ไปเยี่ยมเยียน หมอน้องชายเล่าเรื่องแปลกของคนไข้รายหนึ่งให้ฟัง
ซึ่งน่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้คนละบาปได้ดีจึงขอเล่าสู่กันฟังต่อ …….
การสนทนาตอนหนึ่งหมอน้องชายเล่าให้ฟังว่า
ตั้งแต่เป็นหมอมาไม่เคยเห็นผู้ป่วยรายใดต้องผ่าตัดทุลักทุเลซ้ำซากอย่างนี้ เลย
สามปีต้องผ่าตัดห้าครั้งและหนักหนายิ่งขึ้นทุกครั้ง
ผู้ป่วยรายนี้ชื่อบุญมาครั้งแรกที่เข้าโรงพยาบาลก็เพื่อมาทำแผลที่นิ้วก้อยที่ถูกตะพาบน้ำกัด
หมอให้ทายากินยาแ ก้ปวดแก้อักเสบแล้วกลับบ้านดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอีก
ครึ่งเดือนต่อมาบุญมากลับมาใหม่แผลเก่าอักเสบรุนแรงบวมใหญ่
หมอตรวจพบว่าเชื้อโรคกินเข้ากระดูก จะต้องตัดนิ้วเพื่อไม่ให้เน่าลุกลาม
ซึ่งนิ้วเท้านั้นอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
หลังจากนั้นครึ่งปีบุญมาไปเที่ยวชายทะเลเขาถูกตะพาบน้ำกัดที่นิ้วเท้าอีก
อะไรจะเจาะจงได้ถึง อย่างนั้นนิ้วเท้าของบุญมาที่ถูกตะพาบน้ำกัดครั้งที่สองอักเสบบวมใหญ่
ภายในเวลาสองวัน เมื่อมาฉายเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลก็ได้พบอีกว่า
เชื้อโรคกินเข้าไปถึงกระดูกหมดจึงต้องตัดนิ้วเท้าของเขาไปอีกหนึ่งนิ้ว
เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปีบุญมากลับมาที่โรงพยาบาลอีก
ครั้งนี้แผลเก่าทั้งสองแห่งเกิดอักเสบบวมใหญ่ขึ้นพร้อมกัน
พอเอกซเรย์ก็พบว่าแย่แล้ว ! เชื้อโรคแพร่เข้าไปกินกระดูกอย่างรุนแรง
เชื้อโรคนั้นกำลังกลายเป็นมะเร็ง จะต้องผ่าตัดฝ่ามือฝ่าเท้าออกให้หมดก่อนที่จะลุกลามขึ้นไปอีก
บุญมาต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลถึงยี่สิบกว่าวันด้วยสภาพของผู้ป่วยด้วน
วันหนึ่งลูกชายของญาติอุปสมบทบุญมาไปช่วยงาน คืนนั้นผู้ร่วมงานบวชนอนค้างที่วัดกันสี่ห้าสิบคน
เคราะห์หามยามร้ายของบุญมายังไม่จบสิ้นหนูตัวหนึ่งเจาะจงมา
กัดตรงขาด้วนของบุญมาคนเดียว
กัดแล้วก็หนีไป
บุญมาสะดุ้งตื่นด้วยความเจ็บปวดคนที่นอนอยู่ด้วยกันตกใจกับเสียงร้องพากันตื่นหมด
แผลที่หนูกัดไม่กว้างไม่ลึกนักมีเลือดซึมออกมาแต่ทุกคนพากันตกใจที่อยู่ดีๆ
ทำไมจึงมีหนูมากัดคนนอนหลับเพราะหนูจะกัดกินก็เฉพาะศพเท่านั้น
ไม่กัดกินคนเป็นๆบุญมาขวัญเสียถูกเคราะห์กรรมซ้ำเติมจนคิดว่าตนคงจะต้องตายในไม่ช้า
