เอ็กซ์ เจแปน(X-Japan)ตำนานในวงการร็อคประเทศญีุ่ปุ่น
เอกซ์ เจแปน (X Japan) (ญี่ปุ่น: エックス ジャパン ekkusu japan) หรือ X (ญี่ปุ่น: エックス ekkusu) วงดนตรีจากประเทศญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงมากได้ก่อตั้งวงมาเมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยผู้ริเริ่มความคิดคือ โยชิกิ X Japan เป็นวงที่สร้างชื่อเสียงให้กับวงการเพลงของเพลงญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก และเป็นวงที่ได้ชื่อว่า
เป็นตำนานในวงการร็อคในประเทศญี่ปุ่น
ความเป็นมาของวง X-Japan ถ้าจะให้เริ่มก็ต้องอ่านตั้งแต่ประวัติของ Yoshiki หัวหน้าวงก่อนเลยครับ อ่านประวัติของ Yoshiki ก็เหมือนกับได้อ่านประวัติวง X ไปในตัวเช่นกัน
Yoshiki เป็นเพื่อนกับ Toshi มาตั้งแต่เด็ก เรียนรร.เดียวกัน ตั้งแต่อนุบาล ม.ต้น จนถึง ม.ปลาย สมัยแรกๆ Yoshiki ไม่ยอมเปิดเผยประวัติส่วนตัวของเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นชื่อจริง วันเดือนปีเกิด กรุ๊ปเลือด สถานที่เกิด เราจะระบุว่า X ตลอด นั่นเป็นนโยบายของเขาเอง Yoshiki มักพูดเสมอว่า "X" คือทุกสิ่งทุกอย่างของผม ประวัติของเขาจึงมีแต่ X เต็มไปหมด แต่ด้วยความเป็นเพื่อนกับ Toshi จึงทำให้รู้ว่า เขาอายุเท่าไหร่ เกิดที่ไหน เหตุผลที่แท้จริงที่เขาไม่ยอมเปิดเผยวันเกิดนั้นก็เพราะว่า เขาจะรู้สึกเขินเมื่อถึงวันเกิดของเขาแล้วทุกคนแสดงความยินดี ทำให้ได้รู้ว่าเขาขี้อายมากๆ ชีวิตในวันเด็กนั้นมีอุบัติเหตุและเหตุการณ์มากมาย เช่น ในสมัยประถม เขาจะมีความทรงจำกับรพ.มากกว่ารร.เพราะป่วยเป็นโรคหืดหอบ(ปัจจุบันหายแล้ว)
เดินบนถนนกับแม่ก็ถูกมอเตอร์ไซด์ชน ข้ามทางม้าลายก็ถูกรถชน Yoshiki เองยังพูดว่า "ดวงไม่ดีมันมาแรง" ในวันเกิดครบ 10 ขวบ ตอนที่เขาอยู่ ป.5 เขาได้รับกลองเป็นของขวัญวันเกิดจากแม่ ซึ่งปกติเขาจะได้รับเครื่องดนตรีเป็นของขวัญวันเกิดทุกปีจนถือเป็นธรรมเนียม หลังจากที่เขากลับบ้านก็พบกลองตั้งอยู่กลางห้องและตัวเขาเองก็ไม่เคยสนใจกลองมาก่อนเลย ที่ได้กลองเป็นของขวัญเพราะ พ่อของเขาอยากให้ตีกลองเป็นมือกลองที่ดีให้ได้ และตอนอายุ 5 ขวบ เขาก็ได้รับของขวัญเป็นเปียโน ตัวเขาเอง เริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่ 5 ขวบ เพราะพ่อแม่อยากให้เขาเป็นนักเปียโน นอกจากเรียนเปียโนแล้ว ก็ให้เรียนคัดอักษร วาดภาพ ลูกคิด ภาษาอังกฤษ เรียงความ และการเรียนเปียโนเป็นสิ่งที่เขาเล่นติดต่อกันนานที่สุด แม้ระหว่างนั้นเลิกเล่นไปหลายครั้ง แต่พอเวลาผ่านไประยะหนึ่งเขาก็เริ่มหันมาดีดเปียโนใหม่ เมื่อเข้าเรียน ม.ต้น ร่างกายของเขาเริ่มแข็งแรงขึ้น และเข้าร่วมชมรมดนตรี เป็นชมรมที่มีชื่อเสียงมาก ชนะการประกวดได้อัดแผ่นเสียง Yoshiki เล่นทรัมเป็ต Toshi เล่นยูนิฟอเนี่ยม แต่ต่อมาเขาเริ่มรู้สึกว่าการเล่นเครื่องดนตรีเบาๆ เริ่มไม่เต็มอารมณ์ จึงหันมาเล่นกีฬา
เขาเลือกเล่นฟุตบอล เขาอธิบายว่า "เพราะเป็นกีฬาที่เหมือนคนทะเลาะกัน" และอีกสาเหตุหนึ่งเพราะเขาอยากปล่อยพลังงาน แต่เล่นได้ไม่นานก็เลิกไป และเขามีความคิดที่จะตั้งวงดนตรีขึ้น โดย Yoshiki เล่นกลอง Toshi ยังไม่ได้เป็นนักร้องนำ แต่มีหน้าที่เล่นกีตาร์ Yoshiki เคยเข้าประกวดระหว่างห้องจนกลายเป็นฮีโร่ในห้องเรียนไป เพราะเป็นเด็กเกเรแต่กลับดีดเปีนโนได้อย่างสง่างาม ไม่เพียงแต่นักเรียน อาจารย์เองก็ตกใจและคิดไม่ถึง เขารู้สึกสะใจมาก ม.3 รร.ที่เขาเรียนแบ่งออกเป็น 2 รร. ตัว Yoshiki และ Toshi ถูกย้ายไปเรียนที่ใหม่ ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ อยู่รร.เก่า เขาพบเพื่อนร่วมชั้นใหม่ คุณครูคนใหม่ ตึกเรียนใหม่ จึงทำให้เขาเริ่มเกเร สร้างปัญหามากมายให้คุณครูและรร.ใหม่ โดยปกติเขาก็ไม่ใช่เด็กเรียบร้อยอยู่แล้ว เขาจึงมีปัญหากับอาจารย์เป็นประจำ ย้อมสีผมตลอดถึงขนาดเคยโดนโกนหัวถึง3ครั้ง ชอบซิ่งมอเตอร์ไซด์และอาละวาดในรร.เป็นประจำ
ต่อเลยนะครับนี่คือ ประวัติของ yoshiki นะคับ
เดินบนถนนกับแม่ก็ถูกมอเตอร์ไซด์ชน ข้ามทางม้าลายก็ถูกรถชน Yoshiki เองยังพูดว่า "ดวงไม่ดีมันมาแรง" ในวันเกิดครบ 10 ขวบ ตอนที่เขาอยู่ ป.5 เขาได้รับกลองเป็นของขวัญวันเกิดจากแม่ ซึ่งปกติเขาจะได้รับเครื่องดนตรีเป็นของขวัญวันเกิดทุกปีจนถือเป็นธรรมเนียม หลังจากที่เขากลับบ้านก็พบกลองตั้งอยู่กลางห้องและตัวเขาเองก็ไม่เคยสนใจกลองมาก่อนเลย ที่ได้กลองเป็นของขวัญเพราะ พ่อของเขาอยากให้ตีกลองเป็นมือกลองที่ดีให้ได้ และตอนอายุ 5 ขวบ เขาก็ได้รับของขวัญเป็นเปียโน ตัวเขาเอง เริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่ 5 ขวบ เพราะพ่อแม่อยากให้เขาเป็นนักเปียโน นอกจากเรียนเปียโนแล้ว ก็ให้เรียนคัดอักษร วาดภาพ ลูกคิด ภาษาอังกฤษ เรียงความ และการเรียนเปียโนเป็นสิ่งที่เขาเล่นติดต่อกันนานที่สุด แม้ระหว่างนั้นเลิกเล่นไปหลายครั้ง แต่พอเวลาผ่านไประยะหนึ่งเขาก็เริ่มหันมาดีดเปียโนใหม่ เมื่อเข้าเรียน ม.ต้น ร่างกายของเขาเริ่มแข็งแรงขึ้น และเข้าร่วมชมรมดนตรี เป็นชมรมที่มีชื่อเสียงมาก ชนะการประกวดได้อัดแผ่นเสียง Yoshiki เล่นทรัมเป็ต Toshi เล่นยูนิฟอเนี่ยม แต่ต่อมาเขาเริ่มรู้สึกว่าการเล่นเครื่องดนตรีเบาๆ เริ่มไม่เต็มอารมณ์ จึงหันมาเล่นกีฬา
เขาเลือกเล่นฟุตบอล เขาอธิบายว่า "เพราะเป็นกีฬาที่เหมือนคนทะเลาะกัน" และอีกสาเหตุหนึ่งเพราะเขาอยากปล่อยพลังงาน แต่เล่นได้ไม่นานก็เลิกไป และเขามีความคิดที่จะตั้งวงดนตรีขึ้น โดย Yoshiki เล่นกลอง Toshi ยังไม่ได้เป็นนักร้องนำ แต่มีหน้าที่เล่นกีตาร์ Yoshiki เคยเข้าประกวดระหว่างห้องจนกลายเป็นฮีโร่ในห้องเรียนไป เพราะเป็นเด็กเกเรแต่กลับดีดเปีนโนได้อย่างสง่างาม ไม่เพียงแต่นักเรียน อาจารย์เองก็ตกใจและคิดไม่ถึง เขารู้สึกสะใจมาก ม.3 รร.ที่เขาเรียนแบ่งออกเป็น 2 รร. ตัว Yoshiki และ Toshi ถูกย้ายไปเรียนที่ใหม่ ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ อยู่รร.เก่า เขาพบเพื่อนร่วมชั้นใหม่ คุณครูคนใหม่ ตึกเรียนใหม่ จึงทำให้เขาเริ่มเกเร สร้างปัญหามากมายให้คุณครูและรร.ใหม่ โดยปกติเขาก็ไม่ใช่เด็กเรียบร้อยอยู่แล้ว เขาจึงมีปัญหากับอาจารย์เป็นประจำ ย้อมสีผมตลอดถึงขนาดเคยโดนโกนหัวถึง3ครั้ง ชอบซิ่งมอเตอร์ไซด์และอาละวาดในรร.เป็นประจำ
ต่อเลยนะครับนี่คือ ประวัติของ yoshiki นะคับ
หลังสิ้นสุดพิธีจบการศึกษาของชั้น ม.ต้น เขาถือดาบไม้ไปขอบคุณอาจารย์ที่ห้องพักอาจารย์ และเขาได้ทำลายตึกใหม่ อาคารต่างๆ จนพัง แต่ถึงกระนั้นเขาก็แตกต่างจากเด็กเกเรทั่วไป เพราะนิสัยที่ไม่ชอบยอมแพ้ใคร จึงทำให้เขาขยันเรียนกว่าเพื่อนๆ ทำให้คะแนนของเขาดีมาก Toshiก็เคยบอกว่า "Yoshiki เก่งทุกอย่าง เป็นเด็กเกเรที่หัวดี" เขาเป็นเด็กเกเรที่ใครๆ ก็รับมือไม่ไหว แต่คะแนนการเรียนของเขานั้นยอดเยี่ยมมากจนเพื่อนๆ อิจฉา สำหรับคุณครูแล้วไม่มีเด็กคนไหนที่ดูแลยากขนาดนี้อีกแล้ว Yoshiki เริ่มรู้จักกับดนตรีแนว Rockตั้งแต่อยู่ชั้น ป.5 และเขาก็รู้จักกับวง Kiss จากโปสเตอร์หน้าร้านขายเทป และพอรู้ว่า Kiss จะมาแสดง concert ที่ญี่ปุ่นจากหน้าหนังสือพิมพ์ จึงขอให้แม่พาไปดูและเป็นการดูการแสดงสดครั้งแรกของเขา และจากการที่เขาได้ดูการแสดงสดครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับอิทธิพลจากการแสดงบนเวทีของ Kiss และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาตั้งวงดนตรีขึ้น และเพื่อนที่จะคุยเรื่องนี้ได้ก็มีแต่ Toshi เท่านั้น
ตอนที่เขาได้รับกลองเป็นของขวัญทำให้เขาอยากเป็นมือกลอง แม้ตอนนั้นจะเล่นเป็นแต่เปียโน แต่เขาก็มีความคิดที่จะนำไปใช้กับดนตรีแนว Rockและคิดจะตั้งวงอย่างจริงจัง เขาเป็นนักร้องนำโดยตีกลองไปด้วย แต่เสียงของเขาเปลี่ยนช้า ทำให้เวลาร้องเพลงก็จะถูกเพื่อนล้อว่า "เสียงเหมือนเด็กทารก น่ารักจัง" ทำให้เขาเลิกร้องเพลงไปเลย เขาเริ่มตั้งวงอย่างจริงจัง ก็ตอนอยู่ ม.1 เขาเป็นหัวหน้าวง ม.2 มีโอกาสแสดงบนเวทีในงานรร. และม.3 ก็ได้จัด concert โดยยืมศาลาประชาชนประจำเมือง ตอนนั้นใช้ชื่อวงว่า "Noise" YoshikiและToshi เริ่มแสดงในสถานที่ต่างๆ มากขึ้นและเริ่มแสดง concertของตัวเอง นอกจากนั้นยังเข้าประกวดในงานต่างๆ ด้วย ชีวิตในวัยเรียนของเขาจะเล่นดนตรีเป็นส่วนใหญ่แต่เขาก็ยังเกเรเหมือนเดิม พอขึ้นชั้น ม.ปลาย การต่อต้านเริ่มรุนแรงขึ้น ตัวเขาเองบอกว่า "ชั้น ม.3,4,5 ทั้ง 3 ปี จบลงอย่างสมบูรณ์" ในตอนนั้นเขาไม่สนใจอะไร คิดแต่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ว่าจะรอดจากการถูกไล่ออก แต่ก็ถูกพักการเรียนไปหลายครั้ง และก็เคยถูกตำรวจจับด้วย แต่พายุแห่งการต่อต้านเริ่มจางลงเมื่อใกล้จะจบชั้น ม.5
เมื่อเขาพบกับปัญหาเกี่ยวกับการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย นอกจาก Yoshikiและ Toshi แล้ว สมาชิกคนอื่นๆ ขอถอนตัวหมด เขาหาสมาชิกใหม่และเปลี่ยนชื่อวงใหม่ว่า "X" ที่เขาตั้งชื่อนี้เพราะเห็นว่าเป็นอักษรตัวเดียวจะสะดุดตามากกว่า เพราะตอนนั้นกำลังฮิตชื่อยาวๆ (ทีแรกเขาไม่จริงจังกับการใช้ชื่อนี้ แต่เพราะยังไม่รู้ว่าจะใช้ชื่ออะไรเลยใช้ไปพลางๆ ก่อนแล้วเกิดชอบใจก็เลยไม่ได้เปลี่ยน) นอกจากจะเล่นเพลงเลียนแบบ Iron Maiden แล้ว ก็เริ่มทำเพลงของตัวเองด้วย เพลง I'll kill you ที่พวกเรารู้จักกันก็เป็นเพลงที่แต่งตั้งแต่ในตอนนี้ด้วย แม้สมาชิกจะลาออกไปแต่ Yoshikiและ Toshi ก็เห็นว่าการทำวงต่อเป็นเรื่องสมควร ความหวังของเขาคือเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดนตรี เพราะเขาอยากเป็นนักเปียโน ก็คิดว่าถ้าไม่จริงจังคงไม่เรียนต่อในมหาวิทยาลัยแน่นอน เขาซ้อมวันละ 6ชม.
