[Review]รีวิวNokia Xแอนดรอยด์รุ่นแรกของโนเกียพร้อมสเปคSpec
ทำความรู้จักระบบปฏิบัติการ Nokia X
เมื่อเร็วๆ นี้ โนเกียได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการใหม่ในงาน Mobile World Congress 2014 ระบบปฏิบัติการดังกล่าวใช้ชื่อว่า Nokia X โดยมีรากฐานจาก Android Open Source Project (AOSP) จึงทำให้ระบบปฏิบัติการ Nokia X สามารถใช้งานแอพแอนดรอยด์นับหลายแสนแอพได้
ข้อแตกต่างของสมาร์ทโฟนบนแพลทฟอร์ม Nokia X จากสมาร์ทโฟนอื่นๆ บนแพลทฟอร์มแอนดรอยด์คือ แพลทฟอร์ม Nokia X ไม่มีบริการจากกูเกิล (Google services) แต่ผู้ใช้งานจะได้พบกับประสบการณ์เหนือชั้นของโนเกีย เช่น ระบบแผนที่นำทาง HERE ที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก รวมถึงบริษัทรถยนต์ชั้นนำ ช่วยอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นการเดินทางโดยรถหรือเดินเท้า ใช้งานได้ทั้งแบบออฟไลน์ ให้คุณหาเส้นทางได้แม้ไม่มีสัญญาณ รวมทั้งช่วยประหยัดค่าอินเตอร์เน็ต หรือเลือกใช้การนำทางด้วยเสียง รวมถึงให้คุณค้นหาร้านอาหาร ร้านกาแฟเก๋ๆ และสถานที่น่าสนใจรอบตัว นอกจากนี้ ยังมีบริการ Nokia MixRadio สถานีวิทยุส่วนตัวที่ให้ฟังเพลงฟรีโดยไม่มีโฆษณาและไม่ต้องลงทะเบียนใดๆ
พร้อมให้ดาวน์โหลดมาฟังแบบออฟไลน์ เพลิดเพลินได้ทั้งเพลงไทยและเพลงนานาชาติ ทั้งนี้ลูกค้าที่ใช้ Nokia X ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อแผนที่นำทาง HERE และ Nokia MixRadio แต่อย่างใด โดยโปรแกรมทั้งสองจะถูกติดตั้งมาพร้อมกับเครื่อง
พร้อมให้ดาวน์โหลดมาฟังแบบออฟไลน์ เพลิดเพลินได้ทั้งเพลงไทยและเพลงนานาชาติ ทั้งนี้ลูกค้าที่ใช้ Nokia X ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อแผนที่นำทาง HERE และ Nokia MixRadio แต่อย่างใด โดยโปรแกรมทั้งสองจะถูกติดตั้งมาพร้อมกับเครื่อง
ไม่เพียงเท่านี้ ผู้ใช้ Nokia X จะได้รับบริการชั้นนำจากไมโครซอฟต์ อาทิ Skype บริการข้อความและวิดีโอคอลล์ยอดนิยม Outlook.com บริการอีเมล์ฟรี พร้อมความสามารถให้คุณแชทกับเพื่อนจาก Skype, Facebook และ Google ได้ทันที และ OneDrive บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ให้คุณเก็บข้อมูล ไฟล์งาน หรือรูปภาพ พิเศษสำหรับ Nokia X สามารถจัดเก็บได้สูงสุดถึง 10 GB สะดวกในการเรียกใช้ในทุกที่ผ่านหลากหลายอุปกรณ์ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค แทบเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ทั้งยังสามารถแชร์เฉพาะไฟล์ที่คุณต้องการให้กับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน หรือครอบครัวได้อีกด้วย เรียกได้ว่า แพลทฟอร์ม Nokia X นำบริการที่ดีที่สุดทั้งจากโนเกียและไมโครซอฟต์มาสู่สมาร์ทโฟนราคาย่อมเยา เพื่อผู้บริโภคได้รับประสบการณ์ระดับโลกได้ง่ายยิ่งขึ้น
แพลทฟอร์ม Nokia X มีอินเตอร์เฟซที่ผสานจุดเด่นของ Windows Phone และ Asha มาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยมีหน้าจอหลักแบบ tile ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากระบบปฏิบัติการ Windows Phone มอบทั้งความสวยงามและความง่ายในการใช้งานแอพและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่สำคัญ และมีหน้าจอที่สองแบบ Fastlane ซึ่งพัฒนาจากตระกูล Asha เพื่อเข้าถึงแอพและฟังก์ชั่นที่ใช้งานบ่อยได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ปัดจอจากด้านซ้ายหรือขวา คุณจะสามารถสลับใช้งานแอพต่างๆ ได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว
Nokia X มอบศักยภาพในการเข้าถึงแอพและเกมสุดฮิต รวมถึงแอพแอนดรอยด์นับแสน โดยสามารถเลือกดาวน์โหลดแอพจากหลากหลายแหล่ง ทั้งจาก Nokia Store ร้านแอพอิสระต่างๆ รวมถึงการดาวน์โหลดโปรแกรมผ่านคอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกว่า sideload
แอพแอนดรอยด์ส่วนใหญ่สามารถเปิดใช้งานบนแพลทฟอร์ม Nokia X ได้ทันที โดยโนเกียได้ติดตั้งแอพชั้นนำไว้บนสมาร์ทโฟน Nokia X ได้แก่ BBM, Plants vs. Zombies 2, Viber, Vine และ Twitter เพื่อพร้อมใช้งานได้ทันที นอกจากนี้ยังมีแอพดังๆ อีกมาก เช่น Facebook, Line, Line Camera, Line Bubble, Picsart, Real Football 2014, Spotify, Swiftkey และ WeChat สำหรับแอพอื่นๆ สามารถดาวน์โหลดได้จาก Nokia Store ที่มอบทั้งความสะดวกและความปลอดภัยด้วยบริการชำระเงินผ่านเครือข่าย (operator billing) โดยไม่จำเป็นต้องใช้บัตรเครดิต ทั้งยังปลอดภัยจากมัลแวร์หรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึงแอพโปรดจาก store อื่นๆ หรือเลือกดาวน์โหลดโปรแกรมผ่านคอมพิวเตอร์ (sideload) ได้อีกด้วย นอกจากนี้ แพลทฟอร์ม Nokia X ยังอำนวยความสะดวกให้นักพัฒนาสามารถปรับแอพแอนดรอยด์ให้เข้ากับ Nokia X ได้อย่างรวดเร็ว แล้วส่งขึ้นบน Nokia Store ได้อย่างง่ายดาย เพื่อเติมเต็มความสนุกให้กับผู้ใช้แพลทฟอร์ม Nokia X ได้ไม่รู้จบ
