ยลโฉมฮอนด้าซีวิค(HONDA CIVIC)2012โฉมใหม่ไฉไลกว่าเดิม
หลังจากที่ฮอนด้าเปิดตัว นิว ฮอนด้า รุ่นซีวิค โมเดล 2012 ในเวอร์ชั่นยุโรป ให้เรายลโฉมกันพอหอมปากหอมคอกันแล้ว หลายคนก็คอยลุ้นว่า ซีวิค โมเดล 2012 ในเวอร์ชั่นเอเชีย ทางฮอนด้าจะเนรมิตออกมาอย่างไร ซึ่งหลังเปิดตัวโมเดลไปในงาน "ดีทรอยด์ มอเตอร์โชว์ 2011" ได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น เจ้าซีวิค รุ่นใหม่ล่าสุดก็เผยตัวจริงให้เราได้ยลโฉมกับแบบจะ ๆ พร้อมส่งโชว์รูมวางจำหน่ายแล้วในยุโรป อเมริกา รวมถึงตะวันออกกลาง
ด้วยการดีไซน์ใหม่เกือบทั้งหมด ทำให้รูปโฉมของ Honda Civic 2012 ดูจะแปลกตาจากรุ่นปัจจุบันไปไม่น้อย แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของ Honda Civic แผงคอนโซลถูกออกแบบให้โค้งรับกับคนขับเหมือน ส่วนกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ให้สวยโฉบเฉี่ยว ส่วนไฟท้ายจะเหมือนกับ Honda Accord ซึ่งติดชุดไฟท้ายยื่นเข้ามาในกระโปรงหลัง และล้อแม็กคล้ายกับ Honda Civic FD ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน
ทั้งนี้เครื่องยนต์ภายในของ Honda Civic 2012 ยังคงเป็น R18 เหมือนเดิม แต่จะเน้นความพิเศษของระบบ Eco Assist ที่จะวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการขับขี่และส่งฟีดแบ็คไปให้ผู้ขับเพื่อการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานที่จะมาเหมือนกันทุกรุ่น คือ ชุดล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว เบาะผ้า เครื่องเล่น CD/MP3 Stereo พร้อมช่อง USB ระบบ Keyless Entry กระจกหน้าต่างและกระจกมองข้างไฟฟ้า สำหรับรุ่นที่ใหญ่ขึ้นมาอีก จะใช้พวงมาลัยพร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงแบบ Cruise Control อีกทั้งมีซันรูฟเป็นอ็อพชั่นเสริมให้สวยสะดุดตามากขึ้น ส่วนรุ่นท็อป จะมีทุกอย่างตามที่ได้บอกไว้ข้างต้น แต่จะมีเบาะที่หุ้มด้วยหนังแท้ดูสวยหรูหรา พร้อมทั้งระบบความปลอดภัยจะมีถุงลมนิรภัยคู่ด้านหน้าและด้านข้าง ระบบ ABS และมีระบบความคุมการทรงตัวเป็นอ็อพชั่น
ทั้งนี้รุ่นของ Honda Civic 2012 จะมีหลายรุ่นด้วยกันดังต่อไปนี้ ...