นิ้วเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเปียโน ทำให้เขาต้องดูแลรักษานิ้วเป็นอย่างดี ขนาดล้มยังเอาเข่าลงแทนมือ แต่เรื่องตีกลองก็เป็นปัญหาสำหรับเขา เพราะครูสอนเปียโนจะดุเขาเรื่องแผลที่เกิดจากการตีกลอง แต่เขาก็ยังไม่ยอมทิ้งกลองระหว่างเล่นเปียโน ตอนนั้นเขาไม่คิดว่าจะประสบความสำเร็จกับวงดนตรีหรือการเป็นนักดนตรีแนว Rock ซึ่งทำให้ตัวเขาแปลกใจว่า "ตอนนั้นแม้จะถูกครูสอนเปียโนดุด่าเรื่องตีกลองแต่ก็ยังไม่เลิกตีกลอง" เขาขมักเขม้นกับการฝึกทำนอง ซอลเฟจู และคอลยู บูเก็น แต่ก็ยังเล่นกับวงดนตรีแต่เฉพาะช่วงที่ว่างเท่านั้น และ 1อาทิตย์ก่อนการสอบเข้า ก็ซ้อมหนัก แต่จู่ๆ ก่อนการสอบ 1 วัน เขาก็พูดขึ้นมากระทันหันว่า "จะเลิกสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย
เขาบอกกับแม่ว่า "แม่ครับ ผมอยากเป็น ROCK STAR!" เป็นเรื่องที่ทันด่วน ทำให้คนรอบข้างและแม่ของเขาตกใจและสับสนไปตามๆ กัน แต่การตัดสินใจของเขาหนักแน่น ไม่ว่าใครจะหว่านล้อมยังไงก็ไม่สนใจ เขาเริ่มที่จะแต่งเพลงและเล่นเองอย่างอิสระ แต่เขาก็ยังมีความคิดที่ว่า "เพลงคลาสสิคเป็นการเลียนแบบเพลงคนอื่น" ในการประกวดตอน ม.6 Toshi ได้รับรางวัล Best Vocal และ Yoshiki ได้รับรางวัล Best Drum และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจเช่นนั้น แถมยังรู้สึกว่าตัวเองอาจมีความสามารถที่ไม่จำกัด แฝงอยู่ด้วย(อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาใช้ชื่อวงว่า X เพราะเขาเคยบอกว่ามันหมายถึง ความไม่มีที่สิ้นสุดหรือ Infinity) เมื่อเขารู้สึกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยดนตรีเพื่อเป็นนักดนตรีมันตัน ก็ทำให้ความฝันในการตั้งวง Rockในใจเขาเริ่มพองโตขึ้น การที่เขาล้มเลิกการเข้าเรียนต่อ เขาก็นัดแนะกับ Toshi ว่า "เอาวะไปตายเอาดาบหน้า กะว่าถ้าแม่ของเราด่าก็เก็บกระเป๋าก้าวลงบันไดไปโตเกียวเลย"
ปรากฏว่าที่บ้านของทั้ง 2 ตกใจมาก แต่ก็ไม่ห้ามอะไร อยากไปนักก็ให้ไป ทั้ง 2 ก็ขึ้นรถไฟไปโตเกียวหลังจากที่เรียนจบม.6 เพื่อที่จะทำให้ X เจริญเติบโตขึ้น เขากับ Toshi เริ่มทำงานพิเศษพร้อมกับหาสมาชิกไปด้วย ทั้ง 2 เช่าอพาร์ตเมนท์อยู่ด้วยกัน ทำงานพิเศษทุกอย่าง ไม่ว่าจะเสิร์ฟอาหารกวาด-ถูพื้นร้าน ระหว่างทำงาน ก็ทำเพลงไปเสนอค่ายเทปด้วย แต่เงินที่ได้มาก็ไม่พอใช้ ในที่สุดเขาก็เขียนจม.ไปขอตังค์แม่ของเขา ซึ่งแม่ของเขาก็ให้ Yoshiki ชอบสไตล์ผมและการแต่งหน้าแบบตนเอง ไม่เหมือนใคร ทรงผมของเขานั้นก่อนเข้าวงการคือ ผมตั้งแบบหอยเม่น และมักจะทำผมตั้งขึ้นเวทีอยู่เสมอ ตอนที่ X เปลี่ยนสมาชิกวง ทำให้แสดงดนตรีไม่ได้ เขาได้ไปช่วยวงอื่นตีกลอง ตอนนั้นเขาไม่มีเวลาเลยขึ้นไปแสดงบนเวที ทั้งที่ผมตั้งแค่ครึ่งเดียว เมื่อตั้งผมครึ่งเดียวจึงแต่งหน้าซีกซ้ายและขวาไม่เหมือนกัน ครึ่งนึงเป็น Punk อีกครึ่งเป็น Heavy Metal มันแสดงถึง 2 บุคลิกในคนเดียว เจ้าตัวเองก็ชอบใจเอามาก สาเหตุที่ถูกใจมากที่สุดก็คือ ดูเด่นดีและไม่เหมือนใคร
จากที่ต้องเปลี่ยนสมาชิกบ่อยๆ ทำให้ Yoshikiท้อแท้และพูดว่า "เลิกซะดีมั้ย" สมาชิกของ X ตอนนั้นมีแค่ Yoshikiและ Toshiเท่านั้น การซ้อมที่มีมือกลองและนักร้องนำนั้นทำไม่ได้ และคนที่เป็นกำลังใจให้ Yoshikiก็คือ Toshiนั่นเอง Toshiมักจะอยู่เคียงข้าง Yoshiki เสมอมา Toshiบอกว่าตอนนั้นรู้สึกว่าควรทำอะไรให้มันติดต่อกัน สมาชิกเปลี่ยนบ่อยมากถึงขนาดเคยคิดว่า "ถ้าเอาหินปาใส่นักดนตรีใน Harajuku คงจะถูกอดีตสมาชิกวง X สักคนหนึ่ง" ซึ่งหลังจากที่ Yoshiki สามารถทำให้ Taiji ยอมเข้าวงได้ก็เริ่มการแสดงสดอย่างจริงจัง แถมยังมีการอาละวาดบนเวที ล่างเวทีก็ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ในงานดื่มฉลองหลังเสร็จงาน ทั้งผู้เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง นักดนตรีและแฟนเพลงแน่นไปหมด จึงทะเลาะกันใหญ่เป็นประจำทุกวัน
Yoshiki ชอบทำแก้วในร้านแตกหมดและชอบเหวี่ยงขวดเบียร์หลาย 10 ขวด จนเป็นข่าวลืออยู่เป็นประจำ เลยทำให้ร้านเหล้าห้ามไม่ให้เขาเข้ามากขึ้น ถึงขนาดที่ร้านเหล้าแถว Shibuya ต้องตรวจหาว่า " มีคุณ Yoshikiมาด้วยรึเปล่า" Yoshikiนั้น มีท่าทางยิ้มแย้มและสุขุมมากเหมือนเด็กหนุ่มที่น่ารัก ในเวลาพักผ่อนเขาเป็นคนร่าเริง พูดเก่งและเป็นมิตรมาก จากท่าทางการเดินเทเหล้าในสมาชิกวงดนตรีอื่นๆ ในวงเหล้านั้น ไม่มีท่าทีอันบ้าระห่ำที่ว่า "เป็นมือกลองที่พอเมาแล้วเหมือน!ประหลาดอาละวาด" หลงเหลืออยู่เลย มันแตกต่างจากคำเล่าลืออย่างสิ้นเชิง หน้าตาที่ล้างเครื่องสำอางค์ออกนั้นงดงามมากจริงๆ ในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง เขาพูดถึง concert กลางแจ้งที่ Hibiya Toshiจะล้อ Yoshiki ว่า "ถ้าจะฆ่า Yoshiki ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ แค่ให้เล่นเพลงเร็วๆ ติดต่อกันก็พอแล้ว" ทำให้ Yoshiki ตอนพักหายใจแล้วพูดว่า "เมนูการแสดงกลางแจ้งมันสุดยอดแล้ว แต่มันอาจเป็นวันตายของผมก็ได้ครับ"
Yoshikiมีดี 2ด้านคือ สามารถเล่นกลองหนักๆ ได้ เหมือนมนุษย์มหัศจรรย์และพลังในการ Solo กลองมันอัดแน่นมาก แต่ในทางกลับกันก็เล่นเปียโนได้อ่อนหวาน นับเป็นอะไรที่แปลกและน่าประทับใจจริงๆ และในเมื่อ X คือทุกสิ่งทุกอย่างของ Yoshiki ดังนั้นอย่าแปลกใจที่ประวัติของเขาไม่ได้จบลงท้าย ด้วยคำพูดที่สวยงาม
1985
แต่เดิมสมาชิกของ X นั้น นอกจาก Toshi กับ Yoshikiแล้ว สมาชิกคนอื่นจะเป็นสมาชิกขาจรทั้งนั้นในตอนนั้น X มีสมาชิกคือ Yoshiki(Drum), Toshi(Vocal),Yuji(Guitar), Tomo (Guitar),Tokuo(Bass)
- มิถุนายน ออกผลงานชิ้นแรกคือ Single:I'll kill you.ซึ่งเพลงนี้ก็ยังคงเป็นเพลงเด่นที่ใช้ในการแสดง Concertไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ปัจจุบันไม่สามารถหา Albumนี้ได้อีกแล้ว
- กรกฎาคม ทำเพลง 1 เพลง ใน Omnibus ชุด Album Heavy Metal Force 3 ถือว่าเป็นการเข้าร่วมงานกับ Majorเป็นครั้งแรก
ตอนที่เขาได้รับกลองเป็นของขวัญทำให้เขาอยากเป็นมือกลอง แม้ตอนนั้นจะเล่นเป็นแต่เปียโน แต่เขาก็มีความคิดที่จะนำไปใช้กับดนตรีแนว Rockและคิดจะตั้งวงอย่างจริงจัง เขาเป็นนักร้องนำโดยตีกลองไปด้วย แต่เสียงของเขาเปลี่ยนช้า ทำให้เวลาร้องเพลงก็จะถูกเพื่อนล้อว่า "เสียงเหมือนเด็กทารก น่ารักจัง" ทำให้เขาเลิกร้องเพลงไปเลย เขาเริ่มตั้งวงอย่างจริงจัง ก็ตอนอยู่ ม.1 เขาเป็นหัวหน้าวง ม.2 มีโอกาสแสดงบนเวทีในงานรร. และม.3 ก็ได้จัด concert โดยยืมศาลาประชาชนประจำเมือง ตอนนั้นใช้ชื่อวงว่า "Noise" YoshikiและToshi เริ่มแสดงในสถานที่ต่างๆ มากขึ้นและเริ่มแสดง concertของตัวเอง นอกจากนั้นยังเข้าประกวดในงานต่างๆ ด้วย ชีวิตในวัยเรียนของเขาจะเล่นดนตรีเป็นส่วนใหญ่แต่เขาก็ยังเกเรเหมือนเดิม พอขึ้นชั้น ม.ปลาย การต่อต้านเริ่มรุนแรงขึ้น ตัวเขาเองบอกว่า "ชั้น ม.3,4,5 ทั้ง 3 ปี จบลงอย่างสมบูรณ์" ในตอนนั้นเขาไม่สนใจอะไร คิดแต่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ว่าจะรอดจากการถูกไล่ออก แต่ก็ถูกพักการเรียนไปหลายครั้ง และก็เคยถูกตำรวจจับด้วย แต่พายุแห่งการต่อต้านเริ่มจางลงเมื่อใกล้จะจบชั้น ม.5
เมื่อเขาพบกับปัญหาเกี่ยวกับการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย นอกจาก Yoshikiและ Toshi แล้ว สมาชิกคนอื่นๆ ขอถอนตัวหมด เขาหาสมาชิกใหม่และเปลี่ยนชื่อวงใหม่ว่า "X" ที่เขาตั้งชื่อนี้เพราะเห็นว่าเป็นอักษรตัวเดียวจะสะดุดตามากกว่า เพราะตอนนั้นกำลังฮิตชื่อยาวๆ (ทีแรกเขาไม่จริงจังกับการใช้ชื่อนี้ แต่เพราะยังไม่รู้ว่าจะใช้ชื่ออะไรเลยใช้ไปพลางๆ ก่อนแล้วเกิดชอบใจก็เลยไม่ได้เปลี่ยน) นอกจากจะเล่นเพลงเลียนแบบ Iron Maiden แล้ว ก็เริ่มทำเพลงของตัวเองด้วย เพลง I'll kill you ที่พวกเรารู้จักกันก็เป็นเพลงที่แต่งตั้งแต่ในตอนนี้ด้วย แม้สมาชิกจะลาออกไปแต่ Yoshikiและ Toshi ก็เห็นว่าการทำวงต่อเป็นเรื่องสมควร ความหวังของเขาคือเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดนตรี เพราะเขาอยากเป็นนักเปียโน ก็คิดว่าถ้าไม่จริงจังคงไม่เรียนต่อในมหาวิทยาลัยแน่นอน เขาซ้อมวันละ 6ชม.
นิ้วเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเปียโน ทำให้เขาต้องดูแลรักษานิ้วเป็นอย่างดี ขนาดล้มยังเอาเข่าลงแทนมือ แต่เรื่องตีกลองก็เป็นปัญหาสำหรับเขา เพราะครูสอนเปียโนจะดุเขาเรื่องแผลที่เกิดจากการตีกลอง แต่เขาก็ยังไม่ยอมทิ้งกลองระหว่างเล่นเปียโน ตอนนั้นเขาไม่คิดว่าจะประสบความสำเร็จกับวงดนตรีหรือการเป็นนักดนตรีแนว Rock ซึ่งทำให้ตัวเขาแปลกใจว่า "ตอนนั้นแม้จะถูกครูสอนเปียโนดุด่าเรื่องตีกลองแต่ก็ยังไม่เลิกตีกลอง" เขาขมักเขม้นกับการฝึกทำนอง ซอลเฟจู และคอลยู บูเก็น แต่ก็ยังเล่นกับวงดนตรีแต่เฉพาะช่วงที่ว่างเท่านั้น และ 1อาทิตย์ก่อนการสอบเข้า ก็ซ้อมหนัก แต่จู่ๆ ก่อนการสอบ 1 วัน เขาก็พูดขึ้นมากระทันหันว่า "จะเลิกสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย
เขาบอกกับแม่ว่า "แม่ครับ ผมอยากเป็น ROCK STAR!" เป็นเรื่องที่ทันด่วน ทำให้คนรอบข้างและแม่ของเขาตกใจและสับสนไปตามๆ กัน แต่การตัดสินใจของเขาหนักแน่น ไม่ว่าใครจะหว่านล้อมยังไงก็ไม่สนใจ เขาเริ่มที่จะแต่งเพลงและเล่นเองอย่างอิสระ แต่เขาก็ยังมีความคิดที่ว่า "เพลงคลาสสิคเป็นการเลียนแบบเพลงคนอื่น" ในการประกวดตอน ม.6 Toshi ได้รับรางวัล Best Vocal และ Yoshiki ได้รับรางวัล Best Drum และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจเช่นนั้น แถมยังรู้สึกว่าตัวเองอาจมีความสามารถที่ไม่จำกัด แฝงอยู่ด้วย(อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขาใช้ชื่อวงว่า X เพราะเขาเคยบอกว่ามันหมายถึง ความไม่มีที่สิ้นสุดหรือ Infinity) เมื่อเขารู้สึกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยดนตรีเพื่อเป็นนักดนตรีมันตัน ก็ทำให้ความฝันในการตั้งวง Rockในใจเขาเริ่มพองโตขึ้น การที่เขาล้มเลิกการเข้าเรียนต่อ เขาก็นัดแนะกับ Toshi ว่า "เอาวะไปตายเอาดาบหน้า กะว่าถ้าแม่ของเราด่าก็เก็บกระเป๋าก้าวลงบันไดไปโตเกียวเลย"
ปรากฏว่าที่บ้านของทั้ง 2 ตกใจมาก แต่ก็ไม่ห้ามอะไร อยากไปนักก็ให้ไป ทั้ง 2 ก็ขึ้นรถไฟไปโตเกียวหลังจากที่เรียนจบม.6 เพื่อที่จะทำให้ X เจริญเติบโตขึ้น เขากับ Toshi เริ่มทำงานพิเศษพร้อมกับหาสมาชิกไปด้วย ทั้ง 2 เช่าอพาร์ตเมนท์อยู่ด้วยกัน ทำงานพิเศษทุกอย่าง ไม่ว่าจะเสิร์ฟอาหารกวาด-ถูพื้นร้าน ระหว่างทำงาน ก็ทำเพลงไปเสนอค่ายเทปด้วย แต่เงินที่ได้มาก็ไม่พอใช้ ในที่สุดเขาก็เขียนจม.ไปขอตังค์แม่ของเขา ซึ่งแม่ของเขาก็ให้ Yoshiki ชอบสไตล์ผมและการแต่งหน้าแบบตนเอง ไม่เหมือนใคร ทรงผมของเขานั้นก่อนเข้าวงการคือ ผมตั้งแบบหอยเม่น และมักจะทำผมตั้งขึ้นเวทีอยู่เสมอ ตอนที่ X เปลี่ยนสมาชิกวง ทำให้แสดงดนตรีไม่ได้ เขาได้ไปช่วยวงอื่นตีกลอง ตอนนั้นเขาไม่มีเวลาเลยขึ้นไปแสดงบนเวที ทั้งที่ผมตั้งแค่ครึ่งเดียว เมื่อตั้งผมครึ่งเดียวจึงแต่งหน้าซีกซ้ายและขวาไม่เหมือนกัน ครึ่งนึงเป็น Punk อีกครึ่งเป็น Heavy Metal มันแสดงถึง 2 บุคลิกในคนเดียว เจ้าตัวเองก็ชอบใจเอามาก สาเหตุที่ถูกใจมากที่สุดก็คือ ดูเด่นดีและไม่เหมือนใคร
จากที่ต้องเปลี่ยนสมาชิกบ่อยๆ ทำให้ Yoshikiท้อแท้และพูดว่า "เลิกซะดีมั้ย" สมาชิกของ X ตอนนั้นมีแค่ Yoshikiและ Toshiเท่านั้น การซ้อมที่มีมือกลองและนักร้องนำนั้นทำไม่ได้ และคนที่เป็นกำลังใจให้ Yoshikiก็คือ Toshiนั่นเอง Toshiมักจะอยู่เคียงข้าง Yoshiki เสมอมา Toshiบอกว่าตอนนั้นรู้สึกว่าควรทำอะไรให้มันติดต่อกัน สมาชิกเปลี่ยนบ่อยมากถึงขนาดเคยคิดว่า "ถ้าเอาหินปาใส่นักดนตรีใน Harajuku คงจะถูกอดีตสมาชิกวง X สักคนหนึ่ง" ซึ่งหลังจากที่ Yoshiki สามารถทำให้ Taiji ยอมเข้าวงได้ก็เริ่มการแสดงสดอย่างจริงจัง แถมยังมีการอาละวาดบนเวที ล่างเวทีก็ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ในงานดื่มฉลองหลังเสร็จงาน ทั้งผู้เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง นักดนตรีและแฟนเพลงแน่นไปหมด จึงทะเลาะกันใหญ่เป็นประจำทุกวัน
Yoshiki ชอบทำแก้วในร้านแตกหมดและชอบเหวี่ยงขวดเบียร์หลาย 10 ขวด จนเป็นข่าวลืออยู่เป็นประจำ เลยทำให้ร้านเหล้าห้ามไม่ให้เขาเข้ามากขึ้น ถึงขนาดที่ร้านเหล้าแถว Shibuya ต้องตรวจหาว่า " มีคุณ Yoshikiมาด้วยรึเปล่า" Yoshikiนั้น มีท่าทางยิ้มแย้มและสุขุมมากเหมือนเด็กหนุ่มที่น่ารัก ในเวลาพักผ่อนเขาเป็นคนร่าเริง พูดเก่งและเป็นมิตรมาก จากท่าทางการเดินเทเหล้าในสมาชิกวงดนตรีอื่นๆ ในวงเหล้านั้น ไม่มีท่าทีอันบ้าระห่ำที่ว่า "เป็นมือกลองที่พอเมาแล้วเหมือน!ประหลาดอาละวาด" หลงเหลืออยู่เลย มันแตกต่างจากคำเล่าลืออย่างสิ้นเชิง หน้าตาที่ล้างเครื่องสำอางค์ออกนั้นงดงามมากจริงๆ ในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง เขาพูดถึง concert กลางแจ้งที่ Hibiya Toshiจะล้อ Yoshiki ว่า "ถ้าจะฆ่า Yoshiki ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ แค่ให้เล่นเพลงเร็วๆ ติดต่อกันก็พอแล้ว" ทำให้ Yoshiki ตอนพักหายใจแล้วพูดว่า "เมนูการแสดงกลางแจ้งมันสุดยอดแล้ว แต่มันอาจเป็นวันตายของผมก็ได้ครับ"
Yoshikiมีดี 2ด้านคือ สามารถเล่นกลองหนักๆ ได้ เหมือนมนุษย์มหัศจรรย์และพลังในการ Solo กลองมันอัดแน่นมาก แต่ในทางกลับกันก็เล่นเปียโนได้อ่อนหวาน นับเป็นอะไรที่แปลกและน่าประทับใจจริงๆ และในเมื่อ X คือทุกสิ่งทุกอย่างของ Yoshiki ดังนั้นอย่าแปลกใจที่ประวัติของเขาไม่ได้จบลงท้าย ด้วยคำพูดที่สวยงาม
1985
แต่เดิมสมาชิกของ X นั้น นอกจาก Toshi กับ Yoshikiแล้ว สมาชิกคนอื่นจะเป็นสมาชิกขาจรทั้งนั้นในตอนนั้น X มีสมาชิกคือ Yoshiki(Drum), Toshi(Vocal),Yuji(Guitar), Tomo (Guitar),Tokuo(Bass)