ในที่สุด Nokia X ก็พร้อมที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว วันศุกร์ที 14 มีนาคมนี้แหละ เปิดตัวที่ราคา 3,990 บาท มีให้เลือก 5 สี นั่นก็คือ เขียว ส้ม ฟ้า ดำ และขาว (ได้ข่าวว่าสีเหลืองยังไม่เข้ามา) โดยรุ่นที่ขายในบ้านเรานั้นรองรับการใช้งานแบบ 2 ซิม ก็คือเครื่อง Nokia X Dual SIM ที่เราจะมารีวิวกันในวันนี้
สวัสดีครับ Nokia X จะเป็นหรือไม่เป็น Android ไม่รู้หละ แต่วันนี้น้องดรอยด์ขอทำหน้าที่พรีวิวแกะกล่องกัน ใครจะทำไม ชิชิ ว่าแล้วก็ตามมา ความรู้สึกแรกที่เจอคือกล่องมันหน้าตา Asha มากอะ บอกเลย
รูดเอาฝาออกไปแล้ว ก็พบ Nokia X นอนแอ้งแม้งอยู่ในกล่อง ขอลองเปิดเครื่องก่อนเลย "ติ๊ง ตะ ดิ่ง ดิง ดิ๊ง" เสียงริงโทนที่คลาสสิคชวนขนลุกมันกลับมาอีกแล้ว
รูปทรงเครื่องนี่มันเป็นบล็อกๆ เหลี่ยมๆ แบบเดียวกับ Asha เลยนะ แต่ด้วยสีสัน วัสดุและงานประกอบแล้ว บอกตามตรงดีกว่าแทบทุกยี่ห้อในราคา 3-4 พันบาท ปุ่มพาวเวอร์ ปุ้่มปรับเสียงอยู่ด้านข้างฝั่งเดียวกัน
ช่องเสียบหูฟังอยู่ด้านบน มองตอนแรกรู้สึกรูมันเล็กๆ แปลก แต่ลองเอาหูฟัง 3.5 มาเสียบก็ใช้งานได้ปกติดี
ลำโพงด้านหลังขอบอกว่าดังระเบิด 3 บ้าน 8 บ้านกันเลย กล้องความละเอียด 3 ล้านเป็นแบบ fixed focus นะครับ
ส่วนวิธีการถอดฝาหลัง Nokia X นั้น จะง่ายที่สุดก็คือถอดจากด้านบนของตัวเครื่องครับ แงะออกไปได้เลย
ฝาหลังมันเป็นแบบครอบทั้งเครื่อง เพราะฉะนั้นเวลาถอดออกมามันก็จะเป็นแบบนี้แล เหลือแต่ใส้ใน
แบตเตอรี่ความจุ 1,500 มิลลิแอมป์ (ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าใช้ทั้งวันไหวป่าว แต่ดูแล้วก็น่าจะพอ ขอลองทดสอบอีกแป๊บ) ส่วนช่องใส่ซิมนั้นเป็นแบบ ไมโครซิม ทั้ง 2 ช่องนะครับ มีช่อง MicroSD คั่นกลาง ความจุสูงสุดที่รองรับก็ 32 GB
ตอนประกอบฝาหลังกลับนี่ง่ายมาก ประกบแล้วกดได้เลย ส่วนตัวอยากให้ Nokia เอาฝาหลังมาขายเพิ่ม ทำอีกหลายๆ สีเลยน่าจะโดน แบบซื้อเปลี่ยนได้ทุกวัน ฮ่าๆ
อุปกรณ์ในกล่องไม่มีอะไรมากมาย คู่มือ ใบรับประกัน สายชาร์จ และหูฟังที่ไม่ว่าคุณจะซื้อเครื่องสีอะไร หูฟังก็จะเป็นสีแดงๆ ส้มๆ อันนี้แหละ ไม่ต้องตกใจนะ
เปิดเครื่องลองเล่นกันจริงจัง ก็พบว่าหน้าจอดีกว่าที่คิดไว้ซะอีก คือก่อนหน้านี้ไปเห็น Asha รุ่นเล็กจอมันแบบขาวๆ เหลือบๆ มองอะไรไม่ค่อยชัด ตอนแรกที่เห็นราคาของ Nokia X ก็กลัวใจว่า Nokia จะเอาจอราคาถูกมาใช้หรือเปล่า ผลปรากฏว่าไม่ครับ หน้าจอสีสันดูดีเลย แต่ส่วนของพิเซลอาจจะไม่ได้คมมากนัก
พอเลื่อนหน้าจอ Lock screen ออกไป ก็จะเจอกับ Live Tile ที่มันมาจาก Windows Phone ชัดๆ ฮ่าๆ ใครเคยใช้คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าใครไม่เคยก็ขอบอกไว้นิดนึงว่ามันเลื่อนขึ้นลงยาวๆ และมีหน้าเดียวเท่านั้น ถ้าเราปัดด้านข้างจะกลายเป็นหน้าจอ Fast Lane
เนื่องจาก Nokia X Platform มันไม่มี Google Play แต่มี Nokia Store มาให้แทน ซึ่งก็ใช้งานแทนกันได้ สามารถโหลดแอพได้ทันทั ไม่ต้อง sign-in อะไรเลย แถมยังสามารถจ่ายเงินซื้อแอพผ่าน Operator Billing หรือหักผ่านเครือข่ายได้ด้วย ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
แต่ปัญหาที่เจอคือแอพยังมีไม่เยอะมากเท่าไหร่ ซึ่ง Nokia ก็มีทางแก้โดยการให้ลง App Store รายอื่นๆ เพิ่มได้ ซึ่งบางเจ้าก็มีแอพ Android เยอะเป็นหลักแสนใกล้เคียง Play Store เหมือนกัน
ส่วนหน่วยความจำในตัวเครื่องนั้นก็ทั้งหมด 4 GB แต่เหลือเอาไว้ให้ลงแอพลงเกมประมาณ 1 GB ส่วนที่เหลือก็ต้องย้ายไปลง Micro SD อะไรแบบนี้ ส่วนตัวผมยังไม่ได้ลองเกมใหญ่ๆ อยากรู้เหมือนกันว่าระบบมันจะบริหารเนื้อที่โอเคมั้ย
ส่วนเมนูกล้องนั้นไม่มีลูกเล่นอะไรมาก แต่มีการตั้งค่าต่างๆ ได้เยอะเหมือนกันครับ เดี๋ยวขอยกยอดเอาไปไว้ในคลิปรีวิว Nokia X เลยแล้วกันนะครับ จะได้เห็นการทำงานของมันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหน้า Lock Screen, Live Tile, Fast Lane และการตั้งค่าต่างๆ ด้วย
ขอจบการ พรีวิว Nokia X Dual SIM คร่าวๆ แต่เพียงเท่านี้
สวัสดี~
แกะกล่องและรูปลักษณ์ภายนอก
กล่องของ Nokia X นั้นมีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก เรียกว่าขนาดไม่ถึงกับเล็กมากแต่มั่นคงดี เมื่อเลื่อนส่วนด้านนอกของกล่องออกมา ก็พบกับเครื่องวางเด่นอยู่ในกล่องดังภาพ
