สองพี่น้อง ปุ้ย-โบ เจ้าของปรากฏการณ์ลูกชิ้นบูมลูกสาวดังแม่ค้าสวย "ลูกชิ้นหมูแพร่งนรา"

“ขายหน้าตา” ใครว่าเกิดขึ้นกับวงการบันเทิงอย่างเดียว? สมัยนี้ทุกอาชีพล้วนล่อใจลูกค้าด้วยความสวยความงามกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่แม่ค้าขายลูกชิ้น! วันนี้ M-Open มีโอกาสพูดคุยกับ 2 พี่น้องหน้าสวยผู้โด่งดังจากอาชีพปิ้งย่างหน้าเตาในนาม “ลูกชิ้นหมูแพร่งนรา” เจ้าของปรากฏการณ์ลูกชิ้นดังลูกสาวบูมและลูกค้าชายล้นร้าน มาดูกันว่าเบื้องหลังความฮอตและรอยยิ้มสดใสที่มอบให้ ตัวตนที่แท้จริงของพวกเธอเป็นอย่างไรกันแน่
       

       ลือกันว่าคนขายร้านนี้น่ารักเกินกว่าจะเป็นแม่ค้า เรายังไม่ปักใจเชื่อจนกระทั่งเดินทางถึงร้าน “ลูกชิ้นหมูแพร่งนรา” ในบ่ายวันเสาร์ตามเวลานัดหมาย ปุ้ย ฐิติพร เตชคุปต์สิริ เดินลงมาจากบ้านพร้อมรอยยิ้มต้อนรับมาแต่ไกล เธอสวมเสื้อเปิดไหล่ กางเกงขาสั้นและรองเท้าเปลือยสบายๆ แต่ยังไว้ลายแฟชั่นให้เห็น พิจารณาจากหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก แววตาสดใส และผิวพรรณขาวเนียนทั่วทั้งตัวแล้ว ดูอย่างไรหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่มีเค้าของความเป็นแม่ค้าอยู่เลย แต่เมื่อปุ้ยจัดแจงยกโต๊ะเก้าอี้ให้ทีมงานนั่งด้วยท่าทีทะมัดทะแมง จึงทำให้เราเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปว่า เธอคือแม่ค้าหน้าหมวยที่ลูกค้าหลายคนกล่าวขวัญถึงจริงๆ 
       พูดคุยกับแม่ค้าตาโตได้สักพัก โบ มัญชุลี เตชคุปต์สิริ ผู้เป็นน้องสาวก็เดินเข้ามาสมทบ ครั้งแรกที่เห็นสองพี่น้องนั่งข้างกันเล่นเอาทีมงานถึงกับอึ้งไปเหมือนกัน เพราะคิดว่าทั้งคู่เป็นฝาแฝด ปุ้ยและโบหน้าคล้ายกันมาก อีกทั้งสไตล์การแต่งตัวก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก แต่พอได้นั่งคุยกันอย่างจริงจังสักพักจึงทำให้รู้ว่า แม่ค้าหน้าหวานทั้งสองคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดลูกค้าต่างกันไปคนละแบบจริงๆ
        
      
 