- มิถุนายน ออกผลงานชิ้นแรกคือ Single:I'll kill you.ซึ่งเพลงนี้ก็ยังคงเป็นเพลงเด่นที่ใช้ในการแสดง Concertไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ปัจจุบันไม่สามารถหา Albumนี้ได้อีกแล้ว
- กรกฎาคม ทำเพลง 1 เพลง ใน Omnibus ชุด Album Heavy Metal Force 3 ถือว่าเป็นการเข้าร่วมงานกับ Majorเป็นครั้งแรก
1986
X ได้สมาชิกใหม่ คือ Taiji เข้าร่วมวง ในตำแหน่ง Bass จากนั้นก็เริ่มแสดงอย่างจริงจังยิ่งขึ้น
ความดุเดือดบนเวทีก็มีมากขึ้นพวกเขาทำลายของมากมายและบ่อยครั้งในขณะที่พวกเขาแสดง
ถึงขนาดทะเลาะกับคนดูตอนเล่นเพลงอยู่ก็มีแถมยังอาละวาดบนเวทีทำให้ได้ชื่อว่าเป็นวงมหัศจรรย์ แม้แต่ Hide ที่เคยดู concert ในฐานะคนดู ยังบอกว่า "เหมือนปิศาจอาละวาด" เพราะมีการโยนกีตาร์ ทำลายกลองชุด พังทลายทั้งหมด
- เมษายน ออกผลงานชิ้นที่ 2 คือ Single: Orgasm จัดจำหน่ายโดย Indies Label Extasy Record ที่ Yoshiki เป็นผู้ก่อตั้ง มีนโยบายที่ Yoshiki และเพื่อนๆ ริเริ่มว่า "อยากทำอะไรในแบบที่ตัวเองชอบ" ทุกอย่างจึงทำด้วยมือของเขาเอง เขาจะลองผิดลองถูก คิดว่า cd เทป และลงโฆษณา ควรจะทำยังไง พวกเขาเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จนถึงการ pack ใส่ถุงส่งก็ทำกันเอง โฆษณาแปลกๆ ก็มาจากฝีมือของสมาชิกเอง สมาชิกตอนที่ออก Single: Orgasm มี 4 คน คือ
Yoshiki(Drum),Toshi(Vocal),Jun(Guitar),Hikaru(Bass) ช่วงนั้น Taiji ออกจากวงไปชั่วคราว หน้า A เพลงแรก คือ "Orgasm" เพลงที่ 2 คือ "Time Trip Loving"และเพลงแรกหน้า B คือ "X"
1987
- กุมภาพันธ์ หลังจาก Taiji กลับมา สมาชิกหลักทั้ง 3 ก็เข้าร่วมผลงาน Omnibus Album ชุด Skull Trash Zone เมื่อ 3 คนรวมตัวกันได้ดีจึงต้องหานักกีตาร์สำหรับอัดแผ่น และผู้ที่ Yoshiki เลือกคือ Pata ในฐานะนักกีตาร์ผู้ช่วย ซึ่งรู้จักกันเมื่อ 1 ปีก่อน หลังจากที่เข้าวงการ X ก็ยังเปิดการแสดงสดต่อไปและอัดเพลง Stab me in the back และ No Connextion หลังจากนั้น X ก็ได้รับ Hide และ Isamu อดีตสมาชิกวง Saber Tiger มาร่วมวงอย่างเป็นทางการ จึงพูดได้ว่าเป็นวงที่มีนักกีตาร์ 2 คน ที่จริง Hide กับ Yoshiki รู้จักกันมานานแล้ว เพราะ Toshi กับ Yoshiki เคยไปดูการแสดงของวง Saber Tiger ทำให้เกิดความประทับใจในความเท่ห์ของ Hide และมั่นใจว่า "เขาเป็นคนที่เกิดมาเพื่อเป็นนักกีตาร์ของ X "ช่วงนั้น Saber Tiger ดังกว่าวงของ X หลายเท่า จึงไม่อยู่ในสถานะที่จะดึงตัว Hide มาร่วมได้ แต่ Toshi กับ Yoshiki สาบานว่า "ต้องทำให้ X ดังยิ่งขึ้น แล้วดึงตัวเขามาร่วมให้ได้" และเมื่อได้ Hide มาร่วมวงด้วยจึงทำให้จัดการแสดงมากยิ่งขึ้น แต่หลังจากนั้น Isamu ก็ประสบอุบัติเหตุต้องเข้าโรงพยาบาล จึงขอให้ Pata มาช่วยอีกครั้ง พอเล่น Live ไปหลายๆ ครั้งเข้า Pata ก็กลายเป็นคนที่ขาดไม่ได้สำหรับ X ไป
- ต้นปี 1987 X ได้สมาชิกที่ลงตัว คือ Yoshiki(Drum),Toshi(Vocal),Taiji(Bass),Hide(Guitar),Pata(Guitar) พวกเขาเล่น Live หลายต่อหลายแห่ง พร้อมๆ กับทำดนตรีของวงให้แน่น และเริ่มทำ VDO: X Clamation มี 3 เพลง คือ XClamation, Stab me in the back, Kurenai ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงพลังอันมหาศาลของพวกเขาในตอนนั้น สำหรับแฟนๆ เพื่อจะได้รู้จัก XVDO นั้นนอกจากพวกเขาจะทำเองแล้ว ยังแจกให้แฟนๆ ฟรีๆ ที่มาชม Concert นอกจากแฟนเพลงแล้ว ยังแจกให้วงการเพลงอีก 100 ม้วน การแจก VDO เป็นข่าวดังไปทั่ว ทำให้ชื่อเสียงของวงเป็นที่รู้จักขึ้น ความคิดนี้จะต้องเกิดตอนที่พวกเขาคุยล้อเล่นกันขณะเมาแน่นอน ในตอนนั้นพวกเขาไม่มีสำนักงานและบริษัทแผ่นเสียงที่สังกัดอยู่ ค่าใช้จ่ายจึงต้องออกกันเอง สมาชิกทุกคนพอได้รับคำสั่งว่า "พรุ่งนี้เอาเงินมาคนละ 2แสนเยน" ทุกคนก็รีบไปหาเงินกันใหญ่ นอกจากแสดง Concert แล้ว พวกเขายังรับ jobเล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย ผลงานชิ้นนั้นไม่เป็นที่แพร่หลายนัก เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีใครรู้เลยก็ว่าได้ งานนั้นคือ การเล่นเป็นตัวประกอบหนังเรื่อง "Tokyo Pop" เพียงฉากเดียว On Air ไม่ถึง 10 นาที Hide เคยพูดไว้ว่า "กิจกรรมของ X ในช่วงนั้นตั้งใจจะออก TV เพื่อการ promote แต่ไม่ค่อยได้รับการต้อนรับเท่าไหร่ ในช่วงนั้นมีคนต่อต้านมากกว่ายอมรับ เพราะทุกคนไม่เคยเห็นวงอย่างนี้มาก่อน ตอนออก TV ก็พูดจาตลก ทำให้คนดูรู้สึกแปลกใจมากกว่ายอมรับที่พวกผมเป็นอย่างนี้โดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่จะไม่ชอบเอาซะเลย เพราะเกลียดวัยรุ่นที่แต่งตัวประหลาดอย่างพวกเขา เรียกว่ารับไม่ได้เลยล่ะ"
1988
- 14 เมษายน ออก ALBUM: Vanishing Vision หลังออกจำหน่ายก็มียอดขายสูงสุดของ INDIES ถึง 3 แสนแผ่น ความสำเร็จของ ALBUM นี้เกิดจากแรงกายแรงใจของพวก เขาเองทั้งสิ้น อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นกลุ่มเป็นก้อนในฐานะวงดนตรีของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ ที่ผ่านมาพวกเขามักจะถูกมองว่าเป็นพวกออกแนวอิโรติก จากการ ออก TV และการแสดงต่างๆ แต่พอออก Album ชุดนี้แล้ว พวกเขาก็เป็นฝ่ายชนะและได้รับการชื่นชมว่า "เป็นแนวดนตรี Hard Rock ขนานแท้ ซึ่งมีรูปแบบดนตรีที่แน่นอน" ช่วงนั้น X มักจะร่วมแสดงสดกับวงดนตรีในสังกัด Extasy Record เช่น Ladies Room, G-Kill(ปัจจุบันคือ ZI:Kill),Tokyo Yankees อยู่บ่อยๆ พอตกดึกมักจะเจอพวกเขาหรือกลุ่ม Extasy ที่ร้านเหล้าย่าน Mekuro ในตอนนั้น X ชื่อดังในแง่ลบมาก พอดื่มเหล้าก็จะหาเรื่องอาละวาดและทะเลาะกันทันที มีร้านเหล้าที่ห้ามพวกเขาเข้าออกนับไม่ถ้วน และโดนต่อว่าว่า "หลังจาก X มาเยือนแล้ว ก็หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง" เลยทีเดียว ตอนนั้นพวกเขาอายุแค่ 20 ต้นๆ เท่านั้น คงเลือดร้อนและไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดเลย
- พฤศจิกายน พวกเขาได้แสดงในงาน All night rock event ชื่อ Street Fighting Man จัดขึ้นที่ MZA (ซึ่งในปัจจุบันไม่มีแล้ว) การแสดง Event ครั้งนี้เป็นการแสดงดนตรีตลอดทั้งคืน เริ่ม 3 ทุ่ม และจบลงตอน 7 โมงเช้าของวันต่อมา เป็น Event ที่ยิ่งใหญ่มาก วงที่ได้ขึ้นแสดงเป็นวง Rock ชั้นเยี่ยมของญี่ปุ่น ได้แก่ Aathem, Dead End , D, Erlanger, Edvils, Gastang, G.D. Flickers, Fusty Nasty, Kinnikushojotai, Presence,Reaction,Ziggy และ X ครั้งนี้ X ได้เล่นเป็นวงแรกในฐานะที่เป็น "วงดนตรีหน้าใหม่ฝีมือไม่ดีนักที่ถูกคาดหวังในการดำเนินกิจกรรมต่อจากนี้ไปมากที่สุด" แต่แรงดึงดูดบนเวทีนั้นไม่น่าเชื่อว่าเป็นวงน้องใหม่เลย พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคนดู และยังได้รับการชื่นชมว่า "เป็นวงดนตรีที่ถูกคาดหวังในการดำเนินกิจกรรมมากที่สุดในปี 1989" ช่วงเปลี่ยนวงหรือขณะแสดงนั้น ภายหลังเวทีพวกที่แสดงเสร็จแล้วจะนั่งล้อมวงดื่มเหล้ากันอย่างสนุกสนานตัวตั้งตัวตีก็คือ Yoshiki และสมาชิกวง X นั่นเอง
1989
- 16 มีนาคม พวกเขาได้จัด เดบิวต์ไลฟ์ที่ Shibuyakokaido เป็นการแสดงสดที่รุนแรงมาก พวกเขาจะเอา solo ของแต่ละคนมารวมกันในการเล่น concert ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว style การเล่นนั้นยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเหมือนในปัจจุบัน แต่ก็เป็นโครงสร้างที่แสดงดนตรีต่อกันไปเรื่อยๆ โดยไม่มีเวลาหยุดพักหายใจกันเลย ความสมบูรณ์ของแต่ละเพลงนั้นยอดเยี่ยมมาก เพลงหนักๆ ก็จะเล่นรุนแรงไปเลย แสดงให้เห็นถึงพลังอันมหาศาล Melody line ก็จำง่ายและงดงาม โดยเฉพาะเพลงช้านั้นเป็นงานชิ้นเอกเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นวงเดียวกันกับตอนที่เล่นเพลงหนัก พวกเขาทั้ง 5 เมื่อได้แสดง concertบนเวทีก็ดูยิ่งใหญ่ เท่ห์อย่างไม่มีที่ติ ดนตรีหนักแต่ melodyสวย รุนแรงแต่งดงาม การตีกลอง 2กระเดือง เล่นกีตาร์คู่ ดีดช่วง solo พร้อมกัน เสียงเบสเป็น Hard Rockแต่ใช้ Shopper
- เมษายน ออก Album: Blue Blood เป็นเดบิวต์ Album อย่างเป็นทางการ การบันทึกเสียงโดยมีสมาชิกวงแบบนี้เป็นครั้งที่ 2 ต่อจาก Vanishing Vision การบันทึกเสียงครั้งนี้เป็นไปอย่างเข้มงวดและใช้เวลานานจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นน้องใหม่ พวกเขาได้ทำการบันทึกเสียงจนถึงก่อนการแสดงสด 1 วัน เลยทีเดียว พวกเขาใช้ห้องอัดพร้อมกันถึง 3 แห่ง แห่งหนึ่งใช้อัดเสียงร้อง อีกแห่งใช้ทำ Track Down และอีกแห่งใช้ทำการซ้อมการแสดงสด พวกเขาทำการอัดเสียงที่ห้องอัดของ Sony ระหว่างการบันทึกเสียง Yoshiki ถึงกับต้องนอนที่โซฟาในห้องอัดเลยทีเดียวเพราะไม่มีเวลากลับบ้าน เรื่องที่บอกว่าการบันทึกเสียงของ X นั้นนานมากหรือการที่ Yoshiki จะทำดนตรีให้เป็นไปตามที่คิดได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวางตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
- 22 เมษายน Album : Blue Blood ก็ออกวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ มีทั้งหมด 12นาที ALBUM ชุดนี้ได้รวบรวม X อีกด้านหนึ่งไว้ และเป็นผลงานที่สมกับเป็นผลงานชิ้นเอกจริงๆ เพลงหนักๆ ทำให้รู้สึกเร้าใจ เพลงช้าก็ดูหนักแน่นและเจ็บปวด เป็น ALBUM ที่พวกเขาอยากจะสื่อถึงอารมณ์ดีใจ,โกรธ,เศร้า,สนุก เพลง Rose of pain ซึ่งให้วง Orchestra เต็มรูปแบบ 40 คนบรรเลง มีความยาว 11.49 นาที ให้ความรู้สึกดั่งละคร แสดงให้เห็นถึงความคลาสสิคของพวกเขาโดยเฉพาะ Yoshiki จุดสำคัญของ Album นี้คือ "X จะเปลี่ยนรูปแบบเป็นมืออาชีพ" นั่นเป็นคำพูดที่สมาชิกในวงคิดขึ้นมาเอง แต่พวกเขาก็เปลี่ยนฉากของวงการอย่างหนักแน่นจริงๆ ในขณะที่เป็นวงดนตรีน้องใหม่ที่แต่งตัวกันสุดฤทธิ์สุดเดช ที่ไม่เคยมีมาก่อนในระดับมืออาชีพ
Album นี้ขึ้นอันดับ 6 ของ Origon Chart ทันที ซึ่งการที่วง Rock ได้รับความนิยมในปี 1989 นั้นเป็นเรื่องแปลก ใครๆ ก็ตกตะลึง ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เปลี่ยนจาก LPมาใช้ CD พอดี ดังนั้น X ก็เลยทำ LP เป็น 2 แผ่น ที่ไม่เหมือนใคร เปลี่ยนลำดับเพลง และใช้เพลงหน้า 1-3 เท่านั้น ออกจำหน่าย ซึ่งก็ขึ้น LP Chart อันดับ 1 ของ Origon ทันที หลังจากนั้น Album นี้ก็ยังคงขายดีเรื่อยมา ไม่ใช่แค่จะขายดีเท่านั้น จำนวนผู้มาดูการแสดงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ Blue Blood Tour แสดงสดทั่วประเทศ 16 แห่ง เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม บัตรขายหมดทุกที่นั่ง ไม่ว่า X จะไปไหนก็ได้รับการต้อนรับอย่างร้อนแรง และได้รับการชื่นชมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในวงการสื่อมวลชน พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับเช่นเดียวกัน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มีนักเขียนหลายๆ คนไม่ชอบพวกเขา เพราะคำเล่าลือของ X ในตอนนั้นน่ากลัวมาก แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย หลังจากที่พวกเขาประสบความสำเร็จ
จากการ Tour Concert พวกเขาก็ไปต่างประเทศเพื่อทำเพลง Yoshiki ไป London,New York, Paries ส่วน Toshi,Hide,Pata,Taiji ไป LA, New York ความจริง Yoshiki ไป London เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการบันทึกเสียงของ Dead. X ได้รับรางวัลนักร้องหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของ Nippon Yusentosho เป็นวงดนตรี HARD ROCK วงแรกของญึ่ปุ่นที่ได้รับการยอม รับจากคนทั่วไป รางวัลทั้ง 2 นั้น เป็นการรวบรวมผลจากการโหวตทางโทรศัพท์ทั่วประเทศ จึงหมายความว่าเพลงของ X เป็นเพลงที่ได้รับการโหวตมากที่สุดในบรรดาศิลปินทั้งหมดที่เดบิวต์ในปี 1989 และยังอยู่ในยอดขายอันดับ 1 ของ Single chart นักร้องหน้าใหม่ของ Chart Origon ประจำปี 1989 นั่นเอง จากการที่ X ได้รับรางวัลมากมายขนาดนี้ทำให้ Toshi พูดว่า "มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าทุกคนชื่นชมเพลงของพวกเราเป็นจำนวนมากเลย ดีใจมากครับ" X ในตอนนั้นดูท่าทางจะไปได้อย่างราบรื่น แต่ก็ต้องมาเจอกับอุบัติเหตุครั้งใหญ่
- ในเดือน พฤศจิกายน พวกเขาเริ่ม Tour Concert ครั้งที่ 2 คือ Rose & Blood Tour ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน นอกจาก Hall จะใหญ่กว่าการ Tour ครั้งที่แล้ว บัตร Concert ยังขายหมดเกลี้ยงทุกที่นั่งอีกด้วย สมาชิกในวงคึกกันสุดฤทธิ์ การแสดงเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาลน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่แสดง จากการเล่น Concert หนักๆ ติดต่อกันนานๆ ทำให้ Yoshiki อ่อนล้ามากขึ้น ครั้งแรกที่มีการยกเลิก Concert คือที่ Fukuoka วันที่ 30 ตุลาคม สาเหตุเพราะโรคประจำตัวของ Yoshiki โรคหอบหืดเริ่มมีอาการรุนแรงขึ้น เขาไม่ยอมไปรักษาที่โรงพยาบาล จนถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน เขาสลบหลังจาก solo กลองเสร็จ ทำให้ Concert ต้องเลิกกลางคัน และเขาก็ได้ยกเลิก Concert จากนั้นอีกหลายแห่ง และวันที่ 22 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันแรกของ Concert 2 วัน ที่ Shibuya หลังจากจบการแสดงแล้ว Yoshiki สลบในห้องพัก ถ้า Yoshiki ฝืนต่อไปอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตการเป็นมือกลองของเขา