ภายในนอกจากโทรศัพท์มือถือและแบตเตอรี่แล้ว มีสายชารจ์และหูฟังสีแดงให้ พร้อมกับคู่มือเริ่มต้นใช้งาน
วิธีการเปิดฝาหลังเครื่องคือต้องดันส่วนฝาเขียวๆ ให้แยกออกจากตัวเครื่อง (แนวทางเดียวกับ Lumia 620) แม้จะไม่ยาก แต่ตอนแรกที่ทำตามคู่มือนั้นกลับเปิดได้ยากมากกว่าที่คิด จึงอาจคิดได้ในสองแง่ หนึ่งคือไม่ควรทำตามคู่มือไปเสียทุกอย่าง ไม่ก็สองคือวิธีเปิดตามคู่มือไม่ใช่วิธีเปิดที่ดีหรือง่ายที่สุด ในแง่นี้อยากให้โนเกียลองพยายามหาวิธีอธิบายที่ง่ายกว่านี้ในคู่มือ (ใช้คนถึงสามคนในการพยายามดันฝาหลังออกตามวิธี ก่อนจะพบวิธีที่ง่ายกว่า)
Nokia X เป็นมือถือแบบสองซิมที่ใช้ Micro SIM ทั้งคู่ (แบบเดียวกับ Moto G) และสามารถเสียบหน่วยความจำแบบ Micro SD เพิ่มเติมได้ เพียงแต่ช่อง SIM 1 เท่านั้นที่จะรองรับ 3G
รูปลักษณ์ภายนอกนั้นเหมือนกับที่ได้บรรยายไปแล้วในพรีวิว นั่นก็คือค่อนข้างมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมแบบก้อนอิฐ เรียกว่า ถ้าใครที่ชื่นชอบแนวทางการออกแบบเช่นนี้ก็อาจจะชอบ Nokia X น้ำหนักไม่มากก็จริงแต่ถือว่าพอตัวอยู่ทีเดียว ให้สัมผัสที่แน่นหนาและมั่นคงมากกว่าโทรศัพท์รายอื่น หน้าจอค่อนข้างคมชัดระดับหนึ่ง
ด้วยรูปทรงที่แทบจะเป็นก้อนอิฐ ทำให้ลูกเล่นอันหนึ่งได้มาอย่างบังเอิญ คือ จับตั้งขึ้นมาได้ สวยงามไปอีกแบบ (ถ้าไม่กลัวว่ามือจะไปปัดตกนะครับ)
ด้านขวามือของเรา มีปุ่มปรับเสียงและเปิด/ปิดหน้าจอ ด้านหลังเครื่องเรียบๆ ครับ มีลำโพงและกล้อง ลำโพงเมื่อเล่นเพลงและวางถูกลักษณะให้เสียงที่ค่อนข้างดังพอสมควรระดับหนึ่งครับ
ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟัง และด้านล่างของเครื่องเป็นช่องเสียบสาย Micro USB ครับ
เปรียบเทียบขนาดระหว่าง (จากซ้ายไปขวา) Moto G, Nokia X, Lumia 520 และ Lumia 920 จะเห็นได้ว่า Nokia X มีขนาดที่ค่อนข้างเล็กพอสมควร
ซอฟต์แวร์
แม้ภายในจะเป็นระบบปฏิบัติการที่ดัดแปลงมาจากแอนดรอยด์ก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ หน้าตาภายในนั้นกลับถูกปรับแต่งอย่างมาก อาจจะเรียกว่ายกหน้าตาของ Windows Phone ลงมาใส่ไว้ภายในแทบทั้งหมด ในเครื่องจะมีแอพบางตัวที่แถมมาให้ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นเกมครับ
การใช้งาน Fastlane ก็เพียงแค่ปัดจากหน้าหลักไปเท่านั้น ไม่ว่าจะด้านซ้ายหรือขวา ข้อสำคัญคือต้องอยู่ที่หน้าหลักเท่านั้น Fastlane เป็นเหมือนแหล่งรวมกิจกรรมหรือแอพที่เรากำลังเปิดอยู่ทั้งหมด แบบเดียวกับ Recent Apps ในแอนดรอยด์ เพียงแต่ว่าเพิ่มความสามารถแบบ Notification Bar เข้ามา คือระบุสถานะอย่างอื่นได้ เช่น กำลังดาวน์โหลดอะไรอยู่บ้าง เป็นต้น
แต่ที่น่าสนใจคือ ก็ยังคงมี Notification Bar ปรากฏอยู่เช่นกัน ไว้สำหรับเรียกใช้การตั้งค่าต่างๆ เช่น เปิดหรือปิดไวไฟ เป็นต้น ส่วนถ้ามีเมนูอยู่ ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะมีปัญหาโลกแตกแบบ HTCที่จะต้องกินที่แสดงผลไป เพียงแค่ปัดด้านล่างของจอเท่านั้นก็จะได้
แอพที่ติดตั้งมากับเครื่องแล้ว มักจะเป็นแอพพื้นฐานเบื้องต้นโดยส่วนมาก สิ่งที่น่าแปลกใจและค้นพบระหว่างการทดสอบคือ เครื่องไม่ได้แถมโปรแกรมที่เป็นบริการของไมโครซอฟท์มาทั้งหมด เช่น OneDrive ต้องไปดาวน์โหลดเองจากใน Store เป็นต้น ซึ่งก็ทำให้เกิดคำถามที่ว่า ทำไมถึงไม่รวมเอาบริการพื้นฐานของไมโครซอฟท์ทั้งหมดมาในคราวเดียว? เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือเครื่องแถมมาพร้อมกับ Skype เท่านั้น
ส่วนการลงแอพของแอนดรอยด์ในเครื่องนั้น สามารถทำได้ทันทีและไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแม้แต่น้อย ขอให้แค่หาไฟล์ apk ของแอพที่ต้องการเท่านั้นก็สามารถลงได้แล้ว โดยตัวทางลัด (shortcut) ในการเข้าโปรแกรมจะไปอยู่ที่หน้าหลัก (แบบเดียวกับ Windows Phone) โดยในการทดสอบนี้เราลงแอพสองตัว คือ CPU-Z และ GPS Toolbox โดยใช้ apk ในการลง ซึ่งไม่มีปัญหาในการทำงานใดๆ ทั้งสิ้น บน Nokia X ดังนั้นจึงสบายใจได้ระดับหนึ่ง หากแอพที่ใช้ประจำนั้นไม่มีการเรียกใช้งาน API ที่สำคัญ (เช่น ระบบแผนที่หรือการจ่ายเงิน) ก็สามารถที่จะใช้งานได้ตามปกติ เพียงแต่อาจจะต้องเสียเวลาหา apk เท่านั้น หรือไม่ก็ติด Store ตัวอื่นที่นอกจาก Nokia Store อย่างเช่นของ Amazon เป็นต้น
การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