       หนุ่มๆ รุมตอมสองแม่ค้าสาวเจ้าเสน่ห์
       เสน่ห์ดึงดูดที่พูดถึงเกิดขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้งที่ร้านขายลูกชิ้นแห่งนี้ ลูกค้าบางรายเพียรมาซื้อวันละไม้สองไม้ คล้ายต้องการสื่อความหมายรักน้อยๆ แต่รักนานๆ บางรายหอบเพื่อนฝูงกลุ่มใหญ่ สั่งเป็นร้อยๆ ไม้มานั่งทานแสดงความใจป้ำ และมีไม่น้อยที่ใช้วิธีกินไปจีบไป หวังใช้คารมชนะใจแม่ค้าหน้าใสที่อยู่ตรงหน้า ทั้งปุ้ยและโบเล่าว่าทั้งสองคนเคยเจอมาหมดแล้วทุกรูปแบบ แต่ที่เด็ดที่สุดเห็นจะเป็นลูกค้าหนุ่มใจกล้ารายหนึ่งที่บุกเข้ามาขอเบอร์โทรศัพท์ของโบถึงในตัวบ้าน
       “มีอยู่วันหนึ่งโบกำลังนั่งเสียบลูกชิ้นอยู่หน้าบ้าน เสร็จแล้วเลยเข้าบ้านว่าจะไปล้างมือ พอเห็นเราลุกปุ๊บ ลูกค้าที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่กับเพื่อนก็เดินตามโบเข้ามาถึงอ่างล้างมือเลย แล้วก็พูดกับเราว่า ขอโทษนะ ขอเบอร์หน่อยได้ไหม ตอนนั้นก็ตกใจอยู่เหมือนกันเลยถามว่าจะเอาไปทำไม เขาบอกว่าขอไว้เผื่อโทรมาสั่งลูกชิ้น เป็นข้ออ้างที่คนมาขอเบอร์ชอบพูด เลยแก้ปัญหาด้วยการให้เบอร์ของร้านไป (หัวเราะ)” โบยิ้มกว้างเผยให้เห็นเหล็กดัดฟันสีสันสดใส
        
       
       ดาราหน้ากล้องอย่างปุ้ยก็ไม่น้อยหน้า ลูกค้าที่แวะเวียนมาที่ร้านมักจะขอถ่ายรูปคู่กับเธอเป็นประจำ บางรายขอแค่ได้กดชัตเตอร์ไว้เป็นที่ระลึก ให้มีแม่ค้าปุ้ยอยู่ในรูปเป็นพอ ส่วนเรื่องหนุ่มๆ ที่เข้ามาจีบก็มีเยอะไม่แพ้น้องสาวเหมือนกัน โดยเฉพาะหนุ่มใหญ่ที่รู้สึกว่าจะถูกตาต้องใจในตัวเธอเป็นพิเศษ
       “ถูกขอถ่ายรูปทุกวันเลยค่ะ คนส่วนใหญ่ชอบมาถ่ายคู่กับเราเพื่อเอาไปอวดเพื่อน ประมาณว่าข้าได้มาแล้วนะ ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญอะไรนะ เพราะเป็นคนบ้ากล้องเหมือนกัน (หัวเราะ) เปล่าหรอกค่ะ ก็คิดว่าคนเขาอุตส่าห์ตั้งใจมา คงอยากถ่ายรูปเราเก็บไว้เป็นที่ระลึก บางครั้งลูกค้ามากันเยอะมาก เราก็ต้องรีบเคลียร์ ไม่อยากให้รอนานแล้วรู้สึกหงุดหงิดกัน พอมีคนมาขอถ่ายรูปก็ต้องบอกเขาไปว่าให้รอแป๊บนึงนะคะ แต่ที่เข้ามาถ่ายเลยก็มีเหมือนกัน บางครั้งกำลังยื่นถุงให้ลูกค้าอยู่ก็ต้องหันไปยิ้ม ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าภาพออกมาแล้วจะเป็นยังไง (ยิ้มเขินๆ)” 
       “ส่วนที่เข้ามาแซวๆ จะมีเยอะค่ะ สูงอายุแล้วก็มี บางคนมาแซวบ่อยมากแถมออกแนวหื่นกามด้วย อันนี้ปุ้ยก็ไม่ไหวเหมือนกัน คุณแม่เขาจะรู้ว่าเราไม่ชอบ จะพยายามคอยกันคอยอยู่ด้วย เคยเจอรายหนึ่งหนักข้อหน่อย แม่ก็อ้างไปว่ารู้จักกับคนใหญ่คนโต ตอนหลังๆ เขาถึงเลิกมาตอแย” ปุ้ยเล่าให้ฟังด้วยสีหน้าปลงๆ 
        
      
 