ในที่สุดพวกเขาจึงตกลงกันด้วยความลำบากใจ ยกเลิก Concert หลังจากนั้นทั้งหมดและเลื่อนเวลาออกไปที่ Shibuya ครั้งที่ 2 ในเดือน ธันวาคม บัตรขายหมดทุกที่นั่งอย่างรวดเร็วและอีกหลายแห่งในปีนั้น ต้องเลื่อนเวลาออกไปจนกว่าร่างกายของ Yoshiki จะกลับสู่สภาพเดิม โรคนั้นชื่อว่า "วงจรเส้นประสาทไร้สมรรถภาพ เนื่องจากการทำงานมากไป รวมทั้งโรคปวดหลัง" จากการให้สัมภาษณ์ของเขาเมื่อพูดถึงการเล่น Concert แล้วเป็นลมในครั้งนั้นเขาพูดว่า "เวลาที่ผมตีกลอง ความรู้สึกของผมอยู่ระหว่างความสบายใจกับความลำบาก บางครั้งสบายใจมาก บางครั้งลำบากมาก ผมคิดว่าเวลาที่ลืมความรู้สึกแบบนั้นได้ คือเวลาที่วิเศษมากที่สุด ผมเกลียดผมที่ยังมีแรงเดินกลับไปหลังเวที ฉะนั้นผมก็จะใช้แรงทั้งหมดจนเป็นลม อยากมี Concert ที่ดีที่สุดทุกครั้ง" "เวลาที่อยู่ใน concert ก็อย่างที่ผมบอก ถ้าไม่เต็ม 100 ละก็ผมจะเกลียดตัวเองมาก อย่างเวลาที่ solo กลอง ความรู้สึกเวลานั้นผมบอกตรงๆ ว่า ผมลืมหมดเป็นลมหลัง solo เสร็จ เล่นเอาทีมงานวุ่นวายไปหมด ทุกคนก็มีงานยุ่งจะตายอยู่แล้ว แล้วยังต้องมายุ่งกับผมอีก แต่ผมยืนคนเดียวไม่ไหวจริงๆ ต้องมีคนมาหิ้ว ความรู้สึกตอนนั้นมันหมดแล้ว Staff เองก็รู้ เฮ้ย! Yoshiki แย่แล้วนี่หว่า รีบมาช่วยยกหัวผมและเอาพัดลมมาให้ บางครั้งผมปางตายก็น็อคไป
ถ้าผมกลับไปเล่นกลองต่อไม่ไหวจริงๆ Staff ต้องแอบบอก Hide ว่า "ยัง… ยังไม่ฟื้น! เล่นต่อ… เล่นต่อ!" (หัวเราะ)" จากบทสัมภาษณ์ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า Yoshiki นั้นทุ่มเทให้กับการแสดง Concert มากก็เพื่อแฟนๆ เพลงของพวกเขา ในช่วงที่สภาพร่างกายของ Yoshiki ฟื้นดีขึ้นแล้ว พวกเขาก็ได้ประกาศตารางเวลาใหม่ของ Rose & Blood Tour ที่ถูกเลื่อนมาตลอด ในครั้งนี้สิ่งที่ทำให้ตกใจคือ การแสดงสดครั้งแรกของครั้งนี้คือ 14 กุมภาพันธ์ จัดการแสดงที่ Nippon Budohkan แต่เดิมการแสดงที่ Budokhan เป็นสิ่งที่เสริมเข้าไปในตารางเวลา ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนเมนูเพลงในแต่ละวันที่แสดง แต่การลื่นไหลนั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ การแสดงสดของ X นั้น มีพลังอันแปลกประหลาด
1990
- 17 พฤษภาคม ก็เสร็จสิ้น Rose & Blood Tour ซี่งใช้เวลามานานกว่า 8 เดือน ที่ Osaka Jo Hall พวกเขาปิดฉากอย่างน่าประทับใจที่ Osaka หลังจากที่ Yoshiki สลบกลางงาน ถึงแม้ Tour Concert เสร็จสิ้นแล้ว แต่พวกเขาก็งานยุ่งเหมือนเดิมเพราะต้องถ่ายทำ VDO: Visual Shock VOL 2.5 พวกเขาอยู่ใน Studio ที่ Roppongi ติดต่อกันหลายวัน จนไม่สามารถปลีกตัวไปทำงานอื่นได้ จากนั้นพวกเขาก็ประกาศการเดินทางไป LA. เพื่อบันทึกเสียง Album ชุดที่ 2 ข่าวเริ่มเงียบหายไปจากสื่อต่างๆ เหลือไว้แต่คำพูดที่ว่า "จะไม่กลับญี่ปุ่นจนกว่าผลงานที่ยอมรับได้จะเสร็จ" แล้วสมาชิกทั้ง 5 ก็เดินทางไป LA,usa
- เดือนพฤศจิกายน การบันทึกเสียงของ X ในเวลานาน อย่าง Album Indies: Vanishing Vision ก็ใช้เวลาบันทึกเสียงทั้งหมด 300 ชม. ส่วน Album: Blue Blood ใช้เวลากว่า 2 เดือน ดังนั้น Album นี้ก็ไม่รู่ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ แต่ก่อนไป X ก็ทิ้งผลงานไว้ชุดหนึ่งคือ Film Gig มันต่างจาก Film Concert ทั่วๆ ไป มีทั้ง Film Gig และ message จากสมาชิก ภาพถ่าย VTR ก่อนเดบิวต์ และภาพล่าสุดที่ Usa. ระบบเสียงและประสิทธิภาพนั้นเหมือนการแสดงสดจริงๆ ทำให้บรรยากาศครึกครื้น การแสดงดนตรีที่เหมือนมีพลังการแสดงสดจริงๆ ผู้ชมทั้งกรี๊ดและเต้นท่า Monkey Dance ในเพลง 20TH Century Boy ท่า X Jump ในเพลง X การร้องประสานเสียงในเพลง Endless Rain แฟนๆ มีปฏิกริยาโต้ตอบเหมือน X แสดงสดอยู่จริงๆ
Film Concert ที่มี Encore นั้นก็ไม่มีใครทำนอกจาก X Film Concert สถานที่เปิดคือ Tokyo Bey NK Hall จุคนได้ถึง 8,000 คน ฉายทั้งหมด 3 ครั้ง วันที่ 8-9 ธันวาคม บัตรเข้าชมขายหมดอย่างรวดเร็ว รอบๆ Hall ก็จะมีผลิตภัณฑ์ของ X ขาย ทำให้แฟนๆ เพลิดเพลินและสนุกกับโลกของ X ก่อนเข้าชม Concert ด้วย ผู้เข้าชมทุกคนจะได้รับของขวัญเป็น CD single ใส่ในกระป๋องแบบพิเศษ ในนั้นมี CD ซึ่งมี message จากสมาชิกในวง ยาว 25 นาที กับเมล็ดของต้นสนดำพร้อมวิธีการปลูก ซึ่งภาวนาให้แฟนเพลงปลูกอย่างทะนุถนอม ในการ Tour Film Gig ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 1991 แต่ของขวัญที่ได้จะเปลี่ยนสีกระป๋องจากดำเป็นแดงและเปลี่ยนเป็นเมล็ดต้นสนซีดาร์คิดะยาม่าแทน มันแสดงให้เห็นว่า การดูแลของ X ที่ใส่ใจแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย อยากให้แฟนเพลงดีใจ Tour Concert ครั้งนี้มี 33 แห่งทั่วประเทศ จนเข้าสู่ปี 1991 มันทำให้แฟนๆ คลายเหงาและคิดถึงไปได้มากทีเดียว
- ปลายปี 1990 ที่ X ไม่อยู่ก็ได้รับรางวัลดนตรียอดเยี่ยม: Nippon Taisho, รางวัล Music VDO ยอดเยี่ยม และรางวัล: Nippon Gold Disc Taisho
1991
- 7 พฤษภาคม ช่วง Golden Week ก็มีข่าวว่า X เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ LA (ทั้งๆ ที่มีกำหนดกลับญี่ปุ่นตอนต้นเดือนมิถุนายน) ทั้งหมด 3 ข่าว คือ การจัด Concert ที่ Tokyo Dome ในวันที่ 23 สิงหาคม 1991, Album 2ND : Jealousy จะจัดจำหน่ายในวันที่ 1 กรกฎาคม 1991 และ กลับญี่ปุ่นวันที่ 5 มิถุนายน นับเป็น idea ที่สมกับเป็น X ที่ชอบทำอะไรไม่เหมือนใคร การแถลงข่าวครั้งนี้มีสื่อมวลชนมากมายทั้งญี่ปุ่นและต่างชาติ
- 5 มิถุนายน Hide,Pata และ Taiji ก็กลับมาตามกำหนด แฟนๆ ไปรอรับที่สนามบิน Narita มากที่สุดตั้งแต่สนามบินนี้เปิดทำการมา ส่วน Yoshiki และ Toshi ติดปัญหาในการบันทึกเสียงจึงต้องอยู่ต่อ เลยกลับในวันที่ 7 มิถุนายน และไปออกรายการ Music Station ต่อทันที วันต่อมาก็ทำการบันทึกเสียงเพลงสุดท้ายและเสียงเปียโนต่อ การผลิตขั้นสุดท้ายเสร็จภายในวันที่ 12 มิถุนายน
- 16 มิถุนายน จัดจำหน่ายบัตร Concert: Tokyo Dome จำนวน 50,000 ใบ ขายหมด ภายใน 2 ชม. เท่านั้น และจะ Tour Concert ทั่วประเทศ ชื่อว่า Violence In Jealousy Tour ~Yumenonakanidake Ikite~ ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน TV Sport ของ Album ที่มีฉากจูบของ Yoshiki ถูกฉายออก TV และ Album:Jealousy ที่ห่างหายไป 2 ปี 2 เดือน ก็ขึ้นอันดับ 1 ของ Origon Chart ทันที แสดงให้เห็นถึงอำนาจมหาศาลของ X ได้เป็นอย่างดี Concert ที่ Tokyo Dome ประสบความสำเร็จกว่าที่คิดไว้มาก ในระหว่างตารางการแสดงนั้น คนดูทั้ง 50,000 คน ยืนดูตั้งแต่ต้นจนจบและส่งเสียงกรี๊ดตลอดเวลา เมื่อทุกคนทำ X Jump Tokyo Dome ถึงกับสั่นทีเดียว ความเป็น 1 เดียวบนเวทีกับพลังของคนดูอันร้อนแรง X กำลังไปได้อย่างสวยงาม
- 11 กันยายน ก็ออก Singleแรกของ Album: Silent Jealousy เป็นเพลงที่มีความเป็น X และเป็นเพลงเด่นที่มักจะใช้เปิด Concert บ่อยๆ
- 17-19 ตุลาคม 3 วันนี้ X จัด event ที่ Shinjuku Power Station โดยปลีกเวลามาทั้งที่ งานยุ่ง X มักจะโผล่ไปงาน event ต่างๆ เสมอ เช่น Extasy Summit ที่เป็นเจ้าภาพ และ event ของเพื่อนนักดนตรี ตอนนั้น Yoshikiกับ Hide พูดยืนยันว่า "พวกเราชอบฉลองหลังเสร็จงาน" พวกเขาชอบงานฉลองเอามากๆ 3 วันนี้ นอกจากจะมีนักดนตรีในสังกัด Extasy Record เช่น Luna Sea,Ladies Room, ZI :Kill แล้ว ยังมีเพื่อนนักดนตรีอย่าง Dynamite Tommy,By Sexual,Issay,Baki นอกจากนี้ยังมี Daimashim Gonin Gums ซึ่งผลุบๆ โผล่ๆ อยู่เป็นประจำมาก รวมทั้งเพื่อนของสมาชิกในวงและ Staffมาร่วมแจมบนเวทีด้วย ทำให้งานครึกครื้น
เมื่อเสร็จงานก็ต้องมีการเลี้ยงฉลอง สมาชิก X ดื่มเหล้ากับนักดนตรีด้วยกันยันสว่าง ตอนนั้นเขาชอบให้ทุกคนมาดื่มรวมกันและส่งเสียงดัง ตำนานนี้ปฏิบัติกันเรื่อยมาตั้งแต่สมัย Indies โดยไม่มีการเลี่ยนแปลงเลย แต่ในวันที่ 24 ตุลาคม หลังจากจัด eventไม่นานนัก Yoshiki ก็สลบในช่วง solo กลอง ใน concert ที่ Yokohama Arena ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของ tour ทำให้ concert ต้องหยุดกะทันหันและเลื่อนออกไป วันถัดมาก็ออก Single: Standing Sex นอกจากชื่อเพลงรุนแรงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากแล้ว ปก CD และโฆษณานั้น Yoshiki ก็ปรากฏด้วยร่างเปลือยเปล่า (Nude) เป็นที่ฮือฮามากในหมู่สื่อมวลชน
29 ตุลาคม พวกเขาได้จัด Extasy Summit ซึ่งเป็นงานของค่ายที่จัดมาตลอดตั้งแต่สมัย Indies ที่ Nippon Budokhan แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของวงดนตรีในสังกัด Extasy Yoshiki ปรากฏด้วยท่าทางที่แข็งแรง หลังจากที่สลบบนเวทีเมื่อ 1 อาทิตย์ก่อนหน้านี้ เขาพูดถึงสภาพร่างกายของตัวเองและกล่าวขอโทษกับแฟนๆ นอกจากเป็นพิธีกรแล้วเขายัง Surprise แฟนๆ ด้วยการ ใส่ชุดเจ้าสาวสีขาว Toshiและพิธีกรอีกคนก็ใส่ด้วย เป็นภาพที่เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ และทำให้ผู้เกี่ยวข้องตะลึงกับความตลกของพวกเขาเอามากๆ หลังจากนั้น 2 วัน Yoshiki ประกาศตั้งวง V2 ร่วมกับ Tetsuya Komuro สมาชิกวง TMN มกราคมปีถัดมาออก Single: Hatioku No Hitomi กับ VDO 1 ม้วน งานของวงจบลงแค่นี้ เพราะพวกเขางานยุ่งเกินคนธรรมดาทั้งคู่
- 4 พฤศจิกายน Yoshiki มีแผนการณ์จะจัดการแสดงเหตุการณ์จำลองปก CD:Jealousy ที่ Yokotengoku,Harajugu แต่เนื่องจากมีแฟนเพลงมารวมตัวกันกว่า 5,000 คน ก็เลยถูกตำรวจสั่งห้าม ทำให้ Yoshiki ซึ่งกำลังเตรียมตัวอยู่ใกล้ๆ เจ็บใจมากที่ถูกสั่งห้ามอยู่บนรถ
- 12-13 พฤศจิกายน การแสดงที่ Yokohama Arena จบลงโดยสวัสดิภาพ วันที่ 16 เดือนเดียวกัน ได้จัด concert อย่างกะทันหันโดยไม่มีการบอกล่วงหน้าที่ Live House Eggman ที่ Shibuya กลุ่มแฟนเพลงที่รู้การเคลื่อนไหวก็เกิดการแย่งชิงบัตรเข้าชมกัน การแสดงในเวลาอันสั้นแต่มีผู้เข้าชม 300 คนที่ได้ชมอย่างใกล้ชิดนั้นร้อนแรงกันมาก ภายในร้านร้อนขนาดหายใจแทบไม่ออก จากเหตุการณ์จราจลครั้งนี้ทำให้ Secret Live ที่ Live House ที่ Osaka และ Nagoya ถูกยกเลิกไปอย่างน่าเสียดาย ต่อมาก็มีการแถลงข่าวจาก X ต่อสื่อมวลชนว่าจะแสดง Concert ที่ Tokyo Dome 3 วัน ในช่วงปีใหม่ การที่ศิลปินญี่ปุ่นแสดง Concert ที่ Tokyo Dome เป็นเวลา 3 วันนั้น มันหมายความว่า X ได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของ J Rock มันเป็นความใฝ่ฝันที่จะได้ขึ้นเวทีที่ Tokyo Dome ตั้งแต่สมัยเป็นมือสมัครเล่นแล้ว และพวกเขาก็ประกาศอีกว่า เป้าหมายต่อไปที่พวกเขาคิดไว้คือ การก้าวออกสู่ตลาดโลก
- 1 ธันวาคม ออก Single: Say Anything เป็นเพลงช้าที่ได้รับความนิยมเป็นเวลานาน ทำให้ X ได้รับคำชื่นชมด้านรูปแบบดนตรีอย่างมาก ไม่มีใครว่าพวกเขาว่า "เป็นวงที่ไม่ได้เรื่อง ที่ดีแต่ฉูดฉาดกับรุนแรง อีกแล้ว การแสดงดนตรีร่วมกับวง Orchestra ลงใน Album ได้สร้างภาพลักษณ์ให้คนดูได้เห็นถึงความงดงามในการแต่งของท่วงทำนองเพลงที่เป็นสากลชัดเจนขึ้น
- 20 ธันวาคม จัด Film Gig ที่ Budokhan ซึ่งเป็นที่สุดท้ายของ Tour Concert: Violence In Jealousy Tour ที่เริ่มตั้งแต่สิงหาคมเป็นต้นมา การแสดงทั่วประเทศ 9 รอบ 15 แห่ง บัตรขายหมดเกลี้ยง รวมทั้ง event ในฤดูร้อนปีที่แล้ว มีคนดูรวมทั้งสิ้นกว่า 3 แสนคน แน่นอน บัตร Film Gig ขายหมด แต่เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่คือในช่วง Encore ครั้งที่ 2 นั้น ตัวจริงปรากฏบนเวทีและแสดงดนตรีให้ชม ซึ่งเป็นการแสดงความขอบคุณต่อแฟนเพลง
- ในวันส่งท้ายปีเก่า 1991 พวกเขาได้ร่วมมหกรรมขาวแดง(เป็นรายการที่ได้รับความนิยมจากคนทุกรุ่น) ของ NHK: Kohakuutagakusen เป็นครั้งแรก การทำผมตั้งและแต่งหน้านั้น เป็นเหตุการณ์ที่แปลกใหม่ที่หลงเหลืออยู่ในประวัติศาสตร์วงการเพลงญี่ปุ่น พวกเขาสร้างแรงดึงดูดได้มากกว่าวงอื่นที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด หลังมหกรรมขาวแดงแล้ว
1992
- 5-7 มกราคม X ได้จัด Concert ที่ Tokyo Dome ติดต่อกัน 3 วัน เมนูเพลงก็ต่างกันทั้ง 3 วัน วันที่ 5 เป็นการแสดงสดที่เชื่อมต่อจากการTour Concert ตั้งแต่ฤตูร้อนปีที่แล้ว วันที่ 6 เป็นการแสดงสดที่มีพลังมาก เน้นเพลงสมัย Indies ส่วนวันที่ 7 เป็นการแสดงที่น่าประทับใจและเสน่ห์ของ X แสดงยาวกว่า 4 ชม. ช่วง Encore สมาชิกทุกคนร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ สมาชิกทุกคนออกมาทักทายคนดูหลังจากจบการแสดงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาทั้ง 5 คือ Yoshiki,Toshi,Hide,Pata,Taiji ที่ได้แสดงร่วมกัน
- 29 มกราคม มี fax จาก X ที่ส่งให้สื่อมวลชนต่างๆ ว่า "Taiji ลาออกจากวงแล้ว" ซึ่งไม่ได้แจ้งเหตุผลให้ฟังอย่างชัดเจน เพียงแต่เขียนไว้ว่า "Taiji กับพวกเรา 4 คนจะเดินไปยังคนละเป้าหมายกัน" พวกเขาเป็นวงที่ประสบความสำเร็จและยืนอยู่จุดสูงสุดของ J Rock การประกาศลาออกอย่างกะทันหันของ Taiji นั้น ทำให้แฟนเพลงและผู้เกี่ยวข้องตกตะลึง แต่ถ้าลองมองย้อนกลับไป จะเริ่มเห็นวี่แววตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อ Taiji มีเวลาว่าง เขาได้ตั้งวงกับสมาชิกวง Londness และได้ขยายวงเพื่อนฝูงมากขึ้นเรื่อยๆ การแต่งหน้าและแฟชั่นก็เป็นชายมากขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนไปในรูปแบบของนักดนตรี Hard Rock ที่รุนแรงมากขึ้น
ตอนที่เริ่มรู้สึกว่าความคิดทางด้านรูปแบบดนตรีและความคิดที่มีต่อวงนั้นเริ่มแตกต่างจากสมาชิกคนอื่นๆ Taiji ได้ขอเจรจากับหัวหน้าวง Yoshiki เกี่ยวกับเรื่องนี้ การเจรจามีขึ้นกลางดึกของวันที่ 31 ธันวาคม 1991 หรือเช้ามืดวันที่ 1 มกราคม 1992 เป็นการออกมหกรรมเพลงขาวแดงครั้งแรก และเป็นวงที่ประสบความสำเร็จ แต่กลับมีการเจรจาเกี่ยวกับการลาออกของ Taiji ซึ่งเท่ากับว่า ตอนที่แสดง Concert 3 วันที่ Tokyo Dome นั้นได้มีการกำหนดว่าเขาลาออกจากวงแล้วนั่นเอง ความตึงเครียดใน 3 วันนี้ ไม่ใช่แค่การแสดง 3 วันเท่านั้น เพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาถึง 6 ปี ตั้งแต่สมัย Indies นั้นจะออกจากวงไป โดยการแสดงครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย พอนึกถึงเรื่องนั้นแล้ว พวกเขาก็ทุ่มเทหลังเต็มที่กว่าที่ผ่านมา น้ำตาในช่วง Encore ของวันที่ 7 การทักทายคนดูหลังจากเสร็จการแสดงอันยาวนาน