เมื่อพอต้องใช้เครื่องจริงในชีวิตประจำวัน ในเรื่องของการจัดการแบตเตอรี่ถือว่าทำได้ดีพอสมควร อยู่ได้ค่อนข้างนานพอสมควร เสียงโทรเข้า-โทรออก ค่อนข้างชัดเจน และตัวแอพพื้นฐานที่มากับเครื่องก็ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้ดี แต่สิ่งที่พบก็คือการตอบสนองของเครื่องนั้นหากใช้ไประยะหนึ่งแล้วจะช้าลงอย่างมาก ต้องค่อยไล่ปิดแอพหรือการใช้งานปกติใน Fastlane ถึงจะเร็วขึ้น ปัญหามากกว่านั้นอยู่ที่เรื่องของพื้นที่หน่วยความจำที่มีมาให้ค่อนข้างน้อย ทำให้เลี่ยงไม่ได้ที่ผู้ใช้จะต้องจัดหา Micro SD เข้ามาใช้ควบคู่ด้วย
ปัญหาที่ชวนหงุดหงิดใจเล็กน้อยอยู่ที่แป้นพิมพ์กับการเปลี่ยนภาษา ซึ่งถึงแม้ว่าแป้นพิมพ์ที่ติดมากับเครื่องจะดีมาก (เข้าใจว่าใช้ Swype) แต่เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนภาษาแล้ว กลับต้องกดปุ่ม Spacebar ค้างไว้ระยะหนึ่งก่อนจะปรากฎให้เลือกภาษา ซึ่งในจุดนี้ทางโนเกียอาจจะต้องกลับไปคิดพอสมควรว่าทำอย่างไรให้การเปลี่ยนภาษาง่ายกว่านี้ได้ อีกส่วนคือการเคาะหน้าจอสองครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ ที่ถึงแม้จะมีประโยชน์อย่างมาก แต่เอาเข้าจริงเวลาใช้งานแล้วมีหลายครั้งที่เคาะแล้ว "ไม่ตื่น" เหมือนกัน นอกจากนั้นแล้วการเล่นไฟล์วีดีโอ ถ้าเป็นความละเอียดสูง โดยเฉพาะพวก 1080p ผลที่ออกมาคือมีแต่เสียง ภาพแทบจะหยุดนิ่งและแสดงผลไม่ได้ พอเข้าระดับ 480p พอจะเล่นได้ แต่ก็ยังมีการกระตุกให้เห็น
เนื่องจาก Nokia X เป็นเครื่องที่สามารถใช้งานได้สองซิม เราจึงสามารถกำหนดลักษณะการโทรหรือการใช้อินเตอร์เน็ตได้ เช่น ในการโทร ให้โทรออกที่ซิมหนึ่งหรือซิมสองได้ หรือจะถามทุกครั้งไปก็ได้ โดยการถามจะถามลงมาจาก Notification Bar ให้เลือก น่าเสียดายตรงที่ว่า หากสมมติว่าติดสายหนึ่งแล้ว อีกสายหนึ่งจะไม่สามารถโทรเข้าโทรออกได้ ไม่ใช่การรับสายพร้อมกันได้สองสาย
โดยภาพรวม Nokia X ตอบโจทย์การใช้งานระดับพื้นฐานอยู่ได้บ้าง อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่อาจจะคุ้นเคยกับโทรศัพท์ที่ลื่น หรือต้องการความยืดหยุ่นมากกว่านี้ ต้องยอมรับว่า Nokia X ค่อนข้างมีขีดจำกัดอยู่พอสมควรในการตอบโจทย์ ในแง่นี้ก็อาจจะขึ้นไปที่ระดับเครื่องแบบ Lumia เลย น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า ส่วนเรื่อง UI ลูกผสมที่หลายคนอาจจะเป็นกังวลบ้างว่าจะออกมาดีแค่ไหน ต้องตอบว่าใช้งานได้ไม่มีปัญหาอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีฐานใช้เป็นมาจาก Windows Phone แต่แรกแล้ว ยกเว้น Fastlane ที่ต้องใช้เวลาปรับตัวสักพัก แต่ก็ไม่นานนัก
กล้อง
เรื่องกล้องสำหรับ Nokia X ก็ถือว่าสมราคาครับ แถมเป็นกล้องแบบ Fixed focus ด้วย แต่ถ้าถามว่าค่อนข้างผิดหวังหรือไม่ ก็คงต้องบอกว่าผิดหวังอยู่บ้าง ด้วยระดับราคานี้มีโทรศัพท์อยู่หลายตัวที่มีคุณสมบัติแบบ Auto focus กันหมดแล้ว แต่ถ้าถือว่าเป็นเครื่องสำหรับเริ่มต้นให้เด็กๆ หรือผู้ใหญ่ใช้ ก็ถือว่าใช้ได้ระดับหนึ่งกับคุณภาพของรูปถ่าย ยกเว้นในที่ซึ่งแสงอาจจะไม่ค่อยพอ ก็มีอาการภาพมีสีซีดได้
บทสรุป
ถ้าถามว่าความพยายามของ Nokia กับการลองหยั่งเชิงในตลาดมือถือระดับกลางค่อนล่างด้วย Nokia X ประสบความสำเร็จหรือไม่? อาจจะตอบในตอนนี้ได้ยาก แต่ถ้าถามว่าเตรียมตัวมาดีหรือไม่ คำตอบคือเตรียมตัวมาค่อนข้างดีมาก ตัวเครื่องให้สัมผัสที่ดีมาก งานประกอบแน่นหนา ดูไม่เหมือนโทรศัพท์มือถือราคาถูกทั่วไปแม้แต่น้อย ตัวซอฟต์แวร์เองก็ใช้งานได้ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้ดี ถ้าไม่ไปใช้งานมันหนักๆ อย่างไรก็ตามตัวซอฟต์แวร์ยังต้องเร่งปรับปรุงและพัฒนาให้มากกว่านี้ แม้ว่าจะอาศัยความได้เปรียบจากการที่เป็นแพลตฟอร์มดัดแปลงจากแอนดรอยด์ในการมีแอพรันจำนวนมาก แต่ถ้าระบบแกนหลักภายในยังทำงานได้ค่อนข้างช้า จะเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับ Nokia X เอง
หากจะถามว่าความน่าซื้อของ Nokia X อยู่ตรงไหนเมื่อเทียบกับมือถือเจ้าอื่นในท้องตลาด? คำตอบก็คือวัสดุของเครื่องที่ดีกว่าอย่างแน่นอน และการบริการหลังการขายที่ดีกว่าแน่นอน แต่ถ้าถามว่าเป็นโทรศัพท์ที่เหมาะกับคนแบบไหน คำตอบคงไม่น่าจะหนีไปจากกลุ่มฟีเจอร์โฟนที่ต้องการมาสัมผัสกับโทรศัพท์กลุ่มสมาร์ทโฟนบ้าง หรือไม่ก็เป็นกลุ่มคนที่กำลังแสวงหาโทรศัพท์มือถือที่ทำงานได้ทัดเทียมกับโทรศัพท์อื่นๆ เอาไว้ใช้เป็นเครื่องสำรอง