       กว่าจะเนื้อหอมอย่างทุกวันนี้
       เห็นลูกชิ้นร้านนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีทั้งลูกค้าขาจรขาประจำมาอุดหนุนมากมาย แต่ใครจะรู้บ้างว่ากว่าจะเนื้อหอมอย่างทุกวันนี้ ทั้งลูกชิ้นทั้งคนขายต้องผ่านอุปสรรคมาแล้วหลายระลอก เริ่มจากกิจการที่ล้มลุกคลุกคลานมาจากการขายเครื่องสังฆภัณฑ์แล้วขาดทุนจึงเปลี่ยนมาขายลูกชิ้นแทน โดยตุ๊กตา นันทนี ถาวรขจรศิริ คุณแม่ของปุ้ยและโบเป็นผู้บุกเบิก รับลูกชิ้นจากพี่สาวที่จ.ราชบุรีมาเปิดขายที่แพร่งนรา จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักด้วยการบอกต่อของลูกค้า ปุ้ยและโบเองก็ช่วยคุณแม่เตรียมของเล็กๆ น้อยๆ มาตั้งแต่อยู่ ม.2 และ ป.6 แต่ยังไม่ได้เข้ามาช่วยเต็มตัวเพราะทางบ้านมีพี่ชายคนโตและลูกน้องคอยเป็นลูกมืออยู่แล้ว กระทั่งเกิดจุดหักเหในชีวิตผลักดันให้แม่ค้าหน้าหวานทั้ง 2 คนเข้ามากุมตำแหน่งขวัญใจหน้าร้านไปในที่สุด
        
       
       โบเข้ามาค้าขายอย่างเต็มตัวก่อนพี่สาว เนื่องจากปัญหาเรื่องการเรียนที่เกิดขึ้นก่อนจะได้ขึ้น ม.6 โบเปิดใจว่าความคิดเด็กๆ ในตอนนั้นทำให้ทำหลายสิ่งที่พลาดไป เธอโดดเรียนวิชาพละทุกคาบเพราะคิดว่าเป็นวิชาที่ไม่สำคัญ ทั้งยังหนีเรียนวิชาอื่นๆ เพราะไม่อยากถูกตัดผม ด้วยปัญหาหลายอย่างที่รุมเร้าทำให้ตัดสินใจพักการเรียน 1 ปีเพื่อค้นหาตัวเอง และหันมาช่วยครอบครัวทำมาค้าขายอย่างจริงจัง ถึงตอนนี้โบเลือกเรียนต่อมหาวิทยาลัยในสาขาเทคโนโลยีอาหาร แต่ก็ไม่ทิ้งหน้าที่แม่ค้าขายลูกชิ้นเพราะเห็นว่าการได้สังเกตและเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้าเป็นเรื่องท้าทายดี
         
       
       ปุ้ยเองก็จับพลัดจับผลูมาเป็นแม่ค้าไม่ต่างไปจากน้องสาวเท่าใดนัก เธอเริ่มเรียนมหาวิทยาลัยในสาขาแฟชั่นดีไซน์ แต่ด้วยปัญหาเรื่องเวลาเรียนบวกกับปัญหาหัวใจ จึงตัดสินใจดร็อปไว้และออกมาทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง สมัครเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าแถวสยามบ้าง ลงทุนในกิจการสินค้าขายตรงบ้าง แต่สุดท้ายก็สูญเงินไปเป็นหมื่น จากตอนแรกที่ปุ้ยไม่คิดจะกลับมาช่วยงานที่บ้านเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ยังมองหน้ากันไม่ติด แต่เมื่อคุณพ่อเอ่ยปากชวนเธอจึงคิดทบทวนดูและตอบตกลงในภายหลัง เพราะคิดว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะช่วยสมานรอยร้าวที่เคยมีในครอบครัว 
        
