื่อพ้นระยะ 24 ชั่วโมงสามารถแกะผ้าปิดตาออกได้ ห้ามแผลโดนน้ำ 5-7 วัน ดังนั้น การทำความสะอาดหน้า 3-4 วันแรกให้ใช้สำลีหรือผ้าชุบน้ำเช็ดทั่วใบหน้าอย่าให้โดนแผลเด็ดขาด 



4 ผู้เข้ารับการผ่าตัดจึงควรอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงฝุ่นที่เป็นสาเหตุให้แพ้อากาศ หากมีน้ำมูกให้รีบทานยาแก้แพ้ทันที หลีกเลี่ยงการไอ จาม และสั่งน้ำมูก



5 หลังจากรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งจนหมดแล้วไม่ต้องซื้อรับประทานเองเพิ่ม ให้ทานได้เฉพาะยาแก้ปวดพาราเซตามอนเท่านั้น ในกรณีมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมักมีสาเหตุมาจากอาการแห้ยาให้หยุดทานยาแก้อักเสบ และสามารถทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียนได้(Domperidone)



6 ในช่วง 3-4 วันแรกคนไข้อาจมีอาการน้ำเหลืองหรือเลือดจางๆซึมออกมาจากแผลให้ปล่อยไว้เฉยๆ แต่ถ้าทนไม่ไหวให้ใช้คัตตอนบัดชุบเบตาดีนซับเบาๆ ในบริเวณนั้นๆ ห้ามเช็ดหรือถูแผลเด็ดขาด หลังจากแผลผ่าตัดแห้งแล้วเท่านั้นจะสามารถใช้ยารักษาแผลเป็นได้ และแต่งหน้าได้หลังผ่าตัด 7-10 วัน หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์ สวมแว่นตาหนักๆ ยกของหนัก การใช้สายตามากๆช่วง 2-3 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด 



7 ไม่ต้องตกใจหากมีเลือดซึมจากแผลที่เปลือกตามาแห้งหรังทั่วบริเวณจำนวนมาก และห้ามแคะแกะเกา



8 มาตรวจซ้ำตามใบนัดแพทย์ หากมีอาการผิดปกติแพทย์จะสามารถแก้ไขให้ได้ทันท่วงที สำหรับคนไข้ที่แพทย์ไม่ได้ทำการตัดไหมให้อาจเป็นเพราะแผลยังไม่แห้งสนิท ดังนั้นหากรู้สึกรำคาญสามารถให้แพทย์ท่านอื่นตัดได้ 








การดูดไขมัน

การเตรียมตัวและข้อห้ามก่อนการผ่าตัด




1 งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แอลกอฮอลล์อย่างน้อย 5 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและอาการบวมที่ยาวนานกว่าปกติ (กรณีผ่าตัดใหญ่ให้งดบุหรี่หลังผ่าตัด 1 เดือน)



2 งดยากลุ่มแอสไพริน (aspirin) หรือไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) เช่น ยารักษาโรคไซนัส ยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของยาดังกล่าว อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัดเพื่อลดอาการฟกช้ำจากปัญหาเลือดคั่งหลังการผ่าตัด หากจำเป็นให้ใช้ยาพาราเซตามอนในการแก้ปวดเท่านั้น



3 งดยา สมุนไพร และอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของวิตามิน E และ C อย่างน้อย 10 วัน เนื่องจากทำให้เลือดหลุดไหลยาก และเป็นอุปสรรคในการทำผ่าตัด เช่น ผงชูรส กระเทียม หัวหอม ถั่วเหลือง อีฟนิงพริมโรส ยาลดความอ้วน ยาต้านอาการซึมเศร้า อัลมอนด์ แอปเปิ้ล ผลไม้ตระกูลเบอรี่ แตงกวา ขิง มะเขือเทศ



4 แจ้งประวัติการแพ้ยา อาหารเสริมที่รับประทานอยู่ และโรคประจำตัว



5 งดทั้งน้ำและอาหาร 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด



6 การทำหน้าอก ดูดไขมัน ควรหลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงมีประจำเดือน



7 ลาหยุดประมาณ 4 วัน และควรมีเพื่อนดูแลตลอดคืน (admit 1 คืน) 



8 หากคนไข้อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ให้นำบิดาหรือมารดามาเซ็นยินยอมอนุญาตให้บุตรเข้ารับการผ่าตัด ไม่สามารถให้พี่สาวหรือญาติมาเซ็นได้





การดูแลตนเองหลังการดูดไขมัน


1 หลังการผ่าตัดในคนไข้บางรายจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเนื่องจากอาการแพ้ยาสลบ



2 ค้างคืนที่โรงพยาบาล 1-2 คืนกรุณาปฏิบัติตามคำแนะนำของพยาบาลอย่างเคร่งครัด



3 ในช่วง2-3วันแรกห้ามขยับตัวมาก ควรใช้วิธีการเช็ดตัวในการทำความสะอาดร่างกาย คนไข้ไม่ต้องตกใจหากมีน้ำหรือเลือดซึมออกมาจากแผล สามารถทำแผลเองด้วยการใช้เบตาดีนแต้มได้ สำหรับวันที่ 3 เป็นต้นไปแผลจะแห้งและสามารถอาบน้ำได้ตามปกติ 



4 ต้องพันผ้าที่แพทย์พันให้ตลอดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ 



5 หลังแผลหายอาจมีผิวหนังเป็นคลื่นหรอมีไตแข็งๆ สามารถนวดในบริเวณดังกล่าว ซึ่งอาการจะดีขึ้นใน 3-6 เดือน



6 ประมาณ 3 สัปดาห์ อาการบวมช้ำจะมีอยู่เป็นเรื่องปกติไม่ต้องตกใจ



7 ต้องมาตรวจซ้ำตามใบนัด หากมีอาการเอียงแพทย์จะสามารถใช้มือดัดแก้ไขให้ตรงได้ทันเวลา หากมีปัญหาแล้วไม่มาตามนัดอาจไม่สามารถแก้ไขได้





การเสริมหน้าอกและลดขนาดหน้าอก

การเตรียมตัวและข้อห้ามก่อนการผ่าตัด


1 งดสูบบุหรี่ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แอลกอฮอลล์อย่างน้อย 5 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและอาการบวมที่ยาวนานกว่าปกติ (กรณีผ่าตัดใหญ่ให้งดบุหรี่หลังผ่าตัด 1 เดือน)