มันทารุณจิตใจมากไม่นานต่อมาเกิดอาการเจ็บคันบริเวณแผลเก่าที่มือที่เท้าอีก
บุญมารีบมาหาหมอที่โรงพยาบาลโ ดยเร็ว
ผลการฉายเอกซเรย์ปรากฏว่าเชื้อมะเร็งกินลึกเข้าไปมาก
หมอจำเป็นต้องจัดการตัดแขนขาทั้งท่อนของบุญมาทิ้งไป
หมอน้องชายซึ่งเป็นเจ้าของคนไข้ แปลกใจในชะตากรรมของบุญมานัก
จึงสอบถามประวัติอย่างละเอียดอีกครั้งไว้และได้ความว่า
บุญมาชายอายุยี่สิบสามปี
อาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างก่อสร้าง
ชอบดื่มเหล้าเป็นประจำชอบแกล้มเหล้าด้วยปลาน้ำจืด
โดยเฉพาะชอบกินเต่ากินตะพาบ
บุญมาเคยได้ยินมาว่าใครกินตะพาบน้ำได้สิบถึงยี่ส ิบตัวแล้ว
ตลอดชีวิตจะไม่เป็นโรคไขข้ออักเสบอีกทั้งยังช่วยบำรุงไต
บุญมาจึงเพียรหาตะพาบน้ำมาผัดเผ็ดแกล้มเหล้าขาว
บุญมากินตะพาบน้ำมาแล้วเกือบยี่สิบปี นับไม่ได้แล้วว่ากินเข้าไป
ได้กี่ตัว วันหนึ่งบุญมาซื้อตะพาบน้ำตัวใหญ่จากตลาดมา
ตะพาบน้ำตัวนี้น้ำหนักตั้งสิบกว่ากิโลกรัมเขาดี ใจมาก
ตัวใหญ่ขนาดนี้ฆ่ากินทีเดียวไม่หมดจะต้องค่อยๆกิน ที่บ้านไม่มี ตู้เย็นให้แช่เก็บได้จึงต้องกินผ่อนทีละน้อย ตะพาบน้ำเป็นสัตว์อายุยืนอดทนไม่ตายง่ายๆ ไม่ว่าจะถูกกักขังอยู่ในสภาพใดก็อดทนมีชีวิตอยู่ได้เป็นปี
บุญมาเห็นแก่กินไม่นึกถึงว่าตะพาบจะต้องทนทุกข์ทรมานนานเพียงไร
ต้องเจ็บปวดแสนสาหัสครั้งแล้วครั้งอีก
เขาตัดเฉือนเนื้อตะพาบส่วนต่างๆ ตามความพอใจมาปรุงอาหารทีละชิ้นๆ
บาดแผ ลรอบตัวตะพาบเขาทาด้วยปูนแดงที่กินกับหมากเพื่อไม่ให้เนื้อตัวตะพาบเน่า ตะพาบตัวนั้นต้องทนทุกข์ทรมานอยู่นานกว่าครึ่งเดือน
จากนั้นบุญมาจึงประหารเอามากินเป็นมื้อสุดท้าย
บุญมาพอใจกับวิธีที่จะได้กินเนื้อตะพาบสดๆ ทุกวันอย่างนี้เรื่อยมา
ผลสรุปประวัติผู้ป่วยที่โรงพยาบาลบันทึกไว้ในตอนท้ายมีอยู่ประโยคหนึ่งว่า …..
เป็นประวัติที่แสดงให้เห็นกรรมตามสนองอย่างไม่น่าเชื่อที่ไม่มีข้อสรุปชัดเจน
ในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ปัจจุบัน < /font>
ปล.คุณควรตระหนักถึงการกระทำที่คุณได้ทำอยู่ในทุกวันนี้
ถึงผลดีและผลร้ายที่คุณได้กระทำลงไป มันจะส่งผลกลับมาหาคุณเอง ที่เรียกกันว่า ' กรรมตามสนอง ' นั้นเอง
ขอขอบคุณหนังสือธรรมะทุกเล่มที่ให้ความรู้แก่ผู้คนทั้งหลายเรื่องดีๆ
ส่งต่อจักได้บุญ
Post a Comment