       
       แรกๆ ปุ้ยดูแลแค่เรื่องการเงิน แต่เมื่อพี่ชายคนโตลาบวช เธอจึงเริ่มมาอยู่ดูแลหน้าร้านร่วมกับน้องสาวที่ทำอยู่ก่อนหน้า เมื่อสองสาวผนึกกำลังกัน จึงไม่แปลกที่หน้าตาน่ารักๆ ของทั้งคู่จะดึงดูดกลุ่มลูกค้าผู้ชายให้หันมาสนใจและเข้าร้านมากขึ้นๆ จนกลายเป็นปรากฏการณ์ลูกชิ้นอร่อยลูกสาวสวยอย่างทุกวันนี้
       “จะว่าไปลูกชิ้นร้านเราก็เพิ่งจะมาบูมประมาณ 3-4 เดือนนี้เองค่ะ เป็นช่วงที่พี่ชายไปบวชพอดี ช่วงนั้นหลังเลิกเรียนน้องโบจะกลับมาขายตอนเย็น ให้คุณแม่ขายช่วงเช้า ส่วนปุ้ยอยู่หอเลยมาช่วยขายได้บางวัน แต่ช่วงหลังๆ ตรงกับปิดเทอมพอดี ใครมาซื้อลูกชิ้นก็จะเห็นหน้าเราสองคนพร้อมกันบ้าง ผลัดเวรกันบ้างอยู่บ่อยๆ ก็เลยทำให้จำได้ แต่ถามว่าร้านดังเพราะเราสองคนหรือเปล่า ไม่ใช่หรอกค่ะ ร้านเราเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว แต่แค่พอเรามาขาย คนอาจจะจำได้มากขึ้น เริ่มมาโฟกัสหนูกับน้องมากขึ้น ใช่ไหมคะ” แม่ค้าวัย 22 ทิ้งท้ายด้วยคำถามที่เราอาจไม่จำเป็นต้องตอบ
        
     
  

       เป็นแม่ค้าก็ฝันได้
       ถ้าเอาเวลาขายลูกชิ้นไปตระเวนแคสต์งานอย่างวัยรุ่นทั่วไปนิยมทำกัน เชื่อว่าหน้าตาอินเทรนด์อย่างสองพี่น้องคู่นี้คงถูกเรียกตัวไม่ยากนักถามว่าทำไมไม่หันไปเอาดีด้านวงการบันเทิงเสียเลย แม่ค้าสาวทั้งสองตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าสนใจอยู่เหมือนกัน แต่รู้สึกเสียเวลาชีวิตเกินไป สู้เอาเวลารอเทสต์หน้ากล้องไปทำมาหากินดีกว่า 
       “คิดอยากจะเข้าวงการบ้างเหมือนกันค่ะ แต่เพราะส่วนสูงด้วยมั้งที่ทำให้ฝันเราสลาย ไหนจะเรื่องคนสนับสนุนอีก คิดว่าถ้าไม่รู้จักใครในวงการคงยาก ปุ้ยเคยไปแคสต์เหมือนกัน ทั้งโฆษณา ทั้งหนังเลย ประมาณ 10 กว่างานได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ เลยคิดว่าเสียเวลาเปล่า อยู่บ้านขายของดีกว่าค่ะ” ผู้เป็นพี่เท้าความให้ฟัง “ใช่ค่ะ รู้สึกว่าเราไม่ได้อยากแย่งงานกับคนอื่นขนาดนั้น มีไหมคะงานไหนไม่ต้องแคสต์เยอะแต่ได้ทำเลย ไม่เสียเวลาดีค่ะ (หัวเราะ)” โบ ผู้เป็นน้องหยิกแกมหยอกเสริมท้าย 
        
       
       ถึงจะไม่ชอบการเทสต์หน้ากล้องแต่ความน่ารักระดับนี้มีหรือจะผ่านหูผ่านตาแมวมองไปได้ ในช่วงที่ทำงานเป็นพนักงานขายเสื้อผ้าแถวสยามเคยมีคนเข้ามาชักชวนให้ปุ้ยเข้าร่วมประกวดเพื่อชิงตำแหน่งแอมบาสซาเดอร์ของสินค้ายี่ห้อหนึ่ง ปุ้ยผ่านการคัดเลือกจากผู้ประกวดนับร้อยจนได้เข้ารอบสุดท้าย นอกจากนี้ยังมีคนติดต่อให้เธอแต่งคอสเพลย์นักรบหญิงเป็นต้นแบบในเว็บไซต์เกมส์ออนไลน์ด้วย เนื้อหอมขนาดนี้ถ้าเป็นไปได้อยากทำงานประเภทไหนในวงการบันเทิง ปุ้ยตอบว่าเธอสนใจด้านการแสดงเป็นพิเศษ แต่ถ้าเป็นความฝันระยะยาวแล้ว เธออยากเปิดร้านเสื้อผ้ามากกว่า 
       “เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งค่ะ ถ้าให้ทำงานในวงการ เป็นพิธีกรคงไม่ไหว อยากลองเล่นหนังเล่นละครมากกว่า ตอนนี้ปุ้ยก็เรียนโทฟิล์มด้วย ถ้าได้ทำจะได้เรียนรู้เบื้องหลังไปในตัว แต่ก็ไม่เคยหวังว่าจะทำงานในวงการอะไรขนาดนั้นอยู่แล้วค่ะ ที่ฝันไว้คงอยากทำร้านเสื้อผ้าเป็นของตัวเอง ปุ้ยเป็นคนชอบเทกซ์เจอร์ของผ้า บอกไม่ถูกเหมือนกัน รู้สึกว่าผ้าแต่ละชนิดมันมีเสน่ห์ต่างกันไป ถ้าได้ตัดได้ทำเกี่ยวกับเสื้อผ้าคงมีความสุขดี” แม่ค้าผิวขาวพูดด้วยแววตาสดชื่น
         