2 งดยากลุ่มแอสไพริน (aspirin) หรือไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) เช่น ยารักษาโรคไซนัส ยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของยาดังกล่าว อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนและหลังผ่าตัดเพื่อลดอาการฟกช้ำจากปัญหาเลือดคั่งหลังการผ่าตัด หากจำเป็นให้ใช้ยาพาราเซตามอนในการแก้ปวดเท่านั้น



3 งดยา สมุนไพร และอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของวิตามิน E และ C อย่างน้อย 10 วัน เนื่องจากทำให้เลือดหลุดไหลยาก และเป็นอุปสรรคในการทำผ่าตัด เช่น ผงชูรส กระเทียม หัวหอม ถั่วเหลือง อีฟนิงพริมโรส ยาลดความอ้วน ยาต้านอาการซึมเศร้า อัลมอนด์ แอปเปิ้ล ผลไม้ตระกูลเบอรี่ แตงกวา ขิง มะเขือเทศ



4 แจ้งประวัติการแพ้ยา อาหารเสริมที่รับประทานอยู่ และโรคประจำตัว



5 งดทั้งน้ำและอาหาร 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด



6 การทำหน้าอก ดูดไขมัน ควรหลีกเลี่ยงการผ่าตัดในช่วงมีประจำเดือน



7 ลาหยุดประมาณ 4 วัน และควรมีเพื่อนดูแลตลอดคืน (admit 1 คืน) 



8 หากคนไข้อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ให้นำบิดาหรือมารดามาเซ็นยินยอมอนุญาตให้บุตรเข้ารับการผ่าตัด ไม่สามารถให้พี่สาวหรือญาติมาเซ็นได้





การดูแลหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอกและลดขนาดหน้าอก


1 หลังการผ่าตัดในคนไข้บางรายจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเนื่องจากอาการแพ้ยาสลบ



2 ค้างคืนที่โรงพยาบาล 1 คืนกรุณาปฏิบัติตามคำแนะนำของพยาบาลอย่างเคร่งครัด



3 ในช่วง2-3วันแรกไม่ควรขยับตัวมาก ควรใช้วิธีการเช็ดตัวในการทำความสะอาดร่างกาย สำหรับวันที่ 7 เป็นต้นไปแผลจะแห้งและสามารถอาบน้ำได้ตามปกติ โดยคนไข้ไม่ต้องทำแผลเองเลยจนกว่าจะมาตรวจซ้ำตามแพทย์นัด



4 การยกของหนักควรหลีกเลี่ยงในช่วง 1 เดือนแรก และอาการแขนไม่มีแรงเป็นเรื่องปกติ แพทย์จะแจ้งวิธีการบริหารแขนให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติเอง



5 ต้องพันผ้าที่แพทย์พันให้ตลอดเวลา ให้แน่นในระดับที่สามารถหายใจได้เป็นเวลา 2 สัปดาห์



6 ห้ามใส่ยกทรงโครงเหล็ก หรือสามารถใส่ sport bar ได้เป็นเวลา 2 สัปดาห์



7 การนวดหน้าอกให้นิ่มเป็นธรรมชาติต้องเริ่มนวดตั้งแต่วันที่มาตรวจซ้ำ โดยแพทย์จะเป็นผู้สอนวิธีการนวดที่ถูกต้อง ต้องนวดต่อเนื่องทุกวันวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที เป็นเวลา 6 เดือน หลังจาก 



6 เดือนไปแล้วนวดวันเว้นวันได้จะดีมาก (กรณีลดขนาดหน้าอกไม่ต้องนวด)



8 ต้องมาตรวจซ้ำตามใบนัด หากมีอาการผิดปกติใดๆแพทย์จะสามารถแก้ไขได้ทันเวลา หากมีปัญหาแล้วไม่มาตามนัดอาจไม่สามารถแก้ไขได้

Botoxหน้าเรียวจ้า

บันทึกคนอยากหน้าเล็ก

แย้สูง(แบบไม่โกงเลยนะ) 168 cm

น้ำหนักตัวอยู่ที่ 45, 46, 47, 48 kg

สัดส่วน 28-23-33 (สมัยยังไม่ดูมดูม ปัจจุบัน 32 จ้ะ ไว้วันหลังจะมีรีวิว)

ดูน้ำหนักน่าจะผอมๆ หน้าเล็กๆ ซูบๆ... แต่จริงๆแล้ว

ผ่างงงง !!!!!!!!!!


ปัญหาของเราและอีกหลายๆคน กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆ อยู่ที่เวลาอ้วนปุ๊บ หน้าจะออกเป็นประการแรก ช่างเป็นปฐมบาปหรือบาปที่ติดตัวมาแต่กำเนิด (Original Sin) แต่ตอนนี้เรามาเข้าเรื่องดีกว่าว่า ทำอย่างไรให้หน้าเล็ก.....

ตัดกราม โอ้ เรื่องใหญ่เป็นแสน ไม่ไหวอะคร้าบพี่น้อง แล้วก็หน้าบวมนานด้วยอันนี้หมอบอกมา ส่วนใหญ่ตัดกรามจะไว้สำหรับคนที่จนปัญญาแล้วจริงๆ

2 Carboxy พิมพ์ถูกหรือเปล่าไม่แน่ใจ ตัวนี้ต้องกระตุ้นแบบว่า 3 วันไปฉีดทีๆ เป็นตัวที่ลดไขมัน แต่จริงๆเหมาะกับการฉีดตามแขนขาที่มันไกลๆสมองมากกว่า โอกาสเสี่ยงถึงชีวิตมีสูง แล้วก็เจ็บอีกตะหาก แถมมีเพื่อนทำมาแล้วบ่นว่าไม่workด้วย

3 Mesotherapy ตอนแรกมีเพื่อนบอกว่าทำแล้วหน้าเล็ก แต่พอผลออกมามันทำให้หน้าใสตะหาก เอ๊ะยังไง เข้าใจผิดนี่เอง

4 ลดน้ำหนัก กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

5 Botox นี่แหละ ตอนแรกก็ว่าไม่ไหวจะแพง โดนไป 11,000 อยู่ได้ เดือนก็เริ่มบานเหมือนเดิม แต่แหม 7 เดือนนี่ช่างแสนจะมีความสุขจริงๆ หน้าเรียวได้ใจมาก ล่าสุดเดือนธันวาปลายๆหน่อยเลยกัดฟันจ่ายไปอีก