ทั้งหมดนั้นมากจากการลาออกของ Taiji หลังออกจาก X เขาก็เข้าร่วมวง Londness จากนั้นก็ตั้งวง D.T.R. (Dirty Trash Road) ซึ่งเขาเป็นหัวหน้าวง และอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ครั้งหลังปี 1991 หลังจากออก Album:Jealousy และทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย ก็ได้หยุดดำเนินกิจกรรมอีกครั้ง เก็บตัวเงียบ และเริ่มหาสมาชิกใหม่อย่างเงียบๆ แต่การหามือเบสที่จะมาแทนTaiji ซึ่งมีเทคนิคในการเล่นเบสยอดเยี่ยม และ X เป็นวงที่มีชื่อเสียงมาก จึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในวันหนึ่ง X จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่ Rainbow Room ของ ร็อดเฟร่าเซนเตอร์,New York มีสื่อมวลชนจากประเทศต่างๆทั่วโลกมารวมตัวกันกว่า 200 คน X ประกาศเซ็นสัญญากับค่าย Warner Music จากที่พวกเขาเคยพูดว่าจะก้าวออกสู่ตลาดโลกนั้น มันกลายเป็นจริงแล้ว
ในขณะเดียวกันก็ประกาศเปลี่ยนชื่อวงจาก X เป็น "X JAPAN" เหตุผลเพราะว่า ที่ LA มีวงชื่อ X แล้ว เพื่อการดำเนินกิจกรรมอย่างกว้างขวางทั่วโลก พวกเขาก็เลยต้องเปลี่ยนชื่อวง การซักถามนั้นเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และเพื่อสื่อมวลชนของประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ ก็ได้นำระบบการแปลโดยล่ามในขณะนั้นที่ใช้ในการประชุมระหว่างชาติมาใช้ Heath มือเบสคนใหม่ก็ปรากฏตัวเป็นครั้งแรก ในตอนนั้นพวกเขาไม่ได้กล่าวถึงประวัติก่อนหน้านั้นเลย แต่ Heath เคยเป็นนักดนตรีวง Indies ต่างๆ คือ Paranoid,Majestic Isabelle,Media Youth จริงๆ แล้วเขาเคยน่วมแสดงในวง Muteki Band (วงที่รวมกันหลายวง โดยมี X เป็นศูนย์กลาง) ในปี 1991 และเคยออก TV มาแล้ว เขาเคยดำเนินกิจกรรมในฐานะวง Indies มาก่อน ดังนั้น เขาจึงเคยพบปะกับ X และนักดนตรีของ Extasy ซึ่งกว่าจะได้รับเลือกให้เข้าวงนั้นได้มีการพิถีพิถัน และผู้ที่ได้รับเลือกว่าเหมาะสมที่จะเป็นสมาชิก X ก็คือ Heath
ในตอนนั้น Hide ได้บอกถึงเหตุผลที่รับ Heath เข้าเป็นสมาชิกว่า ในตอนนั้นมีคนเก่งๆ เทคนิคเยี่ยมมาสมัครเป็นสมาชิกเยอะมาก Heath ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดในนั้น แต่เพราะว่า Heath เป็นคนที่พัฒนาเร็ว จึงอาจทำให้ Heath ได้รับคัดเลือกก็ได้ และอาจเพราะ Heath สามารถเล่นดนตรีร่วมกับ X เข้ากันได้ดี ซึ่ง Hide เคยพูดไว้ว่า "เรื่องเข้ากันได้คือเรื่องสำคัญ ที่ว่าเข้ากันได้ไม่ได้หมายความว่า คนนั้นต้องมีประสบการณ์เพียบหรือเป็นมือโปร ไม่สนใจว่าคุณเคยเล่นดนตรีประเภทไหนมา เป็นใครก็ได้ เพียงแต่ต้องการคนที่เหมาะสมกับ X"
- 29 กรกฎาคม ก่อนจัดการแถลงข่าวครั้งนี้ 20 วัน ได้มีการจัด Talk Live ของ Yoshiki ที่ Nihon Budokhan เป็น event ที่รำลึกในการจัดจำหน่ายสมุดภาพของ Yoshiki แต่บัตรเข้าชมขายหมดภายในเวลา 4 นาทีเท่านั้น เนื่องจากไม่ได้พบปะแฟนเพลงมานาน และแสดงให้เห็นถึงชื่อเสียงที่ไม่เสื่อมคลาย วันนั้นได้บรรเลงเพลง Art Of Life เป็นครั้งแรก ร่วมกับวง Orchestra เพลงนี้มีความยาว 30 นาที ที่ Yoshiki แสดงให้เห็นถึงชีวิตของเขาเอง พอครึ่งหลังของเพลง Toshi,Hide,Pata ก็ปรากฏตัวบนเวที และแสดงดนตรีให้คนดูได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสหลังจากไม่ได้เห็นมากนาน
- 29 ตุลาคม X-Japan ก็จัดงาน Extasy Summit 92 อีกครั้ง ที่ Nihon Budokhan โดยมีสมาชิกครบวง วันที่ 29 ที่ผ่านมาก็ได้จัดงาน Summit ที่ Osaka Jo Hall แต่ Yoshiki ยังบันทึกเสียงไม่เสร็จ ยังไม่กลับจาก LA ก็เลยไม่ได้ไปร่วมงาน แต่ Heath ซึ่งปรากฏตัวต่อหน้าแฟนเพลงนั้นได้รับเสียงเชียร์จากคนดู ทำให้เขาดีใจมาก เขายังไม่เคยแสดง concert ร่วมกับ X-Japan แต่เขาก็ได้รับการยอมรับจากแฟนเพลงแล้ว
- วันส่งท้ายปีเก่า 1992 X-Japan ได้ร่วมมหกรรมเพลงขาวแดง เป็นครั้งที่ 2 พวกเขาเล่นเพลง Kurenai ทำให้แม้แต่แฟนเพลงเก่าแก่ตกตะลึง นอกจากนี้ Yoshiki ได้แต่งเพลง Tears ซึ่งเป็น Theme Song ของงานมหกรรมขาวแดงในปีนี้ เขาดีด Pipe Organ เอง ใน NHK Hall และผู้ร่วมงานทุกคนก็ร้องประสานเสียงกัน ทั้งนักร้องเพลงสมัยก่อนของญี่ปุ่น นักร้องวัยรุ่นที่มีชื่อเสียง ผู้มาร่วมงานทุกคนร้องเพลงที่ Yoshiki แต่ง ช่างเป็นอะไรที่น่าประทับใจและยิ่งใหญ่ พวกเขายืนหยัดอย่างมั่นคงในวงการเพลงญี่ปุ่น ตั้งแต่ออกรายการนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปีที่แล้วนั้น ได้สร้างความประทับใจให้กับคนดูมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้น Yoshikiกับ Hide ก็ตรงไปที่ Rokumeikan ทันที และร่วมงาน All Night Metal Party ซึ่งทำเป็นประจำทุกปี และปิดฉากปี 1992 ลงอย่างสวยงาม
1993
ครึ่งแรกของปี 1993 สมาชิกของ X ออก Solo Album กันทุกคนจึงทำให้งานของ X ในครึ่งปีแรกไม่ปรากฎผลงาน
- 26 พฤษภาคม ที่ได้ถ่ายทำ VDO ที่ใช้ทำ Film Gig ที่ Long Beach Arena, CA. โดยสร้างเวทีที่จุคนได้กว่าหมื่นคน พวกเขาแสดงทั้งหมด 17 เพลง รวมเพลง Art Of Life Film Gig ครั้งนี้ชื่อว่า "X Film Gigs 1993 Visual Shock Kougeki Saikai" แสดง 47 วัน 45 แห่งทั่วประเทศเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม จนถึงเดือนกันยายน และครั้งนี้ก็มีของขวัญจากสมาชิกเช่นปีที่แล้วแต่เป็นถุงเล็กๆ ที่มี Logo X-Japan ข้างในมี CD Single ที่มี message จากสมาชิกในวง กับที่ห้อยคอ Back Stage Pass
- 25 สิงหาคม ระหว่างการ Tour Film Gig ในที่สุด Mini Album: Art Of Life ยาว 30 นาที ก็ได้ออกวางจำหน่าย Yoshiki เริ่มคิดที่จะทำเพลงนี้มาตั้งแต่ปี 90 เขาบอกว่าเพลงนี้ "ได้ประกาศตัวเองทั้งหมดออกมา" นอกจากนี้ยังเป็นการพิสูจน์ฝีมือ Heath มือเบสคนใหม่ได้เป็นอย่างดี และเขาก็ประสบความสำเร็จ
- ครึ่งหลังของเดือนกันยายน ได้เริ่ม Film Gig ภาคพิเศษแคมเปญที่จัดขึ้นโดยจะจับผู้โชคดีที่ได้บัตรเข้าชม โดยครั้งนี้มีผู้ร่วมชิงโชคถึง 6 แสนคน ใน Hall นั้น สมาชิกจะสลับกันปรากฏตัวอย่างเป็นความลับ Yoshiki ปรากฏตัวที่ Osaka โดยไม่มีการบอกล่วงหน้า มันเป็นความต้องการของเขาเอง เขาอยากมาขอโทษแฟนๆ ที่งาน Extasy Summit ปีก่อนที่ไม่สามารถร่วมงานได้ ความอ่อนโยนของเขานั้นถึงกับทำให้แฟนๆ ใน Hall ร้องไห้กันเลย
- 14 ตุลาคม ออก Single:Tears เป็นเพลง Ballad ที่มีเนื้อหากินใจ นอกจากนี้ยังมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าจะจัดงาน Count Down Concert ที่ Tokyo Dome 2 วัน หลังจากที่ห่างหายจากTokyo Domeไปถึง 2 ปีเต็ม เป็น Concert ครั้งแรกหลังจากที่เปลี่ยนชื่อวงและได้สมาชิกคนใหม่ งานนี้นับว่า X-Japan เป็นวงแรกของญี่ปุ่นที่จัด Count Down Concert ขึ้น หลังงานแถลงข่าว สมาชิกทั้ง 5 เดินทางไปยังBodokhan ที่กำลังจัดแสดง Film Gig อยู่อย่างรีบด่วน พวกเขาได้ประกาศข่าวนี้ให้แฟนๆ ใน Hall ทราบ ช่วงปลายปี มีการนำตุ๊กตาหน้าตาน่ารักแบบการ์ตูนขนาด 20 ซม. ของสมาชิกทั้ง 5 ไปทำเป็น UFO Catcher ตาม Game Center ที่พวกเขานั้นเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยทิ้งความคิดอันยืดหยุ่นว่า ถ้าทำให้เป็นที่ยอมรับได้ล่ะก็จะยอมทำทุกอย่าง
- 21 ธันวาคม X-Japan ได้จัดจำหน่ายถุงยางอนามัยยี่ห้อ "X" เพื่อเป็นการรณรงค์ป้องกันโรค AIDS ในญี่ปุ่น ซึ่งในครั้งนี้ต้องคัดเลือกวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลกับคนหนุ่มสาวมากที่สุด ในวันแถลงข่าว Yoshikiและ Toshi ปรากฏตัวและพูดต่อต้าน AIDS ผ่านสื่อมวลชน สำหรับพวกเขาที่อาศัยที่อเมริกานั้น AIDS ไม่ใช่โรคไกลตัวเลย พวกเขาเคยพบเห็นมากับตัวเอง และได้พูดแสดงความคิดของตนที่มีต่อ AIDS อย่างจริงจัง
- 30-31 ธันวาคม X-Japan ได้จัด Concert ที่ Tokyo Dome พวกเขาเล่นเพลง Art Of Life ที่มีคนกล่าวกันว่าไม่มีทางเล่นได้ และเพลง Tears นอกนั้นยังมี Solo Concert ของแต่ละคน ในวันแรกนั้นระหว่างการแสดงสด Toshi ถูกกระสุนปืนยิงล้มลง พอปรากฏตัวอีกครั้งเขาเอาผมลง การแสดงในครั้งนั้นมีความหมายว่า Toshi คนที่ตั้งผมนั้นได้ตายไปแล้วและกลับมาเกิดใหม่ ตั้งแต่นั้นมา Toshi ก็เลิกตั้งผมและแต่งหน้าน้อยลงเรื่อยๆ
- 31 ธันวาคม X-Japan ไปร่วมงานมหกรรมเพลงขาวแดงของ NHK และเล่นเพลง Tears จากนั้นก็ไปแสดงต่อที่ Tokyo Domeต่อทันที และจัด Count Down Concert ตั้งแต่ 3 ทุ่มจนเข้าปีใหม่ คือระหว่างการเล่นเพลง X ในช่วง Encore สมาชิกทุกคนใส่เสื้อคลุมกิโมโน และนับวินาทีให้เข้ากับเข็มนาฬิกาฉลองต้อนรับปีใหม่ร่วมกับคนดูทั้ง Tokyo Domeหลังจากนั้นเพลง X ที่เล่นทิ้งไว้ครึ่งๆ กลางๆ ก็ถูกเล่นต่อ แต่เนื่องจากคนทั้ง 5 หมื่นคนทำ X Jumpทำให้คนแถวๆ นั้นคิดว่าเกิดแผ่นดินไหวจนถูกตำรวจต่อว่าเอาเลยทีเดียว
1994
มิถุนายน ต้นสังกัดใหญ่ Platinum Records เรียกเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ X-Japan โดยมีผู้จัดจำหน่ายคือ Polygram H.K. ในปีนี้
X-Japan ลดกิจกรรมลง เพราะสมาชิกย้ายไปอยู่ที่ LA เพื่อทำการบันทึกเสียง อีกทั้งแต่ละคนก็ทุ่มเทให้กับงานเดี่ยวของตน แต่ทั้ง 5 ก็มาปรากฏตัวในงาน Aoniyoshi(The Great Music Experience) ใน event ที่จัดในลานวัด Todai,Tokyo งานนี้ George Martin ที่เคย Produce งานเดี่ยวของ Yoshiki เป็นคนวางแผนงาน และเป็นงานใหญ่ระดับโลกถ่ายทอดผ่านดาวเทียมที่พวก Bon Jovi, Bob Dylan, Inxs มาร่วมงาน Yoshiki ได้ร่วมเล่นเพลงกับ Roger Taylor ส่วน X-Japan ก็ได้เล่น 2 เพลง
- 10 กรกฎาคม ออก Single:Rusty Nail เข้า chart อันดับ 1 ทันที
- 21 พฤศจิกายน ได้มีการแถลงข่าวงาน Concert ที่ Tokyo Dome ในวันที่ 30-31 ธันวาคม และการเปิดงาน X-Japan Days ในสวนสนุก Kourakuen Yuenchi ตั้งแต่วันที่ 10-31 ธันวาคม มีพิพิธภัณฑ์ X-Japan และเครื่องเล่นต่างๆ ในวันหนึ่งหลังปิดสวนสนุกแล้ว สมาชิกทุกคนได้รับเชิญไปที่สวนสนุกนั้นและเล่นเครื่องเล่นตามใจชอบในสวนสนุกที่มีแต่พวกเขาเท่านั้น ภาพนั้นได้ออกอากาศทางรายการโทรทัศน์ ภาพของสมาชิกที่นั่งรถไฟเหาะ และไวกิ้งนั้นนั้นเหมือนพวกเขาได้กลับเป็นเด็กไร้เดียงสา สดชื่น หลังจากได้พักผ่อนแล้ว พวกเขาก็เริ่มซ้อมเพื่อ concert ที่ Tokyo Dome ในปลายปี บัตรขายหมดตั้งแต่วันที่เปิดขาย - 29 ธันวาคม ซึ่งเป็นการซ้อมก่อนการแสดงจริง
Yoshiki ตกเวทีจนต้องหามส่งโรงพยาบาล เขาบาดเจ็บหนัก ที่เส้นเอ็นแขนขวาฉีกและหมอสั่งให้พักรักษาตัวแต่เขาฝืนคำสั่ง กลับไปที่ Tokyo Dome และทำการซ้อมต่อไป นับเป็นข่าวพากหัวหนังสือพิมพ์ข่าวกีฬาในวันถัดมา แฟนๆที่เป็นห่วงอาการของ Yoshiki มารวมตัวกันที่ Tokyo Dome ตั้งแต่เช้า แต่ Yoshiki ได้แสดงการเล่นที่ทำให้ไม่รู้สึกอย่างนั้น เขาแสดงด้วยกำลังที่มีทั้งหมด หลัง World Anthem ก็เริ่มต้นด้วยเพลง Rusty Nail Concert 2 วันนี้จะมีชื่อของแต่ละวันคือ วันที่ 30 ชื่อ Aoiyoruวันที่ 31 ชื่อ Shiroiyoru ,Yoshiki บอกว่าไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ แต่ในวัน Aoiyoru สมาชิกก็แต่งตัวด้วยชุดสีน้ำเงิน Shiroiyoru ก็ใส่ชุดสีขาว และทั้ง 2 วันก็แสดงเพลงใหม่คือ Dahlia และ Scars On Melody และนับเป็นวันที่ HIDE ได้ปลุกความฝันของ เด็กน้อยคนหนึ่ง (Mayukochan)
หลังจากนั้นเขาก็เป็นกำลังใจให้แก่กันและกันตลอดมา นอกจากนี้ยังได้แจก Demo Tape เพลงใหม่คือ Longing ให้แก่ผู้ชมทุกคนทั้ง 2 วัน ทั้งหมด 1 แสนคน ตาม Live House ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาแต่การที่ X-Japan แจก Demo Tape ให้แก่คนดูนับเป็น ideaที่แปลกใหม่และทำให้ทุกคนตกตะลึง ทางบริษัทต้นสังกัดบอกว่า CD จะใช้ค่าใช้จ่ายถูกกว่าแต่ Yoshikiอยากให้เป็น Demo Tape มาก จึงนับว่าเป็นของขวัญที่มาจาก Idea ของ Yoshiki ส่วนหน้า B เป็นการบันทึกสภาพตอนซ้อมแบบหยาบๆ โดยการเอา MIC วางบน AMP ใน Studio เท่านั้น เป็นเทปที่อัดตอน 2 เพลงใหม่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เนื้อเพลงยังไม่ได้แต่ง ตรงที่ Toshiร้องงึมงำๆ นั้นตลกมาก นอกจากนี้ก็มีเพลง Break The Darkness ที่เป็นเพลงหน้า B ของ Single ; I'll kill you. Single แรกของ X ที่ออกในปี 1985 บันทึกอย่างลับๆ แม้แต่ตรงนี้ก็ยังเต็มไปด้วยใจที่ขี้เล่นของพวกเขา หลังจบ Concert ในคืนวันที่ 31 พวกเขาก็ไปงานมหกรรมเพลงขาวแดงอีกเป็นครั้งที่ 4
1995
- 1 มกราคม Sony Record ได้ออก Album แสดงสดคู่ Hametsuni Mukatte 1992.1.7 Tokyo Dome Live
- 3 มกราคม สมาชิกทุกคนเดินทางไปอเมริกาเพื่อเข้า Studio เพื่อบันทึกเสียง Album ใหม่
- 27 กุมภาพันธ์ ได้ตั้ง X-Japan Racing Team ประกาศเข้าร่วม F-3000 ในการแข่งขันที่ Suzuka ทั้งๆ ที่ทุกคนอยู่อเมริกา
- 18-19 มีนาคม Yoshiki ได้เขียนคำว่า "Dahlia" ซึ่งเป็นชื่อ Album ใหม่ลงบนตัวรถ
- 1 สิงหาคม ออก Single: Longing Tagireta~Melody
- กันยายน ออก VDO Promote:Longing Tagireta~Melody Produce By David Linch Tour Concert ที่หายไปนานตั้งแต่ Violence In Jealousy Tour 1991
- ฤดูใบไม้ร่วง เดือนกันยายน มีการแถลงข่าวที่ Yamagashi Sogo Sport Center ประกาศตาราง Tour Concert ทั่วประเทศ 9 แห่ง 15 รอบ เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 1996 โดยรวมการแสดง 2 รอบที่ Tokyo Dome ด้วย แต่ตารางการ Tour ครั้งนี้มีระยะเว้นห่างกันพอสมควรทำให้เหตุการณืดำเนินไปด้วยดีตั้งแต่ต้นจนจบ Yoshiki ซึ่งเริ่ม Tour Concert ระหว่างการทำบันทึกเสียงอยู่นั้น เขาห่วงการบันทึกเสียงมาก หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ เขาบินกลับ LA ทันทีและหมกมุ่นอยู่กับการบันทึกเสียง ความเหนื่อยล้านั้นบั่นทอนสุขภาพเขาลงเรื่อยๆ