       
       ได้ยินพี่สาวพูดถึงเรื่องความฝัน หันกลับมาถามน้องสาวบ้าง โบนิ่งคิดและตอบว่า “อยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตค่ะ” ถึงแม้จะเป็นคำจำกัดความที่ดูกว้างมากแต่ฟังจากน้ำเสียงที่มุ่งมั่นของเธอแล้ว เชื่อได้ว่าสาวน้อยคนนี้คงไม่ได้พูดเล่นแน่นอน อย่างเรื่องกิจการที่บ้านโบคิดไว้คร่าวๆ แล้วว่าอยากขยายสาขาร้านลูกชิ้นให้มากขึ้น จนถึงขั้นเอ็กซ์พอร์ตไปขายที่ร้านอาหารในต่างประเทศกันเลย ส่วนเรื่องวงการบันเทิงนั้น โบเองก็มีความฝันไม่ต่างจากพี่สาวเท่าใดนักคืออยากเป็นนักแสดง โดยให้เหตุผลว่า “เป็นดาราอย่างเดียวก็เหมือนได้ลองทำทุกอย่างในวงการแล้วค่ะ ถ้าบทที่รับเล่นได้เป็นนักร้อง เราก็ได้ร้องเพลง ได้ลองเป็นนักร้อง เป็นนักแสดงอย่างเดียวก็ได้ประสบการณ์เกินคุ้มแล้ว” แม่ค้าสาววัย 20 เปิดใจ
         
       
       ผู้จัดละครรายไหนสนใจ เชิญติดต่อที่ร้านลูกชิ้นหมูแพร่งนราได้เลย นอกจากจะได้ลูกชิ้นกรุบๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านแล้ว ไม่แน่ว่าอาจได้ดาวประดับวงการเป็นแพกคู่กลับไปด้วยในคราวเดียวกัน 
        
       