นี่คือรูปสมัย

ในบัตรประชาชน หนัก 45 kg ทำจมุกรอบแรกแล้ว แต่ยังไม่ฉีดBOTOX (แต่มันจะขึ้นอืดเว่อร์ๆหน่อยตามสูตรบัตรประชาชน เอิ้กๆ)

รูปข้างๆนี่หนัก 47 kg ทำจมูกรอบสองทำให้หน้ายาวขึ้น ฉีดBOTOX



แต่ราคานี้ก็ต้องหาเพื่อนไปเป็นคู่อะค่ะ เพราะถ้ามาแบบหัวเดียวกระเทียมลีบเค้าจะคิด 13,000 (ราคาแบบว่าเพิ่ม 2,000 ทำจมูกได้เลย) และสถานที่ฉีดเราก็ฉีดกับหมอนพรัตน์คนเดียวกับหมอที่แก้จมูกให้เดี๊ยนนั่นเอง แบบว่าคราวหน้าจะฉีดฟรีแล้ว เป็นคนไข้ดีเด่น กร๊ากๆ

สำหรับการฉีด ช่างหน้าตื่นเต้นเสียนี่ยิ่งกระไร

หมอเค้าจะทำการผสมยา ให้ดูต่อหน้า เหมือนจะการันตีความรุนแรงของฤทธิ์ยาให้คนไข้ได้หวาดผวาเล่น

2 ป้ายแก้มด้วยปากกาพร้อมกับบอกให้เรากัดฟันกราม ปล่อยบ้างกัดบ้าง ว่ากันไป

3 เอาสำลีเช็ดหนังหน้าเราที่เต็มไปด้วยรองพื้นจนกระทั่งเห็นผิวหนังอัน..........ที่แท้จริงของเดี๊ยน

เอาเข็มจิ้มตามจุด โดยคำสั่ง กัดฟันคร้าบ คายคร้าบ กัดคร้าบ คายคร้าบ (หลอนไปถึงเช้าวันรุ่งขึ้น)

ดังภาพนี้ !!



คำถามมีอยู่ว่า เจ็บไหม?

เราฉีดมาแล้วสองรอบ รอบแรกรู้สึกเจ็บเพราะความตื่นเต้นและความไม่รู้กระวนกระวายร้อนรน

ฉีดรอบสองนี่ไม่เจ็บอะ เพราะหน้ามันด้านแล้ว กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ต่อมาจะรู้สึกอย่างไร??

หลังฉีดเสร็จหน้าบวมนิดนึง นิดนึงจริงๆประมาณ ชม. เพราะอีวัคซีนที่ฉีดเข้าไปนี่แหละ

ช่วง สอง อาทิตย์แรกจะ เมื่อยๆ เวลาเคี้ยวข้าว และเวลาหาวปากกว้างจัดๆ

ผล......... แล้วแต่คนน่ะ เราฉีดรอบแรก 12 วันเริ่มลด แต่ฉีดรอบสอง 7 วันก็ยุบแล้ว

แต่เพื่อนเรานี่สิปาไป 3 อาทิตย์ สงสัยกล้ามเนื้อแข็งแรงจัด น่าสงสารจริงๆ

ข้อแนะนำ

ฉีดแล้วควรเลี่ยงปลาหมึก น้ำแข็ง หมากฝรั่ง

2 อย่าหาวปากกว้างช่วงแรกโดยไม่จำเป็นเพราะ..มันเจ็บ

เคี้ยวน้อยๆ จะได้ ลดความอ้วนไปในตัว

ถ้าฉีดไปแล้ว 1 เดือนยังไม่เห็นผล ให้ไปชั่ง น้ำหนักดู กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

จมูกหมอกรีชาติ และจมูกหมอนพรัตน์ จ้า

ภาพนี้คุณพ่อคุณแม่ให้มาค่ะ


ภาพที่สองนี้ ทำจมูกครั้งแรกค่ะ requestคุณหมอไปว่าขอธรรมชาติม๊ากม๊าก แค่ต้องการให้มันมีจมูกไว้พอหายใจบ้าง คุณหมอท่านเลยจัดให้อย่างที่ request เลย แต่เวลาล่วงเลยไปไม่พอใจเท่าไรเพราะ มันน้อยมากกก ธรรมชาติเกิ๊น


ภาพสุดท้าย เป็นฝีมือหมอนพรัตน์ค่ะ สวยงามถูกใจมากมายยย เอิ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


บันทึกคน “ทำจมูก”


การทำ 2 รอบนี้เองก็มีความแตกต่างกันอยู่ชัดเจน
และน่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่คิดจะทำจมูก
เพราะรอบแรกไม่มีข้อมูลและยังงงกับความต้องการที่แท้จริงของตน ผลที่ได้คือต้องไปทำจมูกใหม่555
และรอบ 2 ทำกับหมอนพรัตน์ รัตนวราห เครดิตหมอเค้าหน่อยละกัน
แพงหน่อยแต่เราได้ปรึกษากับหมอโดยตรง มีเวลาคิด เวลาศึกษาเยอะขึ้น ที่สำคัญสวยขึ้น กร๊ากๆๆๆ


รอบแรกทำเมื่อปลายปี 2007 อะ ทำมาไม่ถึง 10,000 ประหยัดได้อีกเพราะตอนนั้นงบน้อยมาก
วันที่ไปทำมีเวลาคุยกับหมอก่อนทำ 5 นาที ไม่ถึงสิ 3 นาที เค้าจับๆเนื้อตรงจมูก
เสร็จก้อวาดๆๆด้วยปากกาแล้วก็บอกว่าไม่ต้องห่วงหรอกสวยแน่ๆ
แล้วพยาบาลก็พาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อเป็นสีเขียวยังกะจะผ่าตัดใหญ่โต มีหม่งมีหมวกด้วย โดนล้างหน้าด้วย
ดังนั้นคนที่คิดจะแต่งหน้าไปก็ล้มเลิกแผนการได้เลย