- ซีวิครุ่นปกติ
- ซีวิครุ่น HF หรือรุ่นประหยัดน้ำมัน ซึ่ง HF ย่อมาจาก High fuel-Efficient
- ซีวิครุ่น GX หรือ CNG เป็นซีวิคที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ
- ซีวิครุ่นไฮบริด
- ซีวิคตัวแรงเร้าใจในตระกูล Si
สำหรับรุ่นปกติ รุ่น HF และ รุ่น GX
ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1,800 ซีซี ในรหัส R18 เหมือนกับ FA/FD แต่มีการปรับสเป็กให้สอดคล้องกับบุคลิกของตัวรถ โดยเครื่องยนต์บล็อกนี้เป็นแบบแคมเดี่ยว SOHC พร้อม i-VTEC และชุดเพลาลูกเบี้ยวคุมวาล์วไอดีแบบ 2 สเตจ
รุ่นไฮบริด
ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี IMA-Integrated Motor Assist เป็นการจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 1,500 ซีซีบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT ในการส่งกำลัง
รหัส Si
เป็นรุ่นที่มีดีกรีเทียบเท่ากับ Type R แต่เปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์จากเดิมในรหัส K20A มาเป็น K24A แทน โดยเป็นบล็อก 4 สูบ 2,400 ซีซี และส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
รายละเอียดเครื่องยนต์
- ซีวิครุ่นปกติ กำลังสูงสุด 140 แรงม้าที่ 6,300 รอบ/นาที, แรงบิดสูงสุด 17.7 กก.-ม. ที่ 4,300 รอบ/นาที, อัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 11.3/14.6/12.6 กิโลเมตร/ลิตร
- ซีวิครุ่น HF กำลังสูงสุด 140 แรงม้าที่ 6,300 รอบ/นาที, แรงบิดสูงสุด 17.7 กก.-ม. ที่ 4,300 รอบ/นาที, อัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 11.7/16.6/13.4 กิโลเมตร/ลิตร
- ซีวิครุ่น GX กำลังสูงสุด 110 แรงม้าที่ 6,300 รอบ/นาที, แรงบิดสูงสุด 14.6 กก.-ม. ที่ 4,200 รอบ/นาที
- ซีวิครุ่นไฮบริด กำลังสูงสุด 110 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที, แรงบิดสูงสุด 17.5 กก.-ม. ที่ 1,000-3,500 รอบ/นาทีใช้เกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง
- ซีวิคตระกูล Si กำลังสูงสุด 201 แรงม้าที่ 7,000 รอบ/นาที, แรงบิดสูงสุด 23.4 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
ส่วนตัวถังมี 2 รุ่น ด้วยกันทั้งตัวถังแบบซีดาน มาพร้อมกับความยาว 4,503 มิลลิเมตร กว้าง 1,750 มิลลิเมตร สูง 1,435 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร และรุ่นคูเป้ มีความยาว 4,457 มิลลิเมตร กว้างเท่ากัน แต่ความสูงลดลงมาอยู่ที่ 1,400 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,630 มิลลิเมตร โดยระบบกันสะเทือนหน้า-หลังเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท และมัลติลิงก์เหมือนกันทั้งสองรุ่น
สำหรับ ซีวิค ตัวใหม่ทั้ง 5 รุ่นนั้น จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ แถมทางบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ยังบอกกล่าวให้ทราบด้วยว่า ราคาของซีวิครุ่นใหม่ จะใกล้เคียงกับรุ่นปัจจุบันหรือเพิ่มขึ้นในบางรุ่น แต่ไม่เกิน 20,000 บาทแน่นอน
ประเดิมขาย 5 รุ่น เคาะราคา 773,000 บาท ปรับเพิ่มสูงสุดเพียง 19,000บาท
คลิป เปิดตัว นิว ฮอนด้า รุ่นซีวิค โมเดล 2012