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่มอง Nokia X ไว้ เพราะคิดว่าจะสามารถใช้ร่วมกับบริการของกูเกิลได้ หรือไม่ก็พบว่าตัวเองอยู่ในโลกบริการของกูเกิลมากกว่า เห็นทีอาจจะต้องมองข้าม Nokia X ไป เพราะการตัดบริการทุกอย่างของกูเกิลออกไป ย่อมทำให้การเรียกใช้บริการอย่าง Play Store เป็นไปไม่ได้แน่นอน แม้ว่าจะทำการดัดแปลงซอฟต์แวร์ภายในได้ แต่เท่าที่ลองแล้วก็พบว่าให้ประสบการณ์ในการใช้งานที่ไม่ดีเอามากๆ เพราะบริการของกูเกิลเหล่านี้ต้องใช้พื้นที่ในหน่วยความจำไปอีกพอสมควร ยกเว้นเสียแต่ว่าจะซื้อมาเพื่อลงรอมใหม่เท่านั้นอาจจะยังพอเป็นไปได้บ้าง
เพื่อความชัดเจนอาจจะสรุปได้ว่า หากหาโทรศัพท์สำรอง/โทรศัพท์สำหรับเด็กๆ/โทรศัพท์สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มหัดใช้สมาร์ทโฟน Nokia X ย่อมตอบโจทย์ แต่ถ้าแสวงหาโทรศัพท์มือถือที่ต้องการประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีกว่าการเป็นเครื่องสำรอง แนะนำว่าการรอ X+ หรือ XL ที่จะออกมาหลังจากนี้ อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ส่วนจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดสำหรับโนเกียนั้น เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์
แกะกล่อง ลองสัมผัสแรกกับ Nokia X สมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นสายพันธุ์ใหม่ บนรากฐานของแอนดรอยด์ พร้อมจุดขายที่แตกต่างจาก โนเกีย และไมโครซอฟท์
Preview Date (13-มีนาคม-2557)
ในที่สุดคำตอบแห่ง ปริศนาสีเขียว ที่ชวนให้หลายคนตั้งข้อสงสัยกันไปต่างๆ นานา ก็ได้กลายร่างออกมาเป็น Nokia X (Nokia X Dual SIM) รุ่นนี้นั่นเองครับ ซึ่งการเผยโฉมในครั้งนี้ก็สามารถเรียกเสียงฮือฮาจากสื่อมวลชนจากทั่วโลกได้พอสมควร เพราะหากย้อนไปเมื่อช่วงปีที่แล้ว คงไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าทาง Nokia จะเปิดตัว และจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟน ที่สามารถรันแอพพลิเคชั่นแอนดรอยด์ได้จริงๆ โดยเฉพาะจากการที่ ไมโครซอฟท์ เข้าซื้อกิจการของ โนเกีย เมื่อปลายปีที่แล้ว สำหรับ Nokia X นั้นมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Nokia X Software Platform 1.0 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่มีพื้นฐานอยู่บน Android Open Source Project ทำให้สามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นสำหรับแอนดรอยด์ได้มากมาย และถึงแม้ว่าระบบปฏิบัติการ Nokia X นี้ จะไม่ได้นำฟีเจอร์ของระบบปฏิบัติการ Android มาใส่ไว้แบบเต็มๆ โดยเฉพาะการที่ไม่มีบริการจากกูเกิล (Google Services) แต่ทาง โนเกีย ก็ได้เลือกที่จะนำฟีเจอร์เด่นของ โนเกีย และไมโครซอฟท์มาใส่เอาไว้แทน ซึ่งก็ช่วยสร้างจุดขายที่แตกต่างให้กับ Nokia X ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น HERE Maps, HERE Drive, Nokia MixRadio หรือ Skypeเป็นต้น และหากดูกันที่ คุณสมบัติโดยรวมของ Nokia X และราคาจำหน่ายของ Nokia X ที่มีราคาเพียง 3,990 บาท ก็ชัดเจนแล้วว่าทาง โนเกีย ต้องการนำ Nokia X เข้ามาทำตลาดสมาร์ทโฟนในระดับล่าง ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มตลาดขนาดใหญ่ โดยในวันนี้ก็นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่ทางทีมงานได้รับเครื่อง Nokia X มาลองใช้งาน โดยในเบื้องต้น ก็ขอแกะกล่อง และลองเล่น Nokia X แบบเล็กๆ น้อยๆ ให้ทุกท่านได้ชมกันก่อนครับ
รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์
Nokia X มาพร้อมกับจอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 800x480 พิกเซล ขนาด 4.0 นิ้ว โดยมีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 115.5x63x10.4 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 128.7 กรัม โดยจะเห็นว่าการออกแบบดีไซน์โดยรวมนั้น จะมีความคล้ายคลึงกับสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ ในตระกูล Nokia Asha มากเลยทีเดียว
ด้านหน้าส่วนบนของตัวเครื่อง จะประกอบไปด้วย ลำโพงสำหรับการสนทนา, Proximity Sensor สำหรับการปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา เพื่อประหยัดพลังงาน และ Ambient Light Sensor สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอโดยอัตโนมัติ
ด้านหน้าส่วนล่างของตัวเครื่อง จะมีปุ่มย้อนกลับ (ปุ่ม Back) เพียงปุ่มเดียว โดยสามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การกดหนึ่งครั้งเพื่อย้อนกลับ หรือกดค้างเอาไว้เพื่อกลับสู่หน้าโฮม และใกล้ๆ กับปุ่มย้อนกลับนั้นก็คือไมโครโฟนสำหรับการสนทนา หรือบันทึกเสียง
ด้านบนของตัวเครื่อง จะมีช่องสำหรับเชื่อมต่อกับหูฟังแบบมาตรฐาน ขนาด 3.5 มิลลิเมตร
ด้านล่างของตัวเครื่อง จะมีช่องสำหรับเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่ และเชื่อมต่อข้อมูลแบบ microUSB