นี่คือ BEFORE

จากนั้นไปนอนคอยอีกห้องนึงโดยเค้าจะให้เรากินยาให้ง่วง แล้วก้อทำความสะอาดจมูก
จากนั้นเราก็จะง่วง แต่เราไม่ง่วงเพราะดันกินกาแฟกะเปปซี่มา เซ็งเป็ดมาก
แต่ก็เอาเถอะความผิดเราเอง 5555555
สักพักเค้าจะเข็นเราเข้าห้องผ่าตัด จากนั้นเค้าก็ปิดหน้าปิดตาเรา จิ้มเข็มเข้าตรงหลังมืออะ เจ็บได้อีก น้ำตาเล็ดแต่ต้องอดทนฟอร์มว่าไม่เจ็บ
แล้วอยู่ดีๆก็เบลอๆงงๆไป แล้วก็หลับๆตื่นๆ แต่รู้ตัวตลอดเวลาว่าเค้าเริ่มแล้วนะ แบบว่างัดๆ กรีดๆ แต่ไม่เจ็บเพราะโดนฉีดยาชาไปแล้วเรียบร้อย
สรุปก็คือ เสียวสุดตอนรอเนี้ยแหละ ทำจริงๆก็ไม่เจ็บนักหรอกถึงจะรู้สึกตัวก็ตาม

หลังจากนั้นจะเป็นการแสดงความหง่อมหลังผ่าตัดของเรา

20 August 2007

เริ่มจากวันแรกหลังทำเสร็จ เราทำเสร็จตอน 13.00 น. แล้วก็กลับมาสอบกลางภาค ตอน 15.30 นะ ถ้าจำไม่ผิด สอบแบบเบลอๆเมาๆน่ะเลยได้ C+ มา ขำได้อีก
ความหง่อมมันอยู่ตรงที่ว่า เลือดนี่ทะลักไหลออกมาอย่างมีความสุข ไอเราก็จะซื๊ดก็ซื๊ดไม่ได้ไม่กล้าทำอะไร กลัวมันเบี้ยว เหอๆๆ
ความปวดวันนี้ยังไม่เท่าไร.. แต่สภาพภายนอกสยองขวัญมาก

ปัญหามันอยู่ที่ว่าเค้าให้คู่มือการดูแลหลังผ่าตัดมา... แต่นึกออกมะ มันก็ไม่ชัวร์อะ คืออยากจะ make sure ว่าชั้นทำงี้ได้ไม๊ ทำงั้นได้ไม๊ไรเงี้ย
สุดท้ายก็..โอเคทำตามคู่มือก็ได้ คือเค้าให้ทำความสะอาดทุกวันนนนนนนนนนนนนนน !!
ขั้นตอนการทำความสะอาดนี่แหละคือศูนย์รวมความแสบเจ็บปวดรวดร้าวอย่างหาที่สุดไม่ ฮือๆๆ
แล้วก็ให้ประคบร้อน ประคบเย็นอะไรก็ไม่รุ้ งง แต่ไม่ได้บอกว่าประคบตอนไหนบ้างอะไรบ้าง
จะโทรถามหมอก็ไม่ได้ ไม่มีเบอร์ติดต่อหมอโดยตรง

มีเฝือกยันจมูกมาให้ด้วยแต่ตอนนั้นเราก็ไม่สนใจหรอกว่าอะไรมันยันจมูกเราอยู่ จะแกะยังไงอะไรยังไง เหอๆๆ
ก็คอยลุ้นวันต่อๆไป เพราะมันก็ไม่ได้ลำบากชีวิตมากนัก แต่ว่าไปไหนมาไหนเค้าก็จะรุ้หมดทั้งซอยว่าอีนี่ทำจมูกมา

21 August 2007

วันนี้ตื่นมา...แทบไม่กล้าหยิบกระจกมาส่องหนังหน้าตัวเองเลย บวมแบบแย่ๆอะ ไม่รู้จะอธิบายยังไง บวมๆร้อนๆปวดๆตื้อๆตลอดเวลา
ใต้ตานี่แดงราวกับโดนต่อยมา เหอๆๆๆหน้ามันแผล่บด้วย ศพมาก ดูรูปได้ว่ามันศพจริงๆ 55555555
วันนี้ก็ประคบร้อนบ้างเย็นบ้างสลับกันไป และทำความสะอาดจมูกอย่างแสบบบบบบบ


22 August 2007

วันนี้เริ่มนับถอยหลัง เห็นเค้าว่ากันว่าพักฟื้น 5 วัน ก็หายแล้ว เย่ๆๆ เหลืออีก 2 วันเอง
อาการวันนี้เหี่ยวเหมือนเมื่อวาน แต่แย่กว่าเพราะมันปวดอะ ในรูปนี่เราแอบโบกแป้งขาวๆมากลบเกลื่อนความฟกช้ำดำเขียวของหนังหน้าใต้ตาเรา เหอๆๆ
ส่วนอาการบวม วันนี้นี่ขอมอบรางวัล เทพธิดาหน้าสิงโตให้เลยอะ สุดๆแล้ววันนี้
วันนี้ประคบร้อนเย็นสลับกันไป โดนไม่รู้ว่ามันช่วยเหลืออะไรเรา
และก็ยังแสบแผลอยู่โดยเฉพาะตอนทำความสะอาดมันอะ


23 August

ปรากฏว่าวันนี้กับเมื่อวานนี่หาได้แตกต่างกันไม่ เราต้องแบกร่างกายและหนังหน้าเหียกๆของเราไปเรียน
อายเพื่อนมาก ประกาศศักดาให้รู้กันไปเลยว่าจมูกอีช้านโดนยัดปลาสสะติกเข้าไป เอิ้กๆ
วันนี้ก็ทำความสะอาดจมูกเหมือนเดิมและก็ประคบๆร้อนเย็นสลับๆมั่วๆกันไป