- 11 ตุลาคม เปิดนิทรรศการภาพถ่าย Kizutsukeatta Koto Bamo Kasaneta Namidama X-Japan และในเดือนเดียวกัน Segaจัดจำหน่ายแผ่น Game;Visual Shock 001 เป็น Game ที่นำเอา X-Japan ไปทำเป็น Game มีฉากของตัวสมาชิกเองและการแสดงอยู่มากมาย Game Fan ให้ความสนใจมากในคุณภาพที่สูงของมัน
- 11 ธันวาคม ออก Special Single: Longing~Setsubu No Yoru~ Yoshiki พูดใส่เข้าไปในทำนองเพลง
- 26 ธันวาคม ออก Single: Dahlia
- 30 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่ Tokyo Dome การ Solo กลองในวันนี้ เขากับกลองชุดปรากฏบนแท่นที่ยกขึ้นที่สร้างไว้ตรงกลางที่นั่งบริเวณ Arena (ที่นั่งหน้าเวทีบนพื้น) แต่ช่วงที่ยกแท่นขึ้นเพียงเล็กน้อย ฐานของแท่นเกิดหัก Yoshiki ตกลงพื้นพร้อมกับกลองชุด แต่โชคดีที่มันยังไม่ได้ขึ้นไปสูงมาก ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แม้จะเกิดความผิดพลาดแต่ Show นั้นก็ประทับใจและน่าตื่นเต้นมาก
1996
- 2 กุมภาพันธ์ ออก Album: B.O.X. (Best Of X) รวมเพลงที่ดีที่สุดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
- 11 มีนาคม Concert ที่ Nagoya Bainvow Hall การแสดงเลื่อนเพราะ Yoshiki เป็นลม
- 13 มีนาคม Yoshiki เป็นไส้เลื่อน หมอสั่งให้พักรักษาตัวและเขาต้องทำตามที่หมอสั่งอย่างเด็ดขาด ตารางการแสดงหลังจากวันนั้นถูกยกเลิกทั้งหมด เขากลับ LA เพื่อรักษาต่อจนหายและทำการบันทึกเสียงอีกครั้ง เขามุ่งมั่นกับการทำ Album ให้เสร็จสมบูรณ์
- มิถุนายน สมาชิกทุกคนเดินทางไปอัดเสียงที่ One On One Studio, LA
- 8 กรกฎาคม ออก Single: Forever Love ซึ่งเป็นเพลงประกอบการ์ตูนเรื่อง XClamp
- 26 สิงหาคม ออก Single ที่ 2 ของปี: Crucify My Love
- 4 พฤศจิกายน นอกจากจะเป็นวันเกิดของ Pata แล้ว ยังเป็นวันวางจำหน่าย Album4: Dahlia ที่แฟนๆ รอมานานหลังจากที่ผ่านการเลื่อนกำหนดวางจำหน่ายหลายต่อหลายครั้ง Dahlia เป็น Album ใหม่ที่ต่อจาก Album; Jealousy 1991 ที่ห่างกันนานถึง 5 ปี 4 เดือน และเป็นวันที่ Yoshiki บินมา Promote Album ที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังนำ MV เพลง Dahlia มาฉายเป็นที่แรก
- 18 พฤศจิกายน ออก Single:Scars
- 30-31 ธันวาคม Concert ที่ Tokyo Dome ในครั้งนี้เริ่มเปิดด้วย Amethyst และเป็นเสียง World Anthem ที่ใช้เป็นเสียงผู้หญิงเป็นครั้งแรก และต่อด้วย Rusty Nail แต่ Concert ครั้งนี้ Yoshiki ใช้ Corest(ที่พันคอ) พันรอบคอไว้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
1997-The Last Year
- 19 กุมภาพันธ์ ออก VDO: Dahlia The VDO Visual Shock 5 Part 1,2
- 6 มีนาคม X-Japan จัดจำหน่ายแว่นกันแดดยี่ห้อ X-Japan มีทั้งหมด 5 Model ตาม Style ของสมาชิกทั้ง 5 คน โดยวางจำหน่ายกว่า 20 สาขาทั่วโลก ทั้ง USA(NY,LA),Canada,UK,France,Germany,Swisszerland,Belgium,Israel,Australia, Finland,Italy,South Africa,Thailand,Hong Kong,Singkapore,... แว่นตาของ X JAPAN จัดว่าเป็นแว่นที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดยี่ห้อหนึ่ง
- 22 กันยายน X-Japan ประกาศยุบวงที่ตั้งมา 15 ปี และเดบิวต์อย่างเป็นทางการมา 8 ปี โดยประกาศการยุบวงที่ Miyako Hotel ห้องทั้งห้องถูกตบแต่งด้วยสีขาว ในการแถลงข่าวครั้งนี้มีสมาชิกทั้งหมด 4คน คือ Yoshiki,Hide,Pata,Heath ที่ขาด Toshi ไปเป็นเพราะเขาได้ลาออกจากวงไปตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา เหตุผลคือความแตกต่างทางด้านแนวความคิดทางด้านดนตรี แม้ว่าทุกคนในวงจะพยายามเหนี่ยวรั้งเขาไว้จากการลาออก แต่พวกเขาทั้ง 4 เคารพในการตัดสินใจของ Toshi และอนุญาตให้เขาลาออกอย่างเป็นทางการ
X-Japan ไม่สามารถเปลี่ยนนักร้องนำใหม่ได้เพราะจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย เพราะส่วนใหญ่เพลงของ X-Japanแต่งโดยใช้พื้นฐานเสียงของ Toshi เป็นหลัก จากการพิจารณาของสมาชิกในวงหลายต่อหลายครั้งจึงตัดสินใจยุบวง แต่ยังคงจะออก Singleแผ่นสุดท้ายออกมา
- 15 ตุลาคม ออก Live Album: Live Live Live Tokyo Dome ตั้งแต่ปี 93-96
- 28 ตุลาคม ออก VDOhlia Final 1996 3 ม้วน ภาพหน้าปก VDO แต่ละม้วนเมื่อนำ มาเรียงต่อกันจะเป็นภาพสมาชิกทั้ง 5 จับมือกัน ชูขึ้นหลังจากที่จบ concert
- 5 พฤศจิกายน ออก Album:Live Live Live Extra
- 17 ธันวาคม ออก Single:Forever Love Last Mix และ ALBUM: Ballad Collection
- 25 ธันวาคม ออก Single:X-Japan Single B.O.X. และอีก 2 Album คือ Dahlia(Analog LP) และ X-Japan Special B.O.X.
- 31 ธันวาคม มีการจัด Concert ครั้งสุดท้ายที่ Tokyo Dome เพียงรอบเดียวเท่านั้น และมีการแสดงเพลง The Last Song ครั้งนี้ถือว่าเป็น Home Ground ของพวกเขาก็ว่าได้ Scrip งานก็คล้ายๆ กับของปีที่แล้ว เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็เป็นของปีที่แล้ว Concert ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่เล็กที่สุดตั้งแต่ X-Japan ยืนอยู่บนเวทีที่ Tokyo Dome มา หลังจบ Concert สมาชิกทุกคนไปร่วมงานมหกรรมขาวแดงเป็นครั้งสุดท้าย และหลังจากคืนนี้แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะกลายเป็นตำนาน แม้ตอนนี้ X-Japan จะกลายเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่แล้วก็ตาม แต่ความเป็น X จะคงอยู่ในใจสาวก X เช่นนี้ตลอดไป รวมทั้ง Hide ที่จากไปชั่วนิรันดร์ ่เขาก็จะยังคง อยู่ในใจพวกเราตลอดไป..
ประวัติ
วงได้เริ่มดำเนินตามแผนในปี พ.ศ. 2519 สมาชิกที่ร่วมก่อตั้งมี โทชิ (โทชิมิทสึ เดยาม่า) และ โยชิกิ ซึ่งพวกเขาอายุได้แค่ 12 ปีเท่านั้น ต่อมาปี พ.ศ. 2522 ได้ก่อตั้งวงชื่อว่า Noise ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น X ในปี พ.ศ. 2525
ต่อมาได้ออกซิงเกิ้ลแผ่นแรกของวงชื่อ "I'll kill you" (มิถุนายน พ.ศ. 2528) สมาชิกในยุคนั้นมี: โยชิกิ (กลอง, เปียโน) , โทชิ (ร้องนำ) , ยูจิ (กีตาร์) , โทโมะ (กีตาร์) , โทคุโอะ (เบส) ภายใต้สังกัดของตัวเองโดยขายได้ 10,000 แผ่น
เมษายนปี พ.ศ. 2529 ได้ออกซิงเกิ้ลที่ชื่อ オルガスム (Orgasm) สมาชิกในยุคที่ 7 นี้มี: โยชิกิ (กลอง, เปียโน) , โทชิ (ร้องนำ) , จุน (กีตาร์) , ฮิคารุ (เบส) ช่วงนี้ ทาอิจิ ได้เข้ามาร่วมวงแล้วแต่ได้ขอออกจากวงชั่วคราว
พ.ศ. 2530 ได้สมาชิกที่ลงตัวอันประกอบไปด้วย โยชิกิ (กลอง, เปียโน) , โทชิ (ร้องนำ) , ฮิเดะ (กีตาร์) , พาตะ (กีตาร์) , ทาอิจิ (เบส) และหลังจากนั้นได้ออกวางจำหน่ายอัลบั้มอินดีย์อัลบั้มแรกชื่อ "Vanishing Vision" (14 เมษายน พ.ศ. 2531) ภายใต้สังกัดของตัวเอง (Extasy Record) โดยมียอดขายสูงสุดติดอันดับ 1 ในชาร์ทอินดีย์
สิงหาคม พ.ศ. 2531 ได้เซ็นสัญญากับค่ายใหม่ Sony Record เพื่อเตรียมการเมเจอร์ เดบิวท์ 21 เมษายน พ.ศ. 2532 ได้ออกวางจำหน่าย อัลบั้ม เมเจอร์ เดบิวท์ ชื่ออัลบั้มว่า BLUE BLOOD
พ.ศ. 2535 X เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในประเทศญี่ปุ่น และพวกเขาเริ่มมีความคิดเข้าสู่ตลาดโลก ซึ่งขณะนั้นในสหรัฐอเมริกานั้นได้มีวงที่ชื่อ X อยู่แล้ว พวกเขาจังตัดสินใจเปลี่ยนชื่อวงจาก X เป็น X Japan และช่วงนี้เองเป็นช่วงที่พวกเขาขาดมือเบส เนื่องจาก ทาอิจิ มือเบสคนเก่า ได้ออกจากวงไปแล้ว ในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2535 และก็ได้ ฮีธ (ฮิโรชิ โมริเอะ) เข้ามาเป็นมือเบสคนใหม่ ส่วนทาอิจินั้น หลังจากออกจากวง X ก็ได้ออกไปอยู่กับวง Loudness ซึ่งเป็นวงอาจารย์ของเขาเอง
4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539 อัลบั้ม DAHLIA ออกวางจำหน่าย อัลบั้มนี้ออกวางจำหน่ายทั่วโลก ภายใต้สังกัด East West Japan
22 กันยายน พ.ศ. 2540 X Japan ประกาศยุบวงที่ตั้งมายาวนานถึง 15 ปี โดยประกาศการยุบวงที่โรงแรมมิยาโกะ ในการแถลงข่าวครั้งนี้มีสมาชิกที่มา 4 คน คือ โยชิกิ, ฮิเดะ, พาตะ และ ฮีธ ส่วน โทชิ นั้นได้ลาออกจากวงไปตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2540 โดยให้เหตุผลว่า มีความแตกต่างทางด้านแนวความคิดทางด้านดนตรี X Japan ไม่สามารถเปลี่ยนนักร้องนำใหม่ได้เพราะส่วนใหญ่เพลงของ X Japan แต่งโดยใช้พื้นฐานเสียงของโทชิเป็นหลัก จากการพิจารณาของสมาชิกทุกคนที่เหลือในวงหลายครั้งจึงตัดสินใจประกาศยุบวง
10 ปีที่จากไปของ ฮิเดะ สู่การเกิดใหม่ของ X Japan
เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่าน ถือเป็นการครบรอบ 10 ปีที่โลกได้สูญเสีย ฮิเดะโตะ มัตซึโมโตะ มือกีตาร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของวงการวิชวล ร็อกอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งเมื่อ 4 เดือนก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งจะขึ้นแสดงคอนเสิร์ตเป็นครั้งสุดท้ายกับ X Japan วงดนตรีที่สร้างชื่อในวงการให้กับเขา และเป็นเหตุผลให้ความหวังในการกลับมารวมกันใหม่ของยอดวงร็อกวงนี้ไม่ได้รับการพูดถึงขึ้นมาอีกเลย
เหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 1998 ถูกเปิดเผยในภายหลังว่าในคืนดังกล่าวฮิเดะได้ดื่มฉลองกับเพื่อนในอพาร์ตเมนต์ของเขา ซึ่งเพื่อนหญิงที่เป็นรูมเมตของเขาเป็นผู้ที่พาเขาขึ้นนอนด้วยตัวเอง แต่เมื่อเธอกลับไปดูที่ห้องในอีกชั่วโมงต่อมาปรากฏว่าเขาไม่อยู่ที่ห้องเสียแล้ว จากการรายงานเผยว่าได้มีการพบร่างของเขาถูกแขวนอยู่กับลูกบิดประตู โดยมีผ้าขนหนูที่ขาดวิ่นเกี่ยวอยู่ ลมหายใจของเขารวยรินขณะที่รถพยาบาลมาถึง และเสียชีวิตขณะไปถึงที่โรงพยาบาลด้วยอายุ 33 ปี
จากการเสียชีวิตอันแสนพิสดารดังกล่าวนำมาซึ่งการโต้เถียงถึงสาเหตุที่แท้จริงเบื้องหลังการตาย ทั้งอุปนิสัยที่ชอบทำอะไรพิเรนทร์เพื่อหยอกล้อกับคนอื่น ซึ่งขณะนั้นเขากำลังเมาอยู่พอดี แต่ตามความคิดเห็นของไทจิ อดีตมือเบสสมาชิกของ X Japan ที่กล่าวไว้ในหนังสือ X no Sei to Shi: Uchuu wo Kaeru Tomo e ของเขาว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับสมาชิกของวง X Japan ทุกคนที่มักจะเอาผ้าขนหนูมาแขวนไว้ที่คอและไหล่หลังจากเสร็จการแสดงคอนเสิร์ตอันยาวนานในแต่ละคืนเพื่อเป็นการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งฮิเดะก็ชอบทำแบบนั้นจนเป็นนิสัย จึงเป็นได้ว่าเขาอาจจะลื้นล้มจนขนผ้าขนหนูที่คอไปเกี่ยวกับประตูห้องน้ำจนนำมาซึ่งเรื่องน่าเศร้าดังกล่าว แม้จะมีแฟนหลายคนเห็นด้วยกับข้อสันนิฐานนี้ แต่ก็มีไม่น้อยที่เลือกจะเชื่อว่ามันเป็นความตั้งใจของฮิเดะเองที่จะยุติชีวิตของเขา แม้ในช่วงที่เส้นทางอาชีพในฐานะศิลปินเดี่ยวกำลังพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในขณะนั้น
พิธีศพของฮิเดะจัดขึ้นที่วัด Tsukiji Hongan-ji ในกรุงโตเกียว วันที่ 7 พ.ค. 1998 ที่มีผู้คนเข้ามาร่วมงานถึง 7 หมื่นคน มีการปิดถนน และระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่าร้อยชีวิตและพนักงานรักษาความปลอดภัยกว่า 170 คนเพื่อควบคุมสถานการณ์ที่แฟนเพลงที่อยู่ในอารมณ์อันโศกเศร้าได้มาชุมนุมกันมากมายเช่นนี้ ซึ่งทุกวันนี้อนุสรณ์เล็กๆ และสมุดเยี่ยมในงานยังคงอยู่ภายในวัดดังกล่าว
นอกจากแฟนเพลงและแขกในงานนับหมื่นคนที่ไปร่วมไว้อาลัยกับฮิเดะแล้ว ยังรวมไปถึงสมาชิกที่เหลือของวง X Japan ที่ไปร่วมงานดังกล่าวพร้อมกับการแสดงร่วมกันเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเพลง Forever Love ที่จะทำให้แฟนเพลงนึกถึงเขาทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนี้อีกตราบเท่านาน
นับจากวันนั้นชื่อของวง X Japan ก็เหลือเพียงแค่ตำนานให้แฟนเพลงระลึกถึง 10 ปีที่เรื่องราวของเขาถูกบอกเล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าผ่านทางบทเพลงที่พวกเขาเคยสร้างสรรค์ไว้ตลอดระยะเวลา 10 ที่อยู่ในวงการเพลง
ก่อนที่สายลมแห่งวันเวลาจะพัดพาความทรงจำที่แฟนเพลงมีต่อพวกเขาให้เลือนหายไป ข้อความเล็กๆ ที่ปรากฏอยู่ใน myspace ของโยชิกิ และเว็บไซต์ของโทชิ 2 สมาชิกที่ตั้งวงนี้ขึ้นมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือด้วยกัน อาจจะทำให้แฟนเพลงที่ยังคงรอคอยการกลับมาของพวกเขาพอจะมีความหวังขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย
ข้อความของโยชิกิ
...และสำหรับ X Japan ผมได้แต่ถามตัวเองว่าทำไม ๆ ๆ ...ด้วยความสัตย์จริง มันต้องใช้เวลาเป็นปีๆ ที่จะกำจัดความเจ็บปวดและเศร้าใจ....ซึ่งบางทีมันอาจจะยังไม่ถึงเวลา ทุกวันนี้ผมยังทำใจฟังเพลงหรือแม้แต่ดูวีดิโอของ X Japan โดยไม่มีน้ำตาอาบแก้มไม่ได้เลย
วงของผมเอง...ที่ผมไม่สามารถฟังมันโดยไม่ร้องไห้ไม่ได้...ทำอย่างไรถึงหมุนเวลากลับไปได้...มันเจ็บปวดเหลือเกิน...แม้แต่พูดถึงชื่อของมัน...X Japan
ทุกวันนี้ผมยังตีกลองได้ ผมคิดว่าตัวเองยังตีได้เร้าใจกว่าเดิมด้วยซ้ำ แม้ว่าคอผมจะยังบาดเจ็บและมันจะทำให้ข้อมือผมปวดร้าว...แต่ช่างมันปะไร...ผมไม่สนใจความเจ็บปวดทางกายอยู่แล้ว
แต่เรื่องของจิตใจ...ผมไม่มั่นใจว่าจะรับมือมันได้หรือเปล่า...ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี...ผมได้พูดคุยกับโทชิ(นักร้องของ X Japan)...เขาโทรมาคุยกับผมตลอดช่วงสิ้นปีที่แล้ว...ซึ่งเป็นการเปิดใจครั้งแรกหลังจากที่เขาหันหลังให้กับวงตั้งแต่วันนั้น...โทชิและผมต่างเติบโตมาด้วยกัน...ผมไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
WITHOUT YOU เป็นเพลงที่ผมแต่งขึ้นหลังจากความตายของฮิเดะ เป็นเพลงที่ผมต้องบันทึกเสียงเปียโนเอาไว้หลายครั้ง เพราะคราบน้ำตาที่เปื้อนอยู่บนแป้นคีย์มันทำให้นิ้วผมลื่นไถลทุกครั้งที่เริ่มเล่นใหม่
ถ้าจะมีใครซักคนได้ร้องเพลงนั้น...จะต้องเป็นโทชิคนเดียว...แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร...มันเจ็บปวดเกินไป
ผมขอโทษ ผมไม่อยากจะให้พวกคุณมาเศร้าไปกับมันด้วย...แต่หลายคนเฝ้าแต่ถามผมถึงเรื่องนี้ ผมถึงต้องพูดถึงมันเสียที...ขอแค่เวลาให้ผมซักหน่อยเถอะ...