ด้านขวาของตัวเครื่อง จะประกอบไปด้วยปุ่ม เพิ่ม-ลด ระดับของเสียง และปุ่ม เปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อคหน้าจอ
ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มควบคุมการทำงานใดๆ
ด้านหลังของตัวเครื่อง จะเป็นฝาหลังที่มีพื้นผิวแบบด้าน คล้ายกับ Nokia Asha และสามารถถอดออกมาได้
ด้านหลังของตัวเครื่องส่วนบน จะมีกล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียด 3 ล้านพิกเซล
ด้านหลังของตัวเครื่องส่วนล่าง จะมีลำโพงเสียง
และเมื่อเปิดฝาหลังของตัวเครื่องออกมา จะพบกับช่องใส่แบตเตอรี่, ช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 1, ช่องสำหรับใส่หน่วยความจำภายนอกแบบ microSD และช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดที่ 2
ซึ่งซิมการ์ดที่ใช้จะเป็นแบบ microSIM
ส่วนฝาหลังของตัวเครื่องทำมาจาก โพลีคาร์บอเนต ซึ่งดูแน่นหนาแข็งแรงเป็นอย่างดี และสามารถเปลี่ยนฝาหลังเป็นสีอื่นๆ ได้ตามใจชอบ
สำหรับแบตเตอรี่ของ Nokia X Dual SIM จะเป็นแบตเตอรี่รุ่น BN-01 ซึ่งมีความจุ 1500 mAh
นอกจากนี้ ภายในงานกล่องยังมีอุปกรณ์มาตรฐานอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น หูฟังสีแดงสด
อะแดปเตอร์สำหรับชาร์จแบตเตอรี่
ใบรับประกัน และคู่มือการใช้งาน
เปรียบเทียบรูปลักษณ์ภายนอกระหว่าง Nokia X Dual SIM, Nokia Asha 503 และ Nokia Asha 501
ในเรื่องของการออกแบบดีไซน์ ดูเหมือนว่า Nokia X น่าจะได้รับอิทธิพลมาจาก Nokia Asha มาไม่น้อย ส่วนขนาดของจอแสดงผล จะเห็นได้ว่า Nokia X มีขนาดจอแสดงผลที่ใหญ่ว่าอย่างชัดเจน เพราะมีขนาดอยู่ที่ 4 นิ้ว ส่วน Nokia Asha 501 และ Nokia Asha 503 มีขนาดของจอแสดงผลอยู่ที่เพียง 3 นิ้ว
และ Nokia X Dual SIM ยังมีตัวเครื่องบางที่สุดอีกด้วย โดย Nokia X มีความบางอยู่ที่ 10.4 มิลลิเมตร ส่วน Nokia Asha 501 และ Nokia Asha 503 มีความบางอยู่ที่ 12.1 มิลลิเมตร กับ 12.7 มิลลิเมตร ตามลำดับ
ในส่วนของฝาหลังของตัวเครื่อง จะมีเพียง Nokia Asha 503 เท่านั้น ที่มีการเคลือบด้วยพลาสติกใส ส่วน Nokia Asha 501 และ Nokia X จะเป็นพลาสติกที่มีพื้นผิวแบบด้าน
เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ในเบื้องต้น
Nokia X Dual SIM นั้นทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Nokia X Software Platform เวอร์ชัน 1.0 ซึ่งพัฒนาบนพื้นฐานของ Android Open Source Project จึงทำให้สามารถรองรับกับการติดตั้งแอพพลิเคชั่นแอนดรอยด์ได้
ทาง โนเกีย ได้การออกแบบ และพัฒนาให้ Nokia X มีหน้าจอหลักแบบ Tile ซึ่งจะคล้ายกับ Nokia ตระกูล Lumia
โดยตัว Tile สามารถปรับขนาด หรือถอนการติดตั้งได้
นอกจากนี้ Nokia X ยังมีฟังก์ชัน Fast Lane ให้ใช้งานอีกด้วย คล้ายกับที่มีใน Nokia Asha ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย คือ สามารถเข้าใช้งานแอพพลิเคชั่น หรือฟังก์ชัน ที่ใช้งานล่าสุดได้ทันทีภายในหน้าเดียวกัน
ในส่วนของวิดเจ็ต ก็มีให้เลือกใช้งานเช่นกัน เช่นเดียวกับ สมาร์ทโฟน แอนดรอยด์ ทั่วไป
ถึงแม้ว่าทาง Nokia จะตัดบริการของกูเกิล (Google Services) ออกไป เช่น Google Maps หรือ Google Play Store แต่ก็สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นผ่าน Nokia Store หรือ Store อื่นๆ แทนได้ และยังสามารถนำไฟล์ .apk มาติดตั้งได้
ในส่วนของ การหาเส้นทาง หรือดูแผนที่ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะทาง Nokia ได้นำแอพพลิเคชั่นแผนที่ และระบบนำทางชั้นเลิศอย่าง Here Maps และ Here Drive มาให้ใช้งานบน Nokia X DUAL SIM ด้วยนั่นเอง สามารถดาวน์โหลดแผนที่ได้ฟรี และใช้งานได้ฟรีตลอดชีพเช่นเคย พร้อมทั้งยังสามารถแสดงผลอาคารย่านกรุงเทพมหานครแบบ 3 มิติได้อีกด้วย
สามารถดาวน์โหลดแผนที่แบบออฟไลน์ของประเทศอื่นๆ ได้อีกมากมาย แบบฟรีๆ
Nokia X สามารถนำเกมส์แอนดรอยด์มาเล่นได้ทันที แต่ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ได้สูงมากนัก ก็อาจจะเล่นได้เพียงเกมส์ที่มีกราฟฟิคแบบพื้นๆ
เกมที่กำลังฮิตกันสุดๆ ณ ชั่วโมงนี้อย่างเกม Cookie Run ก็สามารถเล่นได้บน Nokia X
การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์บน Nokia X สามารถใช้งานได้ดีในระดับที่น่าพอใจ
สำหรับคีย์บอร์ดภาษาไทยบน Nokia X Dual SIM จะเป็นแบบ Full Keyboard แบ่งแยกตัวอักษรอย่างชัดเจน และมีขนาดปุ่มแบบสัมผัสที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป
