ระวัง! ใช้ Wi-Fi ทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ เสี่ยงโดนแฮก

สมัยนี้การทำธุรกรรมการเงินออนไลน์หรือผ่านอินเทอร์เน็ตกำลังเป็นที่นิยมอย่างสูง เนื่องจากสามารถทำได้ง่ายดาย อีกทั้งยังสะดวกรวดเร็ว ได้ทุกที่ทุกเวลา แต่รู้หรือไม่ว่าการทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบออนไลน์ขณะนี้กำลังเสี่ยงอันตรายจากการแฮกข้อมูลของกลุ่มมิจฉาชีพเป็นอย่างยิ่ง


            เกี่ยวกับเรื่องนี้ รายการเจาะข่าวเด่น (5 พฤศจิกายน) จึงได้เชิญ นายปริญญา หอมเอนก ผอ.สถาบันฝึกอบรมความมั่นคงปลอดภัยทางข้อมูลสารสนเทศ (ACIS professional center) มาให้คำแนะนำถึงกรณีดังกล่าว

            โดย นายปริญญา กล่าวว่า การเปิด Wi-Fi ในโทรศัพท์ มิจฉาชีพจะใช้อุปกรณ์ปล่อยสัญญาณ พร้อมกับตั้งชื่อเหมือนกับ Wi-Fi ของสถานที่ดังกล่าว เมื่อผู้ใช้กดรับเพราะเข้าใจว่าเป็น Wi-Fi ของสถานที่นั้น ๆ มิจฉาชีพก็สามารถดูดข้อมูล username และ password ของ Gmail, Hotmail, Facebook, Twitter, Instagram ฯลฯ ได้เลยทีเดียว

ระวัง! ใช้ Wi-Fi ทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ เสี่ยงโดนแฮ็ค

            ทั้งนี้ นายปริญญา ได้แนะนำสำหรับการทำธุรกรรมการเงินออนไลน์อย่างปลอดภัย ว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกมิจฉาชีพแฮกข้อมูลจากคอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ค และสมาร์ทโฟน เวลาที่เข้าหน้าหลักเพื่อใส่ username และ password นั้น ก่อนที่จะกรอกข้อมูลให้สังเกตโดเมนข้างหน้าสุด จะขึ้นว่า https:// (s ย่อมาจาก secure) แต่หากถูกอุปกรณ์ปล่อยสัญญาณจากมิจฉาชีพ โดเมนข้างหน้าจะขึ้น http:// (ไม่มี s) ซึ่งสมาร์ทโฟนจะต้องระวังเป็นพิเศษเนื่องจากหน้าจอเล็กกว่า ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยควรกดเลื่อนไปดูโดเมนให้ครบถ้วนก่อนที่จะกรอกรหัสต่าง ๆ

            นอกจากนี้ นายปริญญา กล่าวต่อไปว่า สำหรับวิธีป้องกันอีกอย่างหนึ่งคือ โหลดโปรแกรม SSL STRIP Guard ซึ่งตนเป็นคนเขียนเองสามารถดาวน์โหลดได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยเมื่อเข้าไปแล้วจะมีคำว่า Check now ซึ่งระบบก็จะเช็กสมาร์ทโฟนให้ว่าเครื่องถูกแฮกอยู่หรือไม่ โดยจะมีคำว่า Pass และ Warning

ระวัง! ใช้ Wi-Fi ทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ เสี่ยงโดนแฮ็ค

            นายปริญญา กล่าวเตือนผู้ใช้สมาร์ทโฟนด้วยว่า อย่ากดรับ Socialcam ที่เพื่อนส่งมาให้เราในข้อความเด็ดขาด เพราะมันจะโหลด Trojan โดยอัตโนมัติ และมันจะส่ง SMS โดยที่เราไม่ได้อนุญาต ซึ่งเสีย SMS ละ 3 บาท และส่งไปในเพื่อนทุกคนที่เราบันทึกเบอร์เอาไว้ ซึ่งกรณีนี้ส่วนใหญ่จะเกิดกับเครื่อง iPhone ที่ทำ Jailbreak และ Android ซึ่งแฮกเกอร์จะนำข้อมูลความลับเหล่านี้ไปขายต่อ ถ้าเป็น username และ password ของธนาคาร มันจะเข้าไปเปลี่ยนรหัสผ่านและโอนเงิน ซึ่งผู้เสียหายบางรายสูญเงินกว่า 8 แสนบาทเลยทีเดียว โดยแฮกเกอร์เหล่านี้เป็นพวกรัสเซียที่อยู่แถวพัทยา และสุดท้ายนี้ขอเตือนด้วยว่า ผู้ใช้ควรปิด location service มิฉะนั้น มันจะรู้ความเคลื่อนไหวของผู้ใช้โดยตลอด