       ลูกสาวหรือลูกชิ้น
       เมื่อถามว่าจุดขายของร้านคืออะไร “ปุ้ยว่าต้องยกให้ลูกชิ้นนะคะ” แม่ค้าสาวผมยาวตอบทันที ถึงแม้ว่าเธอและน้องสาวจะเข้ามาช่วยคุณแม่ขายจนทำให้กลุ่มลูกค้าช่วงหลังๆ ติดภาพไปแล้วว่า ลูกชิ้นหมูแพร่งนราใช้หน้าตาโปรโมตสินค้า แต่ปุ้ยก็ไม่กังวลเพราะแน่ใจว่าถ้าลูกค้าได้ลองลิ้มรสลูกชิ้นก็จะรู้เองว่า แม่ค้าร้านนี้ขายลูกชิ้นเป็นหลักไม่ใช่หน้าตา
       “ลูกชิ้นเราไม่เหมือนใคร กล้าพูดเลยค่ะ เราควบคุมการผลิตเอง ไม่ใส่สารบอแรกซ์ ไม่ใส่แป้ง ไม่ใส่วัตถุกันเสีย แถมยังไม่เหม็นควันด้วยเพราะย่างบนเตาแก๊สอินฟราเรด การปิ้งก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถึงใครจะเอาลูกชิ้นเราไปปิ้งก็ไม่เหมือนที่เราปิ้งแน่นอนค่ะ คนที่มองว่าขายหน้าตามากกว่าขายลูกชิ้น อยากให้ลองมาชิมเอง ปุ้ยยอมรับนะคะว่าลูกค้าส่วนหนึ่งอาจจะเข้าร้านเพราะคนขาย แต่ที่ติดใจและทำให้เป็นลูกค้าประจำได้ก็เพราะลูกชิ้นนี่แหละค่ะ ส่วนแม่ค้าเป็นอะไรที่เสริมเข้ามามากกว่า” 
       “โบก็รู้สึกดีนะที่มีคนเข้าร้านเพราะเราเป็นแม่ค้า อย่างน้อยเราก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดึงคนเข้าร้านได้ อย่างลูกค้าประจำที่ร้านคนหนึ่ง เขาเล่าให้ฟังตอนสนิทกันแล้วว่า ครั้งแรกที่เจอเขาขับรถผ่าน เห็นโบกำลังยืนปิ้งลูกชิ้นอยู่ เขาเกาะกระจกรถมองเราใหญ่เลยแล้วก็ตั้งปณิธานไว้ว่าจะมากินลูกชิ้นร้านนี้ให้ได้ แต่พอได้กินเขาถึงจะรู้ว่าอร่อยจริง ต้องลองมากินค่ะแล้วจะรู้ว่า ทีเด็ดอยู่ที่ลูกชิ้นไม่ใช่ลูกสาว (หัวเราะ)” สองพี่น้องผลัดกันอธิบาย
        
       
       แล้วลูกค้าแบบไหนที่จะมีหวังได้ใจแม่ค้าไปครอง? เรายิงคำถามที่ลูกค้าหนุ่มหลายคนรอคำตอบอยู่ให้แม่ค้าสาวสวยทั้งสองตอบ “แหม อันนี้ขาดไม่ได้เลยนะ” ปุ้ยกระเซ้าก่อนให้คำตอบว่า “ชอบผู้ชายน่ารักค่ะ ยิ้มเก่งๆ ถ้าดูแลตัวเองหน่อยจะดีมาก จะไม่ชอบคนที่เข้ามาแซวเท่าไหร่มันทำให้เราวางตัวไม่ค่อยถูก ถ้าอยากให้ปุ้ยสนใจคงต้องเข้ามาแบบมีมาดหน่อย เพราะเราชอบผู้ชายมีฟอร์ม ถ้าเข้ามาแบบแซวๆ ก่อนถือว่าสอบตกเลยค่ะ” แม่ค้าสาวเจ้าเสน่ห์เผยสเปกชายหนุ่ม 
       “ส่วนโบไม่ค่อยมีสเป็กเท่าไหร่ค่ะ ขอแค่เอาใจเรามากๆ ก็พอ ถามว่าเข้ามาจีบยังไงถึงจะสนใจเหรอ อาจจะใช้วิธีมาบ่อยๆ มั้งคะ แต่ต้องมาแล้วทำเนียนๆ เหมือนไม่มีอะไรนะ โบไม่ชอบคนที่เข้ามาจีบตรงๆ เหมือนกัน คิดว่าคนที่เราดูไม่ออกว่าตกลงเขาเข้ามาจีบเราหรือเปล่า ดูเป็นคนน่าสนใจดี เหมือนต้องเดากันต่อไป ไม่ใช่เผยไต๋ออกมาหมดตั้งแต่แรก” หนุ่มๆ ทั้งหลายทราบแล้วปฏิบัติ
        