นอกจากนี้ Nokia X Dual SIM ยังมีแอพพลิเคชั่นกล้องให้ใช้งาน โดยสามารถเปลี่ยนโหมดการถ่ายภาพได้ 2 แบบ คือ โหมดการถ่ายภาพแบบปกติ และโหมดการถ่ายภาพแบบพาโนราม่า นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการถ่ายภาพเพิ่มเติมได้อีกมากมาย เช่น การปรับค่า White Balance, ปรับค่าชดเชยแสงได้ตั้งแต่ -2 ไปจนถึง +2 และการปรับค่า ISO เป็นต้น อย่างไรก็ดี Nokia X Dual SIM มีระบบการโฟกัสภาพแบบ Fixed Focus จึงไม่สามารถเลือกจุดโฟกัสได้เอง เน้นชัดทั้งภาพ ดังนั้นจึงน่าจะเหมาะกับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์มากกว่าการถ่ายภาพที่เน้นไปที่วัตถุใดวัตถุหนึ่ง
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องดิจิตอลความละเอียดระดับ 3 ล้านพิกเซล ของ Nokia X Dual SIM
สรุปผลการทดสอบในเบื้องต้นของ Nokia X Dual SIM
หลังจากที่ได้แกะกล่อง ลองสัมผัสแรกกับ Nokia X กันไปพอสังเขป ก็คงต้องบอกเลยว่า Nokia X Dual SIM รุ่นนี้ เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งในเรื่องของราคาจำหน่ายเพียง 3,990 บาท, ซอฟต์แวร์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานพื้นฐานได้แบบครบครัน และยังสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่น หรือเกมส์แอนดรอยด์เพิ่มเติมได้มากมายนับไม่ถ้วน หรือจะนำไฟล์ .apk มาติดตั้งโดยตรงก็ได้เช่นกัน และแม้ว่าจะไม่สามารถใช้งานบริการต่างๆ ของกูเกิลได้ แต่ก็ได้แอพพลิเคชั่นระดับคุณภาพ จาก โนเกีย และไมโครซอฟต์มาทดแทน ในส่วนของกล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียด 3 ล้านพิกเซล ถึงแม้ว่าจะถ่ายเน้นวัตถุที่ต้องการได้ไม่ดีเท่าที่ควร ด้วยระบบการโฟกัสภาพแบบ Fixed Focus ที่เน้นความชัดทั่วทั้งภาพ แต่ในเรื่องของการถ่ายมุมกว้าง หรือการถ่ายวิวทิวทัศน์ ก็ถือว่ายังสามารถตอบโจทย์ด้านนี้ได้ดี และถ้าดูกันในเรื่องคุณสมบัติโดยรวมของ Nokia X ที่ถือว่าอยู่ในระดับล่าง เช่นซีพียู Dual-Core ที่เร็วเพียง 1 GHz หรือหน่วยความจำ RAM ที่มีขนาดเพียง 512 MB หากใครที่ต้องการสมาร์ทโฟนไฮเอนด์ ก็คงจะต้องมองข้ามไปก่อน แต่หากใครที่กำลังหาสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น, รองรับ 2 ซิม, ลงแอพพลิเคชั่นแอนดรอยด์ได้, มีราคาสบายกระเป๋า และที่สำคัญคือมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร Nokia X รุ่นนี้สามารถตอบโจทย์ของคุณได้ดีอย่างแน่นอน ส่วนท่านใดที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของ Nokia X ในวันนี้ก็เริ่มทยอยวางจำหน่ายตามตัวแทนจำหน่ายกันบ้างแล้ว ในราคา 3,990 บาท และเร็วๆ นี้ก็รอติดตามการรีวิว Nokia X แบบเต็มๆ อีกครั้งหนึ่งจากทีมงานของเราได้นะครับ สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Nokia X Dual SIM
- ตัวเครื่องมีการออกแบบดีไซน์ที่สวยทันสมัย และมีสีสันที่ดูสดใส
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 800x480 Pixels (WVGA : กว้าง 4.0 นิ้ว : 233 ppi : อัตราส่วน 15:9)
- หน้าจอหลักแบบ Tile และรองรับการใช้งานฟังก์ชัน Fastlane
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 203
- ประมวลผลการทำงานด้วย Dual-Core Cortex-A5 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8225 Snapdragon S4 Play) ความเร็วในการประมวลผล 1 GHz
- ระบบปฏิบัติการ Nokia X Software Platform เวอร์ชัน 1.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS)
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 32 GB
- กล้องดิจิตอลในตัว ความละเอียดระดับ 3 ล้านพิกเซล
- รองรับการถ่ายภาพวีดีโอได้ที่ความละเอียดระดับ FWVGA (854x480 Pixels : 30 fps)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, 3G, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมฟังก์ชัน A-GPS
- รองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่น HERE Maps และ HERE Drive ได้ฟรีตลอดชีพ
- รองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่น Nokia MixRadio
- รองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่น Skype
- ฟรีพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลแบบ Cloud Storage ขนาด 10 GB ด้วยบริการ OneDrive
- มีราคาจำหน่ายเพียง 3,990 บาท
- รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดพร้อมกันภายในเครื่องเดียว
- จอแสดงผลแบบ IPS LCD Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 800x480 Pixels (WVGA : กว้าง 4.0 นิ้ว : 233 ppi : อัตราส่วน 15:9)