24 August

วันนี้เริ่มอยากตายขึ้นมาซะจริงๆ ทำไมมันไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย ไอที่แดงๆม่วงๆใต้ตาเราก็ไม่ไหวจะเขียว
แถมยังขยายวงกว้างความเขียวขจีไปทั่วแก้มบนเลยอะ
ส่วนหน้าก็ยังคงเป็น เทพธิดาหน้าสิงโตอยู่เหมือนเดิม แหงะ!
เสียจายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
และก็ทำความสะอาดจมูกเหมือนเดิม ประคบร้อนเย็นมั่วๆ ปนๆ กัน
ก็ไม่รู้จะปรึกษาใครอะ ตอนนั้นก็รู้จักคนทำจมูกน้อยเหลือเกิน
เบอร์หมอก็ไม่มี -..-
และวันนี้ เราก็เอาเฝือกออก เอาออกยากได้อีก เพราะมันคือเฝือกแบบปูนขาวอะ ไม่รู้เรียกไม่ถูก
ภายใต้เฝือกอันนั้นก็จะพบกับรอยฟกช้ำดำเขียวเหมือนโดนต่อยมา พร้อมกับรอยปากกาที่ยังฝังลึก 555


25 August

นี่มันวันที่ 6 แล้วนะ ใครบอกชั้นว่าหาย 5 วันเนี่ยยย ฮือๆๆ
สำหรับอาการก็จากความเขียวใต้ตาก็กลายเป็นความเหลืองงแทนแล้ว ความปวดลดลง เดินเบาๆได้ เดินแบบโหย่งๆอะ
ความบวมยังทรงๆ แต่ลดลงบ้างอะไรบ้าง ค่อยยังชั่ว
แต่ก็ยังไม่อยากจะพบปะชาวบ้านอยู่ดี แต่ต้องทำใจเพราะมันเป็นอาการปกติหลังผ่าตัด







2 สัปดาห์ให้หลัง

วันที่ 13 หลังผ่าตัดน่ะ ถึงจะโอเคดูเป็นคนขึ้นมาและไปเดินอวดจมูกใหม่บ้างอะไรบ้าง
แต่กลิ่นไอความเป็นสิงโตก็ยังคงคุกรุ่นอยู่ คือมันยังบวมแบบรั้งลูกตาอยู่อะ เอาเป็นว่า มองกระจกแล้วก็รู้อะ
หนังมันไม่ฟีบไปกับเนื้อเราจริงๆ แต่ก็ดีใจอะ ไม่มีจมูกมา 20 ปี อยู่ดีๆก็มีสะงั้น
ตอนนั้นดีใจมากแบบว่าคิดถูกเว้ยที่ทำ


8 เดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก

หลังจากผ่านไป 2 เดือนเป๊ะ จมูกเราก็คงที่ถาวร..
ผลลัพธ์ที่ได้คือ เนื้อมันหายบวมมันเลยไม่โด่งอีกต่อไป เซ็งเป็ดมาก รู้งี้ปล่อยให้มันบวมไปตลอดชีวิตดีกว่า
แล้วยิ่งไปเทียบกับชาวบ้านแล้วความมั่นใจก็หายไปเลยยยยยยยยยยยยยย เหมือนไม่มีดั้งงะ หน้าแบนเหมือนเดิม เซ็งๆๆๆๆๆๆ
แต่มีคนบอกว่า มันเป็นธรรมชาติมากกกกกกกกกกได้อีก
ก็แอบภูมิใจเล็กๆว่าเหมือนธรรมชาติจริง แต่ลึกๆก็อยากจะทำใหม่นะ
แต่ทว่าเค้าว่ากันว่าทำรอบสองมันเจ็บกว่ารอบแรก และบวกกับโรคทรัพย์จาง เราก็เลยไม่มีแพลนว่าจะทำใหม่เลย at all

รวมภาพความประทับใจกับจมูกครั้งแรก...


ในที่สุด...

ในที่สุดดดดดดดดดด.....
ก็เกิดแรงบันดาลใจในการทำจมูกใหม่ขึ้นดังประการฉะนี้
1 จมูกเดิมมันไม่มีตรงดั้งเลย มีแต่สันทื่อๆ ตรงๆ
2 ปลายจมูกเต่อเหมือนก่อนทำ คือ จมูกสั้นเหมือนเดิม ปลายมันเชิดขึ้น เลยหวังว่าถ้าทำใหม่จะให้มันยาวๆจะได้หน้าดูเล็กลง
3 ไปฉีดโบทอกซ์ให้หน้าเล็กกับหมอคนหนึ่ง(หมอนพรัตน์เนี่ยแหละ) แล้วเราก็ฉวยโอกาสปรึกษา(บ่นมากกว่า)
เพราะเค้าให้เบอร์ที่เราสามารถติดต่อเค้าได้โดยตรง แบบว่าโทรไปสติแตกใส่คุณหมอหลายครั้งจนอยากทำเลย อิอิ
4 อยากได้แบบเกาหลีๆ
5 จมูกเดิมเนี่ย เวลาผ่านไป8-9 เดือน แล้วยังเจ็บอยู่เลย เลยกลัวว่าอนาคตมันจะมีปัญหาหรือเปล่า เลยตัดสินใจเอาออกดีกว่า(จริงๆแล้วอยากสวย แหะๆ)












=========================================================================================

ต่อมาด้วยความอยากสวยเราก็ตัดสินใจทำกะหมอนพรัตน์เนี่ยแหละ
ตอนนั้นทำที่ รพ.ปิยะเวทพระราม 9
ตอนนั้นคุณหมอคนไข้ไม่เยอะนัก ก็เลยมีเวลาให้เราเยอะมากกกกกกกกกกกกก คือถ้ามีปัญหาก็ติดต่อเค้าได้โดยตรงเลย
อย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญของเค้าคือ เค้าหล่อสู้หมอโอ๊คไม่ได้ 555


26 May 2008

วันนี้ตอนเย็นเรียนเสร็จ ก็ถ่อไปที่โรงพยาบาล โดยเอารูปดาราเกาหลีเยอะๆไปให้เค้าดู แต่เค้าก็บอกว่ามันอาจจะไม่เหมือนเป๊ะนะ เพราะพื้นฐานโครงของจมูกคนเรามันต่างกันและหมอจะดูให้มันเข้ากับโครงสร้างหน้าแต่ละคนด้วย แต่เราก็คาดหวังสูงอยู่ดี 5555555555