ฮอนด้า ซีวิค รถยนต์ที่ผลิตและพัฒนาโดยบริษัทฮอนด้า ซีวิคเริ่มต้นในประเทศญี่ปุ่นเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2516 เป็นรถสองประตูขนาดเล็ก โดยมีความจุเครื่องยนต์ 1169 ซีซี และ 1238 ซีซี โดยในปัจจุบันมีการปรับปรุงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งเครื่องยนต์และความกว้างในห้องผู้โดยสาร (ซีวิครุ่นปัจจุบันที่มีขายในเมืองไทยเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร) นอกจากนี้ซีวิคได้ถูกจัดเป็นรถคุณภาพค่อนข้างดีเนื่องจาก ลักษณะรูปร่างภายนอก และ ความเชื่อถือได้ของระบบเครื่องยนต์และช่วงล่างพอสมควร
รุ่นที่ 1 (รุ่นปี พ.ศ. )
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้นถึง 7 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2516 - พ.ศ. 2522 รุ่นบุกเบิกมีแรงม้าเพียง 50 แรงม้า และมีความยาว 139.8 นิ้ว หรือ 3.55 เมตร แต่ได้ค่อยๆ พัฒนาขึ้น โดยรุ่นสุดท้ายของโฉมนี้มีแรงม้า 60 แรงม้า และยาว 146.9 นิ้ว หรือ 3.73 เมตร
โฉมนี้ เป็นรุ่นที่อยู่ในยุคที่ระบบเกียร์ยังไม่เน้นการประหยัดน้ำมัน และเทคโนโลยีด้านรถยนต์ยังใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ไม่ประหยัดเท่าใดนัก รถโฉมนี้ที่ออกวางจำหน่ายในขณะนั้น จะมีระบบเกียร์อยู่ 3 แบบให้เลือกซื้อ คือ เกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด, เกียร์ธรรมดา 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด แต่จะผลิตเกียร์ธรรมดา 4 สปีด เป็นมาตรฐาน เพราะเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ยังมีราคาสูง ส่วนเกียร์อัตโนมัติจะกินน้ำมันมาก ทำให้ไม่เป็นที่นิยม
มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 ขนาด คือขนาด 1.2 กับ 1.5 ลิตร
มีตัวถัง 5 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 5 ประตู
[แก้]รุ่นที่ 2 (รุ่นปี พ.ศ. )
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2523 - พ.ศ. 2526 โดยทั้ง 4 รุ่นปี มีความยาวคงที่คือ 146.9 นิ้ว หรือ 3.73 เมตร แรงม้า 55 กับ 67 แรงม้า แล้วแต่รุ่นเครื่องยนต์ คือขนาด 1.3 กับ 1.5 ลิตร ตามลำดับ
โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือ hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 5 ประตู (ซีวิครุ่นนี้ขายในบางประเทศในชื่อ ฮอนด้า บอลเลด (Honda Ballade) ซึ่งต่อมา บอลเลด ก็ได้แยกตัวเป็นรุ่นอิสระไป)
โฉมนี้ มีระบบเกียร์ให้เลือกซื้อ 4 ระบบ คือ เกียร์อัตโนมัติ 2 กับ 3 สปีด และเกียร์ธรรมดา 4 กับ 5 สปีด (เกียร์อัตโนมัติถูกพัฒนาขึ้นจากเดิม)
แต่โฉมนี้ ก็เป็นโฉมสุดท้ายที่ซิวิคผลิตรถเกียร์อัตโนมัติแบบ 2 ระดับเกียร์ขาย และโฉมถัดจากนี้ไปจะไม่มีอีก
[แก้]รุ่นที่ 3 (รุ่นปี พ.ศ. )
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2527 - พ.ศ. 2530 โดยทั้ง 4 รุ่นปี มีความยาว 150 นิ้ว หรือ 3.81 เมตร สูง 1.35 เมตร กว้าง 1.62 เมตร
มีตัวถัง 4 แบบ คือ hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, คูเป้ 3 ประตู และ station wagon 5 ประตู มีเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ 1.5 ลิตร
มี 2 ระบบเกียร์ คือเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด (ไม่มีระบบเกียร์ธรรมดา 4 สปีด กับเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด)
และโฉมนี้ เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติแบบ 3 ระดับเกียร์ด้วย
[แก้]รุ่นที่ 4 (รุ่นปี พ.ศ. )
โฉมนี้ ผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2531 - พ.ศ. 2534 โฉมนี้ มีการผลิตตัวถัง 4 รูปแบบ คือ hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู , คูเป้ 3 ประตู และ station wagon 5 ประตู