- หน้าจอหลักแบบ Tile และรองรับการใช้งานฟังก์ชัน Fastlane
- หน่วยประมวลผลภาพกราฟฟิคโดยเฉพาะ (GPU : Graphics Processing Unit) แบบ Adreno 203
- ประมวลผลการทำงานด้วย Dual-Core Cortex-A5 Processor (ชิปเซ็ต Qualcomm MSM8225 Snapdragon S4 Play) ความเร็วในการประมวลผล 1 GHz
- ระบบปฏิบัติการ Nokia X Software Platform เวอร์ชัน 1.0 (มีพื้นฐานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android OS)
- รองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 32 GB
- กล้องดิจิตอลในตัว ความละเอียดระดับ 3 ล้านพิกเซล
- รองรับการถ่ายภาพวีดีโอได้ที่ความละเอียดระดับ FWVGA (854x480 Pixels : 30 fps)
- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ WiFi, 3G, EDGE และ GPRS
- ระบบ GPS ในตัว (Global Positioning System : ระบบดาวเทียมนำร่อง) พร้อมฟังก์ชัน A-GPS
- รองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่น HERE Maps และ HERE Drive ได้ฟรีตลอดชีพ
- รองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่น Nokia MixRadio
- รองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่น Skype
- ฟรีพื้นที่เก็บบันทึกข้อมูลแบบ Cloud Storage ขนาด 10 GB ด้วยบริการ OneDrive
- มีราคาจำหน่ายเพียง 3,990 บาท
จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ Nokia X Dual SIM
- กล้องดิจิตอลไม่มีไฟแฟลชในตัว และเป็นแบบ Fixed Focus ซึ่งไม่สามารถเลือกจุดโฟกัสได้เอง
- ไม่มีกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล มีขนาดเพียง 4 GB ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้งานจริง ต้องอาศัยการเพิ่มหน่วยความจำด้วยการ์ด microSD
- ไม่รองรับการใช้งานบริการต่างๆ ของกูเกิล (Google Services)
- รองรับการใช้งาน 3G ได้เพียง 2 คลื่นความถี่ (900/2100 MHz)
- ไม่มีกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง
- หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล มีขนาดเพียง 4 GB ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้งานจริง ต้องอาศัยการเพิ่มหน่วยความจำด้วยการ์ด microSD
- ไม่รองรับการใช้งานบริการต่างๆ ของกูเกิล (Google Services)
- รองรับการใช้งาน 3G ได้เพียง 2 คลื่นความถี่ (900/2100 MHz)
โปรดทราบ
* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางศูนย์ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบหรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *
สรุปสเปค Nokia X Dual SIM
- Nokia X Platform (พัฒนาจาก Android 4.1)
- หน้าจอขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด WVGA 800x480
- หน่วยประมวลผล Qualcom Snapdragon 400 Dual-Core 1GHz
- ความละเอียดกล้อง 3 ล้านพิกเซล (โฟกัสคงที่่)
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม
- แบตเตอรี่ 1,500 มิลลิแอมป์
Nokia X สเปคแบบละเอียด | |
Network เครือข่าย | โครงข่าย WCDMA: 900 MHz, 2,100 MHz |
Display จอแสดงผล | 4 นิ้ว ความละเอียด WVGA (800x480) 233 ppi |
CPU หน่วยประมวลผล | Qualcomm Snapdragon™ 200 1.0GHz Dual-Core |
OS ระบบปฏิบัติการ | Nokia X Platform |
Camera กล้องถ่ายภาพ | 3MP (ด้านหลัง), ไม่มี (ด้านหน้า) |
Camera Features | ตรวจจับใบหน้า, วัดแสงอัตโนมัติ, ถ่ายภาพพาโนรามา |
หน่วยความจำ | RAM 512 MB |
หน่วยความจำภายใน: 4 GB | |
รองรับ microSD สูงสุด 32 GB | |
วิดีโอ | ความละเอียดของกล้องวิดีโอ: FWVGA (864 x 480) |
รหัสสัญญาณเล่นวิดีโอ: H.263, H.264/AVC, MPEG-4 | |
รูปแบบไฟล์เล่นวิดีโอ: 3GP, MP4 | |
เสียง | รองรับการเข้ารหัสสัญญาณ: MP3, AMR-NB, FLAC, MIDI |
รองรับไฟล์ MP4, AAC, MP3, MIDI | |
วิทยุ | วิทยุ FM Stereo |
การเชื่อมต่อ | ชนิดของซิมการ์ด: ไมโครซิม |
สองซิม: สองซิมแบบเปิดรอรับสาย | |
การเชื่อมต่อสำหรับชาร์จ: Micro-USB, USB | |
หัวต่อ AV: ช่องต่อสัญญาณเสียงขนาด 3.5 มม. | |
การเชื่อมต่อข้อมูล: Micro-USB-B | |
ขนาดและน้ำหนัก | ความยาว: 115.5 มม. |
น้ำหนัก: 128.7 กรัม | |
แบตเตอรี่ |
1,500 มิลลิแอมป์ (ถอดเปลี่ยนได้)
|
ราคา
| เปิดตัว 3,990 บาท |
รีวิว Nokia Store บน Nokia X แนะนำการใช้งานและโหลดแอพพลิเคชั่น ครบทุกอย่างที่คุณอยากรู้!!!
Credit : Droidsans.com,Youtube.com,Appdisqus.com,Thailumia.com,Blognone.com,Thaimobilecenter.com
เรียบเรียง : Ruengdd
เรียบเรียง : Ruengdd
Post a Comment