       
       สรุปว่าร้านนี้มีดีทั้งลูกสาวและลูกชิ้น ลูกค้ารายไหนอยากแวะมาชิม ให้ตรงดิ่งมาที่สี่แยกคอกวัว ถ.ตะนาว ผ่านศาลเจ้าพ่อเสือไปนิดเดียวแล้วจะเห็นร้านอยู่ตรงหัวมุม แต่ถ้าจะมาพิชิตใจลูกสาว แนะนำให้ดูตารางเวรเฝ้าร้านให้ดี สืบมาว่าตอนนี้พี่ชายกลับมาคุมร้านทุกวันจันทร์ อังคาร และวันพุธ ถ้าอยากเจอแม่ค้าปุ้ยให้แวะมาวันพฤหัสฯ กับวันศุกร์ ส่วนแม่ค้าโบขายเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น แต่ถ้าอยากเข้าทางผู้ใหญ่ก่อน แวะมาหาคุณแม่ตุ๊กตาได้ทุกวัน ตั้งแต่ 9.00-21.00 น. โทร.081-483-2347 ล้วงความลับมาให้หมดแล้ว ที่เหลือก็ได้แต่ภาวนาขอให้เหล่าลูกค้าโชคดี
       


       
       มุมเล็กๆ หลังเตา
       ลูกชิ้นหมูแพร่งนรามีเฟซบุ๊กแล้ว สามารถเข้าไปกดไลก์กันได้ แต่ถ้าจะแอดแม่ค้าปุ้ยและแม่ค้าโบเป็นเฟรนด์ สองสาวกระซิบมาว่าพวกเธอคัดเฉพาะคนหน้าคุ้นและลูกค้าเจ้าประจำเท่านั้น แต่จะลองแอดก็ได้นะ...เผื่อฟลุ๊ก
        
       

       นอกจากลูกสาวทั้งสองของบ้านจะเป็นขวัญใจลูกค้าหลายรายแล้ว พี่ชายคนโตก็มีกลุ่มแฟนคลับสาวเหมือนกัน ส่วนน้องสาวคนเล็กตอนนี้อายุ 14 ปี คงต้องรออีกหน่อย แล้วมาดูว่าจะเสน่ห์แรงแซงพี่ๆ ขนาดไหน ส่วนคุณแม่ตุ๊กตาไม่ต้องพูดถึง หนุ่มๆ รุมจีบตั้งแต่สมัยขายก๋วยเตี๋ยวย่านเยาวราช ซึ่งคุณพ่อก็คือหนึ่งในลูกค้าที่แวะเวียนไปทานเป็นประจำ อย่างนี้เขาเรียกเสน่ห์ไม่ทิ้งแถว
       
       ระหว่างปุ้ยกับโบ ถามว่าใครฮอตกว่ากัน ปุ้ยขอยกตำแหน่งให้โบเพราะน้องสาวพูดเก่งกว่า ยิ้มเก่งกว่า แต่เธอจะพูดคุยเฉพาะคนคุ้นๆ หน้ากันเท่านั้น สรุปแล้วใครฮอตกว่าใคร คงต้องให้คนที่มีโอกาสแวะไปเป็นคนตัดสินแล้วล่ะ
       


       
       ข้อมูลส่วนตัว
       ชื่อ : ฐิติพร เตชคุปต์สิริ
       
       ชื่อเล่น : ปุ้ย
       
       วันเกิด : 1 มีนาคม 2531
       
       น้ำหนัก : 40 กิโลกรัม
       
       ส่วนสูง : 152 เซนติเมตร
       
       การศึกษา : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ชั้นปีที่ 2 คณะนิเทศศาสตร์
       
       ความสามารถ : เต้น, ร้องเพลงประสานเสียงฝรั่งเศส 
       


       
       ข้อมูลส่วนตัว
       ชื่อ : มัญชุลี เตชคุปต์สิริ
       
       ชื่อเล่น : โบ
       
       วันเกิด : 2 สิงหาคม 2533
       
       น้ำหนัก : 39 กิโลกรัม
       
       ส่วนสูง : 155 เซนติเมตร
       
       การศึกษา : มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ชั้นปีที่ 1 คณะเทคโนโลยีชีวภาพ
       
       ความสนใจ : เทคโนโลยี, รถยนต์, มือถือ
       
        
       รายงานโดย ทีมข่าว M-Lite / ASTV สุดสัปดาห์
       ภาพโดย ธัชกร กิจไชยภณ

       คลิปวีดีโอโดยDuangAestheticII@Youtube.com
         เรียบเรียงโดย Ruengdd.com