โยชิกิ
24 ก.พ. 2007
ข้อความของโทชิ
เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้มีโอกาสเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา ในเมืองลอส แองเจลิส ระหว่างที่ผมอยู่ที่นั่นไม่กี่วันผมมีโอกาสได้พบกับเพื่อนเก่าของผมที่สตูดิโอส่วนตัวของเขา
เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ผมไม่ได้กลับมาเยือนห้องอัดแห่งนี้ ดูมันใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ความสุดยอดของเครื่องไม้เครื่องมือในนั้นมันทำให้ผมถึงกับประหลาดใจ ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นสตูดิโอบันทึกเสียงที่ดีที่สุดในโลกก็ได้ ผมรู้สึกยินดีไม่ต่างจากเขาเลย
ที่นั่น ผมได้ฟังเพลงที่เพื่อนผมประพันธ์ขึ้นในสตูดิโอที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก
เราต่างมีเพื่อนรักที่จากเราไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และเพลงที่ได้ยินนั้นมันมาจากความเศร้าและความสูญเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าว ที่เขาบอกว่าแต่งขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากเพื่อนของเขาเสียชีวิตไป
เพลงที่ได้ยินก็เป็นเพลงบัลลาดสไตล์ถนัดของเขา ด้วยทำนองแสนเศร้าที่ขึ้นต้นด้วยเสียงเปียโนและสอดประสานด้วยเมโลดีสวยๆ ของเครื่องสาย และยิ่งกว่านั้น มันยังบันทึกไว้สำหรับเสียงของนักร้องผู้ชายอีกด้วย
ผมไม่สามารถห้ามน้ำตาให้หยุดไหลได้ระหว่างที่ฟังเพลงนั้น และผมหวังอย่างจริงจังว่าต้องทำให้ชาวโลกได้ยินมันให้จงได้
ผมร้องเพลงนั้นไปพร้อมกับเสียงเปียโนที่เพื่อนผมบรรเลง ซึ่งเป็นความปรารถนาของเขาที่จะให้ผมเป็นคนร้อง เขาได้แสดงวิธีการเล่นแต่ละโน้ตอย่างประณีตบรรจง ผมแค่ร้องตามสิ่งที่เขาปูทางเอาไว้เท่านั้น ถ้อยคำกลายเป็นบทเพลงด้วยทำนองและจังหวะที่เยี่ยมยอดของเขาเอง
และเป็นเขาเองที่เลือกคีย์เพลงให้เหมาะกับห้วงเสียงของผม "คีย์นี้จะทำให้นายร้องได้อย่างเหมาะสม แม้ว่ามันจะเล่นยากกว่าก็ตาม" ผมพยายามที่จะร้องให้จบ ทั้งๆ ที่น้ำตายังไหลอยู่ตลอดเวลา
"เพลงเดียวบอกเรื่องราวได้มากกว่าคำพูดนับล้านคำ"
เพื่อนเก่าของผมกล่าวด้วยเสียงอันสั่นเครือ ดูเหมือนว่าเบื้องหลังแว่นตานั้นเขากำลังร้องไห้อยู่เหมือนกัน
เป็นช่วงเวลาที่เราทั้งสองผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง โดยปราศจากคำพูดใดๆ เพลงแค่เพลงเดียวผูกพันเราไว้อีกครั้ง บางทีอาจจะเป็นวิญญาณของเพื่อนรักที่จากเราไปที่บันดาลให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
หลังจากเติบโตและคบหากันมากว่า 37 ปี เรายังคงวิ่งเล่นไล่ล่าความฝันกันต่อไป
10 ปีก่อนหน้านี้ ผมเหนื่อยหน่ายต่อวงการเพลงอันสับสนและเดินจากชีวิตเขามา ด้วยความหวังที่จะขับขานบทเพลงเพื่อเยี่ยวยาหัวใจที่อ่อนล้าของผู้คน รวมทั้งของผมเอง
10 ปีที่ผมเดินทางไปทั่วประเทศญี่ปุ่น ได้พบปะกับผู้คนนับพัน ทั้งเด็ก คนแก่ ที่ผมได้ร้องเพลงให้กับพวกเขาฟังอย่างใกล้ชิด
10 ปีที่ผ่านไปกับความประทับใจ, น้ำตา และการเรียนรู้ตัวเอง หยั่งรากลึกแห่งประสบการณ์อันยอดเยี่ยม
ผมอยากที่จะร้องและมอบเพลงแห่งชีวิตที่กำเนิดมาจากความเศร้าในการสูญเสียเพื่อนรักคนนั้น ในมุมมองของเราในวันนี้
โปรเจ็คท์ใหม่ของเรากำลังเริ่มต้นในไม่ช้า
ด้วย "บทเพลงเดียวที่บอกเรื่องราวได้มากกว่าคำพูดนับล้านคำ" เพลงนี้
โทชิ
21 มี.ค. 2007
10 ปีที่จากไปของ ฮิเดะ สู่การเกิดใหม่ของ X Japan
เมื่อวันที่ 2 พ.ค. ที่ผ่าน ถือเป็นการครบรอบ 10 ปีที่โลกได้สูญเสีย ฮิเดะโตะ มัตซึโมโตะ มือกีตาร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของวงการวิชวล ร็อกอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งเมื่อ 4 เดือนก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งจะขึ้นแสดงคอนเสิร์ตเป็นครั้งสุดท้ายกับ X Japan วงดนตรีที่สร้างชื่อในวงการให้กับเขา และเป็นเหตุผลให้ความหวังในการกลับมารวมกันใหม่ของยอดวงร็อกวงนี้ไม่ได้รับการพูดถึงขึ้นมาอีกเลย
เหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 1998 ถูกเปิดเผยในภายหลังว่าในคืนดังกล่าวฮิเดะได้ดื่มฉลองกับเพื่อนในอพาร์ตเมนต์ของเขา ซึ่งเพื่อนหญิงที่เป็นรูมเมตของเขาเป็นผู้ที่พาเขาขึ้นนอนด้วยตัวเอง แต่เมื่อเธอกลับไปดูที่ห้องในอีกชั่วโมงต่อมาปรากฏว่าเขาไม่อยู่ที่ห้องเสียแล้ว จากการรายงานเผยว่าได้มีการพบร่างของเขาถูกแขวนอยู่กับลูกบิดประตู โดยมีผ้าขนหนูที่ขาดวิ่นเกี่ยวอยู่ ลมหายใจของเขารวยรินขณะที่รถพยาบาลมาถึง และเสียชีวิตขณะไปถึงที่โรงพยาบาลด้วยอายุ 33 ปี
จากการเสียชีวิตอันแสนพิสดารดังกล่าวนำมาซึ่งการโต้เถียงถึงสาเหตุที่แท้จริงเบื้องหลังการตาย ทั้งอุปนิสัยที่ชอบทำอะไรพิเรนทร์เพื่อหยอกล้อกับคนอื่น ซึ่งขณะนั้นเขากำลังเมาอยู่พอดี แต่ตามความคิดเห็นของไทจิ อดีตมือเบสสมาชิกของ X Japan ที่กล่าวไว้ในหนังสือ X no Sei to Shi: Uchuu wo Kaeru Tomo e ของเขาว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับสมาชิกของวง X Japan ทุกคนที่มักจะเอาผ้าขนหนูมาแขวนไว้ที่คอและไหล่หลังจากเสร็จการแสดงคอนเสิร์ตอันยาวนานในแต่ละคืนเพื่อเป็นการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งฮิเดะก็ชอบทำแบบนั้นจนเป็นนิสัย จึงเป็นได้ว่าเขาอาจจะลื้นล้มจนขนผ้าขนหนูที่คอไปเกี่ยวกับประตูห้องน้ำจนนำมาซึ่งเรื่องน่าเศร้าดังกล่าว แม้จะมีแฟนหลายคนเห็นด้วยกับข้อสันนิฐานนี้ แต่ก็มีไม่น้อยที่เลือกจะเชื่อว่ามันเป็นความตั้งใจของฮิเดะเองที่จะยุติชีวิตของเขา แม้ในช่วงที่เส้นทางอาชีพในฐานะศิลปินเดี่ยวกำลังพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดในขณะนั้น
พิธีศพของฮิเดะจัดขึ้นที่วัด Tsukiji Hongan-ji ในกรุงโตเกียว วันที่ 7 พ.ค. 1998 ที่มีผู้คนเข้ามาร่วมงานถึง 7 หมื่นคน มีการปิดถนน และระดมกำลังเจ้าหน้าที่กว่าร้อยชีวิตและพนักงานรักษาความปลอดภัยกว่า 170 คนเพื่อควบคุมสถานการณ์ที่แฟนเพลงที่อยู่ในอารมณ์อันโศกเศร้าได้มาชุมนุมกันมากมายเช่นนี้ ซึ่งทุกวันนี้อนุสรณ์เล็กๆ และสมุดเยี่ยมในงานยังคงอยู่ภายในวัดดังกล่าว
นอกจากแฟนเพลงและแขกในงานนับหมื่นคนที่ไปร่วมไว้อาลัยกับฮิเดะแล้ว ยังรวมไปถึงสมาชิกที่เหลือของวง X Japan ที่ไปร่วมงานดังกล่าวพร้อมกับการแสดงร่วมกันเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเพลง Forever Love ที่จะทำให้แฟนเพลงนึกถึงเขาทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนี้อีกตราบเท่านาน
นับจากวันนั้นชื่อของวง X Japan ก็เหลือเพียงแค่ตำนานให้แฟนเพลงระลึกถึง 10 ปีที่เรื่องราวของเขาถูกบอกเล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าผ่านทางบทเพลงที่พวกเขาเคยสร้างสรรค์ไว้ตลอดระยะเวลา 10 ที่อยู่ในวงการเพลง
ก่อนที่สายลมแห่งวันเวลาจะพัดพาความทรงจำที่แฟนเพลงมีต่อพวกเขาให้เลือนหายไป ข้อความเล็กๆ ที่ปรากฏอยู่ใน myspace ของโยชิกิ และเว็บไซต์ของโทชิ 2 สมาชิกที่ตั้งวงนี้ขึ้นมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือด้วยกัน อาจจะทำให้แฟนเพลงที่ยังคงรอคอยการกลับมาของพวกเขาพอจะมีความหวังขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย
ข้อความของโยชิกิ
...และสำหรับ X Japan ผมได้แต่ถามตัวเองว่าทำไม ๆ ๆ ...ด้วยความสัตย์จริง มันต้องใช้เวลาเป็นปีๆ ที่จะกำจัดความเจ็บปวดและเศร้าใจ....ซึ่งบางทีมันอาจจะยังไม่ถึงเวลา ทุกวันนี้ผมยังทำใจฟังเพลงหรือแม้แต่ดูวีดิโอของ X Japan โดยไม่มีน้ำตาอาบแก้มไม่ได้เลย
วงของผมเอง...ที่ผมไม่สามารถฟังมันโดยไม่ร้องไห้ไม่ได้...ทำอย่างไรถึงหมุนเวลากลับไปได้...มันเจ็บปวดเหลือเกิน...แม้แต่พูดถึงชื่อของมัน...X Japan
ทุกวันนี้ผมยังตีกลองได้ ผมคิดว่าตัวเองยังตีได้เร้าใจกว่าเดิมด้วยซ้ำ แม้ว่าคอผมจะยังบาดเจ็บและมันจะทำให้ข้อมือผมปวดร้าว...แต่ช่างมันปะไร...ผมไม่สนใจความเจ็บปวดทางกายอยู่แล้ว
แต่เรื่องของจิตใจ...ผมไม่มั่นใจว่าจะรับมือมันได้หรือเปล่า...ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี...ผมได้พูดคุยกับโทชิ(นักร้องของ X Japan)...เขาโทรมาคุยกับผมตลอดช่วงสิ้นปีที่แล้ว...ซึ่งเป็นการเปิดใจครั้งแรกหลังจากที่เขาหันหลังให้กับวงตั้งแต่วันนั้น...โทชิและผมต่างเติบโตมาด้วยกัน...ผมไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
คำแปล
เดินมาไกลจนเหนื่อยล้า ฉันหยุดยืนในยามค่ำคืน
จะเก็บน้ำตารินที่รินไหลสั่งสมไว้เป็นความทรงจำ
พบกันเท่าใด ก็จากกันเท่านั้น
แต่ฉันก็เชื่อว่าการพานพบและลาจากที่ไม่มีวันหมดสิ้นจะดำเนินต่อไป
ตอนนี้ฉันทำได้แค่จดจำมันไว้ และหันกลับไปมอง แม้แต่ถ้อยคำที่เคยทำร้ายจิตใจกัน
I feel alone
How should I love you
How could I feel you
Without you...
ความทรงจำเหลือคณานับ ค่อยๆ ถมวันเวลาเรื่อยมา
.
ที่เราได้เกิดและพบกันในยุคสมัยเดียวกัน
ก็เพื่อได้รู้ซึ้งถึงบรรดาความรักในรูปแบบต่างๆ นั่นเอง
I still remember
ฉันยังจำแต่ละวันที่เราเพรียกหาความฝันต่อวันพรุ่งนี้ซึ่งไม่มีคำตอบให้เราได้
ฉันเฝ้าถามท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลไม่มีสิ้นสุด
ถึงความหมายของการได้เกิดมาอีกครั้ง และความหมายของการมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน....
.
การมีชีวิตอยู่บางครั้งก็ทรมานนัก
ฉันเองก็แสดงออกไม่ตรงกับหัวใจตัวเองเรื่อยมา
มีทั้งวันที่ฉันรักเธอ มีทั้งวันที่ฉันทำร้ายเธอ
จนฉันได้รู้ว่าคำว่ารักมันลึกซึ้งมากแค่ไหน
Do you remember วันที่เราเจอกันครั้งแรก
ยังจำได้ไหมที่เราเคยได้ฝันในสิ่งเดียวกัน
ฉันเฝ้าถามท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลไม่มีสิ้นสุด
ถึงความหมายของการได้เกิดมาอีกครั้ง และความหมายของการมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน....
How should I love you
How could I feel you
Without you...
ฉันขออุทิศบทเพลงแห่งรักอันเป็นนิรันดร์นี้ให้ แด่เธอ...
WITHOUT YOU เป็นเพลงที่ผมแต่งขึ้นหลังจากความตายของฮิเดะ เป็นเพลงที่ผมต้องบันทึกเสียงเปียโนเอาไว้หลายครั้ง เพราะคราบน้ำตาที่เปื้อนอยู่บนแป้นคีย์มันทำให้นิ้วผมลื่นไถลทุกครั้งที่เริ่มเล่นใหม่
ถ้าจะมีใครซักคนได้ร้องเพลงนั้น...จะต้องเป็นโทชิคนเดียว...แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร...มันเจ็บปวดเกินไป
ผมขอโทษ ผมไม่อยากจะให้พวกคุณมาเศร้าไปกับมันด้วย...แต่หลายคนเฝ้าแต่ถามผมถึงเรื่องนี้ ผมถึงต้องพูดถึงมันเสียที...ขอแค่เวลาให้ผมซักหน่อยเถอะ...