ไปถึงโรงพยาบาลก็โดนล้างหน้าทั้งหมด แล้วก็เปลี่ยนชุดเป็นสีเขียวเข้าห้องผ่าตัด เปิดเพลงเบาๆ
รอบนี้เค้าให้กินยาง่วง โดมิกลุ้ม แต่เราก็ไม่หลับอยู่ดี ด้วยความตื่นเต้น
แล้วเค้าก็ฉีดยาชาข้างๆจมูกทั้งสองข้าง แอบเจ็บอยู่เหมือนกัน (รอบนี้ไม่ฉีดที่หลังมือแฮะ?)
แต่หลังจากนั้น ความชาก็บังเกิด พอเค้าทำอะไรกะจมูกเรา เราก็ไม่รู้ถึงความเจ็บเลย
สักพักก็เริ่มสะลึมสะลือ
แล้วเค้าก็คงงัดซิลิโคนเล็กๆอันเดิมของเราออก แล้วใส่อันใหม่เข้าไปแทน อันนี้ยาวกว่าอันเดิมมาก
คือเค้าเอามาให้ดูด้วยอะ 555555555555
บรรยากาศดูชิวสุดฤทธิ์
ไปๆมาๆ เค้าก็เอากระจกให้เราส่องหน้าสะงั้นน่ะ เราก็ส่องแต่ด้วยความสะลึมสะลือเราก็ตอบโอเคไปไม่ได้สนใจหรอกว่าชอบไม่ชอบ
พอฟื้นมาดูกระจกอีกที ไอเราก็คิดว่าเป็นเฝือกแบบที่แรก
ปรากฏว่าเป็นพลาสเตอร์สีเนื้อ หรือใสไม่รู้ในภาพเนี่ย (อีตอนเอาออกนี่สงสัยสิวเสี้ยนหลุดตรึม)
แล้วเราก็จ่ายกะตังอันน้อยนิดและกลับบ้านในสภาพนี้
นี่ถ่ายตอนถึงบ้านแว้ว!

เรื่องการดูแลหลังการผ่าตัดคุณหมอนพรัตน์ เค้าแนะนำต่างกะโบร์ชัวร์ที่เราทำครั้งแรกอะ
คือ
1 ยกหัวสูงตลอดเวลา แม้แต่เวลานอน
2 อยู่ในที่เย็น
3 ประคบเย็นตลอดเวลา อันนี้สำคัญมาก
4 อย่าเคลื่อนไหวร่างกายมาก และอย่าพูดมาก
5 ไม่ต้องไปยุ่งกับแผลเลย คือไม่ต้องไปทำความสะอาดมัน

นอกจากประเด็นเรื่อง หมอเค้าน่าจะมือเบา การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด 5 ข้อดังกล่าวนี่ก็น่าจะเป็นอีกประเด็นนึงที่ทำให้การทำจมูกรอบสองของเรานี้ หายไวแบบไม่ไหวจะไว


27 May 2008

วันรุ่งขึ้นปวดนิดๆ บวมบ้างอะไรบ้าง ดังภาพ
แต่แปลกที่ว่า ไม่มีแดงๆม่วงๆใต้ตาเลย
สงสัยจะมีพรุ่งนี้มั้ง

และเราก็ดูแลเหมือนที่บอกไป 5 ข้อข้างบน


28 May 2008

วันนี้แทบไม่ปวดเลย มาปวดอีกทีตอนเย็นๆค่ำๆ
และเกือบจะหายบวมแล้ว ชีวิตสดใสได้อีกอะ
เพิ่งวันที่ 3 เอง
แต่รอยคล้ำ ช้ำ ใต้ตาก็ยังไม่ปรากฏ เราก็ไม่อยาก ชะล่าใจ หลงดีใจไป
เลยโทรไปถามหมอ หมอเค้าบอกว่าถ้าวันนี้มันไม่มีต่อไปก็ไม่มีแล้วล่ะ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ดีใจมากมาย เพราะ อีรอยคล้ำใต้ตานี่กว่าจะหายสนิทรอบแรกตั้ง 2 อาทิตย์

29 May 2008

วันนี้เรามองกระจกแล้วมันดูแบบว่าเหมือนปกติมาก แต่มันก็บวมๆนิดๆ
และเราก็อยากออกจากบ้านบ้างอะไรบ้าง เลยโทรถามหมอว่าจะเอาพลาสเตอร์ออกดีไหม? เค้าก็บอกเอาออกได้เลย
เราเอาออกอยุ่ เกือบชั่วโมง แอบอยากจิกหมอเค้าเหมือนกันว่าไม่ติดกาวตราช้างไปเลยล่ะ
แต่ก็ดีอะ ไม่เจ็บเลยแต่ถ้าเอาออกแรงๆเราจะกลัวเบี้ยว

นี่เราแบกหน้าบวมๆไปกินฮะจิบังราเมนมา ไปเจอเพื่อน เพื่อนก็ไม่รู้นะว่ามันบวม
หายไวดี เราก็ไล่เพื่อนไปทำจมูกพร้อมกับโปรโมตหมอให้เพื่อนฟังใหญ่เลย 5555555

30 May 2008

วันนี้ไม่บวมอีกต่อไปแล้วววววววววววววววแต่มองด้วยตาเปล่าจะรู้สึกจมูกโย้ไปทางขวาของเรา เราก็สงสัยว่ามันเบี้ยวหรือเปล่า คุณหมอก็อธิบายว่ามันยังบวมอยู่
แต่ด้วยความเห่อจมูกใหม่ไม่สนแล้วว่าจะเบี้ยวไม่เบี้ยว ดีใจมาก เลยถือโอกาสไป Blog 9 (ระหว่าง นั่งเล่น กับ ซานติก้าอะ แต่ตอนนี้มันปิดไปแล้ว)
แบกหน้าสวยๆที่ยังไม่หายดีไป
แต่ถามหมอว่ากินเหล้าได้ไหม เค้าบอกไม่ได้
แต่เราก็กิน กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก
กินแต่พอเหมาะพอควรน่ะ ไม่ใช่เมาเละเทะไปชนหนุ่มๆ เดี๋ยวมันจะเบี้ยว

31 May 2008

วันนี้ก็เรียกได้ว่าปกติมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่ความโย้ไปทางขวายังมีอยู่ แต่ถ่ายรูปออกมาไม่เห็นน้า
โดยรวม สวยเลยอะชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เพราะปลายมันยาวแล้วทำให้หน้าเรายาวขึ้น

หลังจากนั้นประมาณ อาทิตย์นึงก็มีงานถ่ายแบบเข้ามา เราก็บอกเลยว่าตอนนี้ชั้นสวยยย ชั้นทำจมูกมาใหม่
แล้วก็งานเข้าตลอดเลย
กร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไม่รู้โหงวเฮ้งหรือเราสวยน่ะ โฮ๊ะะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แถมมีคนทักด้วยว่า เราสวย พอเราถามว่าสวยตรงไหน
เค้าก็บอกว่าตรงจมูก --_________--"
เลยไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี



และนี่ก็ภาพ 10-11เดือนต่อมา มันจะฟีบลงมาจาก 1 เดือนแรก ส่วนเรื่องจมูกดูโย้ไปทางขวานิดนึงก็หายไปซะงั้น มันเป็นเพราะแผลผ่าตัดในรูปจมูกบวม ทำให้ช่วงแรกมันดูเบี้ยว เฮ่อออ ค่อยยังชั่ว
จมูกดูเป็นธรรมชาติดี(แต่รอบแรกธรรมชาติกว่า) แต่เราไฮไลท์ให้มันเป็นสันหน่อย เพราะจะได้ถ่ายรูปออกมาดูดี
และเพื่อนๆก็บอกว่าชอบจมูกนี้กันมากกว่าจมูกแรกถึงแม้ว่าจมูกแรกจะดูไม่รู้เลยว่าแอบทำมา
แล้วหน้าเราก็เฉี่ยวขึ้นอะ ปกติตาเราจะธรรมดา ก็มีคนทักว่าไปทำตามาหรอ
จริงๆแล้ว พอทำจมูกหนังมันก็ดึงงะ ตามันเลยรั้งเข้าหากัน ตาเลยแบ๊วขึ้นสะงั้นน่ะ


รวมภาพความประทับใจการทำจมูกรอบสองจ้ะ




รูปดาราเกาหลีที่เอาไปให้คุณหมอนพรัตน์เค้าดูค่ะ มี Song Hye Kyo กับ Shin Sol Ki ค่ะ


พอจะเหมือนมั่งไหมเนี่ย??





สุดท้ายนี้ก็ฝากบอกคนที่สนใจจะทำจมูกว่า
1 ต้องเข้าใจว่าการทำศัลยกรรมไม่ได้ทำให้คุณสวยขึ้น 20 เท่า แต่อาจจะทำให้คุณดูดีขึ้นบ้างอะไรบ้าง ดังนั้นความคาดหวังจึงไม่ควรสูงเกิน เช่น หน้าเหมือนจา พนม แต่มาทำจมูกเพราะหวังจะเหมือนแบรด พิตต์
2 ศึกษาให้ดีก่อนว่าอยากจะทำที่ไหน ไม่ใช่ว่าอ่านๆๆตามเวบบอร์ดต่างๆ แล้วไปเชื่อคอมเม้นในเวบบอร์ดว่าหมอนั้นดีหมอนี้ดี คลินิกนั้นดีคลินิกนี้ดี
เพราะ มันอาจเป็นโฆษณาชวนเชื่อได้
ทางที่ดีเราควรดูไว้ใช่ว่า และควรเชื่อคนที่ทำมาแล้วจริงๆมากกว่า ประเด็นนี้สำคัญน่ะ
เพื่อนเราสองคนไปทำที่คลินิกกับหมอคนเดียวกันแต่ผลออกมาก็แตกต่างกัน
ปรากฏว่ามีคนนึงไม่พอใจเลย ทำมาแล้วเหมือนไม่ทำ
ส่วนอีกคนนึงบอกว่าโอเค
ดังนั้น เราควรให้เวลากับมันบ้างอะไรบ้าง หมอก็ไม่ใช่เทวดาจะเสกให้จมูกแต่นๆแหงนๆของเราให้งุ้มมีหยดน้ำได้
ถ้าอยากได้จมูกสวยๆมามีไว้ในครอบครอง ก็ต้องหมั่นซักถาม ไม่ใช่หมั่นอ่านโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ
3 การดูแลหลังผ่าตัดน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ไปอ่านซะที่เราบอกไป 5 ข้อน่ะ
4 เอารูปดาราหรือคนที่เราอยากจะเหมือนในมุมต่างๆไปให้หมอเค้า แล้วบอกเอาแบบนี้
ทำเป็นตั้งความหวังสูงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเยอะๆ กดดันหมอเค้าเล่นๆ เค้าจะได้ทำสวยๆ 5555 แต่จริงๆก็ต้องไม่ตั้งความหวังเยอะไปนะ
5 อย่าสดแบบว่าไปทำคนเดียวแล้วโหนรถเมล์กลับบ้านก็ไม่ควร และหลังจากผ่าเสร็จน่าจะมีคนช่วยดูแลในการ
เปลี่ยนผ้าเย็นให้บ่อยๆ เราจะได้ไม่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายให้มันกระเทือนจมูกเรานัก
6 หน้านี่ไม่ต้องแต่งไปหรอก พยาบาลก็มีแต่สาวๆ 555555

แต่งหน้าจากผีให้เป็นคน ด้วยmake-upราคาไม่แพง สไตล์แย้

BLOG อื่นๆของแย้จ้า

รีวิวเสริมจมูกหมอกรีชาติกับหมอนพรัตน์จ้า
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=uunws&month=07-2011&date=05&group=2&gblog=5
รีวิวBotoxหน้าเรี๊ยววเรียววจ้า
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=uunws&month=07-2011&date=05&group=2&gblog=4
รีวิวโบกหน้าหนาขนาดนี้ต้องล้างอย่างไรให้ไร้สิวอุดตัน!!
http://http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=uunws&month=19-07-2011&group=2&gblog=7


.


















































แถมอีกรูปเป็นแนวเบาเบา อิอิ

ไร้สิวอุดตัน:ทำความสะอาดหน้าที่แน่นไปด้วยรองพื้น ราคายกจก สไตล์แย้

BLOG อื่นๆของแย้จ้า

รีวิวเสริมจมูกหมอกรีชาติกับหมอนพรัตน์จ้า
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=uunws&month=07-2011&date=05&group=2&gblog=5
รีวิวBotoxหน้าเรี๊ยววเรียววจ้า
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=uunws&month=07-2011&date=05&group=2&gblog=4
รีวิวแต่งหน้าจัดเต็มจากผีให้เป็นคน ไม่ต้องพึ่งคอนแทคเลนส์จ้า
http://http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=uunws&month=12-07-2011&group=2&gblog=6

แย้เป็นคนที่มีสิวอุดตันมาก่อน จะขึ้นเยอะมากทั้งจมูก
หน้าผาก ยิ่งทารองพื้นเยอะๆ ยิ่งขึ้น... จนได้ถามพี่ๆช่างแต่งหน้าและได้วิธีการมาเยอะ
วันนี้แย้เลยจะมานำเสนอวิธีการที่ดีที่สุดในการล้างหน้าที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องสำอางค่ะ !