โฉมนี้ มีระบบเกียร์ให้เลือกถึง 4 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เครื่องยนต์ 4 ขนาด คือ 1.3, 1.4, 1.5 และ 1.6 ลิตร
โฉมนี้ พ่อค้ารถในไทยนิยมเรียกว่า "โฉมไฟท้าย 2 ชั้น" เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์ธรรมดา 4 สปีด
นับเป็นโฉมที่มีความหลากหลาย และเครื่องยนต์ที่ทนทาน ปัจจุบันนี้ ก็ยังสามารถเห็นรถซีวิคโฉมไฟท้าย 2 ชั้นนี้ บนท้องถนนได้ แม้จะเลิกผลิตไปถึง 20 ปีแล้ว
[แก้]รุ่นที่ 5 (รุ่นปี พ.ศ. )
โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 4 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2535 - พ.ศ. 2538 มีตัวถัง 3 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู และแบบซีดาน 4 ประตู
มีระบบเกียร์ 2 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ 1.5 กับ 1.6 ลิตร พ่อค้ารถในไทย นิยมเรียกโฉมนี้ว่า "โฉมเตารีด"
โฉมนี้ เป็นโฉมที่รูปลักษณ์ภายนอกของซีวิคเริ่มเปลี่ยนไป เพราะ 4 โฉมแรก ภายนอกจะมีลักษณะตรง แล้วหักเป็นมุมๆ ทำให้มีลักษณะเป็นรูปทรงเหลี่ยมๆ แต่โฉมนี้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นความโค้งมน และโฉมจากนี้ จะเพิ่มความโค้งมนมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงโฉมล่าสุด ที่มีความโค้งมนมาก
ในประเทศไทย นอกจากการขายตัวถังแบบ 4 ประตูแล้ว ยังมีการขายตัวถังแบบ 3 ประตูด้วย
นอกจากนี้ ในประเทศไทย ช่วงกลางๆ ของโฉมนี้ ซีวิคเริ่มเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์แบบหัวฉีด แทนระบบคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งสังเกตได้จากอักษรทริมที่อยู่ท้ายรถ จะมีตัวไอเล็กภาษาอังกฤษ (i) ต่อท้าย (เป็นทริมแบบ LXi, EXi, ฯลฯ) แต่ถ้าไม่มี i ต่อท้าย (LX, EX, ฯลฯ) แปลว่า ซีวิคคันนั้นยังใช้เครื่องคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งรถที่ใช้ระบบหัวฉีด จะใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่า และนอกจากนี้ เครื่องหัวฉีด สามารถเติมน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ (แก๊สโซฮอล์ E10) ได้ ซึ่งยิ่งช่วยผู้ใช้ประหยัดมากขึ้นไปอีก ในขณะที่เครื่องแบบคาร์บูเรเตอร์ ไม่เหมาะสมที่จะใช้แก๊สโซฮอล์
[แก้]รุ่นที่ 6 (รุ่นปี พ.ศ. )
โฉมนี้ มีตัวถัง 5 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู, hatchback 3 ประตู, ซีดาน 4 ประตู, hatchback 5 ประตู และ station wagon 4 ประตู มีขนาดเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ 1.6 ลิตร
ระบบเกียร์ 2 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด โฉมนี้พ่อค้ารถในประเทศไทยนิยมเรียกว่า "โฉมตาโต" ซึ่งโฉมนี้ เครื่องยนต์ระบบคาร์บูเรเตอร์ค่อยๆ หายไป และในที่สุด ฮอนด้าก็เลิกผลิตรถยนต์นั่งแบบคาร์บูเรเตอร์อย่างสมบูรณ์ และรถยนต์นั่งฮอนด้าทุกคันที่ผลิตเป็นรุ่นปี พ.ศ. 2539 เป็นต้นไป เติมแก๊สโซฮอล์ได้ทุกคัน
[แก้]รุ่นที่ 7 (รุ่นปี พ.ศ. )
โฉมนี้ มีการผลิตมาทั้งสิ้น 5 รุ่นปี ตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2548 โฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู , hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู และ hatchback 5 ประตู