โยชิกิ
24 ก.พ. 2007
ข้อความของโทชิ
เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้มีโอกาสเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา ในเมืองลอส แองเจลิส ระหว่างที่ผมอยู่ที่นั่นไม่กี่วันผมมีโอกาสได้พบกับเพื่อนเก่าของผมที่สตูดิโอส่วนตัวของเขา
เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ผมไม่ได้กลับมาเยือนห้องอัดแห่งนี้ ดูมันใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ความสุดยอดของเครื่องไม้เครื่องมือในนั้นมันทำให้ผมถึงกับประหลาดใจ ไม่แน่ว่ามันอาจจะเป็นสตูดิโอบันทึกเสียงที่ดีที่สุดในโลกก็ได้ ผมรู้สึกยินดีไม่ต่างจากเขาเลย
ที่นั่น ผมได้ฟังเพลงที่เพื่อนผมประพันธ์ขึ้นในสตูดิโอที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก
เราต่างมีเพื่อนรักที่จากเราไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และเพลงที่ได้ยินนั้นมันมาจากความเศร้าและความสูญเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าว ที่เขาบอกว่าแต่งขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากเพื่อนของเขาเสียชีวิตไป
เพลงที่ได้ยินก็เป็นเพลงบัลลาดสไตล์ถนัดของเขา ด้วยทำนองแสนเศร้าที่ขึ้นต้นด้วยเสียงเปียโนและสอดประสานด้วยเมโลดีสวยๆ ของเครื่องสาย และยิ่งกว่านั้น มันยังบันทึกไว้สำหรับเสียงของนักร้องผู้ชายอีกด้วย
ผมไม่สามารถห้ามน้ำตาให้หยุดไหลได้ระหว่างที่ฟังเพลงนั้น และผมหวังอย่างจริงจังว่าต้องทำให้ชาวโลกได้ยินมันให้จงได้
ผมร้องเพลงนั้นไปพร้อมกับเสียงเปียโนที่เพื่อนผมบรรเลง ซึ่งเป็นความปรารถนาของเขาที่จะให้ผมเป็นคนร้อง เขาได้แสดงวิธีการเล่นแต่ละโน้ตอย่างประณีตบรรจง ผมแค่ร้องตามสิ่งที่เขาปูทางเอาไว้เท่านั้น ถ้อยคำกลายเป็นบทเพลงด้วยทำนองและจังหวะที่เยี่ยมยอดของเขาเอง
และเป็นเขาเองที่เลือกคีย์เพลงให้เหมาะกับห้วงเสียงของผม "คีย์นี้จะทำให้นายร้องได้อย่างเหมาะสม แม้ว่ามันจะเล่นยากกว่าก็ตาม" ผมพยายามที่จะร้องให้จบ ทั้งๆ ที่น้ำตายังไหลอยู่ตลอดเวลา
"เพลงเดียวบอกเรื่องราวได้มากกว่าคำพูดนับล้านคำ"
เพื่อนเก่าของผมกล่าวด้วยเสียงอันสั่นเครือ ดูเหมือนว่าเบื้องหลังแว่นตานั้นเขากำลังร้องไห้อยู่เหมือนกัน
เป็นช่วงเวลาที่เราทั้งสองผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง โดยปราศจากคำพูดใดๆ เพลงแค่เพลงเดียวผูกพันเราไว้อีกครั้ง บางทีอาจจะเป็นวิญญาณของเพื่อนรักที่จากเราไปที่บันดาลให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
หลังจากเติบโตและคบหากันมากว่า 37 ปี เรายังคงวิ่งเล่นไล่ล่าความฝันกันต่อไป
10 ปีก่อนหน้านี้ ผมเหนื่อยหน่ายต่อวงการเพลงอันสับสนและเดินจากชีวิตเขามา ด้วยความหวังที่จะขับขานบทเพลงเพื่อเยี่ยวยาหัวใจที่อ่อนล้าของผู้คน รวมทั้งของผมเอง
10 ปีที่ผมเดินทางไปทั่วประเทศญี่ปุ่น ได้พบปะกับผู้คนนับพัน ทั้งเด็ก คนแก่ ที่ผมได้ร้องเพลงให้กับพวกเขาฟังอย่างใกล้ชิด
10 ปีที่ผ่านไปกับความประทับใจ, น้ำตา และการเรียนรู้ตัวเอง หยั่งรากลึกแห่งประสบการณ์อันยอดเยี่ยม
ผมอยากที่จะร้องและมอบเพลงแห่งชีวิตที่กำเนิดมาจากความเศร้าในการสูญเสียเพื่อนรักคนนั้น ในมุมมองของเราในวันนี้
โปรเจ็คท์ใหม่ของเรากำลังเริ่มต้นในไม่ช้า
ด้วย "บทเพลงเดียวที่บอกเรื่องราวได้มากกว่าคำพูดนับล้านคำ" เพลงนี้
โทชิ
21 มี.ค. 2007
[แก้]การกลับมารวมวงใหม่
ต้นปี พ.ศ. 2550 โทชิ นักร้องนำ ได้ออกมายืนยันการกลับมารวมตัวกันใหม่ของ X Japan ผ่านทางหน้าเว็บของเขาและบนนิตยสารเล่มหนึ่ง[ต้องการอ้างอิง] ส่วนการยืนยันจาก โยชิกิ หัวหน้าวงนั้น ยังไม่มีความแน่นอน เพราะทางโยชิกิยังคงเสียใจกับการตายของฮิเดะ และการแยกวงเมื่อสิบปีก่อน เขาเขียนในมายสเปซของเขาไว้เพียงว่า "ขอเวลาสักพัก" [1]
ในวันที่ 4 มิถุนา พ.ศ. 2550 โยชิกิได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า กำลังทำโปนเจตท์เพลง "Without You" ซึ่งร้องให้ฮิเดะ ร่วมกับโทชิ และกำลังทาบทาม พาตะ และ ฮีธ เพื่อกลับมารวมตัวเป็น X Japan อีกครั้งนึง ซึ่งทางวงจะหานักกีตาร์ชื่อดังมาพลัดเปลี่ยนเล่นแทนตำแหน่งของฮิเดะ
ในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2550 X Japan ได้กลับมารวมตัวกันแสดงสดที่ Aqua City เมืองโอไดบะ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อทำการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ เพลง I.V. เพลงประกอบของภาพยนตร์ Saw IV ที่กำลังจะออกฉายในประเทศญี่ปุ่น [2]
ล่าสุด วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2551 X Japan ได้ออกแถลงข่าวเรื่องคอนเสิร์ตที่จะจัดขึ้นในเดือนมีนาคมปีเดียวกัน ในชื่อคอนเสิร์ตว่า X JAPAN ATTACKS AGAIN 2008
คอนเสิร์ตมีทั้งหมด3วันด้วยกัน จัดขึ้นในวันที่ 28-30 มีนาคม พ.ศ. 2551 ที่ TOKYO DOME
โดยวันแรก (28 มีนาคม พ.ศ. 2551) มีชื่อว่า Hametsu ni Mukatte - Hakai no Yoru
วันที่สอง (29 มีนาคม พ.ศ. 2551) มีชื่อว่า Hametsu ni Mukatte - Mubou no Yoru
วันที่สาม (30 มีนาคม พ.ศ. 2551) มีชื่อว่า Hametsu ni Mukatte - Souzou no Yoru
โดยวันแรก (28 มีนาคม พ.ศ. 2551) มีชื่อว่า Hametsu ni Mukatte - Hakai no Yoru
วันที่สอง (29 มีนาคม พ.ศ. 2551) มีชื่อว่า Hametsu ni Mukatte - Mubou no Yoru
วันที่สาม (30 มีนาคม พ.ศ. 2551) มีชื่อว่า Hametsu ni Mukatte - Souzou no Yoru
หลังจากคอนเสิร์ตการกลับมาอีกครั้งของ X JAPAN ในปี 2551 ได้มีการเปิด Offical website ของ X JAPAN นอกจากประเทศญี่ปุ่น ใน 6 ประเทศแรกทั่วโลก พร้อมกันในวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2551 ได้แก่ ประเทศฝรั่งเศส, อังกฤษ, ไต้หวัน, ฮ่องกง, ไทย และ เกาหลี ซึ่งโยชิกิ(หัวหน้าวง,มือกลอง และเปียโน) ได้เดินทางไปจัดงานแถลงข่าวโปรโมตเว็บไซต์ในแต่ละประเทศ โดยเริ่มจากเอเชียตามลำดับดังนี้
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 - ที่ญี่ปุ่น
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551 - ที่ไต้หวัน
วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551 - ที่ฮ่องกง
วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551 - ที่ไทย
วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551 - ที่เกาหลี
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 - ที่ญี่ปุ่น
วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551 - ที่ไต้หวัน
วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551 - ที่ฮ่องกง
วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551 - ที่ไทย
วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2551 - ที่เกาหลี
ในงานแถลงข่าวแต่ละประเทศ โยชิกิได้มีเซอร์ไพรซ์แฟนๆ ด้วยการแจ้งข่าวเรื่องทัวร์คอนเสิร์ต X JAPAN ด้วยตัวเอง โดยมีกำหนดการทัวร์ ดังนี้
- ญี่ปุ่น Countdown Live Concert สิ้นปี 2551
- ฮ่องกง วันที่ 17 มกราคม 2552
- กรุงเทพฯ (ไทย) วันที่ 8 พฤศจิกายน 2554
- ไทเป (ไต้หวัน) วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2552
- โซล (เกาหลีใต้) วันที่ 21 มีนาคม 2552
- ญี่ปุ่น Countdown Live Concert สิ้นปี 2551
- ฮ่องกง วันที่ 17 มกราคม 2552
- กรุงเทพฯ (ไทย) วันที่ 8 พฤศจิกายน 2554
- ไทเป (ไต้หวัน) วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2552
- โซล (เกาหลีใต้) วันที่ 21 มีนาคม 2552
และในวันที่02/05/09 ได้เล่นเพลงใหม่ชื่อว่า"Jade"ในการแสดงที่โตเกียวโดม และยัง ได้รับ สึกิโซะ มือกีต้าร์ ของวง Luna Sea เข้าเป็น สมาชิกคนที่ 6 อีกด้วย
[แก้]เอ็กซ์ เจแปน กับประเทศไทย
โยชิกิ หัวหน้าวง เคยเดินทางมาบันทึกเทปรายการ เศรษฐาโชว์ในปี พ.ศ. 2539 ก่อนยุบวงสองปี หลังจากนั้นอีกสิบปี วงได้มีกำหนดแสดงในประเทศไทยในวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551 แต่ต้องยกเลิกเนื่องจากความไม่สงบทางการเมือง อีกสามปีต่อมา เมื่อวงจัดทัวร์คอนเสิร์ตอีกครั้งจึงเลือกประเทศไทยเป็นประเทศสุดท้ายในการทัวร์ โดยทำการแสดงในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ณ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี
[แก้]ผลงานเพลง
[แก้]อัลบั้ม
- VANISHING VISION (14 เมษายน พ.ศ. 2531)
- Dear Loser
- Vanishing Love
- Phantom of Guilt
- Sadistic Desire
- Give Me The Pleasure
- I'll Kill You
- Alive
- Kurenai
- Un-Finished
- Blue Blood (21 เมษายน พ.ศ. 2532)
- Prologue (~World Anthem)
- Blue Blood
- Week End
- Easy Fight Rambling
- X
- Endless Rain
- 紅 (kurenai)
- Xclamation (instr. version)
- Orgasm
- Celebration
- Rose of Pain
- Unfinished
- JEALOUSY (1 กรกฎาคม พ.ศ. 2534)
- es dur
- Silent Jealousy
- MISCAST
- Desparate Angel
- White Wind From Mr. Martin
- Voiceless Screaming
- Stab Me In The Back
- LOVE REPLICA
- Joker
- Say Anything
- ART OF LIFE (25 สิงหาคม พ.ศ. 2536)
- Art of Life
- DAHLIA (4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539) โดยมีเพลงดังนี้
- Dahlia
- Scars
- Longing [~togireta melody]
- Rusty Nail
- White poem
- Crucify my love
- Tears
- Wriggle
- DRAIN
- Forever Love [Acoustic Version]
[แก้]ซิงเกิ้ล
- I'LL KILL YOU (มิถุนายน พ.ศ. 2528)
- オルガスム (Orgasm) (เมษายน พ.ศ. 2529)
- 紅 (Kurenai) (1 กันยายน พ.ศ. 2532)
- ENDLESS RAIN (1 ธันวาคม พ.ศ. 2532)
- WEEK END (21 เมษายน พ.ศ. 2533)
- Silent Jealousy (11 กันยายน พ.ศ. 2534)
- Standing Sex / JOKER (25 ตุลาคม พ.ศ. 2534)
- Say Anything (1 ธันวาคม พ.ศ. 2534)
- Tears (10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536)
- Rusty Nail (10 กรกฎาคม พ.ศ. 2537)
- Longing ~跡切れた Melody~ (1 สิงหาคม พ.ศ. 2538)
- Longing ~切望の夜~ (11 ธันวาคม พ.ศ. 2538)
- DAHLIA (26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539)
- Forever Love (8 กรกฎาคม พ.ศ. 2539)
- CRUCIFY MY LOVE (26 สิงหาคม พ.ศ. 2539)
- SCARS (18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539)
- Forever Love (Last Mix) (18 ธันวาคม พ.ศ. 2540)
- THE LAST SONG (18 มีนาคม พ.ศ. 2541)
- I.V. (22 ตุลาคม พ.ศ. 2550)
- Without You (28 มีนาคม พ.ศ 2551)
- Jade (02 พถษภาคม พ.ศ. 2552)
- Born to be free (พ.ศ. 2553)
- Scarlet Love Song (7 มิถุนายน พ.ศ. 2554, เพลงประกอบภาพยนตร์แอนิเมชั่น Tezuka Osamu no Budda - Akai Sabaku yo! Utsukushiku)
สรุปสมาชิกวง X และ X Japan
- โยชิกิ (พ.ศ. 2525 - ปัจจุบัน) ตำแหน่ง : กลอง, เปียโน (หัวหน้าวง)เกิดวันที่ 20 พฤศจิกายน 1965
กรุ๊ปเลือด B - โทชิ (พ.ศ. 2525 - ปัจจุบัน) ตำแหน่ง : ร้องนำ เกิด ณ วันที่ 10 ตุลาคม 1965
กรุ๊ปเลือด A - ยูจิ (พ.ศ. 2528) ตำแหน่ง : กีต้าร์
- โทโมะ (พ.ศ. 2528) ตำแหน่ง : กีตาร์
- โทคุโอะ (พ.ศ. 2528) ตำแหน่ง : เบส
- จุน (พ.ศ. 2529) ตำแหน่ง : กีตาร์
- ฮิคารุ (พ.ศ. 2529) ตำแหน่ง : เบส
- ฮิเดะ (พ.ศ. ) ตำแหน่ง : กีตาร์ เกิดวันที่ 13 ธันวาคม 1964
กร๊ปเลือด AB - ทาอิจิ (พ.ศ. ) ตำแหน่ง : เบส Blood Type - B
Date of birth - 12 July 1996
Place of birth - Chiba Japan - พาตะ (พ.ศ. 2530 - ปัจจุบัน) ตำแหน่ง : กีตาร์ Blood Type - B
Date of birth - 4 November 1965
Place of birth - Chiba Japan - ฮีธ (พ.ศ. 2535 - ปัจจุบัน) ตำแหน่ง : เบส เกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคม ปี1968
กร๊ปเลือด B - สึกิโซะ (พ.ศ. 2552-ปัจจุบัน) ตำแหน่ง : กีตาร์,ไวโอลิน
ประวัติวง X Jpan ร็อคในตำนานจากประเทศญี่ปุ่น
POSTED IN: TRENDY ZONE
– สิงหาคม 25, 2011 - 11:441,622 views
Yoshiki กับความสำเร็จในระดับโลก
โยชิกิ มียอดขายผลงานมากกว่า 30 ล้านอัลบั้ม, ตระเวนแสดงคอนเสิร์ตในสนามกีฬาขนาดใหญ่ที่ขายบัตรหมดเกลี้ยงกับ X Japan วงเฮฟวี่เมทัลที่เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ทุกสถานที่ที่เขาปรากฏตัวจะเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของแฟนเพลงผู้ภักดี แต่ความยิ่งใหญ่ทั้งหมดเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น บ้านเกิดของเขาเท่านั้น ในตอนนี้มือกลองผู้บอบบางกำลังมองสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้น กับการสร้างชื่อในอุตสาหกรรมดนตรีระดับโลก
ถึงจะมีแฟนเพลงในประเทศจีน, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ที่คอยติดตามผลงานของ X Japan ในช่วงประสบความสำเร็จในทศวรรษ 90 จนกระทั่งประกาศแยกวงครั้งแรกในปี 1997 แต่ยังไม่เพียงพอสำหรับโยชิกิ ที่ต้องการสร้างชื่อเสียงในสหรัฐฯ ต้นกำเนิดของดนตรีร็อก แอนด์ โรล
"ผมต้องการเป็นคนมีชื่อเสียง" โยชิกิ เผยความตั้งใจในการให้สัมภาษณ์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา "หากคุณต้องทำอะไรบางสิ่งมันไม่มีจุดมุ่งหมายอื่นนอกจากขึ้นไปให้สู่จุดที่สูงที่สุด"
หลังจากย้ายมาใช้ชีวิตที่เมืองลอส แอนเจลิส มานานกว่าทศวรรษ โยชิกิ ในวัย 45 ปี วางแผนที่จะเปิดตัวในระดับอินเตอร์อย่างระมัดระวัง เขาไม่ได้เพียงศึกษาสไตล์ดนตรีตะวันตก แต่ยังฝึกฝนภาษาอังกฤษจนช่ำชอง โดยอัลบั้มใหม่ของ X Japan ที่คาดว่าจะออกขายในปีนี้ พร้อมทัวร์คอนเสิร์ตในสหรัฐฯ มีการทำงานเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มแฟนเพลงชาวอเมริกัน มีการเขียนเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และหลายๆ แทร็คเพิ่มความหนักหน่วงด้วยเสียงเบส
เมื่อปีที่แล้ว X Japan เปิดการแสดงคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกที่แดนลุงแซม ในเทศกาลดนตรีลูลลาปาลูซ่า ที่เมืองชิคาโก้ เคียงข้างกับซูเปอร์สตาร์อย่าง เลดี้ กาก้า เจ้าแม่แฟชั่นแห่งวงการเพลงป็อป และ Green Day วงพังค์ร็อกชื่อดัง
แต่เป็นที่รู้กันดีว่าโยชิกิ มีความตั้งใจที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว หลังจากในอดีตมีเพียง เคียว ซากาโมโต้ นักร้องป็อประดับตำนานคนเดียวเท่านั้นที่สามารถนำเพลง Sukiyaki ขึ้นอันดับ 1 ชาร์ตบิลบอร์ด ในปี 1963 และไม่เคยมีศิลปินจากแดนอาทิตย์อุทัยคนใดทำได้ใกล้เคียงอีกเลย Puffy และ Shonen Knife สามารถเรียกความสนใจได้เพียงช่วงสั้นๆ ก่อนจะถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว
โยชิกิ เชื่อมั่นว่าโอกาสที่ X Japan จะประสบความสำเร็จในระดับอินเตอร์ไม่ได้มีมากกว่าศิลปินคนอื่นๆ แต่การเรียกความสนใจจากแฟนเพลงต่างชาติด้วยคอสตูมที่เหมือนหลุดมาจากหนังสือการ์ตูนของพวกเขาหรือมังงะ ที่ชาวอเมริกันคุ้นเคย ทั้งหมดถูกเรียกรวมกันว่า คูล แจแปน ที่เป็นเหมือนการส่งออกวัฒนธรรมของพวกเขา
X Japan จะสามารถขึ้นมายืนเคียงข้าง ซูชิ, วิดีโอเกมส์ และ เฮลโล คิตตี้ ในฐานะสินค้าระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่นหรือไม่? พวกอเมริกันพร้อมสำหรับเสียงเพลงเฮฟวี่เมทั่ลในแบบฉบับเจ-ร็อก หรือยัง?
"ผมก็ไม่แน่ใจครับ" โยชิกิตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และท่าทางสุภาพหลบซ่อนสายตาอยู่หลังแว่นกันแดด ที่แตกต่างจากภาพบนเวทีที่หวดกลองอย่างสุดชีวิตของเขา "ในสหรัฐฯ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ ผมคิดว่าเรายังมีโอกาส"
X Japan ก่อตั้งวงในปี 1982 โดย โยชิกิ ยังเป็นเพียงนักเรียนชั้นมัธยมปลาย ก่อนจะค่อยๆ สั่งสมชื่อเสียงจนได้รับการยกย่องให้เป็นผู้บุกเบิกดนตรีแนว วิชวลร็อกของญี่ปุ่น จากการที่สมาชิกแต่ล่ะคนแต่งหน้าทำผมสีจัดจ้านเหมือนวงร็อกแฮร์แบรนด์ของฝั่งอเมริกา ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน และประสบความสำเร็จระดับสูงสุดยาวนานจนกระทั่งยุบวงในปี 1997 ก่อนจะกลับมารียูเนียนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
แต่แผนการบุกอเมริกาของ X Japan ต้องพักไว้ชั่วคราวหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายหลายหมื่นคน รวมทั้งการใช้ชีวิตภายใต้ความหวาดกลัวของปัญหาโรงไฟฟ้าพลังปรมาณู ทำให้ทางวงประกาศเลือกกำหนดเปิดตัว Jade ซิงเกิ้ลแรกในสหรัฐฯ ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
5 วันก่อนหน้าจะเกิดแผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์สึนามิที่รุนแรงที่สุดของญี่ปุ่น โยชิกิพร้อมสมาชิก X Japan เพิ่งจะร่วมแสดงในงานแฟชั่นโชว์ Asia Girls Explosion ที่กรุงโตเกียว และมีการประกาศว่าพวกเขาวางแผนออกทัวร์แถบละตินอเมริกาช่วงเดือนพฤษภาคมนี้
โยชิกิคอยอัพเดตความเคลื่อนไหวของเขาระหว่างภัยพิบัติผ่านทางทวิตเตอร์ โดยเฉพาะการพยายามติดต่อกับแม่ของเขาอยู่นานหลายชั่วโมงจนรู้ว่าปลอดภัย รวมทั้งเพื่อนร่วมวงคนอื่นๆ ก่อนจะโพสต์ข้อความให้กำลังใจเพื่อนร่วมชาติว่า "ความหวังของทุกคนลึกเกินกว่าความเจ็บปวด' และ 'หวังว่าทุกคนจะปลอดภัย ผมจำเป็นต้องเดินทางกลับแอลเอ ตามนัดประชุม แต่หัวใจของผมอยู่กับพวกคุณทุกคน..."
หลังจากเดินทางกลับสู่ลอสแอนเจลีส ร็อกสตาร์ผู้บอบบางได้ประกาศจะนำเปียโนคริสตัลของคาไว ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ประจำตัวของเขายามบรรเลงเพลงบัลลาดของวงบนเวทีคอนเสิร์ตมาตลอดเวลานับสิบปี ออกมาประมูลเพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย
"มันทำให้รู้ว่าเราอ่อนแอแค่ไหน" โยชิกิให้สัมภาษณ์ที่สตูดิโอของเขาในนอร์ท ฮอลลีวู้ด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา "หลายพันชีวิตของผู้คนที่ต้องสูญเสียไป ผมไม่อยากเชื่อกับภาพที่ตัวเองได้เห็น ผมต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะติดต่อกับแม่ของผมได้ แต่ท่านปลอดภัยดี ขอบคุณพระเจ้า ผมยังได้คุยกับเพื่อนในวงทุกคน และพวกเขาก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน ผมอยากสวดภาวนาให้ทุกคนที่ญี่ปุ่น ที่กำลังพยายามตามหาครอบครัวและเพื่อนของพวกเขา"
ในเวลานี้เรื่องของดนตรีคงต้องพักไว้ชั่วคราวเพื่อช่วยเหลือชีวิตผู้คน และฟื้นฟูให้ญี่ปุ่น กลับมาเป็นเหมือนเดิม ก่อนที่ X Japan จะเริ่มต้นแผนการเขย่าวงการเพลงร็อกโลกให้สั่นสะเทือน
รวม community สาวก X Japan ทั้ง Facebook และ Twitter
POSTED IN: TRENDY ZONE
– สิงหาคม 26, 2011 - 17:44895 views
เรียบเรียง : http://www.ruengdd.com/,www.เรื่องดีดี.com,เรื่องดีดีดอทคอม
Post a Comment