วิธีนี้ใช้ได้ผลจริงๆ แถมเบากระเป๋าด้วย เพราะแย้แต่งหน้าปีละ 360 วัน ไม่เคยมีสิวอุดตันเลยยยย (อาจมีวันพักฟื้นจากการทำศัลยกรรม สัก 4-5 วันใน 1 ปี หมอห้ามแต่งหน้า) 


  
รายการเช้าดูวู้ดดี้ ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต สวยเว่อร์ 1


 
รายการเช้าดูวู้ดดี้ ศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต สวยเว่อร์ 2

ประวัติ
นางสาวนนทพร ธีระวัฒนสุข แย้
เกิด 20 เมษายน 2530
สูง 168 หนัก 46    สัดส่วน 32-23-33

จบการศึกษาจาก คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร (เกียรตินิยม)
ผิวขาวเหลือง ผมยาวตรงน้ำตาลเข้ม
อีเมล์ OpenUpSun@gmail.com

การศึกษา                                                                       .

     อักษรศาสตรบัณฑิต     มิถุนายน 2548 – มีนาคม 2552
คณะอักษรศาสตร์ เอกวิชาภาษาอังกฤษ โทวิชาประวัติศาสตร์
มหาวิทยาลัยศิลปากร วิยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ (ผลการเรียนเฉลี่ย 3.38)

      มัธยมศึกษา    พฤษภาคม 2542 – มีนาคม 2548
โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย
จังหวัดนครปฐม (ผลการเรียนเฉลี่ย 3.92 )

ทักษะทางภาษา                                                                               .
ภาษา   การอ่าน   การฟัง   การเขียน   การพูด
ไทย   ดีมาก   ดีมาก   ดีมาก   ดีมาก
อังกฤษ   ดีมาก   ดีมาก   ดี   ดี

คะแนนโทอิค      820
                   (การฟัง: 420 การอ่าน: 400)

 


* uuuuunws (1).jpg (138.37 KB, 604x806 - ดู 1665 ครั้ง.)

* model2.jpg (62.43 KB, 450x600 - ดู 1740 ครั้ง.)

* model15.jpg (67.03 KB, 450x600 - ดู 1972 ครั้ง.)

* DSC00709.jpg (78.5 KB, 640x480 - ดู 979 ครั้ง.)

* DSC00708.jpg (64.8 KB, 640x480 - ดู 958 ครั้ง.)

* DSC05112.JPG (33.31 KB, 480x640 - ดู 1089 ครั้ง.)

* CIMG3599.JPG (1689.99 KB, 2560x1920 - ดู 1468 ครั้ง.)

* Set1 (9).JPG (2615.14 KB, 2336x3504 - ดู 2195 ครั้ง.)

* DSC02014.JPG (305.75 KB, 1632x1224 - ดู 849 ครั้ง.)

* DSC02028.JPG (426.85 KB, 1632x1224 - ดู 1100 ครั้ง.)

* 11062008(011).jpg (273.07 KB, 1600x1200 - ดู 1330 ครั้ง.)

* IMG_4846.JPG (2363.2 KB, 2336x3504 - ดู 922 ครั้ง.)

* IMG_1627_resize.JPG (209.73 KB, 772x600 - ดู 897 ครั้ง.)

* IMG_5951_resize.JPG (96.19 KB, 407x600 - ดู 1403 ครั้ง.)

* 175198_Yae-7.jpg (251.51 KB, 683x1024 - ดู 3203 ครั้ง.)

* 175199_Yae-8.jpg (222.59 KB, 683x1024 - ดู 3020 ครั้ง.)

* IMG-8793.jpg (150.16 KB, 600x900 - ดู 1360 ครั้ง.)

* โฆษณาแพนคอสเมติกแย้องุ่น_resize.jpg (110.94 KB, 460x538 - ดู 2976 ครั้ง.)

* โฆษณาแพนคอสเมติกeditedVer2.jpg (157.88 KB, 804x1200 - ดู 3356 ครั้ง.)

* IMG_5147_resize.JPG (84.45 KB, 386x581 - ดู 1093 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 26, 2011, 04:37:13 am โดย มาริโอ้ » บันทึกการเข้า



* 1lud2.jpg (117.62 KB, 600x409 - ดู 726 ครั้ง.)

* 3368448536_1ebaaa1ab5_b.jpg (364.3 KB, 683x1024 - ดู 953 ครั้ง.)

* แย้นนทพร (6).JPG (30.45 KB, 340x504 - ดู 588 ครั้ง.)

* 1308543384071.jpg (67.67 KB, 338x504 - ดู 687 ครั้ง.)

* yttt.JPG (38.18 KB, 340x509 - ดู 514 ครั้ง.)


* uuuuunws (4).JPG (50.19 KB, 480x640 - ดู 765 ครั้ง.)

* IMG_6026_resize.jpg (133.48 KB, 800x533 - ดู 3208 ครั้ง.)

* IMG_6175_resize.jpg (91.25 KB, 400x600 - ดู 810 ครั้ง.)

* Untitled-1 copy.JPG (153.92 KB, 1500x850 - ดู 655 ครั้ง.)

* IMG_0235re.jpg (334.18 KB, 675x450 - ดู 3109 ครั้ง.)

* IMG_0383re.jpg (218.4 KB, 450x675 - ดู 2657 ครั้ง.)

* IMG_0482re.jpg (143.33 KB, 450x675 - ดู 4906 ครั้ง.)


* DSC05017.JPG (229.6 KB, 1224x1632 - ดู 874 ครั้ง.)

* P1560721.JPG (34.68 KB, 450x600 - ดู 594 ครั้ง.)

* P1560719.JPG (43.44 KB, 600x450 - ดู 858 ครั้ง.)

* ตู้หยอดเหรียญอินเทอร์เน็ต สุวรรณภูมิ2.bmp (224.35 KB, 239x319 - ดู 617 ครั้ง.)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก uunws