และเพิ่มความหลากหลายของขนาดลูกสูบ โดยมี 3 ขนาด คือ 1.5, 1.7 และ 2.0 ลิตร และโฉมนี้ มีระบบเกียร์ 3 ระบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
โฉมนี้ เป็นโฉมแรก ที่ฮอนด้าได้ทำระบบไฮบริดมาติดกับรถซีวิค เป็นรุ่นพิเศษ แต่ไม่มีการนำเข้ามาขายโดยตรงในประเทศไทย
โฉมนี้เป็นโฉมสุดท้ายที่มีการผลิตเกียร์อัตโนมัติแบบ 4 สปีด พ่อค้ารถเรียกซีวิคโฉมนี้ว่า "โฉม Dimension" ตามชื่อที่ใช้ในภาพยนตร์โฆษณาเมื่อปี 2543 โดยใช้สโลแกนว่า มุมมองใหม่แห่งยนตรกรรมเหนือระดับ
[แก้]รุ่นที่ 8 (รุ่นปี พ.ศ. )
โฉมนี้ เป็นโฉมล่าสุด เริ่มผลิตตั้งแต่รุ่นปี พ.ศ. 2548 จนถึงรุ่นปีล่าสุดของฮอนด้าซิวิคที่ฮอนด้ายังผลิตอยู่ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นโฉมนี้ มีตัวถัง 4 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู , hatchback 3 ประตู , ซีดาน 4 ประตู และ station wagon 5 ประตู โดยในประเทศไทยนั้นทางฮอนด้าจะจำหน่ายเฉพาะแบบซีดาน 4 ประตู
โฉมนี้ มีระบบเกียร์ 3 แบบ คือเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ 1.5, 1.7 และ 2.0 ลิตร แต่ในประเทศไทยมีการจำหน่ายเฉพาะรุ่น 1.8 และ 2.0 ลิตร
และจนถึงรุ่นปี พ.ศ. 2551 ก็ได้มีการพัฒนาเครื่องยนต์ชนิดใหม่ในรถซีวิค ให้สามารถใช้พลังงานทดแทนพิเศษ แก๊สโซฮอล์ E20 ได้ ซึ่งแก๊สโซฮอล์ใหม่นี้ สามารถลดมลพิษในอากาศได้มากกว่าแก๊สโซฮอล์ทั่วไป
ฮอนด้า ซีวิค โฉมที่ 8 นี้ ได้รับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Thailand Car of the Year 2009) ในประเภทรถยนต์นั่ง ในรุ่นไม่เกิน 2,000 ซีซี (Best Sedan under 2,000 cc.)
ซีวิครุ่นนี้ในประเทศไทย ถูกยุติสายการผลิตในวันที่ 5 ตุลาคม 2554 และก่อนที่จะเลิกผลิตได้มีรุ่นพิเศษในชื่อว่า Civic Sport Pearl เป็นรุ่นพิเศษรุ่นสุดท้าย ก่อนโรงงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะถูกน้ำท่วมไม่กี่สัปดาห์ ทำให้ผลิตและจำหน่ายให้ลูกค้าออกมาไม่ครบตามจำนวนที่ตั้งใจไว้
[แก้]รุ่นที่ 9 (รุ่นปี พ.ศ. 2554-ปัจจุบัน)
โฉมนี้ ปัจจุบันกำลังอยู่ในการเตรียมตัวเพื่อเข้าแทนที่โฉมที่ 8 ในหลายประเทศ ซึ่งเดิมทีนั้น ทางฮอนด้าวางแผนจะเปิดตัวตามประเทศต่างๆ ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2554 แต่ด้วยวิกฤตแผ่นดินไหวและสึนามิในประเทศญี่ปุ่น ทำให้โรงงานผลิตชิ้นส่วนได้รับความเสียหาย จึงต้องเลื่อนไปก่อน
โฉมนี้ มีตัวถัง 2 แบบ คือแบบคูเป้ 2 ประตู และ ซีดาน 4 ประตู โดยในประเทศไทยนั้นทางฮอนด้าจะจำหน่ายเฉพาะแบบซีดาน 4 ประตู
สำหรับประเทศไทย เลื่อนการเปิดตัวออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากเดิมจะทำการเปิดตัวต่อสาธารณะชนใน งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 28 (Thailand International Motor Expo 2011) เนื่องจากมหาอุทกภัยในประเทศไทย 2554
จนถึงเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2555 ฮอนด้า ซีวิค โฉมนี้ ก็ได้เปิดตัวที่ Royal Paragon Halls
แต่อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการทำตลาดซีวิคโฉมนี้ในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากยอดขายของซีวิครุ่นที่ 8 ตกต่ำลงอย่างมากในช่วงปลายอายุตลาดมาก รวมทั้งเวอร์ชั่นไฮบริดด้วยเช่นกัน
Credit : กระปุกดอทคอม,th.wikipedia.org,Youtube.com
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก honda.ca
เรียบเรียงข้อมูลโดยruengdd.com,เรื่องดีดี.com
Post a Comment